ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟีมัส ฟีเลซัค

    ลำดับตอนที่ #8 : การพบกันของ 6 เผ่าใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 49



    ท่ามกลางความมืดมิดฟีมัสลุกขึ้นมามองบรรยากาศรอบๆ ตัวหุบเขาที่สวยงามตอนนี้กลายเป็นมีเสาหินนับร้อยพุ่งเสียดฟ้าขึ้นมามา เขาได้แต่มองด้วยแววตาเศร้าสร้อยก่อนที่จะกลับมายังพระราชวังเอดาเฟียซึ่งตอนนี้ทุกคนก็เริ่มฟื้นขึ้นมาแล้ว

    ฟีมัสเป็นอะไรไหมคูสลินร้องถามฟีมัสทันทีเมื่อเห็นฟีมัสกลับมาที่เอดาเฟียขณะที่ทั้งหมดเริ่มฟื้นจากการสลบเนื่องจากฟาริล

                    อืมฟีมัสตอบเรียบๆ เพราะกำลังใช้ความคิดกับคำพูดของฟาริล

                    ดูท่าท่านจะไม่ค่อยสบายดีเลยนะท่านฟีมัสจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคหนึ่งดังขึ้นมาทำให้ทุกคนต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ

                    หญิงสาวผมทองในชุดเกราะตามข้อต่อของชุดเกราะและปลายหมวกประดับด้วยอัญมณีสีเขียวเป็นที่สุดตาพร้อมกับหอกแหลมคมสลักด้วยลายทองยาวกว่าสองเมตร เธอกำลังยิ้มให้ฟีมัสแต่พอฟีมัสเห็นหน้าของเธอก็ถึงกับตาค้าง

                    ท่านบริสจิสฟีมัสแทบจะร้องจ๊ากทันทีตอนนี้คำพูดของฟาริลได้หายไปหมดสิ้น แต่คำถามที่มาแทนคือเธอมาได้ไง???

                    ท่านคาร์รัน ต้องการเปิดประชุม 6 เผ่าใหญ่ด่วนที่หุบเขาเกลียวคลื่นหวังท่านคงจะไปนะบริสจิสบอกกับฟีมัสพร้อมยังส่งยิ้มมาทางเขาอย่างเคย

                    แต่ผมไม่มีตำแหน่งอะไรแล้วนะครับ เมืองของผมก็ให้เลนูนปกครองไปแล้วนะครับฟีมัสยังคงบอกกับเธอซึ่งเธอไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยเพราะรู้ว่าใครจะให้คำตอบ

                    ข้าช่วยได้นะ ถึงเจ้าจะบุกเข้ามาในวังข้าแต่เจ้าก็ช่วยพวกข้าเอาไว้เคนเดียเอ่ยขึ้นทำให้บริสจิสยิ้มขึ้นมาอีกที

                    ตกลงจะไปไหมเธอถามฟีมัสทั้งๆ ที่รู้ว่าคำตอบคืออะไร

                    ครับผมจะไปฟีมัสรับคำซึ่งเธอกับพยักหน้ารับ

                    ฉันคงต้องไปแจ้งข่าวการประชุมให้เผ่าอื่นก่อนไปละนะฟีมัสเธอยิ้มให้ฟีมัสป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับรองเท้าเธอจู่ๆ ก็มีปีกโพล่ขึ้นมาและมันก็ขยับเพื่อให้เธอลอยขึ้น ลอยขึ้น และเธอก็หันมาบอกมือให้กับทุกคนแล้วพุ่งหายไปในท้องฟ้า

                    เผ่าเอลฟ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้วหรอเนี่ยฟีมัสพออย่างเหม่อลอย

                    เอลฟ์หรอบลาสถามอย่างตกตะลึง

                    ใช่ยัยนั่นนะ 1ใน12 แม่ทัพใหญ่ของเผ่าเอลฟ์ บริสจิสแห่ง 12 วาลคีรีฟีมัสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่างจากทุกคนที่กำลังตกตะลึง

                    ห๊า 12 วาลคีรีทั้งหมดตะโกนออกมาพร้อมๆ กันทำให้ฟีมัสหูอื้อทันที-*-

                    ไปเถอะการถ้ามาแจ้งแบบนี้การประชุมจะเริ่มอีกหนึ่งเดือนแล้วเราต้องออกเดินทางตอนนี้เลยหุบเขาเกลียวคลื่นไม่ใช่ใกล้นะมันอยู่ที่ทะเลอาถรรพ์เลยน้าไปได้แล้วเร็วฟีมัสร้องบอกทุกคนทำเอาทุกคนหน้าเสียไปเหมือนกันเพราะทะเลยต้องห้ามเป็นที่ที่มีสัตว์ประหลาดเยอะไปหมดแทบที่นั่นเป็นที่ปิดผนึกเวทมนต์บางชนิดรวมถึงเวทเคลื่อนย้ายด้วย แต่ศูนย์กลางมันไมได้ เกิดที่ทะเลแต่เกิดที่หุบเขาใกล้ทะเลยและอณาเขตปิดกั้นก็กว้างถึง หนึ่งร้อยห้าสิบตารางกิโลเมตรซึ่งมันกว้างสุดๆ

     

                                                          ................................................................

     

                    เผ่าเอลฟ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเสียงของมารีนดังขึ้นขณะกำลังเล่นหมากรุกก้เบื่อกับคาเรียโดยที่มีอัลฟ่ากับเวนอลนั่งเล่นกันอยู่อีกคู่

                    “6 เผ่าใหญ่จะกลับมาเป็นพันธมิตรแบบก่อนหรอฉันว่ายากนา ตั้งแต่จบสงครามมนุษย์ก็เริ่มล่าออคเป็นว่าเล่นจนออคต้องหลบไปซ่อนตัวกลางป่าเพื่อไม่ต้องการเจอมนุษย์แถมมังกรกับมิโนทอร์ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ มีแต่พวกยักษ์กับเอลฟ์นี่แหละที่เก็บตัวเงียบ ส่วนยักษ์ไม่ต้องสงสัยเลยพวกนั้นกำลังรู้สึกผิดกับตอนโดนปีศาจชักนำจนเกือบสูญส้นเผ่าพันธุ์ ตอนนี้ยักษ์ก็เหลือแค่ ไซครอบ รียาร์ด อาร์คัลลู แค่3เผ่าย่อยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมีตั้ง 24 เผ่าย่อยอัลฟ่าที่นั่งเล่นหมารุกกับเวลนอลอยู่อีกคู่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นเพราะดูท่าการประชุมจะล้มเหลว

                    ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะคาเรียพูดอย่างเห็นด้วย

                    ไม่มีทางเวนอลกับมารีนพูดออกมาพร้อมกับ

                    ทำไมล่ะ???”อัลฟ่าถามอย่างแปลกใจ

                    ให้มารีนอธิบายเองดีกว่าเวนอลยกหน้าที่ให้มารีนทันทีและเธอก็ทำท่างงๆ ก่อนจะเล่า

                    เอาละเริ่มที่ออคก่อนละกัน ถึงออคจะไม่ชอบมนุษย์แต่พวกนี้นะเชื่อฟังเอลฟ์จะตายไปดังนั้นออคหมดห่วงแน่นอน ส่วนมังกร อ่า......ใช่เผ่าพันธุ์ที่คิดว่าแกร่งที่สุดพวกนี้ไม่ต้องห่วงหรอกที่พวกนี้ทะเลาะกับพวกวัวอสูรมิโนทอร์นะมันก็แค่ต่อปากต่อคำกันเล่นๆ แก้เบื่อเท่านั้นแหละสองเผ่านี้นะพัธมิตรกันดีเยี่ยม มาถึงยักษ์ ทั้งไซครอบ อารคัลลู รียาร์ด สามเผ่าย่อยนี้นะเป็นเผ่าย่อยที่ฉลาดที่สุดแล้วในเผ่ายักษ์ยังไงก็มายิ่งรู้ว่าเป็นการประชุม 6 เผ่าใหญ่มาชัวร์ แต่ติดตรงมนุษย์นี่แหละตอนนี้พวกมนุษย์แตกแยกกันขนาดนี้กว่าจะรวบรวมแผ่นดินกลับมาอีกครั้งก็ยากน่าดู......แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะยัยวาลคีรีนั่นไปแจ้งให้ฟีมัสนี่หมอนั่นนะมีการประชุมแบบนี้ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่ติดตรงปัญหาสงครามนี่แหละ มากันแบบนี้ก็ต้องยกทัพของตัวเองมาด้วยถ้าขัดแย้งกันเดียวจะเกิดสงครามกลางหุบเขาเกลียวคลื่นมันจะยุ่งใช่เล่นมารีนอธิบายให้ทุกคนฟังทำให้ทุกคนร้องอ้อทันทีเพราะความสามารถการวิเคราะห์นอกจากฟีมัสแล้วก็มีแค่มารีนนี่แหละ

                    เข้าใจแล้วอัลฟ่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ

                    ตอนนี้พวกเราก็ได้แต่นั่งดูสินะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงไปนั่งอยู่ข้างๆ เจ้าฟีมัสแล้วทั้งเวนอลกับคาเรียเอ่ยอย่างปลงตกเพราะตอนนี้เขากลายเป็นเทพไปแล้ว

                    แต่ยังไงเราก็มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ฟีมัสฝากเอาไว้นี่มารีนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากเคย

                    อ่า.....ใช่ลืมไปได้ยังไงกันนะเวนอลก็ทำท่าเหมือนนึกออกก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะประสานกันไปอย่างมีความสุข

     

                                                      .................................................................

     

                    เฮอะ ทะเลอาถรรพ์ฟังดูไปง่ายดีนี่เฟดีมาบ่นอย่างประสาทเสียเพราะพอรู้ว่าฟีมัสให้ไปที่ไหน และเคนเดียวก็ตกลงด้วยว่าจะไปส่วนเฟดีมาก็มีตำแหน่ง 5 ขุนพลปีศาจเลยต้องติดตามเคนเดียไปด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่ ส่วนพวก เดลโลออน เดียบาส บาร์คิ คาร์ดิสได้กลับไปแล้วโดยบอกว่าจะไปสมัครคนในตระกูลวีเดลที่เหลือให้ตามาด้วยแล้วบอกว่าจะมาสมทบทีหลัง

                    แหมท่านเฟดีมาเที่ยวนะครับเที่ยวคูสลินหยอกเฟดีมาเบาๆ ทำให้เฟดีมาหันมามองตาเขียว

                    เชิญพี่คนเดียวเถอะบลาสพูดด้วยท่าทางเหม่อลอย

                    เอาเถะรีบไปกันได้แล้วเคนดียสั่งให้ออกเดินทางทันทีตอนแรกเคนเดียก่ะจะไม่เอากองติดไปด้วย แต่ด้วยที่ฟีมัสบอกเอาไว้ว่าควรจะเอาไปด้วยแต่ก็ไม่อยากเอาไปมากเลยเอาไปแค่หนึ่งพันห้าร้อยคนทั้งๆ ที่ฟีมัสบอกให้เคนเดียเอาไปสักห้าพันแต่ก็เคนเดียก็หัวแข็งไม่ฟังเลยต้องให้เคนเดียยอมๆ ไป และภาระสุดท้ายก็ตกต้องมาที่โคเซียที่เพิ่งตื่นขึ้นมาทำให้กระโดดแทบบ้าเพราะเคนเดียให้เขาไปดูแลที่เอดาเฟียเพราะมันเป็นเมืองหลวงของภาคกลางทำให้ขาดผู้ดูแลไม่ได้(ที่เคนเดียไม่มีบทในการต่อสู้กับฟาริลเลยเพราะสลบไปตอนโดนไอพลังของฟาริลสลบไปแต่แรก)

                    มีใครเห็นโครเซ่บ้างไหมฟีมัสหันมาถามทุกคนและทุกคนก็สั่นหัวทันทีเพราะกำลังจะออกเดินทางแล้วทำไมหายไปไหน

                    เมื่อวานตอนยายวาลคีรีนั่นมายังอยู่อยู่เลยคูสลินเสริมหลังจากตามหาโครเซ่ไม่เจอเลยต้องปล่อยไว้และเดินทางไปยังป่าต้องห้ามที่อยู่รอบๆ หุบเขาเกลียวคลื่น

                    การเดินทางตอนแรกออกมาอย่างไร้อุปสรรคแต่พอเดินทางมาได้สักพักก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัวเพราะทหารรู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนภาระเลยต้องมาตกอยู่ที่ฟีมัสที่เป็นคนต้นคิด แต่ด้วยทหารที่มาถึงหนึ่งพันคนฟีมัสเองก็คงทำไม่ไหวและแล้วความซวยก็ตกมาให้คูสลิน บลาส เฟดีมา ช่วยใช้โทรโข่งประกาศไปทั่วกองทัพว่าจะไปไหนเพื่ออะไร แต่ก็ยังอดประสาทเสียก็ไม่ได้หลังจากรู้ว่า 6 เผ่าใหญ่มีอะไรบ้าง เอลฟ์นั่นแหละอยากเจอมากที่สุด แต่มังกรก็กลัวกับฉี่จะราด ยักษ์ไม่ต้องพูดถึงมุษย์กับยักษ์เคยทำสงครามกันมาครั้งนึงตามตำนานกล่าวไว้ทำเอาประสาทเสียง่ายๆ ทั้งออคกับมิโนทอร์ช่วงนี้ก็ปะทะกับมนุษย์บ้างแต่ก็เฉยๆ แต่นี่รู้กันดีว่าพวกนั้นเกลียดมนุษย์จะตาย แถมให้ผู้นำเผ่ามาประชุมกันแบบนี้ผลจะออกมาสภาพไหนยังไม่รู้กันเลย ทำให้กองทัพวุ่นวายพอสมควร-*-

                    แต่ในที่สุดก็สามารถหยุดความวุ่นวายลงได้ และพอการเดินทางไปได้หนึ่งวัน เดลโลออน เดียบาส บาร์คิ คาร์ดิส ก้พาพวกตระกูลวีเดลมาเป็นร้อยๆ ทำเอาเคนเดียมองตาค้างเพราะไม่คิดว่าจะมากันเยอะขนาดนี้แต่เรื่องที่หนักที่สุดก็มาถึง หลังจากมาถึงป่าต้องห้ามจู่ๆ ก็มีกองทัพมาทำเอาทหารตกใจกันนึกว่าโดนลอบโจมตี แต่ที่ไหนได้......

                    กลายเป็นโครเซ่พากองทัพมาสนับสนุนทำให้ทหารมีกำลังใจกันเยอะเลยทีเดียวและทำให้ผ่านเข้าป่าต้องห้ามทันทีและเรื่องราวจะต้องถึงจุดพลิกผัน

                    ไอ้บ้าแอบไปเอาทัพมาก็ไม่บอกคูสลินร้องต่อว่าโครเซ่อย่างเป็นกันเองเมือเห็นโครเซ่มาถึง

                    เงียบซะบ้างถึงเขาจะเชิญมา แต่พวกสัตว์อสูรในป่านี้ไม่ได้เชิญเรามานะฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะเดินไปยังหุบเขาที่อยู่กลางป่า

                    สัตว์อสูรหมายความว่าไงคูสิลถามเพราะเริ่มรู้สึกถึงลางที่ไม่ดี แต่พอฟีมัสกำลังจะบอกก็เห็นซากต้นไม้นับสิบตรงหน้าล้มระเนระนาดพร้อมกับซากสัตว์อสูรนับสิบนอนตายอยู่ทำให้ถึงกับสะอึกทันที

                    ลืมที่พูดตะกี้ไปให้หมดฟีมัสบอกกับคูสลินทันที

                    มีแขกมาล่ะบลาสเอ่ยขึ้นพร้อมกับชายในชุดเกราะสีน้ำตาลเดินมาพร้อมกับหอกสีน้ำตาลและตามชุดเกราะก็มีอัญมณีสีเขียวติดตามข้อต่อเหมือบกับบริสจิสเปี้ยบ

                    อ่า....... เจอร์รันดีน มาได้ไงนะฟีมัสร้องทักทันที

                    เผอิญกำลังสำรวจพวกซากสัตว์พวกนี้อยู่เขาเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ

                    แบบนี้พวก แทมเมอร์ ไม่โกรธแย่หรอฟีมัสถามเจอร์รันดีนอีกครั้ง

                    น่าจะ.....ดูพวกนั้นฉุนหน้าดูเขาตอบแบบไม่แน่ใจนัก

                    ตามข้ามาท่านคาร์รันรออยู่เจอร์รันดีนเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่ายเวทเคลื่อนย้ายแต่ที่แปลกใจคือ ลำแสงเวทได้พาเขาหายไปจากตรงนั้นทั้งหมดรวมทั้งทหารก็หายไปด้วย

                    ที่นี่น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนี่”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะเดินมาถึงกลางหุบเขาที่มีปราสาทเล็กๆ อยู่ตรงกลางเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหญ้าโล่งทำให้เห็นกองทหารเอลฟ์เดินกันให้ทั่วสร้างความประทับใจให้บรรดาทหารมาก

                    ข้าเฉยๆ แฮะ”เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งเดินตามมา ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง

                    ชายผมทองในชุดผ้าคลุมสีขาวด้านในใส่ชุดเกราะสีขาวสะอาด บนหัวสวมมงกุฎสีทองกลมกลืนกับสีผมของเขาและที่เข็มขัดคาดทั้งดาล คทา และปืนแสดงถึงความสามารถใช้อาวุธได้ทุกรูปแบบและพอเขาเดินมาถึงเจอร์รันดีนก็คุกเข่าทำความเคารพทันที

                    อ้าท่าน คาร์รัน”ฟีมัสร้องอย่างดีใจพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดคอทันที

                    เจอท่านคาร์รันแล้วไม่ยอมทักฉันเลยนะ”เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้น

                    นะ ……นะ……เนียร์”ฟีมัสร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห้นชายตรงหน้า ตอนนี้เขาใส่หมวกแก๊ปสีเขียวปิดผมจนหมด และใส่เสื้อยืดสีเขียวพร้อมกางเกนยีนส์สีน้ำเงินเดินมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

                    ไงฟีส”เนียร์เดินเข้ามาจับทั้งคาร์รันทั้งฟีมัสไปกอดคออีกรอบ

                    มีแขกมาอีกแล้วแฮะ”บริสจิสเดินมาพร้อมกับมองจุดดำๆ บนท้องฟ้าหลายร้อยหลายพันจุด

                    ท่านการ์ดินมาแล้วแฮะ”คาร์รันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมีมังกรนับร้อยลงมาที่ปราสาทและเปลี่ยนร่างจนขนาดเล็กเท่ามนุษย์และมีปีกแบบมังกรงอกออกมาจากหลังโดยมีชายผมแดงยืนนำอยู่

                    ที่นี่สวยขึ้นนะ ท่านคาร์รัน”การ์ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบราบเต็มด้วยความมีอำนาจ

                    บอกแล้วไงว่าที่นี่สวย”ฟีมัสที่ยืนอยู่ข้างๆ คาร์รันกระซิบบอก

                    มนุษย์มาก่อนหรอ”การ์ดินมองมาที่กองทัพของเอดาเฟียและมัลลาเซียด้วยสายตาไม่พอใจทำเอาหลายคนกลัวทันที

                    การ์ดินสบายดีไหม”ฟีมัสกับเนียร์เอ่ยขึ้นพร้อมกันเพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ทหารได้กลัวกันขี้หดตดหายแน่ๆ

                    สบายดี…..อ้าวพวกยักษ์มาแล้ว”การ์ดินเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ให้ดูให้เห็นยักษ์(ในรูปร่างย่อส่วนของ

    มนุษย์คล้ายมังกร)

                    กองทัพยักษ์ก็ดูไม่เข้มแข็งอะไรมากมาย และไม่มีระเบียบด้วยแต่ทุกคนรู้ดีว่าถ้าพวกมันคืนร่างเมื่อไหร่ตัวยมันใหญ่กว่าคนหลายสิบเท่าและกำลังมหาศาลของมันคนหนึ่งพันคนก็ไม่อาจจะโค่นยักษ์หนึ่งตัวลงได้ พวกยักษ์ที่มาก็หลายเผ่าพันธุ์(มันก็เหลือแค่ 3 เผ่าแหละ)

                    เผ่าแรกก็คือไซครอบ ยักษ์ตาเดียวเดินมาพร้อมกับหอกคู่กายทุกตน รวมถึงผู้นำมันก็ยังถือหอกแต่ต่างกันตรงที่สวมมงกุฎอยู่

                    เผ่าที่สองคือ รียาร์ด ยักษ์สี่ตา ตาแต่ละข้าอยู่แต่ด้านของหัวมัน พวกมันถือมาทั้งดาบ หอกและบางตัวก็ถือคทามาด้วยทางผู้นำของมันก็ไม่สวมมงกุฎ(ถ้าสวมมงกุฎบังตาหมด) แต่กลับใส่ชุดเกราะเพียงตนเดียว

                    เผ่าสุดท้ายอาร์คัลคูล มันมีสองตาเหมือนคนจนนึกว่าเป็นมนุษย์แน่ๆ ถ้าพวกมันย่อส่วนแบบนี้ ทางผู้นำของมันก็ใส่ทั้งชุดเกราะแบะมุงกฏ แต่มงกุฎทำจะไม้แกะสลักอย่างปรานีต ส่วนอาวุธส่วนใหญ่ก็เหมือนพวกรียาร์ด แต่อาร์คัลลูบางตัวก็ถือธนูมาด้วย

                    สวัสดีครับท่าน เอ็กโซ(ไซครอบ) โคลอน(รียาร์ด) อบิส(อาร์คัลลู) ไม่เจอกันานเลยนะ”คาร์รัน ฟีมัส และการ์รันทักทายอย่างสุภาพเรียบร้อย

                    เราก็ไม่เจอกันมาหลายพันปีอยู่แล้วนี่”เอ็กโซเอ่ยขึ้นตัดบทสนทนาทันทีเพราะเห็นเผ่าใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้ว

                    คราวนี้ออคหรอ”เนียร์ที่ยืนดูอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอมุนษย์สีร่าวสีออกเขียวนิด เดินมาเป็นกองทัพอย่างมีระเบียบ พวกมันถือจวานและดาบเป็นส่วนใหญ่ มีไม่กี่ตัวที่ถือโล่ ส่วนทางหัวหน้าเผ่ามันถือทั้งดาบและโล่มีดาบหลายเล่มเหน็บไว้ที่เอวพร้อมกับขวานไข้วไว้กลางหลักของมัน ส่วนหัวไม่ได้ใส่มงกุฎเหมือนคนอื่นแต่กลับใส่หน้ากากทำให้ดูต่างจากตนอื่น

                    พวกมิโนทอร์ยังไม่มาอีกหรอ”หัวหน้าเผ่าออคเอ่ยขึ้นเมื่อมองดูแล้วเห็นว่าขาดอีกเผ่า

                    พวกนั้นนักมาสายอยู่แล้วนี่ เจ้าหนู”ฟีมัสเอ่ยขึ้นและเรียกหัวหน้าเผ่าออคด้วยคำแปลกๆ เหมือนเรียกเด็ก

                    ลุงฟีมัส”พอหัวหน้าเผ่าออคเห็นก็กระโดดเข้าหาฟีมัสทันทีทำให้พวกออคติดตามมาทำหน้างงๆ กันหมดรวมทั้งพวกมนุษย์ด้วย

                    อย่าเรียกลุงสิ ฉันยังไม่แก่เลย แล้วอานาคราฟละ”ฟีมัสเอ็ดเบาๆ พร้อมกับมองหาออคอีกตนแต่ก็หาไม่เจอ

                    ท่านพ่อ……ตายแล้วครับ”หัวหน้าเผ่าออคตอบฟีมัสอย่างสุภาพ แต่ด้วยคำตอบนี้ทำให้ฟีมัสถึงกลับเนื้อตัวสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว

                    เผ่าออคถึงจะมีอายุยืนนานแต่ก็ใช่ว่าจะมีชีวตอมตะเหมือนเอลฟ์และมังกรล่ะนะ”เนียร์เอ่ยขึ้นปลอบใจฟีมัส

                    นายก็เลยขึ้นเป็นผู้นำเผ่าออคแทนสินะ โรคลีน”ฟีมัสเอ่ยอย่างเข้าใจ

                    ครับ….ดูท่ามิโนทอร์จะมากันแล้ว”ฟีมัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียแสดงความบ่งบอกว่ากว่าจะมากันได้เอาให้รอซะนาน”

                    คราวนี้หลายๆ คนถึงกับอึ้งเพราะเพิ่งเคยเห็นทิโนทอร์เป็นครั้งแรกพวกมันเป็นวัวตัวใหญ่เกือบสามเมตรทุกตนถือค้อนอันโตพร้อมกับเขางอกยาวเหยีด แต่หัวหน้ามันต่างกันตรงเขาเท่านั้นเขาของมันโค้งออกมาด้านข้างหกสิบองศาและยาวกว่าทุกตัว และค้อนก็มีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อยแสดงถึงพลังและกำลังที่มี ตอนนี้มนุษย์ทุกคนตระหนักได้ว่าเผ่าเขาดูแล้วได้อ่อนแอที่สุดในทั้งหมด

                    เหอะๆ สายกันจัง”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้าไปหาหัวหน้าเผ่ามิโนทอร์

                    ฟีมัส….เจ้าจะเลิกกวนประสาทข้าสักครั้งได้ไหม”หัวหน้าเผ่ามิโนทอร์เอ่ยขึ้น

                    เอสสิส ฉันยังไม่ทันจะกวนแกเลยน้า”ฟีมัสต่อว่าเขาทันแต่เอสสิสกับหัวเราะเบาๆ อย่างไร้ความหมาย

                    หัวเราะทำไรฟะ”ฟีมัสยังไม่เลิกที่จะถาม

                    สรุปเผ่าเรามาช้าสุดเลยหรอ”เอสสิสเปลี่ยนเรื่องคุยและเลิกคุยกับฟีมัสทันทีเลยหันไปคุยกับคาร์รันแทน

                    ช่ายย”หัวหน้าเผ่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

                    บอกแล้วไงมิโนทอร์ มาสายประจำ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่น

                    ท่านกำลังจะกวนประสาทข้านะ”เอสสิสเอ่ยด้วยแววตาตำหนิ

                    อะ ขอโทษ - /\ - ”ฟีมัสถึงจะขอโทษแต่หน้าเขาไม่ให้เลยว่าจะขอโทษ

                    เฮ้อ”การ์ดินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเลยหันไปคุยกับเนียร์แทนแะลดูท่าทั้งสองจะคุยกันอย่างออกรส

                    ทุกท่านข้าขอขัดจังหวะนิดนึงนะ”คาร์รันเอ่ยขึ้นทำให้ทั้งหมดหันมามองด้วยความแปลกใจ

                    เดียวพรุ่งนี้ข้าจะจัดประชุมนะ อ้อผู้ติดตามให้เข้าแค่ 4 คนละง่ายๆ เผ่าละ5คน”คาร์รันบอกจบก็พา เจอร์รันดีนและบริสจิสหายไปและปล่อยให้คนอื่นๆ หาที่พักให้ทุกเผ่า

     

                                                                    …………………………………..

     

                    ใครจะเข้าบ้างละ”เดียบาสหันมาถามฟีมัสที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาใครเข้าประชุมดี

                    โคเซีย โครเซ่ต้องเข้าเพราะพวกนั้นเป็นเจ้าของเมืองที่พาทหารมา”ฟีมัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเรียกโครเซ่

                    อีกสองใครดีละ”บาร์คิถามบ้าง

                    คงต้องบลาสกับเฟดีมาแหละ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นทำให้หลายคนแปลกใจ

                    ท่านเฟดีมาฉันก็ขัดหรอกนะ ทำไมเอาบลาสเข้าไปละ คูสลินน่าจะมีฝีมือมากกว่าอีก”เดลโลออนและหลายๆ คนในตระกูลวีเดลถามขึ้น

                    ใช่บลาสฝีมือด้วยกว่าก็จริงแต่ คูสลินดูนิสัยหมอนั่นสิบ้าๆ บอๆ เดียวไปพล่ามอะไรตอนทีประชุมอยู่จะเสียเรื่อง”ฟีมัสตอบ(แต่ทุกคนก็คิดว่าฟีมัสบ้าๆ บอๆ พอๆ กับคูสลิน-*-)ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับเนียร์อยู่สองคน พอบอกเสร็จทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

                    ไปกันเถอะ”เคนเดียบอกกับทุกคนและเดินนำไป

                    เนียร์ฝากด้วยนะ”ฟีมัสร้องเตือนพร้อมกับวิ่งตามเคนเดียไป

                    อยู่แล้ว”เนียร์รับคำก่อนที่จะหายไปด้วยเวทเคลื่อนย้าย

                    พอมาถึงห้องประชุมฟีมัสก็เลือกที่ที่ใกล้กับคาร์รันมากที่สุด และพอโรคลีนเห็นฟีมัสก็รีบมานั่งข้างๆ ทันทีส่วนผู้นำคนอื่นๆ ก็นั่งที่ตามที่เลือก ส่วนคนคุ้มกันคาร์รันก็พาเพียง เจอร์รันเดีน กับบริสจิสมาแค่สองคน โรคลีนก็พาออคมาด้วยสี่ตน แต่ทางพวกยักษ์แค่พวกผู้นำก็ล่อไปสามคนแล้ว จึงพาไซครอบกับอาร์คัลลูมาอย่างละหนึ่ง ส่วนมิโนทอร์ก็พาคตนติดตามาเพียงสองคนเหมือนกันแต่มังกรดูท่าผู้นำจะสดจัดเลยมาแค่คนเดียวและด้วยบางคนก็พาคนติดตามาน้อยบางคนคิดว่าตัวเองแน่ไม่พามาเลยทำให้เก้าอี้เหลือไปโดยปริยาย-*-

                    ในที่สุดก็มากันครบ”คาร์รันเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นมาประกาศ

                    ขอเปิดประชุม 6 เผ่าใหญ่ ณ บัดนี้!!!!”คาร์รันประกาศอย่างกึกก้องทำให้ผู้นำทุกคนหันมาฟังทันทีเพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการรู้ว่าทำไมเผ่าเอลฟ์ถึงต้องเรียกประชุมด่วนถ้าแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีข่าวร้ายอน่ๆ เพราะเอลฟ์หาข่าวได้เร็วที่สุด

                    เรื่องที่เราจะบอกก็คือ…..”คาร์รันรีบบอกเหตุผลที่เขาเชิญผู้นำทั้งหมดมาทันที
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×