คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การพบกันของ 6 เผ่าใหญ่
ท่ามกลางความมืดมิดฟีมัสลุกขึ้นมามองบรรยากาศรอบๆ ตัวหุบเขาที่สวยงามตอนนี้กลายเป็นมีเสาหินนับร้อยพุ่งเสียดฟ้าขึ้นมามา เขาได้แต่มองด้วยแววตาเศร้าสร้อยก่อนที่จะกลับมายังพระราชวังเอดาเฟียซึ่งตอนนี้ทุกคนก็เริ่มฟื้นขึ้นมาแล้ว
“ฟีมัสเป็นอะไรไหม”คูสลินร้องถามฟีมัสทันทีเมื่อเห็นฟีมัสกลับมาที่เอดาเฟียขณะที่ทั้งหมดเริ่มฟื้นจากการสลบเนื่องจากฟาริล
“อืม”ฟีมัสตอบเรียบๆ เพราะกำลังใช้ความคิดกับคำพูดของฟาริล
“ดูท่าท่านจะไม่ค่อยสบายดีเลยนะท่านฟีมัส”จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคหนึ่งดังขึ้นมาทำให้ทุกคนต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ
หญิงสาวผมทองในชุดเกราะตามข้อต่อของชุดเกราะและปลายหมวกประดับด้วยอัญมณีสีเขียวเป็นที่สุดตาพร้อมกับหอกแหลมคมสลักด้วยลายทองยาวกว่าสองเมตร เธอกำลังยิ้มให้ฟีมัสแต่พอฟีมัสเห็นหน้าของเธอก็ถึงกับตาค้าง
“ท่านบริสจิส”ฟีมัสแทบจะร้องจ๊ากทันทีตอนนี้คำพูดของฟาริลได้หายไปหมดสิ้น แต่คำถามที่มาแทนคือเธอมาได้ไง???
“ท่านคาร์รัน ต้องการเปิดประชุม 6 เผ่าใหญ่ด่วนที่หุบเขาเกลียวคลื่นหวังท่านคงจะไปนะ”บริสจิสบอกกับฟีมัสพร้อมยังส่งยิ้มมาทางเขาอย่างเคย
“แต่ผมไม่มีตำแหน่งอะไรแล้วนะครับ เมืองของผมก็ให้เลนูนปกครองไปแล้วนะครับ”ฟีมัสยังคงบอกกับเธอซึ่งเธอไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยเพราะรู้ว่าใครจะให้คำตอบ
“ข้าช่วยได้นะ ถึงเจ้าจะบุกเข้ามาในวังข้าแต่เจ้าก็ช่วยพวกข้าเอาไว้”เคนเดียเอ่ยขึ้นทำให้บริสจิสยิ้มขึ้นมาอีกที
“ตกลงจะไปไหม”เธอถามฟีมัสทั้งๆ ที่รู้ว่าคำตอบคืออะไร
“ครับผมจะไป”ฟีมัสรับคำซึ่งเธอกับพยักหน้ารับ
“ฉันคงต้องไปแจ้งข่าวการประชุมให้เผ่าอื่นก่อนไปละนะฟีมัส”เธอยิ้มให้ฟีมัสป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับรองเท้าเธอจู่ๆ ก็มีปีกโพล่ขึ้นมาและมันก็ขยับเพื่อให้เธอลอยขึ้น ลอยขึ้น และเธอก็หันมาบอกมือให้กับทุกคนแล้วพุ่งหายไปในท้องฟ้า
“เผ่าเอลฟ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้วหรอเนี่ย”ฟีมัสพออย่างเหม่อลอย
“เอลฟ์หรอ”บลาสถามอย่างตกตะลึง
“ใช่ยัยนั่นนะ 1ใน12 แม่ทัพใหญ่ของเผ่าเอลฟ์ บริสจิสแห่ง 12 วาลคีรี”ฟีมัสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่างจากทุกคนที่กำลังตกตะลึง
“ห๊า 12 วาลคีรี”ทั้งหมดตะโกนออกมาพร้อมๆ กันทำให้ฟีมัสหูอื้อทันที-*-
“ไปเถอะการถ้ามาแจ้งแบบนี้การประชุมจะเริ่มอีกหนึ่งเดือนแล้วเราต้องออกเดินทางตอนนี้เลยหุบเขาเกลียวคลื่นไม่ใช่ใกล้นะมันอยู่ที่ทะเลอาถรรพ์เลยน้าไปได้แล้วเร็ว”ฟีมัสร้องบอกทุกคนทำเอาทุกคนหน้าเสียไปเหมือนกันเพราะทะเลยต้องห้ามเป็นที่ที่มีสัตว์ประหลาดเยอะไปหมดแทบที่นั่นเป็นที่ปิดผนึกเวทมนต์บางชนิดรวมถึงเวทเคลื่อนย้ายด้วย แต่ศูนย์กลางมันไมได้ เกิดที่ทะเลแต่เกิดที่หุบเขาใกล้ทะเลยและอณาเขตปิดกั้นก็กว้างถึง หนึ่งร้อยห้าสิบตารางกิโลเมตรซึ่งมันกว้างสุดๆ
................................................................
“เผ่าเอลฟ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”เสียงของมารีนดังขึ้นขณะกำลังเล่นหมากรุกก้เบื่อกับคาเรียโดยที่มีอัลฟ่ากับเวนอลนั่งเล่นกันอยู่อีกคู่
“6 เผ่าใหญ่จะกลับมาเป็นพันธมิตรแบบก่อนหรอฉันว่ายากนา ตั้งแต่จบสงครามมนุษย์ก็เริ่มล่าออคเป็นว่าเล่นจนออคต้องหลบไปซ่อนตัวกลางป่าเพื่อไม่ต้องการเจอมนุษย์แถมมังกรกับมิโนทอร์ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ มีแต่พวกยักษ์กับเอลฟ์นี่แหละที่เก็บตัวเงียบ ส่วนยักษ์ไม่ต้องสงสัยเลยพวกนั้นกำลังรู้สึกผิดกับตอนโดนปีศาจชักนำจนเกือบสูญส้นเผ่าพันธุ์ ตอนนี้ยักษ์ก็เหลือแค่ ไซครอบ รียาร์ด อาร์คัลลู แค่3เผ่าย่อยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมีตั้ง 24 เผ่าย่อย”อัลฟ่าที่นั่งเล่นหมารุกกับเวลนอลอยู่อีกคู่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นเพราะดูท่าการประชุมจะล้มเหลว
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ”คาเรียพูดอย่างเห็นด้วย
“ไม่มีทาง”เวนอลกับมารีนพูดออกมาพร้อมกับ
“ทำไมล่ะ???”อัลฟ่าถามอย่างแปลกใจ
“ให้มารีนอธิบายเองดีกว่า”เวนอลยกหน้าที่ให้มารีนทันทีและเธอก็ทำท่างงๆ ก่อนจะเล่า
“เอาละเริ่มที่ออคก่อนละกัน ถึงออคจะไม่ชอบมนุษย์แต่พวกนี้นะเชื่อฟังเอลฟ์จะตายไปดังนั้นออคหมดห่วงแน่นอน ส่วนมังกร อ่า......ใช่เผ่าพันธุ์ที่คิดว่าแกร่งที่สุดพวกนี้ไม่ต้องห่วงหรอกที่พวกนี้ทะเลาะกับพวกวัวอสูรมิโนทอร์นะมันก็แค่ต่อปากต่อคำกันเล่นๆ แก้เบื่อเท่านั้นแหละสองเผ่านี้นะพัธมิตรกันดีเยี่ยม มาถึงยักษ์ ทั้งไซครอบ อารคัลลู รียาร์ด สามเผ่าย่อยนี้นะเป็นเผ่าย่อยที่ฉลาดที่สุดแล้วในเผ่ายักษ์ยังไงก็มายิ่งรู้ว่าเป็นการประชุม 6 เผ่าใหญ่มาชัวร์ แต่ติดตรงมนุษย์นี่แหละตอนนี้พวกมนุษย์แตกแยกกันขนาดนี้กว่าจะรวบรวมแผ่นดินกลับมาอีกครั้งก็ยากน่าดู......แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะยัยวาลคีรีนั่นไปแจ้งให้ฟีมัสนี่หมอนั่นนะมีการประชุมแบบนี้ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่ติดตรงปัญหาสงครามนี่แหละ มากันแบบนี้ก็ต้องยกทัพของตัวเองมาด้วยถ้าขัดแย้งกันเดียวจะเกิดสงครามกลางหุบเขาเกลียวคลื่นมันจะยุ่งใช่เล่น”มารีนอธิบายให้ทุกคนฟังทำให้ทุกคนร้องอ้อทันทีเพราะความสามารถการวิเคราะห์นอกจากฟีมัสแล้วก็มีแค่มารีนนี่แหละ
“เข้าใจแล้ว”อัลฟ่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ตอนนี้พวกเราก็ได้แต่นั่งดูสินะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงไปนั่งอยู่ข้างๆ เจ้าฟีมัสแล้ว”ทั้งเวนอลกับคาเรียเอ่ยอย่างปลงตกเพราะตอนนี้เขากลายเป็นเทพไปแล้ว
“แต่ยังไงเราก็มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ฟีมัสฝากเอาไว้นี่”มารีนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากเคย
“อ่า.....ใช่ลืมไปได้ยังไงกันนะ”เวนอลก็ทำท่าเหมือนนึกออกก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะประสานกันไปอย่างมีความสุข
.................................................................
“เฮอะ ทะเลอาถรรพ์ฟังดูไปง่ายดีนี่”เฟดีมาบ่นอย่างประสาทเสียเพราะพอรู้ว่าฟีมัสให้ไปที่ไหน และเคนเดียวก็ตกลงด้วยว่าจะไปส่วนเฟดีมาก็มีตำแหน่ง 5 ขุนพลปีศาจเลยต้องติดตามเคนเดียไปด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่ ส่วนพวก เดลโลออน เดียบาส บาร์คิ คาร์ดิสได้กลับไปแล้วโดยบอกว่าจะไปสมัครคนในตระกูลวีเดลที่เหลือให้ตามาด้วยแล้วบอกว่าจะมาสมทบทีหลัง
“แหมท่านเฟดีมาเที่ยวนะครับเที่ยว”คูสลินหยอกเฟดีมาเบาๆ ทำให้เฟดีมาหันมามองตาเขียว
“เชิญพี่คนเดียวเถอะ”บลาสพูดด้วยท่าทางเหม่อลอย
“เอาเถะรีบไปกันได้แล้ว”เคนดียสั่งให้ออกเดินทางทันทีตอนแรกเคนเดียก่ะจะไม่เอากองติดไปด้วย แต่ด้วยที่ฟีมัสบอกเอาไว้ว่าควรจะเอาไปด้วยแต่ก็ไม่อยากเอาไปมากเลยเอาไปแค่หนึ่งพันห้าร้อยคนทั้งๆ ที่ฟีมัสบอกให้เคนเดียเอาไปสักห้าพันแต่ก็เคนเดียก็หัวแข็งไม่ฟังเลยต้องให้เคนเดียยอมๆ ไป และภาระสุดท้ายก็ตกต้องมาที่โคเซียที่เพิ่งตื่นขึ้นมาทำให้กระโดดแทบบ้าเพราะเคนเดียให้เขาไปดูแลที่เอดาเฟียเพราะมันเป็นเมืองหลวงของภาคกลางทำให้ขาดผู้ดูแลไม่ได้(ที่เคนเดียไม่มีบทในการต่อสู้กับฟาริลเลยเพราะสลบไปตอนโดนไอพลังของฟาริลสลบไปแต่แรก)
“มีใครเห็นโครเซ่บ้างไหม”ฟีมัสหันมาถามทุกคนและทุกคนก็สั่นหัวทันทีเพราะกำลังจะออกเดินทางแล้วทำไมหายไปไหน
“เมื่อวานตอนยายวาลคีรีนั่นมายังอยู่อยู่เลย”คูสลินเสริมหลังจากตามหาโครเซ่ไม่เจอเลยต้องปล่อยไว้และเดินทางไปยังป่าต้องห้ามที่อยู่รอบๆ หุบเขาเกลียวคลื่น
การเดินทางตอนแรกออกมาอย่างไร้อุปสรรคแต่พอเดินทางมาได้สักพักก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัวเพราะทหารรู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนภาระเลยต้องมาตกอยู่ที่ฟีมัสที่เป็นคนต้นคิด แต่ด้วยทหารที่มาถึงหนึ่งพันคนฟีมัสเองก็คงทำไม่ไหวและแล้วความซวยก็ตกมาให้คูสลิน บลาส เฟดีมา ช่วยใช้โทรโข่งประกาศไปทั่วกองทัพว่าจะไปไหนเพื่ออะไร แต่ก็ยังอดประสาทเสียก็ไม่ได้หลังจากรู้ว่า 6 เผ่าใหญ่มีอะไรบ้าง เอลฟ์นั่นแหละอยากเจอมากที่สุด แต่มังกรก็กลัวกับฉี่จะราด ยักษ์ไม่ต้องพูดถึงมุษย์กับยักษ์เคยทำสงครามกันมาครั้งนึงตามตำนานกล่าวไว้ทำเอาประสาทเสียง่ายๆ ทั้งออคกับมิโนทอร์ช่วงนี้ก็ปะทะกับมนุษย์บ้างแต่ก็เฉยๆ แต่นี่รู้กันดีว่าพวกนั้นเกลียดมนุษย์จะตาย แถมให้ผู้นำเผ่ามาประชุมกันแบบนี้ผลจะออกมาสภาพไหนยังไม่รู้กันเลย ทำให้กองทัพวุ่นวายพอสมควร-*-
แต่ในที่สุดก็สามารถหยุดความวุ่นวายลงได้ และพอการเดินทางไปได้หนึ่งวัน เดลโลออน เดียบาส บาร์คิ คาร์ดิส ก้พาพวกตระกูลวีเดลมาเป็นร้อยๆ ทำเอาเคนเดียมองตาค้างเพราะไม่คิดว่าจะมากันเยอะขนาดนี้แต่เรื่องที่หนักที่สุดก็มาถึง หลังจากมาถึงป่าต้องห้ามจู่ๆ ก็มีกองทัพมาทำเอาทหารตกใจกันนึกว่าโดนลอบโจมตี แต่ที่ไหนได้......
กลายเป็นโครเซ่พากองทัพมาสนับสนุนทำให้ทหารมีกำลังใจกันเยอะเลยทีเดียวและทำให้ผ่านเข้าป่าต้องห้ามทันทีและเรื่องราวจะต้องถึงจุดพลิกผัน
“ไอ้บ้าแอบไปเอาทัพมาก็ไม่บอก”คูสลินร้องต่อว่าโครเซ่อย่างเป็นกันเองเมือเห็นโครเซ่มาถึง
“เงียบซะบ้างถึงเขาจะเชิญมา แต่พวกสัตว์อสูรในป่านี้ไม่ได้เชิญเรามานะ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะเดินไปยังหุบเขาที่อยู่กลางป่า
“สัตว์อสูรหมายความว่าไง”คูสิลถามเพราะเริ่มรู้สึกถึงลางที่ไม่ดี แต่พอฟีมัสกำลังจะบอกก็เห็นซากต้นไม้นับสิบตรงหน้าล้มระเนระนาดพร้อมกับซากสัตว์อสูรนับสิบนอนตายอยู่ทำให้ถึงกับสะอึกทันที
“ลืมที่พูดตะกี้ไปให้หมด”ฟีมัสบอกกับคูสลินทันที
“มีแขกมาล่ะ”บลาสเอ่ยขึ้นพร้อมกับชายในชุดเกราะสีน้ำตาลเดินมาพร้อมกับหอกสีน้ำตาลและตามชุดเกราะก็มีอัญมณีสีเขียวติดตามข้อต่อเหมือบกับบริสจิสเปี้ยบ
“อ่า....... เจอร์รันดีน มาได้ไงนะ”ฟีมัสร้องทักทันที
“เผอิญกำลังสำรวจพวกซากสัตว์พวกนี้อยู่”เขาเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ
“แบบนี้พวก แทมเมอร์ ไม่โกรธแย่หรอ”ฟีมัสถามเจอร์รันดีนอีกครั้ง
“น่าจะ.....ดูพวกนั้นฉุนหน้าดู”เขาตอบแบบไม่แน่ใจนัก
“ตามข้ามาท่านคาร์รันรออยู่”เจอร์รันดีนเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่ายเวทเคลื่อนย้ายแต่ที่แปลกใจคือ ลำแสงเวทได้พาเขาหายไปจากตรงนั้นทั้งหมดรวมทั้งทหารก็หายไปด้วย
“ที่นี่น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนี่”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะเดินมาถึงกลางหุบเขาที่มีปราสาทเล็กๆ อยู่ตรงกลางเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหญ้าโล่งทำให้เห็นกองทหารเอลฟ์เดินกันให้ทั่วสร้างความประทับใจให้บรรดาทหารมาก
“ข้าเฉยๆ แฮะ”เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งเดินตามมา ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง
ชายผมทองในชุดผ้าคลุมสีขาวด้านในใส่ชุดเกราะสีขาวสะอาด บนหัวสวมมงกุฎสีทองกลมกลืนกับสีผมของเขาและที่เข็มขัดคาดทั้งดาล คทา และปืนแสดงถึงความสามารถใช้อาวุธได้ทุกรูปแบบและพอเขาเดินมาถึงเจอร์รันดีนก็คุกเข่าทำความเคารพทันที
“อ้าท่าน คาร์รัน”ฟีมัสร้องอย่างดีใจพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดคอทันที
“เจอท่านคาร์รันแล้วไม่ยอมทักฉันเลยนะ”เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้น
“นะ นะ เนียร์”ฟีมัสร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห้นชายตรงหน้า ตอนนี้เขาใส่หมวกแก๊ปสีเขียวปิดผมจนหมด และใส่เสื้อยืดสีเขียวพร้อมกางเกนยีนส์สีน้ำเงินเดินมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
“ไงฟีส”เนียร์เดินเข้ามาจับทั้งคาร์รันทั้งฟีมัสไปกอดคออีกรอบ
“มีแขกมาอีกแล้วแฮะ”บริสจิสเดินมาพร้อมกับมองจุดดำๆ บนท้องฟ้าหลายร้อยหลายพันจุด
“ท่านการ์ดินมาแล้วแฮะ”คาร์รันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมีมังกรนับร้อยลงมาที่ปราสาทและเปลี่ยนร่างจนขนาดเล็กเท่ามนุษย์และมีปีกแบบมังกรงอกออกมาจากหลังโดยมีชายผมแดงยืนนำอยู่
“ที่นี่สวยขึ้นนะ ท่านคาร์รัน”การ์ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบราบเต็มด้วยความมีอำนาจ
“บอกแล้วไงว่าที่นี่สวย”ฟีมัสที่ยืนอยู่ข้างๆ คาร์รันกระซิบบอก
“มนุษย์มาก่อนหรอ”การ์ดินมองมาที่กองทัพของเอดาเฟียและมัลลาเซียด้วยสายตาไม่พอใจทำเอาหลายคนกลัวทันที
“การ์ดินสบายดีไหม”ฟีมัสกับเนียร์เอ่ยขึ้นพร้อมกันเพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ทหารได้กลัวกันขี้หดตดหายแน่ๆ
“สบายดี ..อ้าวพวกยักษ์มาแล้ว”การ์ดินเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ให้ดูให้เห็นยักษ์(ในรูปร่างย่อส่วนของ
มนุษย์คล้ายมังกร)
กองทัพยักษ์ก็ดูไม่เข้มแข็งอะไรมากมาย และไม่มีระเบียบด้วยแต่ทุกคนรู้ดีว่าถ้าพวกมันคืนร่างเมื่อไหร่ตัวยมันใหญ่กว่าคนหลายสิบเท่าและกำลังมหาศาลของมันคนหนึ่งพันคนก็ไม่อาจจะโค่นยักษ์หนึ่งตัวลงได้ พวกยักษ์ที่มาก็หลายเผ่าพันธุ์(มันก็เหลือแค่ 3 เผ่าแหละ)
เผ่าแรกก็คือไซครอบ ยักษ์ตาเดียวเดินมาพร้อมกับหอกคู่กายทุกตน รวมถึงผู้นำมันก็ยังถือหอกแต่ต่างกันตรงที่สวมมงกุฎอยู่
เผ่าที่สองคือ รียาร์ด ยักษ์สี่ตา ตาแต่ละข้าอยู่แต่ด้านของหัวมัน พวกมันถือมาทั้งดาบ หอกและบางตัวก็ถือคทามาด้วยทางผู้นำของมันก็ไม่สวมมงกุฎ(ถ้าสวมมงกุฎบังตาหมด) แต่กลับใส่ชุดเกราะเพียงตนเดียว
เผ่าสุดท้ายอาร์คัลคูล มันมีสองตาเหมือนคนจนนึกว่าเป็นมนุษย์แน่ๆ ถ้าพวกมันย่อส่วนแบบนี้ ทางผู้นำของมันก็ใส่ทั้งชุดเกราะแบะมุงกฏ แต่มงกุฎทำจะไม้แกะสลักอย่างปรานีต ส่วนอาวุธส่วนใหญ่ก็เหมือนพวกรียาร์ด แต่อาร์คัลลูบางตัวก็ถือธนูมาด้วย
“สวัสดีครับท่าน เอ็กโซ(ไซครอบ) โคลอน(รียาร์ด) อบิส(อาร์คัลลู) ไม่เจอกันานเลยนะ”คาร์รัน ฟีมัส และการ์รันทักทายอย่างสุภาพเรียบร้อย
“เราก็ไม่เจอกันมาหลายพันปีอยู่แล้วนี่”เอ็กโซเอ่ยขึ้นตัดบทสนทนาทันทีเพราะเห็นเผ่าใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้ว
“คราวนี้ออคหรอ”เนียร์ที่ยืนดูอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอมุนษย์สีร่าวสีออกเขียวนิด เดินมาเป็นกองทัพอย่างมีระเบียบ พวกมันถือจวานและดาบเป็นส่วนใหญ่ มีไม่กี่ตัวที่ถือโล่ ส่วนทางหัวหน้าเผ่ามันถือทั้งดาบและโล่มีดาบหลายเล่มเหน็บไว้ที่เอวพร้อมกับขวานไข้วไว้กลางหลักของมัน ส่วนหัวไม่ได้ใส่มงกุฎเหมือนคนอื่นแต่กลับใส่หน้ากากทำให้ดูต่างจากตนอื่น
“พวกมิโนทอร์ยังไม่มาอีกหรอ”หัวหน้าเผ่าออคเอ่ยขึ้นเมื่อมองดูแล้วเห็นว่าขาดอีกเผ่า
“พวกนั้นนักมาสายอยู่แล้วนี่ เจ้าหนู”ฟีมัสเอ่ยขึ้นและเรียกหัวหน้าเผ่าออคด้วยคำแปลกๆ เหมือนเรียกเด็ก
“ลุงฟีมัส”พอหัวหน้าเผ่าออคเห็นก็กระโดดเข้าหาฟีมัสทันทีทำให้พวกออคติดตามมาทำหน้างงๆ กันหมดรวมทั้งพวกมนุษย์ด้วย
“อย่าเรียกลุงสิ ฉันยังไม่แก่เลย แล้วอานาคราฟละ”ฟีมัสเอ็ดเบาๆ พร้อมกับมองหาออคอีกตนแต่ก็หาไม่เจอ
“ท่านพ่อ ตายแล้วครับ”หัวหน้าเผ่าออคตอบฟีมัสอย่างสุภาพ แต่ด้วยคำตอบนี้ทำให้ฟีมัสถึงกลับเนื้อตัวสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว
“เผ่าออคถึงจะมีอายุยืนนานแต่ก็ใช่ว่าจะมีชีวตอมตะเหมือนเอลฟ์และมังกรล่ะนะ”เนียร์เอ่ยขึ้นปลอบใจฟีมัส
“นายก็เลยขึ้นเป็นผู้นำเผ่าออคแทนสินะ โรคลีน”ฟีมัสเอ่ยอย่างเข้าใจ
“ครับ .ดูท่ามิโนทอร์จะมากันแล้ว”ฟีมัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียแสดงความบ่งบอกว่า“กว่าจะมากันได้เอาให้รอซะนาน”
คราวนี้หลายๆ คนถึงกับอึ้งเพราะเพิ่งเคยเห็นทิโนทอร์เป็นครั้งแรกพวกมันเป็นวัวตัวใหญ่เกือบสามเมตรทุกตนถือค้อนอันโตพร้อมกับเขางอกยาวเหยีด แต่หัวหน้ามันต่างกันตรงเขาเท่านั้นเขาของมันโค้งออกมาด้านข้างหกสิบองศาและยาวกว่าทุกตัว และค้อนก็มีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อยแสดงถึงพลังและกำลังที่มี ตอนนี้มนุษย์ทุกคนตระหนักได้ว่าเผ่าเขาดูแล้วได้อ่อนแอที่สุดในทั้งหมด
“เหอะๆ สายกันจัง”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้าไปหาหัวหน้าเผ่ามิโนทอร์
“ฟีมัส .เจ้าจะเลิกกวนประสาทข้าสักครั้งได้ไหม”หัวหน้าเผ่ามิโนทอร์เอ่ยขึ้น
“เอสสิส ฉันยังไม่ทันจะกวนแกเลยน้า”ฟีมัสต่อว่าเขาทันแต่เอสสิสกับหัวเราะเบาๆ อย่างไร้ความหมาย
“หัวเราะทำไรฟะ”ฟีมัสยังไม่เลิกที่จะถาม
“สรุปเผ่าเรามาช้าสุดเลยหรอ”เอสสิสเปลี่ยนเรื่องคุยและเลิกคุยกับฟีมัสทันทีเลยหันไปคุยกับคาร์รันแทน
“ช่ายย”หัวหน้าเผ่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“บอกแล้วไงมิโนทอร์ มาสายประจำ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่น
“ท่านกำลังจะกวนประสาทข้านะ”เอสสิสเอ่ยด้วยแววตาตำหนิ
“อะ ขอโทษ - /\ - ”ฟีมัสถึงจะขอโทษแต่หน้าเขาไม่ให้เลยว่าจะขอโทษ
“เฮ้อ”การ์ดินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเลยหันไปคุยกับเนียร์แทนแะลดูท่าทั้งสองจะคุยกันอย่างออกรส
“ทุกท่านข้าขอขัดจังหวะนิดนึงนะ”คาร์รันเอ่ยขึ้นทำให้ทั้งหมดหันมามองด้วยความแปลกใจ
“เดียวพรุ่งนี้ข้าจะจัดประชุมนะ อ้อผู้ติดตามให้เข้าแค่ 4 คนละง่ายๆ เผ่าละ5คน”คาร์รันบอกจบก็พา เจอร์รันดีนและบริสจิสหายไปและปล่อยให้คนอื่นๆ หาที่พักให้ทุกเผ่า
..
“ใครจะเข้าบ้างละ”เดียบาสหันมาถามฟีมัสที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาใครเข้าประชุมดี
“โคเซีย โครเซ่ต้องเข้าเพราะพวกนั้นเป็นเจ้าของเมืองที่พาทหารมา”ฟีมัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเรียกโครเซ่
“อีกสองใครดีละ”บาร์คิถามบ้าง
“คงต้องบลาสกับเฟดีมาแหละ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นทำให้หลายคนแปลกใจ
“ท่านเฟดีมาฉันก็ขัดหรอกนะ ทำไมเอาบลาสเข้าไปละ คูสลินน่าจะมีฝีมือมากกว่าอีก”เดลโลออนและหลายๆ คนในตระกูลวีเดลถามขึ้น
“ใช่บลาสฝีมือด้วยกว่าก็จริงแต่ คูสลินดูนิสัยหมอนั่นสิบ้าๆ บอๆ เดียวไปพล่ามอะไรตอนทีประชุมอยู่จะเสียเรื่อง”ฟีมัสตอบ(แต่ทุกคนก็คิดว่าฟีมัสบ้าๆ บอๆ พอๆ กับคูสลิน-*-)ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับเนียร์อยู่สองคน พอบอกเสร็จทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ไปกันเถอะ”เคนเดียบอกกับทุกคนและเดินนำไป
“เนียร์ฝากด้วยนะ”ฟีมัสร้องเตือนพร้อมกับวิ่งตามเคนเดียไป
“อยู่แล้ว”เนียร์รับคำก่อนที่จะหายไปด้วยเวทเคลื่อนย้าย
พอมาถึงห้องประชุมฟีมัสก็เลือกที่ที่ใกล้กับคาร์รันมากที่สุด และพอโรคลีนเห็นฟีมัสก็รีบมานั่งข้างๆ ทันทีส่วนผู้นำคนอื่นๆ ก็นั่งที่ตามที่เลือก ส่วนคนคุ้มกันคาร์รันก็พาเพียง เจอร์รันเดีน กับบริสจิสมาแค่สองคน โรคลีนก็พาออคมาด้วยสี่ตน แต่ทางพวกยักษ์แค่พวกผู้นำก็ล่อไปสามคนแล้ว จึงพาไซครอบกับอาร์คัลลูมาอย่างละหนึ่ง ส่วนมิโนทอร์ก็พาคตนติดตามาเพียงสองคนเหมือนกันแต่มังกรดูท่าผู้นำจะสดจัดเลยมาแค่คนเดียวและด้วยบางคนก็พาคนติดตามาน้อยบางคนคิดว่าตัวเองแน่ไม่พามาเลยทำให้เก้าอี้เหลือไปโดยปริยาย-*-
“ในที่สุดก็มากันครบ”คาร์รันเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นมาประกาศ
“ขอเปิดประชุม 6 เผ่าใหญ่ ณ บัดนี้!!!!”คาร์รันประกาศอย่างกึกก้องทำให้ผู้นำทุกคนหันมาฟังทันทีเพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการรู้ว่าทำไมเผ่าเอลฟ์ถึงต้องเรียกประชุมด่วนถ้าแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีข่าวร้ายอน่ๆ เพราะเอลฟ์หาข่าวได้เร็วที่สุด
“เรื่องที่เราจะบอกก็คือ ..”คาร์รันรีบบอกเหตุผลที่เขาเชิญผู้นำทั้งหมดมาทันที
ความคิดเห็น