คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : อดีตไม่หวกลับ
7. อดีตไม่หวนกลับ
“หากย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ก็คงจะดี คงมีหลายคนคิดแบบนี้ จะว่าไปทุกคนก็มีเรื่องที่อยากจะย้อยเวลากลับไปแก้ไขด้วยกันทั้งนั้นแหละ แม้แต่ตัวข้าฟีมัสเทพแห่งความตาย ก็มีเรื่องราวที่อยากกลับไปแก้ไขเช่นกัน และถ้าย้อนไปได้จริงๆ ข้าจะทำให้สิ่งนั้นไม่มีทางได้เกิดขึ้น...... แต่ข้ารู้..... ว่ามันไม่สามารถจะแก้ไขได้......ข้าจึงได้แต่ระรึกถึงวันเก่าๆ...... อ่า ใช่แล้วข้าลืมไปได้อย่างไรว่าจุดเริ่มต้นของมันได้เริ่มขึ้นมาได้อย่างไร”
ย้อนเวลากลับไปสมัยที่พึ่งรบกับบรรดาปีศาจเสร็จตอนนั้นมนุษย์เหลือเพียงหนึ่งในสิบจากเดิม พวกเรารวบรวมกำลังพลครั้งสุดท้ายไปรบกับมันและสุดท้ายก็ขับไล่พวกมันกลับโลกของมันไปได้ เวลานั้นเป็นเวลาข้าที่ข้าไม่อยากจะจดจำมากจริงๆ ข้าได้เสียเพื่อนและคนที่ข้ารักไปจนเกือบหมด เหลือเพียง เนียร์ และ ฟาริล เมื่อสงครามจบสันติก็กลับมาอีกครั้งและเวลานี้แหละเป็นเวลาที่ข้าอยากจดจำจริงๆ แต่สันติของข้าก็อยู่ได้ไม่นาน
แต่แล้วจนวันหนึ่งที่มีผู้หญิง คนหนึ่งเดินมาหาข้ากับฟาริล ยัยคนที่ที่อ้างชื่อว่าตนคือ มารีน เพื่อนข้าที่ตายไปตอนสงครามปีศาจ ตอนแรกข้าก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่แต่พอเห็นพลังทำนายอนาคตของหล่อนข้าก็แทบจะเชื่อทันทีเพราะมารีนมีพลังในการมองเห็นอนาคต แต่ที่สร้างความแปลกใจกับข้าและฟาริลแปลกใจคือนางได้ยิ้มและกวักมือแรกเหมือนให้เราเดินตาม แต่พอข้าเดินตามมาได้สักพักนางก็โยนกุญแจมาให้ข้ากับฟาริลคนละดอก ซึ่งพอข้าเห็นก็รู้ทันทีว่ามันเป็นกุญแจประตูสวรรค์ และนางก็เปิดประตูมิติสวรรค์พาข้ากับฟาริลไป
นางพาข้ากับฟาริลเข้าแดนสวรรค์อย่างลับๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ค่อยจะลับสักเท่าไหร่แต่เพราะตลอดทางนางเดินทักทายเทพที่เดินสวนมาตลอดซึ่งเวลานางทักเทพแต่ละองค์ก็ทำหน้าแปลกใจนิดๆ ข้าก็คิดว่าเพรานางชอบเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเล่นแกล้งคนไปวันๆ เพราะตอนนางอยู่ที่โลกมนุษย์ก็ชอบเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเล่นเพื่อไปหลอกคนอื่น
“มารีนจะดีหรอ เล่นพาข้ากับฟาริลมาในมิติสวรรค์แบบนี้ เดียวมาโฟสเห็นแล้วจะยุ่งนา”
“เปล่าฉันแค่ให้กุญแจแล้วก็เปิดประตูกลับสวรรค์ แต่นายตามาเอง”
ตอนนี้ข้าเชื่อทันทีว่าเป็นนางคำพูดที่ปัดความผิดได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่ถึงจะอย่างนั้นข้าก็ยังกลัวมาโฟสจะเห็นอยู่ดี แต่พอเดินตามาสักพักข้านางก็มาหยุดตรงที่วิหารกลางฟ้า แล้วนางก็เดินผ่านเข้าไปพร้อมกับเปลี่ยนใบหน้าคืนให้เหมือนเดิม แต่พอข้ากำลังจะเดินตามเข้าไป ก็เหมือนกับโดนม่านพลังบางอย่างพลักข้ากับฟาริลกระเด็นออกมาข้า ฟาริลจึงบอกกับข้าว่าให้จับตาดูอย่างเงียบๆ ดีกว่าและข้าก็เห็นด้วย
“มารีน เจ้ามาช้าไปนะ”เสียงอันทรงอำนาจของมาโฟสดังขึ้นทำให้ทั้งห้องเงียบกริบทันทีแต่มารีนกลับตอบกลับอย่างหน้าระรื่น
“แหม อีกตั้งสิบหกวินาที กว่าจะเริ่มประชุม มาช้าอะไรกัน”มารีนเล่นมุขงี่เง่าเรียกเสียงหัวเราะจากเทพองค์อื่นได้บ้างโดยเฉพาะเวนอลที่นั่งข้างๆ แต่ไม่ใช่มาโฟสที่นั่งมือสั่นด้วยตวามโกรธ แต่ก็ก็ต้องสงบสติลง
“งั้นขอเริ่มประชุมนับแต่ตอนนี้”มาโฟสประกาศอย่างกึกก้องพร้อมกับมีเสียงเทพอีกองค์หนึ่งดังขึ้นมาทันที เมื่อมาโฟสประกาศจบ
“ข้าขอเสนอให้ ท่านทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์แล้วก็โลกปีศาจซะ แล้วก็เลิกยุ่งกับโลกปีศาจแล้วก็โลกมนุษย์ซะ”เทพองค์หนึ่งที่มีผมสีดำสนิท ทั้งร่างซีดเสียวราวกับซากศพ เอ่ยขึ้นทำให้ข้าต้องสงสัยข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเทพชอบมายุ่งกับโลกมนุษย์
“ไม่”มาโฟสปฎิเสธเสียงแข็ง
“เพราะอะไรละท่านกลัวว่ามนุษย์จะมีอำนาจล้มล้างสวรรค์งั้นหรอ”เทพองค์นั้นถามซึ่งมันก็จี้ใจดำมาโฟสพอดี
“ใช่ท่านเทพแห่งการกำเนิด ลาเกล”มาโฟสมองลาเกลด้วยความเบื่อหน่าย“ข้าไม่อนุญาตที่จะให้ทำลายสิ่งที่สวรรค์ก่อสร้างขึ้นมา”
“แหม ท่านมาโฟสท่านยังไม่รู้เหตุผลเลยนะว่าทำไมท่านเทพลาเกลถึงจะทำลายมัน”มารีนเอ่ยขัดขึ้นทำให้เทพหลายคนเริ่มเห็นด้วย
“......ว่ามา”มาโฟสบอกแบบปัดรำคาญ
“ตอนนี้โลกมนุษย์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากที่ปีศาจมาโจมตี ไหนจะสูญเสียประชากรไปร่วมเก้าในสิบ ถ้าขืนท่านยังจะคิดควบคุมมนุษย์ต่อ จะทำให้เกิดการการแตกแยกของเผ่าพันธุ์ ทั้ง 6 เผ่าใหญ่ และเผ่าอื่นๆ ที่อยู่บนโลกตอนนี้เพิ่งกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซ้ำยังเผ่ายักษ์ที่เป็นหนึ่งใน 6 เผ่าใหญ่ก็เกือบสูญพันธุ์ไปเพราะความโง่ของพวกมันที่ไปร่วมมือกับปีศาจ นี่ท่านจะให้มิติโลกมนุษย์แตกสลายไปรึไง”ลาเกลร้องบอกกับมาโฟสและสามารถทำให้เทพหลายองค์เริ่มรู้สึกถึงความอันตรายของมัน เพราะถ้าโลกมนุษย์แตกสลายไปมันทำให้ความสมดุลของสามโลกที่มีมานับพันนับหมื่นปีสลายไปทันที
“เหตุผลใช้ได้”มาโฟสที่ไม่ได้ฟังอะไรแต่แรกแล้วชมเล็กน้อย
“แต่ก็ต้องฟังเสียงของเทพองค์อื่นๆ ด้วย”
เหตุผลที่ลาเกลพูดมามันช่างเป็นเหตุผลที่ดีเยี่ยมแต่ทำไมล่ะ ทำไมมาโฟสถึงยังต้องฟังเสียงของเทพองค์อื่นๆ ด้วยตอนนั้นข้าแปลกใจมากทีเดียวแต่เมื่อฟาริลชี้ให้ข้าเห็นพลังที่มาโฟสปล่อยออกมาในรุปแบบออร่าทำให้เห็นทันทีว่ามาโฟสกำลังที่จะข่มขู่เทพองค์อื่นๆ
“ใครเห็นด้วยกับการทำลาย วิหารส่องภพ กระส่องหล้า ตำหนักใต้โลก ยกมือขึ้น”มาโฟสตะโกนประกาศแต่มารีนก็พูดสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านลืม เครื่องควบคุมกลไกอนาคตไปนะ”
ยัยมารีนเอ่ยอย่างรู้ทัน แต่เอ๋......เครื่องควบคุมอนาคตงั้นหรอ ข้าเป็นเทพมาตั้งสามพันกว่าปีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีเครื่องพรรณนี้อยู่บนสวรรค์ด้วย
“อ่า....ใช่ข้าลืมไปได้ไง”มาโฟสทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้แบบแสแสร้งสุดๆ
“เอาล่ะใครเห็นด้วยให้ยกมือขึ้น”
พอมาโฟสพูดจบก็มีเพียง เทพลาเกล เวนอล อัลฟ่า คาเรีย และก็ยังมีมารีนที่ยกมือสลอนแถมยังทำท่าโบกไม้โบกมือ ถ้าข้าดูไม่ผิดยัยนั่นโบกมือมาทางข้า นั่นนางโบกมือให้ข้ากับฟาริลงั้นหรอ บ้าน่านางจะรู้ได้ไงว่าข้ากับฟาริลอยู่ตรงนี้ และข้าก็ได้แต่ก็ความสงสัยนั้นไว้ในใจ
“แล้วคนอื่นล่ะ???”มาโฟสถามแบบข่มขู่ ทำให้เทพหลายองค์ที่จะยกมือต้องหยุดมือค้างเอาไว้
“ใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างเคยเลยนะ”
ยัยมารีนบอกกับมาโฟสพร้อมกับยิ้มมาทางข้า.....อีกแล้ว??? นางรู้แน่ๆ ว่าข้ากับฟารลอยู่ตรงนี้ แล้วน่ารู้ได้ไง ถ้านางรู้.....มาโฟสก็ต้องรู้สิ ทำไมมันไม่รู้ตัวเลย หรือว่ามาโฟสกำลังสันใจอย่างอื่นอยู่....อ๊ะ จริงสินางเห็นอนาคตนี่นา พลังของนางคงมองเห็นข้าเลยรู้สิน่ะ
“ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าทำลายมันไม่ได้”มาโฟสถึงจะถูกมารีนจี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังถือไพ่เหนือกว่าเลยยังยิ้มออกมาอยู่ได้
“แต่ตอนนี้คงไม่ได้หรอก”คาเรียขัดมาโฟสจนหน้าเสีย
“มีอะไรอีกล่ะ”
ตอนนั้นแหละ ข้าได้เห็นสีหน้าแปบกใจของมาโฟสเป็นครั้งแรก มันช่างดูแปลกตาเหลือเกิน ฮ่าๆๆๆ
“ก็แค่เมื่อวาน ฉันลองท่าจู่โจมใหม่น่ะ.....พลังน้ำมันสูงจนฉันคุมไม่อยู่มันก็เลย ท่วมตำหนักใต้โลกจนจมหายไปแล้ว”คาเรียตอบแบบยิ้มหน้าบาน ทำให้มาโฟสถึงกับโกรธจัดทันที
ถ้านั่นข้ามองไม่ผิด คาเรียจู่ๆ ก็โดนอักขระแปลกๆ ค่อยๆ ไหลมาขึ้นรอบตัวจนเกิดรอยสักรอบตัว แล้วรอยสักนั้นก็ส่องแสงสว่างจ้า พอแสงสว่างนั้นจะหายไปทั้งคาเรียและแสงสว่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือเพียงเก้าอี้คาเรียที่เปื้อนเลือด.....!!!!
“ตาแก่.....เกินไปแล้วนะ”มารีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบจนแม้แต่ข้าก็อดกลัวไม่ได้ ว่านางจะคิดทำอะไร
“ใครแก่ห๊า”มาโฟสตะโกนอย่าเหลืออดพร้อมกับซัดพลังออกจากมือจนเกิดเป็นคลื่นพลังสูงกว่าสองเมตรพุ่งเข้าใส่มารีน
แต่เกิดสิ่งปกติตรงหน้ามารีนมีดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏต้องหน้านางก่อนที่ดวงตานั้นจะดูดลำแสงของมาโฟสเข้าไปในดวงตาจนหมด ก่อนที่ดวงตานั้นจะปรากฏตรงหน้ามาโฟสโดยที่ลูกตานั้นหันมาทางหน้ามาโฟสอย่างจังพร้อมกับยิงลำแสงที่มาโฟสปล่อยมาสวนคืน
ตูมมมมม
มาโฟสถึงกับกระเด็นหน้าหงายไป แต่ส่วนเทพที่นั่งอยู่รอบๆ ร่ายเวทป้องกันตัวเองเอาไว้ทัน วึ่งนั่นทำให้ข้าแทบจะหัวเราะออกมาเพราะข้าเห็นร่างมาโฟสลอยไปชนผนังวิหารกลางฟ้าทำให้วิหารที่อยู่ส่วนตรงนั้นบางส่วนได้ถล่มลงมาทับมาโฟสทันที
“เกราะแห่งอนาคต นี่เจ้าคิดต่อต้านข้ารึ”มาโฟสร้องอย่างโกรธเกรี้ยว จนทำให้ข้าอดผวาไม่ได้
“จำเอาไว้ นี่คืออนาคตของโลกมนุษย์ที่ข้าจะให้เป็นไปตามคำข้า โลกมนุษย์ต้องเกือบล่มสลาย ด้วยฝีมือของ ฟาริล สงครามครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น 6 เผ่าใหญ่จะต้องสูญพันธุ์ไปหนึ่งเผ่าดั่งที่เมื่อก่อนมีอยู่ 7 เผ่าใหญ่ การสูญเสียครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นเราแค่จัดการฟาริล เผ่าเทพจะได้รับการบูชาตลอดการจากพวกมนุษย์หน้าโง่”มาโฟสร้องบอกทุกคนด้วยเสียงทรงอำนาจ ตอนนั้นแม้แต่แรงยืนข้าข้าก็ไม่มีข้าไม่รับรู้อะไรอีกแล้วความรู้สึกสุดท้ายของข้า.....ข้าหันไปมองฟาริลแต่ทว่าฟาริลกลับหายไปจากที่นั่นแล้ว.....ฟาริลจะได้ยินมันไหมตอนนั้นข้าได้แต่เพียงถามตัวเอง ราวกับร่างกายข้าไร้น้ำหนักข้าไม่สามารถพูดและรับรู้อะได้อีก จนกระทั่งข้ารู้สึกตัวอีกทีข้าก็กลับมาที่ห้องของข้ากับฟาริล ซึ่งตอนนี้ฟาริลก็หายไปแล้วเหลือเพียงห้องว่างเปล่าที่ถูกรื้อของออกไปจนเกือบหมดห้อง....... เหลือแต่เพียงเครื่องใช้ในห้องและคทาเจ็ดวิญญาณของข้าเท่านั้น......
..........................................................
ณ หุบเขาแห่งหนึ่งที่ร้างปราศจากผู้คน เป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความร่มรื่น แต่ด้วยความที่อยู่ใจกลางหุบเขาทำให้น้อยคนนักที่จะผ่านมา แต่ถ้าผ่านมาอาจจะถึงกับลืมไม่ลงในความสวยงามของมัน ลำธารเล็กๆ ที่ไหลตัดหน้าผาด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งพร้อมกับต้นไม่น้อยใหญ่ที่ขึ้นมาแต่ไม่รกเหมือนป่าน และมีทุ่งหญ้าเรียบๆช่างน่าเป็นที่พักผ่อนเหลือเกิน นับแต่วันนั้นสถานที่นี้ก็กลายเป็นที่ที่จารึกเอาไว้ว่ามีการต่อสู้ของบุรุษสองคนที่ผ่านเนินนานนับพันปีเหลือไว้เพียงความทรงจำของผู้ต่อสู้และร้อยร้าวบนหน้าผาอันยิ่งใหญ่.......
.......กาลเวลาได้ผ่านไปจนกระทั่งบัดนี้อดีตที่ไม่น่าจะหวนคือได้กลับมาอีกครั้ง ราวกลับตอกย้ำเหตุการณ์ในอดีตชายทั้งสองคน ที่ควรจะตายไปแล้วได้กลับมายืนหยัดอยู่ตรงหน้ากันอีกครั้งการต่อสู้ครั้งนี้ จะทำให้สถานที่นี้ต้องจดจำไปอีกนานเท่าไหร่...... และเมื่อไหร่การต่อสู้นี้จะจบลง....... ใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะเป็นผู้แพ้.....
“เวลานั้นช่างไม่น่าจดจำเลยนะฟีส”เสียงของฟาริลดังขึ้นทำให้ฟีมัสรู้สึกตัวจากอดีตที่ลืมไม่ลง
“ฟาล”ฟีมัสนั่งทรุดตัวลงอย่างหมดแรงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สู้ แต่จิตใจของเขาก็ยอมแพ้ซะแล้ว เขาไม่อาจเอาชนะฟาริลเพื่อนสนิทของเขาได้ แม้แต่จะฆ่าทั้งๆ ที่มีโอกาสแต่ก็ฆ่าไม่ลง
“ดาร์ค โลเคเซีย”ฟาริลเห็นโอกาศที่ฟีมัสกำลังนั่งเงียบอยู่โจมตีทันที เป็นลำแสงสีดำสนิทแต่เมื่อเมื่อจะถึงตัวฟีมัสก็มีลำแสงสีขาวอีกเส้นพุ่งสวนออกมาจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง
“ยังมีกำลังใจจะสู้อีกเรอะ”ฟาริลแยกเขี้ยวใส่ฟีมัสทันที
ฟีมัสกลับไม่พูดอะไรเพียงหยิบอาวุธที่ฟาริลไม่คิดว่าจะมีติดตัวออกมาโจมตีใส่ฟาริลทันที
ปังๆๆๆๆ
ฟาริลได้แต่กระโดดหลบกระสุนของฟีมัสอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากโดนสาดกระสุนเข้าให้ทำให้รู้ว่าเดียวนี้ฟีมัสเริ่มพกปืน แต่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาทำให้ฟาริลถึงกับเครียดหนัก
“ลอร์ด โคเมท ติ่ง”ฟีมัสเอ่ยช้าๆ ทีละตัวพร้อมกับวงแหวนเวทนับร้อยปรากฏขึ้นทันใดนั้น ฟาริลรุ้สึกเหมือนกับหายใจไม่ออกแต่พอรู้ตัวอีกทีเขากำลังติดอยู่ในมหาเวทแรงดันอากาศ ลอร์ด โคมเมต ติ่ง และตอนนี้ร่างกายเริ่มปริแตกและ!!!!
ตูมมมมม
ระเบิดแรงดันอากาศขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับดูทุกสิ่งรอบข้างเข้าไปทั้งต้นไม้และหินที่อยู่รอบๆ ถูกดูดเข้าไปในใจกลางระเบิดจนหมดเหลือแต่เพียงและหลุมขนาดใหญ่และร่างโชกเลือดของฟาริลที่กำลังฟื้นตัวด้วยร่างของเทพ
“โหทำได้ไงอะ ขนาดฉันลองใช้ร่างเทพแล้วยังทำไม่ได้เลย- -”ฟีมัสถามอย่างแปลกใจทำไมฟาริลทำได้แต่เขากลับทำไม่ได้
“คนที่ไม่ได้ยอมรับในพลังของเทพอย่างแกจะทำได้อย่างไร เพราะแกเป็นเพียงคนเดียวที่ปฏิเสธพลังแห่งเทพ เพราะแกไม่ใช่หรอที่ไม่ยอมใช้พลังออกมาจนทำให้รีน่าต้องตายจนวิญญาณเกือบสูญสิ้นนะ”ฟาริลร้องตะโกนอย่างลืมตัวด้วยความโกรธที่สะสมไว้ถึงขีดสุดจนต้องระบายออกมาโซ่เส้นสุดท้ายที่ตรึงจิตใจเขาไม่ให้หันเข้าไปสู่ด้านมืดถึงกับขาดสะบั้นลงตอนนี้ฟาริลได้หันหาความมืดเต็มตัวแล้ว และต่อไปนี้เขาจะไม่ชายที่นามว่าฟาริลอีกต่อไป
“คารีม่า”ฟาริลร่ายเวทลำแสงใส่ฟีมัส
“โอยยย”ฟีมัสร้องอยย่างเจ็บปวดเพราะเขาหลบลำแสงที่ปล่อยออกมาไม่หมด
“สโตน ฟอร์เรส”ฟาริลใช้เวทป่าหินทันที ซึ่งกลายเป็นเสาหินนับร้อยพุ่งทะลุพื้นขึ้นมาด้วยจำนวนมหาศาลของมันมันได้พุ่งชนหน้าฟีมัสจนลอยไปด้านหนึ่งแล้วก็โดนซัดอีกจนลอยไปอีกด้านสุดท้ายก็มานอนจมกองเลือดอยู่ข้างต้นไม้ที่กลายเป็นหินเพราะผลจากเวท สโตน ฟอร์เรส
“แกนะไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่าอุตส่าตีค่าหัวไว้ซะเยอะ”ฟาริลมองร่างของฟีมัสอย่างเหยียดหยาม
“ถ้าทำได้แค่นี้ก็ไปตายซะ”ฟาริลเอ่ยด้วยความดีใจพร้อมกับเงื้องดาบดิสเทอร์แทงทันที
!!ฉึก!!
ดาบดิสทอร์แทงโดนฟีมัสก็จริงแต่ก็เกิดเพียงแผลเท่ามีดบาดเท่านั้นเพราะเลือดส่วนใหญ่ได้มาจากฟาริลเองเพราะฟีมัสได้หลบคมดาบสีทองได้ทันก่อนที่จะใช้หมัดที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณต่อยไปที่ท้องฟาริลทะลุไปเป็นรูโบ๋ ทำให้ฟาริลรีบกระโดดหลบฉากออกมาแล้วใช้พลังฟื้นตัวของเทพและพริบตาเดียวจากอาการบาดเจ็บเจียนตายก็เปลี่ยนเป็นไร้รอยขีดข่วนเหลือเพียงแต่ชุดที่ขาดและเลือดที่เปื้อนเสื้อและพื้นบ่งบอกว่าจุดนั้นเคยก็อาการบาดเจ็บมาก่อน
“หนอยแก”ฟาริลร้องอย่างเจ็บใจที่ฆ่าฟีมัสและเห็นฟีมัสประสานมือเตรียมปล่อยเวทจึงรีบฟาดดาบดิสเทอร์จนเกิดรัศมีออกมาเป้นวงกว้างและคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาได้ผ่านสิงใดก็ทะลุไปจนหมดแต่ฟีมัสก็ลอดใต้คลื่นพลังทันพร้อมกับใช้เวทหยุดไม่ให้ฟาริลฟาดดาบดิสเทอร์มาอีกครั้ง
“แอนโดเมด้า”ฟีมัสที่ลอดใต้คลื่นพลังดาบดิสเทอร์ ใช้โซ่แอนโดเมด้าพุ่งขึ้นมาจากพื้นพันดาบและร่างของฟาริลไว้จนแน่น แต่เพียงฟาริลขยับดาบเบาๆ โซ่แอนโดเมด้าก็สั่นระริกเพราะพลังที่ฟาริลปล่อยออกมาเป็นออร่ามันมหาศาลจนโซ่แทบรัดไว้ไม่อยู่
“เซน คอมโบ”ฟีมัสแสยะยิ้มพร้อมกับร่ายเวทใส่โซ่ทำให้มันรัดฟาริลแน่นขึ้นจนเริ่มีเลือดไหลออกมาตามร่างกาย
“เดสทรอยเยอร์”ฟาริลใช้พลังทำลายของเทพทำลายโซ่แอนโดเมด้าดูแต่ก็ไร้ผลเพราะมันเพียงสั่นระริกคล้ายกับตอนฟาริลปล่อยพลังออกมาเท่านั้น
“เดสทรอยเยอร์”ฟาริลใช้อีกครั้งคราวนี้เริ่มเห็นผลโซ่หยุดสั่นและมันเริ่มร้าวใกล้จะแตก
“เดสทีรอยยอร์”ฟาริลใช้อีกรอบคราวนี้โซ่ที่รัดร่างเอาไว้ได้แตกกระจายไปคนละทิสคนละทาง ส่วนทางฟีมัสก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ที่เห็นฟาริลหลุดออกมาได้
“เหอะอีกแค่โซ่ของเทพวิญญาณ จะทำอะไรข้าได้รึไง อีกอย่างตอนนี้แกเป็นเทพแห้งความตายแล้ว ยังอยากระรึกถึงจำแหน่งเก่าอีกหรอ”ฟาริลถามอย่างแปลกใจเพราะเห็นฟีมัสยังเก็บโซ่เอาไว้แทนที่จะมอบให้เทพวิญญาณรุ่นต่อไป
“ไม่ใช่เรื่องของแก ลอร์ด โคเมต ติ่ง”ฟีมัสชักเริ่มรำคาญจึงใช้มหาเวทระเบิดแรงดันอากาศใส่ฟาริลทันที
ตูมมมม
แรงระเบิดของเวทดังสนั่นอีกรอบแต่คราวนี้ฟาริลใช้เวทเคลื่อนย้ายออกมาทันพร้อมกับวิ่งเข้ามาเตะเสยหน้าฟีมัสจนหน้าต้องหันไปตามแรงเตะพร้อมกับก้มตัวลงให้ท้องอยู่ในระสายตาของฟาริลและทันใดนั้นฟาริลก็ไม่ได้รวมพลังอะไรได้แต่ต่อยหมัดลุ้นๆ ใส่ท้องของฟีมัสจนลอยไปชนหน้าผาทันทีจะทำให้หินบางส่วนถูกแรงระเบิดจนถล่มลงมาทับฟีมัสเอาไว้ทันที
“เฮอะยังไม่ตายอีก”ฟาริลมองฟีมัสที่กำลังลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“ฉันจะตายไม่ได้ ถ้าฉันยังไม่สามารถฉุดนายกลับมา”ฟีมัสพูดอยากเจ็บปวดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“’งั้นก็ไปตายซะเจ้าคนโง่ มัวแต่ยึดติดกับอดีต”ฟาริลร้องออกมาพร้อมกับซัดดาบดิสทอร์ใส่ฟีมัสจนกระเด็นไปตามคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาแต่ฟีมัสก็ยังพุ่งมาหาฟีมัสทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ได้”ฟีมัสพุ่งเข้ามาหาฟาริลเพราะเขารู้ว่าทางเดียวที่จะฉุดฟาริลกลับมาได้ต้องให้ฟาริลรู้จักกับความพ่ายแพ้ซะก่อน
“เฮอะคิดว่าจะทำอะไรได้ อาราเวลีส”ฟาริลรู้ว่าฟีมัสจะต้องพุ่งมาจึงเตรียมร่ายเวทเคลื่อนย้ายเอาไว้ และเมื่อพุ่งมาถึงฟาริลก็ปล่อยเวทเคลื่อนย้ายให้โพล่มาด้านหลังฟีมัสทันทีและโดดถีบหัวฟีมัสจนหน้ากระแทกพื้น
และท่านกลางสติที่เลือนรางของฟีมัสคำพูดของฟาริลก็ดังขึ้น
“สุดท้ายแกก็ไม่สามารถเอาชนะฉันทุกอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เหมือนกับอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับ”ฟาริลเอ่ยขึ้นขณะมองมายังฟีมัสที่นอนอยู่บนพื้นดิน
“ฉันยังไม่แพ้......ฟาริลจำเอาไว้.....ซักวันฉันจะทำให้นายแพ้ฉัน.....และนายก็จะต้องกลับมาฉันและคนอื่นๆ พร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่นายทำ......”ฟีมัสขยับปากอย่างยากลำบากท่านกลางสติที่เลือนลางและเขาก็ได้สลบไปรวมทั้งฟาริลที่หายไปจากที่นั้น......
ความคิดเห็น