คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บุกนครเอดาเฟีย
4. บุกนครเอดาเฟีย
“สรุปคือนายจะเอาไอ้ผลึกนั่นนะหรอ”คูสลินถามขึ้นอีกขณะที่กำลังเลือกหาที่พักกันอยู่
“ใช่อีกสองก้อนก็ครบแล้ว”ฟีมัสตอบอย่างยิ้มแย้ม
“เราจะไปลุยกันก่อนเลยไหมล่ะ”โครเซ่เอ่ยขึ้นมา
“อย่าดีกว่าวันนี้เราเจออะไรกันมามากพอแล้ว ถึงฉันจะรู้จักพวกนายไม่ถึงวัน แต่ฉันเชื่อใจพวกนายนะ”ฟีมัสตอบด้วยสีหน้าเงียบสงบและคำพูดนี้ทำให้ทั้งสามเชื่อใจเขาได้อีกนาน
.....................................
“โอ้สบายอะไรอย่างนี้”คูสลินร้องขึ้นอย่างสบายตัวเมื่อเขากระโดดลงไปนอนบนเตียงของโรงแรมที่พวกเขามาพัก แล้วมันจะไม่ให้ไมสบายได้ไงล่ะ นี่มันโรงแรม 5 ดาวที่มีชื่อที่สุดในเอดาเฟียนี่นา
“หลังจากเหนื่อยมานาน แบบนี้สิเรียกว่าสวรรค์”คูสลินเริ่มเพ้อ
“ไม่คิดว่ามันจะสบายแบบนี้”คูสลินเริ่มเพ้อหนักขึ้น
“คูสลิน”ทั้งสามตะโกนลั่นเพื่อให้คูสลินหยุดเพ้อเนื่องจากรำคาญ แต่ว่า......
“นี่ล่ะการพักผ่อนที่ดีของชีวิต”คูสลินก็ยังเพ้อต่อไป
“ฟีมัส สรุปเราะเข้าไปเอดาเฟียกันตอนไหน”โครเซ่เริ่มถามฟีมัสเป็นคนแรก และปล่อยให้คูสลินเพ้อไปคนเดียวแต่พอเสียงของโครเซ่ถามฟีมัสดังขึ้นคูสลินก็หยุดเพ้อทันที
“นั่นสิ”บลาสร่วมผสมโรงเข้าอีกคน
“เอาสักสิบโมงไหม”ฟีมัสยิ้มขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะไปตอนไหนทำเอาทุกคนหน้าถอดสีไปเหมือนกัน
“นี่นาย......คิดจะลองฝีมือกับพวก 5 ขุนพลปีศาจหรอ”บลาสเอ่ยเสียงสั่นเพราะ 5 ขุนพลปีศาจเป็นสิ่งที่อันตรายแบบสุดๆ เพราะพวกมันได้ชื่อว่ามีฝีมือเหนือมนุษย์
“แบบนี้น่าลองแหะ 5 ขุนพลปีศาจกับมนุษย์จุติเทพสู้กันชักอยากลองแล้วแฮะ”ฟีมัสยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็นทำเอาทั้งสามเริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยดีขึ้นมา
.................................
ในที่สุดเวลาที่ฟีมัสรอคอยก็มาถึง......10 โมงเช้า เวลาที่ประวัติศาตร์เอดาเฟียต้องจารึก ชายสี่คนกำลังจะเข้าไปฉกสิ่งที่เรียกว่าสัญลักษณ์แห่งภาคกลางออกมาจากนครเอดาเฟีย......
“หยุดเดียวนี้พวกเจ้าเป็นใครจะเข้ามาทำอะไร”นายทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งร้องทักทั้งสี่เอาไว้
“จะตอบว่าไง”บลาสกระแซะเข้ามาถามฟีมัส
“ว่าไงดีอ่ะ เอ่อมา.....ขโมยสัญลักษณ์แห่งภาคกลางละกัน”ฟีมัสยิ้มให้กับนายทหารคนนั้นก่อนที่เขาจะล้มลงไปเพราะฟีมัสใช้พลังทำลายประตูทางเข้าจนปลิวไปเกือบสิบเมตรพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปในปราสาทอันยิ่งใหญ่ของเอดาเฟีย.......
“เอาแบบนี้จนได้”โครเซ่เอามือตบหน้าผากที่นึงก่อนที่จะลากดาบด้ามโตเข้าไปในปราสาทซึ่งเขาเดินไปคนล่ะทางกับฟีมัส
“นายไปจะไหนนะ”บลาสร้องทักไว้
“แหมมาทั้งที เราแยกทางไปเดินเล่นนิดหน่อยไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า”โครเซ่ตอบอย่างยิ้มแย้มเพราะคูสลินก็เห็นด้วย
“เออตามใจ”บลาสเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนจะแยกตัวออกมาเพราะเขาก็อยากจะลองฝีมือกับ 5 ขุนพลปีศาจเหมือนกัน
........................................
“จับมันไว้”ทหรเอดาเฟียหลายคนร้องสั่งในทหารนับสิบวิ่งเข้าไปจับโครเซ่แต่เขาก็เพียงยกดาบนิดๆ ก็ตวัดร่างของทหารเหล่านั้นขาดเป็นสองท่อน
“ไม่มีอะไรสนุกกว่านี้แล้วหรอ”โครเซ่พูดอย่างเบื่อหน่าย
“งั้นแกมาเล่นกับฉันดีไหมล่ะ”เสียงของสายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อโครเซ่หันไปมองจึงเห็นว่าเขาใส่ชุดเกราะทั้งตัวในมือถือดาบเล่มพอๆ กับเขาและผ้าสีแดงที่ขาดไหล่ซ้ายไว้มันเป็นสัญลักษณ์ของ 5 ขุนพลปีศาจ!!!!
“นาย......ซาเรส ฟาดีมัส หนึ่งในขุนพลปีศาจสินะ”โครเซ่เอ่ยขึ้นราวกับรู้จักเป็นอย่างดี
“ไม่คิดเลยนะครับว่าเราจะต้องสู้กัน ราชาโครโรเซีย(นามสกุลโครเซ่) แห่งมัลลาเซีย”ซาเรสเอ่ยอย่างสุภาพพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาโครเซ่อย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้
เคล้งงงงงง
เสียงดาบทั้งสองปะทะกันดังลั่นพร้อมกับร่างของทั้งองได้หายไปจากจุดนั้น
“เคยได้ยินว่าว่าราชาโครโรเซียมีความสามารถในการใช้ดาบพอตัว แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เกินคาดจริงๆ”ซาเรสบุนอุบอิบพลางหลบดาบของโครเซ่ที่ฟาดกระหน่ำมาอย่างไม่หยุด
“แต่......ท่านยังก้าวข้ามไม่ได้หรอครับ”ซาเรสยิ้มขึ้นมาพร้อมแทงเข้าไปยังจุดบอดที่โครเซ่ได้ทำไว้เพราะตอนนี้เขากำลังดึงดาบที่ติดอยู่ในพื้นออกมาทำให้การเคลื่อนไหวช่วงนั้นชะงักลงแต่ว่าเมื่อดาบของซาเรสมาถึงโครเซ่ก็เอี้ยวตัวหลบอย่างง่ายดายราวกับการแทงของซาเรสเป็นภาพสโลโมชั่นที่แทงมาอย่างช้าๆ
“อะไรกัน มองทันความเร็วของฉันหรอ”ซาเรสร้องอย่างแปลกใจเพราะดาบของเขาได้พุ่งผ่านร่างของโครเซ่อย่างเฉียดฉิว
“ช้าเป็นเต่าเลยนี่”โครเซ่เอ่ยขึ้นพลางลากดาบเข้ามาหาซาเรสอย่างรวดเร็วแต่ว่า
“ในสถิติของผม มีคนเคยทำแบบนี้ได้ครั้งเดียวและหมอนั่นก็อยู่ด้แค่5นาทีดูสิครับว่าท่านจะอยู่ถึงนั่นรึเปล่า”ซาเรสสะแยะยิ้มอย่างน่ากลัวพร้อมกับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าครั้งใดๆ
ฉึก.....ดาบของซาเรสพุ่งทะลุท้องของโครเซ่ไปแต่โครเซ่ก็ยังไม่ล้มเพราะเขาหาจังหวะที่คิดว่าการเคลื่อนไหวของซาเรสจะต้องหยุดลงและมันก็คือเวลานี้.......
“หือ ไม่น่ะ”ซาเรสร้องเสียงหลงทันทีเมื่อเห็นโครเซ่สวนดาบมาทางเขาแต่ร่างของโครเซ่กลับล้มลงกับพื้นเพราะการแทงของซาเรสก็สร้างอาการบาดเจ็บไว้มากที่เดียว
“เกือบแล้วอีกนิดเดียวถ้าท่านยังมีแรงอยู่อีกนิดผมคงตายไปแล้ว”ซาเรสเอ่ยขึ้นมาลอยๆ พร้อมกับลากร่างโครเซ่ไปตามทางเพื่อจัดการคนอื่นๆ ต่อจะเห็นรอยเลือดที่ออกมาจากร่างขอโครเซ่เป็นทางยาวตลอดทางที่ซาเรสได้เดินผ่าน.......
..................................................
“ธันเดอร์ สตรอม”บลาสร่ายเวทพายุสายฟ้าออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการทหารของเอดาเฟียตรงหน้าให้หมดไวๆ แต่กลับมีชายผู้หนึ่ง่ายคาถาสวนออกมาทำให้พายุสายฟ้ทำอะไรแทบไม่ได้เลย
“หือ นาย.....”บลาสมองไปยังชายผมแดงข้างหน้าอย่างแปลกใจเพราะที่แขนซ้ายเขาได้ผูกผ้าสีเขียวไว้คล้ายๆ กับซาเรส และที่แปลกใจที่สุดทำไมชายผู้นั้นต้องใส่หน้ากากตัวตลกมาด้วย
“คงรู้จักผมสินะครับ”ชายคนนั้นเอ่ยอย่างอวดภูมิ เพราะเขาคิดว่าใครๆ ก็ต้องรู้จักตัวเขาเองแต่สิ่งที่บลาสพูดออกมากลับผิดคาด
“นาย.....เป็นใครกัน”บลาสพูดขึ้นพลางยังจ้องมายังเขาและนั่นมันทำให้เขาฉุนกึกทันที
“นี่มันไม่รู้จักฉันงั้นสิ”
“อื่อแล้วน่าจะบอกไหมนี่ บอกแล้วน่าว่าไม่รู้จัก”บลาสเอ่ยต่อทำเอาคนตรงหน้าประสาทแทบเสีย
“คนดังๆ อย่างข้าไอ้บ้านี่กลับไม่รู้จักงั้นหรอ”เขาพูดออกมาอย่างหัวเสียทั้งๆ ที่พยายาเก็บอารมณ์เข้าไว้
“แหงล่ะ ใส่หน้ากากเห็นตัวตลกแบบนั้นใครจะไปรู้ฟะ ว่าใคร”บลาสชี้หน้าด่าทันทีเพราะมันไม่ใช่ความผิดของเขานี่
“บลาส.....ใส่หน้ากากแบบนี้คงไม่คุ้นใช่ไหมล่ะ”ชายผู้นั่นจู่ๆ ก็เรียกชื่อบลาสออกมาทำให้บลาสเอ๊ะใจว่าเขาเป็นใครแต่พอเขาถอดหน้ากากออกมา เมื่อบลาสเห็นนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนนั้นบลาสก็ร้องเสียงหลงทันทีไม่ใช่เพราะความตกใจแต่เป็น.......ความกลัว
“ท่าน.....เฟดีมา”บลาสเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกันคุกเข่าทันที
“หึๆๆ บลาสจงตายซะเถอะ”เฟดีมาชี้คทามายังบลาสพร้อมกับร่ายเวทมายังร่างนี่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“ลาก่อนบลาส ธันเดอร์ บีม”ลำแสงสายฟ้าของเฟดีมาพุ่งออกมาจากคทาอย่างรวดเร็ว แต่พอมันจะถึงร่างบลาสเขาก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว
“ท่านเฟดีมา อย่าคิดว่าผมจะฆ่าท่านไม่ได้นะครับ”บลาสเอ่ยออกมาอย่างน่ากลัวพร้อมกีบมีดสั้นเล่มเล็กจ่อตรงคอของเฟดีมา
.............................
“หือ ท่านเฟดีมาก็อยู่ด้วยหรอ”คูสลินร้องอย่างแปลกใจเมื่อรู้สึกถึงพลังวิญญาณของเฟดีมา แต่ขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้นก็ต้องหยุดวิ่งทันทีเมื่อมีชายผมทองชี้โด่ชี้เด่มาขวางเขาไว้ และที่น่ากลัวที่สุดของเขาคือผ้าสีดำสนิทแบบเดียวกับเฟดีมา และซาเรส
“นาย.....รู้จักเฟดีมาได้ไง”ชายผู้นั่นถามคูสลินอย่างไม่ไว้ใจ“อีกอย่างนายเป็นใคร”
“เอ่อ ผมชื่อ คูสลิน วีเดลครับ แล้วที่มานี่ก็คือจะมาขโมยผลึกคอนเทรสที่อยู่ห้องโถงกลาง พอบอกได้ไหมว่าอยู่ไหน”คูสลินลองถามดูทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยงมากๆ กับคำถามนี้เพราะเขาอาจถูกโจมตีได้ทุกเมื่อและก็กำลังจะโดนแน่ๆ แต่คำถามที่ชายผู้นั้นถามกลับมามันเป็นคำถามที่สุดจะเชื่อยากสุดๆ
“นายเป็นญาติกับเฟดีมาหรอ”เขาถามคูสลินต่อ
“ครับ แต่เราเป็นคนคนล่ะชนชั้นของตระกูล ถ้าวัดก็คือ ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ละ”คูสลินพยายามทำตัวให้สงบที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
“อ๋อ อย่างนี้เอง”เขาพยักหน้าราวกับเข้าใจสิ่งที่พูด
“ว่าแต่......นายเป็นใคร”คูสลินพูดจบก็เตรียมร่ายเวททันที
“อ้าวแย่จัง ลืมแนะนำตัวเลยฉัน คอลรีน โคตาส”เขาแนะนำตัวทันที
“หา!!! คอลรีนหรอ”พอคูสลินรู้ว่าเข้าเป็นใครก็รีบก็โดดออกมาห่างๆ ทันทีเพราะบุลคลข้างหน้สถือว่าอันตรายเพราะเป็นหนึ่งในห้าขุนผลปีศาจที่แสนน่ากลัว
“ว้า นึกว่าจะใจกล้า”คอลรีนพูดเล่นออกมาด้วยความเบื่อเมื่อเห็นมือที่สั่นของคูสลิน
“ไม่คิดว่าจะเจอเร็วแบบนี้”คูสลินเอยขึ้นด้วยเสียงสั่นแต่คำต่อไปที่เขาพูดออกมามันเป็นเสียงที่เรียกว่ามั่นใจสุดขีด
“แบบนี้ต้องลองฝีมือสักหน่อยแล้วว่าเก่งจริงรึเปล่า”
“งั้นฉันจะเสนองให้”คอลรีนพูดจบก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทันทีเพื่อไม่ให้คูสลินร่ายเวททันแต่ เขากลับติดกับดังที่คูสลินวางเอาไว้แต่แรก
ตูมมมมม
เสียงระเบิดดังขึ้นตรงหน้าของคอลรีนทันทีทำเอาเขาต้องกระโดดหลบออกมาแทบไม่ทัน แต่ก็ทำให้บาดเจ็บอยู่เล็กน้อย
“บ้าน่าร่ายเวทตอนไหน”คอลรีนแปลกใจไม่น้อยเพราะเห็นคูสลินไม่ได้ร่ายเวทใดๆ เลยสักเวทเดียวแต่พอเข้าไปก็ปล่อยเวทออกมา
“อ้าวนี่ไม่รู้หรอ”คูสิลนถามอย่างแปลกใจและคอลรีนก็พยักหน้าเพื่อบอกว่าไม่รู้แต่เขาก็ยังไม่บอก“ก็ไปนึกเอาเองล่ะกัน”
“แก......พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม”
“ประมาณนั้น”คูสลินตอบกลับ
“ไม่ต้องไปนึกหรอก ไอ้หมอนั่นร่ายเวทจบตั้งแต่มันพูดชื่อแกเสร็จน่ะ แล้วมันก็หน่วงพลังเวทเอาไว้รอแกบุกเข้ามาไง”ซาเรสในสภาพถอดหมวกเกราะหนาออกเอ่ยบอก และการที่เขาถอดหมวกออกทำให้เห็นใบหน้าอันหยาบกร้านและผมสี่แดงฉุดฉาดตัดกับสีที่นัยน์ตาที่ดำสนิท ถึงกระนั้นคูสลินก็ไม่ตกใจเลย แต่เมื่อเขามองไปยังคนที่ซาเรสลากมาก็ถึงกับร้องอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
“ไม่น่ะ”คูสลินร้องอย่างตื่นกลัวเมื่อเห็นคนที่ซาเรสลากมา
“นายมากับหมอนี่หรอ”ซาเรสถามคูสลินแต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว
“โครเซ่......”คูสลินร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับร่ายเวทใส่ซาเรสกับคอลรีนแต่ทั้งสองก็ดูเหมือนรู้ตัวจึงพุ่งตัวเข้ามาหวังจะหยุดคูสลินเอาไว้
..........................................
“เหอะ บุกกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมง เจ้าโครเซ่ก็จอดแล้วหรอ”ฟีมัสถอนหายใจอย่างปลงตกขณะมองเหตุการณ์ผ่านผลึกคอนเทรสที่เขาใช้พลังบางอย่างพลักดันเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“นายสิน่ะที่เป็นผู้นำไอ้กลุ่มพวกนี้นะ”ชายสองคนที่เดินมาเห็นฟีมัสเอ่ยถามขึ้น
“เอ๋ ฉันเป็นผู้นำหรอ”ฟีมัสพูดกับตัวเองอย่างแปลกใจ
“ไอ้หมอนั่นพูดอะไรนะเดลอาเซีย”ชายผมดำเอ่ยขึ้นถามเพื่อนข้างๆ แต่พอฟีมัสเห็นหน้าของของเขาก็อดขำไม่ได้เพราะ ผมดำยาวตรงมาถึงหัวไหล่กับหน้าบานๆ ตาโปนๆ มันตัดกับมากพอดู แต่พอเขาสังเกตดีๆกลับหัวเราะไม่ออกเพราะสัญลักษณ์ห้าขุนพลปีศาจเป็นผ้าสีน้ำเงินพันอยู่ที่แขนซ้าย
“ช่างมันไปเถอะ โคเซีย แต่ที่แปลกก็คือทำไมมีพลังวิญญาณมหาศาลขนาดนี้”เดลอาเซียทักขึ้น ซึ่งเขาก็เป็นห้าขุนพลปีศาจเช่นเดียวกันแต่ที่แปลกก็คือผ้าสีทองของเขาไม่ได้มัดที่แขนกลับเอาไปพันหัวจนบังผมของเขาจนหมดซึ่งดูๆ แล้วน่าใจใหญ่กว่าผืนอื่น
“สงใสวันหลังต้องเก็บพลังบ้างแล้ว”ฟีมัสยิ้มแห้งๆ ขณะคิดในใจเพราะตอนนี้จะเก็บพลังวิญญาณอะไรก็คงไม่ทันเสียแล้ว
“แกเป็นใคร”เดลอาเซียถามขึ้น
“เอ่อผมชื่อ ฟีมัส ฟีเลซัคครับ แต่ดูท่างานหนักนะครับที่มาเจอหัวหน้าขุนพลปีศาจแบบนี้คุณ เดลอาเซีย”ฟีมัสตอบอย่างสุภาพแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะสุภาพแน่ๆ เพราะมันเป็นการต่อสู้อันร้ายกาจอีกครั้งที่เหล่าเทพต้องจับตามอง
ความคิดเห็น