ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟีมัส ฟีเลซัค

    ลำดับตอนที่ #3 : ผลึกคอนเทรส

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 49


    ตูมๆ ๆ ๆ ๆ

                หลังจากการระเบิดครั้งแรกดังขึ้น การระเบิดครั้งที่สอง สาม สี่และก็ห้าเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสียงหยุดลงทั้งสามจึงได้เห็นฟีมัสและฟาริลอีกครั้ง แต่ด้วยสีหน้าเหนื่อยสุดขีดทั้งๆ ที่มีฝีมือระดับสูงแต่ทั้งสองก็เว้นจากการต่อสู้มานานทำให้เหนื่อยกันแบบนี้

                "เก่งขึ้นเยอะเลยนี่ฟาริล ไม่คิดว่าจะพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้ เห็นวันๆก็เอาแต่ควบคุมฉันไปฆ่าคนโน้นทีคนนู้นที"ฟีมัสยิ้มให้ฟาริลด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ฟาริลกลับไม่ยิ้มด้วยเพราะเขายังไม่คิดว่าจะฝ่าการโจมตีประสานการป้องกันของฟีมัสได้อย่างไร

                "ฟีมัส คทานั่นนะกวนประสาทไม่เปลี่ยนเลยนะ"หลังจากที่ฟาริลยืนวิเคราะห์การโจมตีของฟีมัสอยู่นานก็เริ่มเอ่ยขึ้น เพราะเขายังไม่สามารถหยุดคทาที่จะเปลี่ยนเป็นดาบเอาไว้รับดาบของเขาไว้ได้ตลอดเวลา แถมขนาดเปลี่ยนเป็นดาบแล้วมันยังปล่อยเวทได้อีก

                "แหม กวนประสาทหรอว่าซะเสียหายเลยนะ"ฟีมัสเริ่มหยอกกลับเพราะนิสัยขี้เล่นของเขาเริ่มแล้ว ซึ่งนิสัยของเขาใช้กับการต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ หนึ่งการทำแบบนี้ทำให้ศัตรูตายใจคิดว่าเขาจะถ่วงเวลา สองทำให้ศัตรูเดาความสามารถไม่ถูกแถมเรื่องหยอกคนอื่นแบบนี้เวลาจะล้อใครเล่นอาจจะร่ายเวทมนต์ไปในคำพูดที่หยอกออกมาโดยแบบคำเว้นคำทำให้ไม่รู้ว่าจะร่ายเวทอะไรแถมเป็นการลอบสังหารโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

                "แล้วนี่นายคิดจะสู้กับฉันยังไงอะ จะใช้ไฟมาบอมให้ฉันซะเละหรือจะทำอะไรอะ"ฟีมัสเริ่มร่ายเวทพื้นๆ ออกมาแต่แต่ด้วยฟาริลโดนพลังมาเต็มๆ เลยทำให้เขานึกออกว่าฟีมัสจะใช้อะไรสู้

                "หมอนี่เริ่มแล้วหรอ"ฟาริลคิดในใจอย่างอดหวาดเสียวไม่ได้เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นฟีมัสทำแบบนี้ ฟีมัสได้ล่อยิงมหาเวทออกมาถล่มกองทัพนับแสนขณะที่กำลังเจรจากันอยู่

                "ว่าแต่นายจะใช้ผนึกกับฉันรึเปล่าล่ะ"ฟีมัสเริ่มถามขึ้นมาอีกแต่ฟาริลก็รู้ทันจึงกระโดดหลบออกมาแต่.....กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

                "อ้าว เอ๋....."ฟาริลร้องอย่างประหลาดใจเพราะไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย

                "เฮ้พวกนายน่ะ จะนั่งดูกันอีกนานไหมนี่มาช่วยกันหน่อยดิ๊"ฟีมัสหันมาเรียกพวกคูสลินให้มาช่วยเขาสู้แต่ทั้งสามไม่ปฏิกิริยาว่าอยากสู้เลย

                "นายจะบ้าหรอ~~~~นั่นมาร่างเทพจุติเลยน่ะนั่น"คูสลินตะโกนบอกฟีมัสให้ดูศัตรูตรงหน้าให้ดีๆ ว่ามันคืออะไร

                "อ๋อหรออออ"ฟีมัสตอบลากเสียงยาวๆ แบบบกวนประสาทพร้อมกับสลายพลังออกไปจนหมด แล้ววิ่งเข้าไปเตะแขนซ้ายของฟาริลจนแหลกเป็นชิ้นๆ"แล้วที่ฉันอัดมันโดยใช้ร่างมนุษย์เนี่ยนายคิดว่าสู้ได้ไหม"

                "ดะ ได้ๆ"ทั้งสามตอบอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นฟาริลแขนแหลกไปข้างหนึ่งแต่มันก็คืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

                "ไอซ์ซิ่งสตรอม"ฟาริลร่ายเวทออกมาเป็นพายุน้ำแข็งแต่ทั้งสี่ก็กระโดดหลบออกมาจากเขตของวงเวทได้หมดแต่ฟีมัสก็เกือบโดนเลยได้แผลถากๆ ที่หัวไหล่ขวา

                "คูสลิน หมอนั่นมัน....."พอบลาสเห็นเวทที่ฟาริลปล่อยออกมาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

                "หมอนั่นนะลดพลังเวทซะจนเกือบหมดเลย แต่ก็จริงถ้าขืนปล่อยให้พลังออกมาเต็มถ้ำได้ถล่มแน่ๆ"ฟีมัสพูดต่อจากบลาสทำให้โครเซ่ถึงกลับตะลึงแทนเพราะแค่เรื่องถ้ำถล่มไม่น่าจะทำให้ฟาริลกลัวอะไรเลยแต่ทำไมเขาถึงลดพลังเวท

                "ฟีมัส~~~~"ฟาริลครางออกมาเบาๆ"วันนี้ฉันเล่นมามากพอแล้ว.....[b]รอจบสงครามเทพก่อนแล้วฉะนจะมาฆ่าแกด้วยมือฉันเอง[/b]"

                พอฟาริลพูดจบก็เกิดแสงวุบวาบที่ร้างกายแล้วมันก็หุ่มร่างของฟาริลเอาไว้ทั้งตัวแล้วทั้งแสงสว่างนั้นและทั้งฟาริลก็หายไปจากถ้ำนั้นทิ้งไว้เพียงดาบ DEATH ITEM วางไว้กลางถ้ำนั้นโดยไม่มีใครหยิบไป.....

                แต่โครเซ่ตอนนี้ได้หยิบมันไปแล้ว.......!!!!

                        ..................................................

                "โว้ยยยยยย"เสียงไม่พอใจของมาโฟสดังลั่นเมื่อเห็นการต่อสู้จบอย่างง่ายดาย แถมมีมาบอกเป็นนัยๆ ด้วยว่ากำลังมีคนจะเปิดสงครามกับสวรรรค์

                "มีอะไรหรอครับท่านมาโฟส"เอราน วิลและเทพองค์อื่นๆ ถามอย่างสงใส"เราก็ลงไปจัดการฟาริลก่อนสิครับ"

                "ไม่ได้"มาโฟสห้ามเสียงแข็งแต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร......แล้วมันจะไม่แปลกได้ไงล่ะ ที่ฟาริลบอกมันไม่ใช่ตัวของฟาริลที่จะทำสงคราม.......แต่มาโฟสเองต่างหากที่คิดจะโค่นบัลลังก์ของรีน่าตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งรักษาการกษัตริย์แห่งเทพเจ้าทั้งปวง เพราะอะไรนะหรือก็เพราะตำแห่งมันก็แค่ชื่อลอยน่ะแหละเพราะไม่ค่อยมีใครเชื่อถือเขาเลยเพราะเทพเวนอลดูเชื่อถือมากกกว่าอีกดังนั้นเทพเกือบ 90% เถคะแนนให้เวนอลเต็มที่เลยไงล่ะ

                "ทำไมหรอครับ เราจะปล่อยมันให้เป็นแบบนี้หรอ"วิลถามมาโฟสต่อ

                "ใช่ปล่อยไว้แบบนี้ คาลัส ส่งเทพไปดูมันหน่อยส่งไปแค่สามองค์ก็พอแล้ว"มาโฟสหันมาตอบก่อนจะสั่งเทพองค์หนึ่งที่ใส่ชุดเกราะ พอเทพองค์นั้นได้ยินมาโฟสสั่งก็โค้งคำนับแล้วหายไปทันทีและพอคาลัสหายไปทั้งห้องก็เงียบลงทันที

                "ทำไมถึงต้องปล่อยมันไว้ล่ะครับ"หลังจากที่เงียบอยู่นานเอรานก็เอ่ยขึ้นถามมาโฟสทันทีเพราะอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ส่งให้ไปฆ่าฟาริลเลย

                แต่ขณะที่มาโฟสกำลังจะตอบก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้นมาจากคาลัสที่พึ่งกลับมา และเสียงนั้นก็ทำให้มาโฟสสติแตกทันที

                "ท่านมาโฟส แย่แล้วครับฟาริลฆ่าเทพทั้งสามองค์ที่สั่งให้ไปจับตาดูมันหมดแล้วครับ"คาลัสรีบรายงานอย่างรวดเร็วเพราะเขาสั่งเทพไปดูไม่ถึงนาทีหัวเทพทั้งสามก็ลอยกลับมาหาเขา

                "......."มาโฟสไม่พูดอะไรแต่ก็ใช้พลังซัดคาลัสจนปลิวไปติดกับเสาต้นหนึ่ง

                "ท่านมะ มา......"คาลัสร้องขอชีวิตันทีแต่ยังพูดไม่จบร่างของเขาก็กลายเป็นภาพวาดที่วาดอยู่บนเสาเป็นรูปของเขาเอง......

                "แก~~~~~เจ้าฟาริลลลล"มาโฟสร้องอย่างเจ็บแค้นทันทีพร้อมกับวิหารที่มาโฟสนั่งอยู่ก็ถล่มลงมาไม่เหลือชิ้นดี

                ตูมมมมมมมมม

                                          ..................................

                "เกิดอะไรขึ้นนะ"เวนอลร้องถามมารีนอย่างตกใจเมื่อเห็นวิหารทั้งหลังพังลงมาอย่างง่ายดาย

                "มีคนโจมตีเวนอลระวัง"มารีนร้องเตือนเวนอลทันทีเพราะอนาคตที่เธอเห็นมีปีศาจนับร้อยพุ่งเข้ามาหาเวนอล

                "เชอะคิดว่าจะทำอะไรข้าได้รึแค่นี้นะ"เวนอลพูดพร้อมกับยกดาบสีทองเล่มใหญ่ขึ้นตวัดปีศาจที่พุ่งเข้ามา และมันก็สลายลงไปทันที

                "มารีนนี่มันอะไรกันทำไมมีปีศาจมาวิ่งเล่นบนแดนสวรรค์เยอะขนาดนี้"อัลฟาถามอย่างตกใจขณะที่เขากำลังใช้ไฟเผาพวกปีศาจที่กำลังเข้ามาใกล้

                "สงใสกาเรี่ยนต้องการบุกสวรรค์จนใจจะขาดแล้วมั้ง ถึงไม่ยอมบุกโลกมนุษย์นะ"เสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางสายน้ำที่ท่วมของทัพปีศาจแล้วจับพวกมันแช่แข็งไว้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

                "คาเรีย????"ทั้งเวนอล อัลฟ่าแล้วก็มารีนร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนตรงหน้า......!!!

                                            ..........................

                "เฮ้พวกนายจะไปกันกับฉันไหม"ฟีมัสหันมาถามพวกคูสลินอย่างเบื่อหน่ายขณะที่นั้งพักกันอยู่แถวทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งตรงชายป่า

                "นายจะไปไหนล่ะ"คูสลินถามขึ้น

                "อืม ไปเรื่อยๆ แหละเหมือนเดินทางแต่ความจริงก็คือตามหาผลึกคอนเทรสให้ครบ"ฟีมัสพูดจบก็ยกผลึกก้อนสีขาวเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงสร้อยคอของเขาให้ดู

                "ผลึก นี่มัน......"โครเซ่เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจขณะที่เขากำลังจ้องมันตาไม่กะพริบ

                "เอ๋ นายเคยเห็นมันหรอ"ฟีมัสถามอย่างแปลกใจ

                "เคย.....ในห้องโถงกลางของปราสาท......พระราชวังเมือง เอดาเฟีย"โครเซ่เอ่ยขึ้นราวกับรู้จักที่นั่นเป็นอย่างดี

                "มีอยู่กี่ก้อน"ฟีมัสรีบถามทันทีเพราะไม่คิดว่าจะไปมีอยู่ที่นั่นแล้วโครเซ่จะไปเคยเห็นได้อย่างไร

                "ถ้าจำไม่ผิดนะเห็นมีแค่ก้อนเดียวแต่ใหญ่กว่านี้"โครเซ่ตอบพลางนึกว่ามันมีกี่ก้อนกันแน่

                "แล้วมันมีไว้ทำอะไรล่ะ"คูสลินถามขึ้นมาเพราะความสงใสของเขาว่าทำไมฟีมัสต้องการผลึกนี้นัก

                "ผลึกคอนเทรส เป็นผลึกธรรมดาอันนึงน่ะแหละแต่.....มันมีพลังอยู่อย่างนึงที่มีแต่เทพที่จะใช้ได้.....พลังแห่งการชุบชีวิตผลึกก้อนใหญ่หนึ่งก้อนสามารถชุบชีวิตได้หนึ่งครั้ง.....ที่ต้องการไปชุบชีวิตก็คือ......"จู่ๆ ฟีมัสก็ก็เงียบลง

                "เอ๋ นายจะเอาไปชุบใครหรอ"บลาสถามอย่างแปลกใจว่าทำไมเทพต้องไปชุบชีวิตให้ใครด้วย

                "รีน่า เจ้าแห่งเทพทั้งปวงตอนนี้สร้างวิญญาณและพลังจนหมดแล้วก็เหลือแต่ผลึกเนี่ยแหละถึงจะดึงวิญญาณส่วนสุดท้ายกลับมาได้"ฟีมัสพูดจบก็ใช้เวทพาทั้งสามหายไปจากตรงนั้น......

                                                 ................................

                "คาเรีย......"เวนอลเอ่ยอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเธอมาเดินเล่นได้ทั้งๆ ที่ถูกสั่งคุมตัวอยู่ ถึงจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแต่ผมสีฟ้าของเธอทำให้จำกันได้ (เพราะมีคาเรียคนเดียวที่มีผมสีฟ้าในแดนสรรวค์)

                "งงล่ะสิ"คาเรียแหย่ทั้งสามทันที

                "เออ งงออกมาได้ไง"เวนอลถามคาเรียย้ำอีกพร้อมกับใช้ดาบฟาดบรรดาปีศาจที่ถูกแช่แข็ง ทำให้พวกมันสลายหายไปทันที

                "ก็พอวิหารกลางฟ้าพังลงมา เขตุแดนคุมขังฉันก็เหลือติดเดียวแค่นี้ก็ฝ่าออกมาง่ายๆ......ว่าแต่มาโฟสจะตายรึเปล่านะเห็นมันกำลังดูฟีสกับฟาริลสู้กันอยุ่นิ จู่ๆวิหารพังลงมามันตายๆ ไปซะก็ดีเลย หนอยมาสั่งขังฉัน แค่ไปใช้น้ำมาท่วมวิหารใต้โลกแค่เนี้ย"คาเรียเอ่ยขึ้นอย่างโมโหและพูดราวกับว่าความผิดขงเธอมันเป้นความผิดเล็ก เพราะพอหลังจากนั้นได้สองวันวิหารใต้โลกก็หายไปจากแดนสววรค์

                "ไปดูเหอะ ถ้ามันไม่ตายจะได้ไปซ้ำมันไง"อัลฟ่าเสริมทันทีเพราะเขาเหม็นขี้หน้ามาโฟสมาแต่แรกแล้ว

                "ตะกี้ใครบอกว่าจะฆ่าข้านะ"จู่ๆ เสียงของมาโฟสดังขึ้นมาจากกองซากวิหารกลางฟ้า

                "แหะๆ ไม่มีอะไร"มารีนหัวเรอะแก้เก้อก่อนจะพาทั้งหมดมาที่ที่อยู่ของเธอ

                "นับวันพวกแกชักจะน่ารำคาญขึ้นทุกทีแล้วนะ"มาโฟสเอ่ยขึ้นลอยๆ และใช้พลังซัดใส่ซากวิหารกลางฟ้าทำให้มันกลับมาตั้งตระหง่านอยู่ตามเดิม

                                                ......................................

                "อ๋อ นายก็เลยต้องไปหาผลึกไปชุบชีวิตเทพอะไร รี รี นั่นนะหรอ"คูสลินถามฟีมัสพลางเดินไปเอดาเฟีย แต่การพูดผิดของคูสลินทำให้ฟีมัสหันมามองด้วยความโมโหเพราะตั้งแต่เดินกันมาคูสลินนึกชื่อไม่ออกมาหลายรอบแล้ว

                "รีน่า"บลาสแก้ไขให้ถูกเพราะคูสลินความจำสั้นทำให้เรียกอะไรผิดๆ ถูกๆ

                "เอ่อน่าเรียกไงก็ช่างเถอะ"คูสลินชักเริ่มรำคาญเพราะบลาสคอยแก้ให้เรียกถูกมาหลายรอบแล้ว

                "หยุก่อน"ฟีมัสเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ เพราะจุ่ๆเขาก็รู้สึกว่ามีพลังวิญญาณมหาศาลมาอัดกระจุกดันอยู่แถวที่เขายืนอยู่

                "พลังแบบนี้มัน......"บลาสก็รู้สึกเหมือนกันเลยกำลังว่าพลังแบบนี้มันเป็นตัวอะไร

                "ปีศาจ.....มากกว่าห้าสิบระวังมันมาแล้ว!!!!"โครเซ่ร้องเตือนบลาสกับคูสลินแต่ไม่ทันบลาสถูกปีศาจตัวหนึ่งกระโดดมาควักหัวใจแล้ว!!!

                "บลาส!!!"คูสิลนร้องสุดเสียงแต่ไม่มีใครไปช่วยเขาได้แต่เมื่อมันถึงหัวใจของบลาสออกมา......

                "นี่มันอะไรกัน"ปีศาจตัวหนึ่งร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเพราะเมื่อมันควักหัวใจของบลาสออกมาทั้งร่างและหัวใจก็กลายเป็นระเบิดแสงมาเผาร่างกายมันและปีศาจตัวอื่นๆ

                "ใช้เวทแสงสร้างร่างจำลองออกมา เข้าใจคิดดีแฮะ"ฟีมัสเอ่ยชม

                "ถึงพลังระเบิดแค่นี้จะฆ่าแกไม่ได้ก็จริง แต่อันนี้ไม่แน่"บลาสปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของมันแต่พอพวกมันเห็นสิ่งที่กำลังบินอยู่ข้างๆ บลาสก็ต้องถึงกลับตะลึงเพราะมันคือ 'ธันเดอร์ริก'

                "เต็มที่เลย เจ้าหนู"บลาสตะโกนสั่งธันเดอร์ริกที่บินอยู่ข้างๆ และมันก็ใช้กระแสไฟฟ้ายิงปีศาจหลายตัวร่างระเบิดเป็นชิ้นๆ ทันที

                "จัดการมัน"ปีศาจตัวหนึ่งสั่งขึ้นมา ทำให้ทั้งหมดพุ่งเข้าหาบลาสแต่ก็ถูกเสาไฟล้อมตีกรอบจันกลายเป็นวงกลม และทำให้มันเข้าไปอยู่ในวงล้อมเปลวเพลิงของฟินิกซ์ที่บินอยู่ข้างๆ ฟีมัส

                "ไฟเยอร์ เมทีโอ"ฟีมัสตะโกนขึ้นมาพร้อมกับวงแหวนเวทของเขาและฟินิกซ์ ก่อให้เกิดพายุอุกาบาตไฟนับร้อยพุ่งลงมาหาเหล่าปีศาจ

                "ฟอร์เลนส์ ไลฟ"ปีศาจตัวหนึ่งร่ายเวทออกมาทำให้เกิดออร่าสีเขียวจางปล่อยออกมาเป็นเกราะป้องกันพายุอุกาบาตไว้ ก่อนที่ออร่านั้นจะพาปีศาจทั้งหมดจากไป.......

                                                   ...................................

                "บ้าน่า ฟอร์เลนส์ ไลฟ เป็นเวทศักดิ์สิทธินะพวกปีศาจใช้ได้ไง"ฟีมัสพูดขึ้นมาอย่างหัวเสียเพราะเวทนั่นทำให้เวทอุกาบาตอันแสนยิ่งใหญ่ทำอะไรไม่ได้

                "ถึงจะเป็นเวทศักดิ์สิทธิก็จริงแต่พวกมีจิตด้านมืดก็น่าจะใช้ได้นะ"บลาสเสนอขึ้นมาซึ่งทำให้ฟีมัสยิ่งคิดหนักขึ้นอีก

                "ไม่มีทางถึงเวทนี้พวกมีจิตด้านมืดอาจใช้ได้ แต่สำหรับเวทศักดิ์สิทธิมันเป็นข้อยกเว้นสำหรับปีศาจอยู่แล้ว"ฟีมัสอธิบายให้บลาสฟัง

                "ข้อยกเว้นหรือว่า......"โครเซ่เหมือนนึกอะไรออกเลยพูดขึ้นแต่ก็ชะงักลงเพราะสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันไม่น่าจะอยู่บนโลกแล้ว

                "งั้นคงใช่แน่ๆ นักบวชมืดสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ปีศาจไว้ใจ ดาร์ค พรีส(DARK PRIEST)คูสลินต่อคำพูดโครเซ่ให้จบพอถึงตรงนี้ทั้งสี่ก็ต้องคิดหนักทันที

    "นายไปไหนอะ"คูสลินถามฟีมัสอย่างแปลกใจเมื่อฟีมัสลุกขึ้นขณะกำลังนั่งปรึกษากันอยู่

                "ไป เอดาเฟีย ไงอย่าลืมสิว่าฉันกำลังอะไรอยู่"ฟีมัสยิ้มขึ้นมาทำให้ทั้งสามก็พยักหน้าตามแต่ไม่มีใครทันจะได้พูดอะไรวงแหวนเวทขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นตรงที่ทั้งหมดยืนอยู่และพาพวกเขาหายไปจากจุดนั้นอย่างไรร่องรอย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×