ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : GOD VS GOD
“ฟีส!!!”ชายผมเหลืองคนหึ่งที่กำลังนั่งอยู่ใต้น้ำตกร้องอุทานขึ้นเมื่อรู้สึกถึงพลังบางอย่างแต่เสียงอุทานของเขาก็ทำให้ชายผมน้ำตาลอีกคนที่นั่งเล่นหมากรุกด้วยร้องถามอย่างแปลกใจ
    “อัลฟ่าไปอะไรไปหือ”ชายผมน้ำตาลถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนร้องอย่างไรสาเหตุ
    “ฉันรู้สึกว่าฟีสมีอันตรายนะเวนอล”อัลฟ่าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสงบกว่าท่าทาง
    “หมอนั่นถึงจะตายก็ไม่เป็นไรนี่เพราะยังไงหมอนั้นก็เป็นวิญญาณเทพจุติตายก็กลับมาเป็นเทพอย่างเรา ยังไงซะหมอนั่นเก่งกว่าพวกเราตอนนี้อีก”เวนอลบอกกับอัลฟ่า
    “นั้นมันก็ใช่.....มารีนเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”อัลฟ่าเลิกคิดเรื่องของฟีสแต่กลับตะโกนออกมาเหมือนต้องการให้ใครได้ยิน
    “นี่นายรู้แล้วหรอ”เสียงเล็กๆของผู้หญิงอีกคนดังขึ้นมาหลังก้อนหิน
    “โลกมนุษย์เหลือเวลาอีกเท่าไหร่”อัลฟ่าไม่ตอบคำถามแต่กลับถามซ้ำอีก
    “ไม่นานหรอก ว่าแต่นายแน่ใจหรอเวนอลว่าโลกมนุษย์จะทนรับไหวเผลอๆ มิติโลกมนุษย์อาจสลายไปเลยนะอีกไม่นานไม่ใช่หรอการปะทะระหว่างเทพกับปีศาจจะเกิดขึ้นที่นั่นถึงการรบแค่นี้อาจจะไม่ทำความเสียหายมากแต่สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจจะเริ่มขึ้นอยู่แล้วนะรอเพียงกาเรี่ยนออกปากว่าจะรบโลกมนุษย์ก็มีสิทธิวอดวายทันที”มารีนถามอย่างสงใส
    “ไม่หรอกไม่มีทางฉันถึงได้สร้างทั้งสามคนนี้ขึ้นมาไง”เวนอลตอบพลางหัวเราะก่อนจะสร้างภาพขึ้นมาที่สายน้ำตกที่ตกผ่านพวกเขาเป็นรูปโครเซ่ คูสลิน และบลาสที่กำลังเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขา.....ฟีส
                                                    ......................
    ตูมมมมม
    ชายลึกลับปลิวไปกับแรงระเบิดเนื่องจากความแรงของมันทำให้ผู้ควบคุมปลดการควบคุมจากชายลึกลับทันที
    “ตายรึยังเนี่ย”บลาสถามอย่างมีความหวังเพราะคิดว่าการโจมตีของเขารุนแรงพอที่จะฆ่าชายที่สามารถวิญญาณผู้นี้ได้
    “อยู่แล้วไม่เคยมีใคร ระ รอด.....เฮ้ยลุกขึ้นมาได้ไงอะ”คูสลินตะโกนเสียงดังเพราะชายลึกลับลุกขึ้นมาอีกทั้งๆ ที่โดนท่าไม้ตายของบลาสไปเต็มๆ แต่กลับยังลุกขึ้นมาอีก
    “เดียว ไอควบคุมหายไปแล้ว”บลาสที่รู้สึกตัวเป็นคนแรกเอ่ยขึ้นเพราะเขาพบว่าไอควบคุมนั้นหายไปแล้ว
    “นาย.....เป็นคนปลดการควบคุมที่ควบคุมฉันหรอ”ชายลึกลับถามอย่างแปลกใจตอนนี้ผ้าคลุมที่คลุมเป็นไอ้โม่งก็หายไปหมดแล้วทำให้เห็นหน้าของเขาได้ถนัดๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นหน้าชัดอยู่ดีเพราะผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ของเขาผมหน้าจนหมดเห็นแต่ดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องมาทางทั้งสาม
    “เอ่อใช่ครับ”บลาสรีบตอบเพราะจู่ๆก็มีแรงกดดันมหาศาลขึ้นมาในบริเวณนั้น
    “โครเซ่ โครโรเซีย แล้วก็สองพี่น้องตระกูลวีเดล คูสลินและบลาสใช่ไหม”ชายลึกลับถามขึ้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงทันทีเพราะไม่คิดว่าจะรู้จักพวกเขาได้ดังนั้นกเลยได้แต่พยักหน้าตอบหงึกๆ เนื่องจากการตะลึง
    “แล้วคุณล่ะ”โครเซ่ถามชื่อของชายลึกลับทันที
    “ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้ มันมาแล้ว.....หินผนึกมารแปดทิศ”ชายลึกลับร้องขึ้นพร้อมกับใช้เวทผนึกทันทีเมื่องร่างของชายคนหนึ่งโพล่มา
    “ชิเกะกะ จงให้พรแก่ข้าปัดเป่าภัยร้ายให้สิ้น ดาร์ค ฟิลดาวน์”ชายคนที่โพล่ขึ้นมาร้องขึ้นทันใดนั้นพื้นที่รอบตัวเขาก็ถล่มลงไปจากระดับพื้นปกติทำให้หินผนึกมารแตกกระจายทันที
    “ฟาริล นาย.....”ชายลึกลับร้องออกมาอย่างแปลกใจ
    “เอาน่าเห็นต้องแปลกใจเลยนะฟีส.....ไม่สิต้องเรียกว่า ฟีมัส ฟีเลซัคดีกว่าสินะ ฮ่าๆๆๆ”ฟาริลจู่ๆก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
    “งั้นก็นายสินะฟาริล เอ็กซิทรินิตี้”ฟีมัสพูดอย่างปลงตกก่อนจะใช้เวทออกมา
    ตูมมมมม
    จู่ๆ ผิวหนังของฟาริลก็ปริแตกจนระเบิดขึ้นด้วยแรงระเบิดทำให้ฟาริลปลิวไปหลายเมตรส่วนทางโครเซ่ คูสลินและบลาสรู้ทันทีว่าฟาริลเป็นคนควบคุมฟีมัสไว้จึงรุมเข้าไปทันที
    “พวกนาย มาช่วยฉันทำไม”ฟีมัสถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้เขาแห่งร่างของฟาริลปลิวไปปลิวมาเพราะแรงระเบิดจากเวทของบลาสและคูสลิน
    “เปล่าพวกเราไม่ได้ช่วย แต่เพราะหมอนั่นทำเราเกือบตายก็เลยต้องเล่นด้วย”โครเซ่ชี้แจงให้ฟีมัสเข้าใจแต่ฟีมัสกลับมีสีหน่วิตกขึ้นมาแทน
    “นี่ข้าเสียท่าสวะอย่างพวกแกนะรึ”ฟาริลพยายามตะโกนออกมาอย่างเจ็บแค้นแต่ไรผลเพราะหลอดเสียงของเขาถูกสายฟ้าของบลาสระเบิดจนแหลกไปแล้ว
    “พี่มันพูดอะไรของมันอะ”บลาสได้ยินแต่เสียงอู้อี้ที่ออกมาเลยหันไปถามคูสลิน
    “คำตอบอยู่นี่ไง ผนึกมารห้าวิธี”ฟาริลเห็นโอกาสช่วงที่ทั้งสองเผลอจึงใช้เวทผนึกขึ้นทันทีพอทั้งสองโดนผนึกเข้าไปก็ลงไปนอนแน่นิ่งทันทีเพราะแรงของเขาได้หายไปหมดแล้ว
    “เฟนเรีย จัดการมัน”โครเซ่ร้องเรียกเฟนเรียที่หายไปแล้วให้ไปจัดการฟาริล ซึ่งพอจบเสียงของโครเซ่มันก็โพล่ออกมาจากหลุมดำพร้อมกัดแขนของฟาริลขาดไปทันที
    “อ๊ากกกกก”ฟาริลร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นแขนขวาของเขาขาดไปแล้ว
    “ระวังถึงแขนมันจะขาดแต่ก็ใช่ว่ามันจะไร้หนทางสู้กับพวกนาย”ฟีมัสกล่าวเตือนสติพอพูดจบเฟนเรียก็สลายไปทันทีเพราะเวทที่ปล่อยออกมาจากมืออีกข้างของฟาริลและนั้นก็เป็นคงพลังเฮือกสุดท้ายที่จะใช้เพราะพอใช้เวทจบเขาก็หมดสติไปทันทีเพราะขาอีกสองข้างได้เละไปแล้วเนื่องจากแรงมหาศาลของเฟนเรีย
    “ไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่า”โครเซ่มองร่างของฟาริลอย่างดูถูกพลางเตะไปเรื่อยๆ
    “หมอนั่นเสร็จง่ายขนาดนี้เชียว”ฟีมัสมองตาค้างทันทีเพราะไม่คิดว่าฟาริลจะล้มลงง่ายขนาดนี้
    “เฮ้ยยังไม่ตายอีก อึดกว่าแมลงสาปอีกแฮะ”โครเซ่ร้องสุดเสียงเมื่อเห็นฟาริลลืมตาขึ้นแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ร้องอีกแล้วเพราะแขนขวาของฟาริลที่ขาดไปได้งอกใหม่ออกมาพร้อมกับซัดพลังใส่จนอวัยวะภายในร่างกายแหลกไปหลายส่วนทันที
    “ยังไม่ตายอีกเรอะ ทั้งปอดทั้งหัวใจแหลกไปแล้วนิ”ฟาริลมองร่างของโครเซ่อย่างประหลาดใจเพราะเขายังได้ยินเสียงหายใจของโครเซ่อยู่ทั้งๆ ไม่มีปอดกับหัวใจแล้ว
    “เอ่อ ฟาริลนายจะปล่อยเจ้าหนูนั่นได้รึยัง”ฟีมัสร้องถามอย่างเซ็งเมื่อเห็นฟาริลจะระเบิดหัวของโครเซ่ให้แหลก
    “แต่เจ้าเด็กนี่ก็น่าสนใจนะแบบนี้น่าจะมาควบคุมเล่นหน่อย”ฟาริลเผยรอยยิ้มที่แสนจะชั่วร้ายให้ฟีมัสเห็นทันทีเพื่อหวังจะข่มให้ฟีมัสกลัวแต่ปฏิกริยาที่ฟีมัสแสดงกลับทำให้มันพูดไม่ออกทันที
    “หาววววว.....ตามใจใครจะห้ามคนบ้าสติเพี้ยนอย่างแกได้ล่ะ”ฟีมัสไม่สนใจแผนการของฟาริลแม้แต่น้อยเขากลับหาวเพราะความง่วงแทน
    “ขี้เซาไม่เปลี่ยนเลยน่ะ นายนะ”ฟาริลเห็นฟีมัสหาวขึ้นมาภาพในอดีตที่เขาเคยเดินทางร่วมกันก็แว๊บขึ้นมาในหัวของเขาทำให้เขาต้องรีบสลัดภาพความทรงจำในอดีตทิ้งทันที
    “ไวโอเลท บอล”ฟาริลรีบใช้เวทมนต์ออกมาทันที ทันใดนั้นลูกบอลสีม่วงห้าลูกพุ่งโจมตีฟีมัสทันทีถ้ามันเป็นลูกบอลธรรมดาที่โจมตีได้แต่นี้มันกลับใช้เวทได้แถมปล่อยอาวุธออกมาได้อย่างต่อเนื่องนั้นคือถ้าพลาดนิดเดียวอาจมีสิทธิลงไปนอนเล่นอยู่ใต้ดินแน่นอน
    “เฟรมมิ่งลาแซซ”ฟีมัสร่ายเวทด้วยน้ำเสียงสุดเบื่อพอร่ายจบเปลวเพลิงมรณะก็พุ่งออกมารอบตัวเขาทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เขาในระยะสิบเมตรละลายหายไปทุกสิ่งแต่ฟาริลที่มีความสามารถทางเวทสูงทำให้พอรู้ว่าเวทนั้นคืออะไรจึงหลบออกมาได้ทันเวลาแต่มือซ้ายมันก็ละลายหายไปทันที
    แต่นั้นก็ไม่อาจหยุดฟาริลได้เพราะฟาริลใช้พลังบางอย่างทำให้มือซ้ายของมันกลับมาคงสภาพเดิมแต่ก็ไม่อาจเข้าใกล้ฟีมัสได้เลยเพราะอำนาจของเปลวเพลิงรอบตัวฟีมัสได้ละลายทุกสิ่งทุกอย่างจนแม้แต่ถ้ำที่ทั้งสองยืนอยู่ก็เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่ว และแสงที่ส่องออกไปจากเพดานถ้ำตอนค้ำคืนแบบนี้ทำให้ประชาชนแถวนั้นถึกทักว่าเป็นมังกร (ตั้งแต่นั้นมาก็มีเรื่องเล่าว่าถ้ำนี้มีมังกรอารักอยู่)
“นี่มันไฟอะไรกัน”คูสลินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาร้องขึ้นมาอย่างพิศวงเพราะความร้อนมหาศาลของมันทำให้น้ำแข็งที่สร้างขึ้นมาหวังดับร้อนละลายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที
“ฮีลซิ่ง”ฟีมัสเอ่ยขึ้นเบาพร้อมกับสลายเปลวเพลิงของเขาทันทีเมื่อไฟหายไป ทุกคนจึงเห็นร่างของโรเซ่มีหยดน้ำหลายสิบหยดลอยอยู่บนร่างกาย
ติ้ง เสียงหยดน้ำหยดแรกหยดบนร่างของของโครเซ่ทำให้อวัยวะที่แหลกไปของเขากลับมาเหมือนเดิม
“ให้ตายสินี่มันคนแน่หรอพอหัวใจกับปอดกลับมาทำงานปกติมันก็ลุกขึ้นมาได้เลย ถึงเป็นบ้าเลย”ฟาริลหันไปมองโครเซ่ที่ลุกขึ้นมาอย่างรำคาญในใจเขาอยากจะวิ่งไปถีบโครเซ่สุดๆ แต่ก็มีฟีมัสยืนขวางไว้
            “ฟาริลแกนะเล่นก่ะไอ้พวกนี้ไปก่อนล่ะกัน”ฟีมัสพูดจบก็ส่งวิญญาณนับร้อยเข้ารุมฟาริลทันที แต่เมื่อวิญญาณตัวแรงถึงตัวฟาริลทั้งฟาริลและวิญญาณทั้งหมดก็หายไปจากถ้ำนั้นทันที
“หายไปไหนนะ”บลาสถามฟีมัสอย่างตกตะลึงเพราะเขายังจำได้ว่าเขาปราบวิญญาณนับร้อยด้วยเวทครั้งเดียวแต่นี่ถึงกับจัดการฟาริลอย่างง่ายดาย
            “หวังว่าผนึกเจ็ดวิญญาณคงใช้ได้นะ”ฟีมัสยังบ่นพึมพำเบาๆ โดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของบลาสแม้แต่น้อย
“นายฟังฉันบ้างไหมเนี่ย”บลาสถามฟีมัสด้วยสีหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นฟีมัสไม่ได้สนใจเขาถามเลยสักนิด
“หือ นายว่าไงนะ”ฟีมัสเห็นบลาสบ่นอยู่คนเดียวเลยถามขึ้น
“ไม่มีอะไร”บลาสพูดพูดพลางมองไปรอบๆ เพราะเขาไม่เห็นฟาริลแล้วจริงๆ
    “ดื้อด้านจริงๆ แฮะ”ฟีมัสพูดอย่างรำคาญพร้อมกับใช้เวทไฟโจมตีใส่จุดที่ฟาริลกำลังจะปรากฏตัว
    “อ๊ะ”ฟาริลร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห็นไฟหลายสิบลูกวิ่งมาขณะที่เขากำลังปรากฏตัว ถึงแม้มันจะเป็นเวทธรรมดาแต่โดนจังๆ แบบนี้ก็มีสิทธิไปนอนเล่นในโรงพยาบาลหลายวัน และเขาก็โดนไปเต็มๆ เลยปลิวไปชนกับผนังถ้ำจนเกิดระเบิดเป็นรูเพราะฟาริลได้ปลิวทะลุไปที่อื่นแล้ว
    แต่พอทั้งสี่วิ่งตามรูกำแพงที่ทะลุนั้นไปก็ถึงกับตะลึง เพราะร่างฟาริลจู่ก็มีแสงส่องสว่างออกมา แถมกับมีปีกที่สร้างจากแสงงอกออกมาพร้อมกับมีดาบโพล่ที่มือขวาแล้วมันก็รวมเป็นเนื้อเดียวกับแขนของฟาริลไปแล้ว
    “กลิ่นอายวิญญาณรุนแรงอะไรจะขนาดนี้ พอๆกับพวกเทพเลย”บลาสกับคูสลินทั้งสองเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นจับใจเพราะกลิ่นอายวิญญาณของฟาริลมันสูงพอๆ กับเทพระดับสูงเลยทีเดียว
    “ก็ไม่แปลกก็เพราะหมอนี่เป็นเทพมาก่อน”ฟีมัสบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะเฉลยให้ทั้งสองฟังทำให้บลาสกับคูสลินสะดุ้งสุดตัวทันทีเมื่อรู้ว่าฟาริลเป็นเทพมาก่อนแต่ทำไมฟีมัสยังทำหน้ายิ้มแย้มอยู่ได้ซึ่งมันต่างกับสถานการณ์ตอนนี้แบบสุดขั้ว
    แต่ทั้งสามยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อเพราะฟีมัสตอนนี้ได้เฉลยมาเรียบร้อยแล้ว เริ่มด้วยการทำให้ร่างเปล่งแสงแบบฟาริลและปีกแสงที่งอกออกมา ต่างกันเพียงมีคทาสีดำสนิทอันใหญ่เกือบเท่าตัวของเจ้าของเองซึ่งต่างจากหัวคทาเพราะลูกแก้วที่หัวคทานั้นกลับเป็นสีขาวขุ่นทำให้มันดูตัดกันมากทีเดียว
                                                            ..........................
    “เริ่มกันแล้ว”เสียงของชายแก่ที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดในโดมยักษ์เอ่ยขึ้น ท่ามกลางสายตานับร้อยของคนที่ยืนเฝ้าเขาไว้(น่าจะคุ้มกันมากกว่า)
    “อะไรเริ่มหรือรับท่าน มาโฟส”ชายคนหนึ่งที่คุ้มกันชายแก่เอ่ยถาม
    “ดูนี่สิวิล การต่อสู้ระหว่าง เทพแห่งความตาย ฟีมัส และเทพแห่งการทำลาย ฟาริล ในภาคมนุษย์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะ”มาโฟสเอ่ยอย่างเอ่ยเฉื่อยราวกับไม่คิดว่าหลังจากการต่อสู้นี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆ เพราะที่นี่คือ แดนสวรรค์ ที่ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใด(ไม่ยุ่งเกี่ยวหรอ แล้วที่กำลังดูเนี่ยมันคืออะไร???)
    “ผลจากการต่อสู้ผมคิดว่าฟีมัสน่าจะชนะนะครับ เขาเป็นถึงเทพแห่งความตายถึงจะไม่สามารถกำหนดความตายได้อย่างเก่าก็จริงเพราะอยู่ในร่างมนุษย์แต่อำนาจควบคุมวิญญาณของมันน่าจะเหนือกว่า”เทพอีกคนวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นถึงแม้จะรู้ว่าถ้าใครแพ้ก็ตามในศึกครั้งนี้อาจทำให้ความสมดุลทั้ง 3 โลกที่มีมานับพันปีจะสลายไปทันที
    “เอรานนายอย่าลืมพลังการทำลายของเทพผู้ที่เกิดขึ้นมาเพื่อการทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้น อย่างฟาริลสิ”มาโฟสเอ่ยขัดขึ้นทำให้ทั้งเอราน วิลและคนอื่นๆ เริ่มคิดหนักทันที
    “เรามาดูกันดีกว่าว่าระหว่างฟาริลกับฟีมัสใครจะชนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”มาโฟสหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งถึงแม้เขาไม่ใช่เทพสงครามหรือเทพแห่งการต่อสู้หรือเทพอื่นๆ แต่เขาก็ชื่นชอบที่จะได้เฝ้าดูการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มากทีสุดในแดนสวรรค์
   
                                                      .........................
    “เอาล่ะพวกเราจะเริ่มต่อสู้กันได้รึยังอะ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นฟาริลตั้งท่าจะโจมตีมาห้านาทีแล้วแต่ยังไม่โจมตีซะที
    “อ้าวนึกว่านายจะบุกก่อน เลยนั่งรออยู่เนี่ย”ฟาริลหยอกกลับทันทีทำให้บรรนากาศฆ่าฟันที่มีเมื่อครู่หายไปทันที
    “สรุปสองคนนี้มันจะเล่นหรือฆ่ากันแน่น่ะ”บลาสหันมาถามคูสลินกับโครเซ่อย่างแปลกใจแต่ทั้งสองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
    “อืม งั้นเราก็น่าจะเล่นกันได้แล้วนะ”ฟาริลตะโกนขึ้นพร้อมกับร่างของฟีมัสและเขาได้พุ่งออกจากจุดที่ยืนอยู่ และเขาก็หายตัวไปจากจุดนั้นแล้ว
    ตูมมมมมม
    เสียงการปะทะแรกได้ดังขึ้นกึกก้องเนื่องจากการปะทะจากเวทมนต์ขอฟีมัสที่ที่ไร้ที่สิ้นสุดกับพลังทำลายอันมหาศาลของพลังอำนาจที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ปะทะกันอย่างรุนแรง
    “อัลฟ่าไปอะไรไปหือ”ชายผมน้ำตาลถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนร้องอย่างไรสาเหตุ
    “ฉันรู้สึกว่าฟีสมีอันตรายนะเวนอล”อัลฟ่าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสงบกว่าท่าทาง
    “หมอนั่นถึงจะตายก็ไม่เป็นไรนี่เพราะยังไงหมอนั้นก็เป็นวิญญาณเทพจุติตายก็กลับมาเป็นเทพอย่างเรา ยังไงซะหมอนั่นเก่งกว่าพวกเราตอนนี้อีก”เวนอลบอกกับอัลฟ่า
    “นั้นมันก็ใช่.....มารีนเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”อัลฟ่าเลิกคิดเรื่องของฟีสแต่กลับตะโกนออกมาเหมือนต้องการให้ใครได้ยิน
    “นี่นายรู้แล้วหรอ”เสียงเล็กๆของผู้หญิงอีกคนดังขึ้นมาหลังก้อนหิน
    “โลกมนุษย์เหลือเวลาอีกเท่าไหร่”อัลฟ่าไม่ตอบคำถามแต่กลับถามซ้ำอีก
    “ไม่นานหรอก ว่าแต่นายแน่ใจหรอเวนอลว่าโลกมนุษย์จะทนรับไหวเผลอๆ มิติโลกมนุษย์อาจสลายไปเลยนะอีกไม่นานไม่ใช่หรอการปะทะระหว่างเทพกับปีศาจจะเกิดขึ้นที่นั่นถึงการรบแค่นี้อาจจะไม่ทำความเสียหายมากแต่สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจจะเริ่มขึ้นอยู่แล้วนะรอเพียงกาเรี่ยนออกปากว่าจะรบโลกมนุษย์ก็มีสิทธิวอดวายทันที”มารีนถามอย่างสงใส
    “ไม่หรอกไม่มีทางฉันถึงได้สร้างทั้งสามคนนี้ขึ้นมาไง”เวนอลตอบพลางหัวเราะก่อนจะสร้างภาพขึ้นมาที่สายน้ำตกที่ตกผ่านพวกเขาเป็นรูปโครเซ่ คูสลิน และบลาสที่กำลังเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขา.....ฟีส
                                                    ......................
    ตูมมมมม
    ชายลึกลับปลิวไปกับแรงระเบิดเนื่องจากความแรงของมันทำให้ผู้ควบคุมปลดการควบคุมจากชายลึกลับทันที
    “ตายรึยังเนี่ย”บลาสถามอย่างมีความหวังเพราะคิดว่าการโจมตีของเขารุนแรงพอที่จะฆ่าชายที่สามารถวิญญาณผู้นี้ได้
    “อยู่แล้วไม่เคยมีใคร ระ รอด.....เฮ้ยลุกขึ้นมาได้ไงอะ”คูสลินตะโกนเสียงดังเพราะชายลึกลับลุกขึ้นมาอีกทั้งๆ ที่โดนท่าไม้ตายของบลาสไปเต็มๆ แต่กลับยังลุกขึ้นมาอีก
    “เดียว ไอควบคุมหายไปแล้ว”บลาสที่รู้สึกตัวเป็นคนแรกเอ่ยขึ้นเพราะเขาพบว่าไอควบคุมนั้นหายไปแล้ว
    “นาย.....เป็นคนปลดการควบคุมที่ควบคุมฉันหรอ”ชายลึกลับถามอย่างแปลกใจตอนนี้ผ้าคลุมที่คลุมเป็นไอ้โม่งก็หายไปหมดแล้วทำให้เห็นหน้าของเขาได้ถนัดๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นหน้าชัดอยู่ดีเพราะผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ของเขาผมหน้าจนหมดเห็นแต่ดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องมาทางทั้งสาม
    “เอ่อใช่ครับ”บลาสรีบตอบเพราะจู่ๆก็มีแรงกดดันมหาศาลขึ้นมาในบริเวณนั้น
    “โครเซ่ โครโรเซีย แล้วก็สองพี่น้องตระกูลวีเดล คูสลินและบลาสใช่ไหม”ชายลึกลับถามขึ้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงทันทีเพราะไม่คิดว่าจะรู้จักพวกเขาได้ดังนั้นกเลยได้แต่พยักหน้าตอบหงึกๆ เนื่องจากการตะลึง
    “แล้วคุณล่ะ”โครเซ่ถามชื่อของชายลึกลับทันที
    “ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้ มันมาแล้ว.....หินผนึกมารแปดทิศ”ชายลึกลับร้องขึ้นพร้อมกับใช้เวทผนึกทันทีเมื่องร่างของชายคนหนึ่งโพล่มา
    “ชิเกะกะ จงให้พรแก่ข้าปัดเป่าภัยร้ายให้สิ้น ดาร์ค ฟิลดาวน์”ชายคนที่โพล่ขึ้นมาร้องขึ้นทันใดนั้นพื้นที่รอบตัวเขาก็ถล่มลงไปจากระดับพื้นปกติทำให้หินผนึกมารแตกกระจายทันที
    “ฟาริล นาย.....”ชายลึกลับร้องออกมาอย่างแปลกใจ
    “เอาน่าเห็นต้องแปลกใจเลยนะฟีส.....ไม่สิต้องเรียกว่า ฟีมัส ฟีเลซัคดีกว่าสินะ ฮ่าๆๆๆ”ฟาริลจู่ๆก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
    “งั้นก็นายสินะฟาริล เอ็กซิทรินิตี้”ฟีมัสพูดอย่างปลงตกก่อนจะใช้เวทออกมา
    ตูมมมมม
    จู่ๆ ผิวหนังของฟาริลก็ปริแตกจนระเบิดขึ้นด้วยแรงระเบิดทำให้ฟาริลปลิวไปหลายเมตรส่วนทางโครเซ่ คูสลินและบลาสรู้ทันทีว่าฟาริลเป็นคนควบคุมฟีมัสไว้จึงรุมเข้าไปทันที
    “พวกนาย มาช่วยฉันทำไม”ฟีมัสถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้เขาแห่งร่างของฟาริลปลิวไปปลิวมาเพราะแรงระเบิดจากเวทของบลาสและคูสลิน
    “เปล่าพวกเราไม่ได้ช่วย แต่เพราะหมอนั่นทำเราเกือบตายก็เลยต้องเล่นด้วย”โครเซ่ชี้แจงให้ฟีมัสเข้าใจแต่ฟีมัสกลับมีสีหน่วิตกขึ้นมาแทน
    “นี่ข้าเสียท่าสวะอย่างพวกแกนะรึ”ฟาริลพยายามตะโกนออกมาอย่างเจ็บแค้นแต่ไรผลเพราะหลอดเสียงของเขาถูกสายฟ้าของบลาสระเบิดจนแหลกไปแล้ว
    “พี่มันพูดอะไรของมันอะ”บลาสได้ยินแต่เสียงอู้อี้ที่ออกมาเลยหันไปถามคูสลิน
    “คำตอบอยู่นี่ไง ผนึกมารห้าวิธี”ฟาริลเห็นโอกาสช่วงที่ทั้งสองเผลอจึงใช้เวทผนึกขึ้นทันทีพอทั้งสองโดนผนึกเข้าไปก็ลงไปนอนแน่นิ่งทันทีเพราะแรงของเขาได้หายไปหมดแล้ว
    “เฟนเรีย จัดการมัน”โครเซ่ร้องเรียกเฟนเรียที่หายไปแล้วให้ไปจัดการฟาริล ซึ่งพอจบเสียงของโครเซ่มันก็โพล่ออกมาจากหลุมดำพร้อมกัดแขนของฟาริลขาดไปทันที
    “อ๊ากกกกก”ฟาริลร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นแขนขวาของเขาขาดไปแล้ว
    “ระวังถึงแขนมันจะขาดแต่ก็ใช่ว่ามันจะไร้หนทางสู้กับพวกนาย”ฟีมัสกล่าวเตือนสติพอพูดจบเฟนเรียก็สลายไปทันทีเพราะเวทที่ปล่อยออกมาจากมืออีกข้างของฟาริลและนั้นก็เป็นคงพลังเฮือกสุดท้ายที่จะใช้เพราะพอใช้เวทจบเขาก็หมดสติไปทันทีเพราะขาอีกสองข้างได้เละไปแล้วเนื่องจากแรงมหาศาลของเฟนเรีย
    “ไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่า”โครเซ่มองร่างของฟาริลอย่างดูถูกพลางเตะไปเรื่อยๆ
    “หมอนั่นเสร็จง่ายขนาดนี้เชียว”ฟีมัสมองตาค้างทันทีเพราะไม่คิดว่าฟาริลจะล้มลงง่ายขนาดนี้
    “เฮ้ยยังไม่ตายอีก อึดกว่าแมลงสาปอีกแฮะ”โครเซ่ร้องสุดเสียงเมื่อเห็นฟาริลลืมตาขึ้นแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ร้องอีกแล้วเพราะแขนขวาของฟาริลที่ขาดไปได้งอกใหม่ออกมาพร้อมกับซัดพลังใส่จนอวัยวะภายในร่างกายแหลกไปหลายส่วนทันที
    “ยังไม่ตายอีกเรอะ ทั้งปอดทั้งหัวใจแหลกไปแล้วนิ”ฟาริลมองร่างของโครเซ่อย่างประหลาดใจเพราะเขายังได้ยินเสียงหายใจของโครเซ่อยู่ทั้งๆ ไม่มีปอดกับหัวใจแล้ว
    “เอ่อ ฟาริลนายจะปล่อยเจ้าหนูนั่นได้รึยัง”ฟีมัสร้องถามอย่างเซ็งเมื่อเห็นฟาริลจะระเบิดหัวของโครเซ่ให้แหลก
    “แต่เจ้าเด็กนี่ก็น่าสนใจนะแบบนี้น่าจะมาควบคุมเล่นหน่อย”ฟาริลเผยรอยยิ้มที่แสนจะชั่วร้ายให้ฟีมัสเห็นทันทีเพื่อหวังจะข่มให้ฟีมัสกลัวแต่ปฏิกริยาที่ฟีมัสแสดงกลับทำให้มันพูดไม่ออกทันที
    “หาววววว.....ตามใจใครจะห้ามคนบ้าสติเพี้ยนอย่างแกได้ล่ะ”ฟีมัสไม่สนใจแผนการของฟาริลแม้แต่น้อยเขากลับหาวเพราะความง่วงแทน
    “ขี้เซาไม่เปลี่ยนเลยน่ะ นายนะ”ฟาริลเห็นฟีมัสหาวขึ้นมาภาพในอดีตที่เขาเคยเดินทางร่วมกันก็แว๊บขึ้นมาในหัวของเขาทำให้เขาต้องรีบสลัดภาพความทรงจำในอดีตทิ้งทันที
    “ไวโอเลท บอล”ฟาริลรีบใช้เวทมนต์ออกมาทันที ทันใดนั้นลูกบอลสีม่วงห้าลูกพุ่งโจมตีฟีมัสทันทีถ้ามันเป็นลูกบอลธรรมดาที่โจมตีได้แต่นี้มันกลับใช้เวทได้แถมปล่อยอาวุธออกมาได้อย่างต่อเนื่องนั้นคือถ้าพลาดนิดเดียวอาจมีสิทธิลงไปนอนเล่นอยู่ใต้ดินแน่นอน
    “เฟรมมิ่งลาแซซ”ฟีมัสร่ายเวทด้วยน้ำเสียงสุดเบื่อพอร่ายจบเปลวเพลิงมรณะก็พุ่งออกมารอบตัวเขาทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เขาในระยะสิบเมตรละลายหายไปทุกสิ่งแต่ฟาริลที่มีความสามารถทางเวทสูงทำให้พอรู้ว่าเวทนั้นคืออะไรจึงหลบออกมาได้ทันเวลาแต่มือซ้ายมันก็ละลายหายไปทันที
    แต่นั้นก็ไม่อาจหยุดฟาริลได้เพราะฟาริลใช้พลังบางอย่างทำให้มือซ้ายของมันกลับมาคงสภาพเดิมแต่ก็ไม่อาจเข้าใกล้ฟีมัสได้เลยเพราะอำนาจของเปลวเพลิงรอบตัวฟีมัสได้ละลายทุกสิ่งทุกอย่างจนแม้แต่ถ้ำที่ทั้งสองยืนอยู่ก็เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่ว และแสงที่ส่องออกไปจากเพดานถ้ำตอนค้ำคืนแบบนี้ทำให้ประชาชนแถวนั้นถึกทักว่าเป็นมังกร (ตั้งแต่นั้นมาก็มีเรื่องเล่าว่าถ้ำนี้มีมังกรอารักอยู่)
“นี่มันไฟอะไรกัน”คูสลินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาร้องขึ้นมาอย่างพิศวงเพราะความร้อนมหาศาลของมันทำให้น้ำแข็งที่สร้างขึ้นมาหวังดับร้อนละลายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที
“ฮีลซิ่ง”ฟีมัสเอ่ยขึ้นเบาพร้อมกับสลายเปลวเพลิงของเขาทันทีเมื่อไฟหายไป ทุกคนจึงเห็นร่างของโรเซ่มีหยดน้ำหลายสิบหยดลอยอยู่บนร่างกาย
ติ้ง เสียงหยดน้ำหยดแรกหยดบนร่างของของโครเซ่ทำให้อวัยวะที่แหลกไปของเขากลับมาเหมือนเดิม
“ให้ตายสินี่มันคนแน่หรอพอหัวใจกับปอดกลับมาทำงานปกติมันก็ลุกขึ้นมาได้เลย ถึงเป็นบ้าเลย”ฟาริลหันไปมองโครเซ่ที่ลุกขึ้นมาอย่างรำคาญในใจเขาอยากจะวิ่งไปถีบโครเซ่สุดๆ แต่ก็มีฟีมัสยืนขวางไว้
            “ฟาริลแกนะเล่นก่ะไอ้พวกนี้ไปก่อนล่ะกัน”ฟีมัสพูดจบก็ส่งวิญญาณนับร้อยเข้ารุมฟาริลทันที แต่เมื่อวิญญาณตัวแรงถึงตัวฟาริลทั้งฟาริลและวิญญาณทั้งหมดก็หายไปจากถ้ำนั้นทันที
“หายไปไหนนะ”บลาสถามฟีมัสอย่างตกตะลึงเพราะเขายังจำได้ว่าเขาปราบวิญญาณนับร้อยด้วยเวทครั้งเดียวแต่นี่ถึงกับจัดการฟาริลอย่างง่ายดาย
            “หวังว่าผนึกเจ็ดวิญญาณคงใช้ได้นะ”ฟีมัสยังบ่นพึมพำเบาๆ โดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของบลาสแม้แต่น้อย
“นายฟังฉันบ้างไหมเนี่ย”บลาสถามฟีมัสด้วยสีหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นฟีมัสไม่ได้สนใจเขาถามเลยสักนิด
“หือ นายว่าไงนะ”ฟีมัสเห็นบลาสบ่นอยู่คนเดียวเลยถามขึ้น
“ไม่มีอะไร”บลาสพูดพูดพลางมองไปรอบๆ เพราะเขาไม่เห็นฟาริลแล้วจริงๆ
    “ดื้อด้านจริงๆ แฮะ”ฟีมัสพูดอย่างรำคาญพร้อมกับใช้เวทไฟโจมตีใส่จุดที่ฟาริลกำลังจะปรากฏตัว
    “อ๊ะ”ฟาริลร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห็นไฟหลายสิบลูกวิ่งมาขณะที่เขากำลังปรากฏตัว ถึงแม้มันจะเป็นเวทธรรมดาแต่โดนจังๆ แบบนี้ก็มีสิทธิไปนอนเล่นในโรงพยาบาลหลายวัน และเขาก็โดนไปเต็มๆ เลยปลิวไปชนกับผนังถ้ำจนเกิดระเบิดเป็นรูเพราะฟาริลได้ปลิวทะลุไปที่อื่นแล้ว
    แต่พอทั้งสี่วิ่งตามรูกำแพงที่ทะลุนั้นไปก็ถึงกับตะลึง เพราะร่างฟาริลจู่ก็มีแสงส่องสว่างออกมา แถมกับมีปีกที่สร้างจากแสงงอกออกมาพร้อมกับมีดาบโพล่ที่มือขวาแล้วมันก็รวมเป็นเนื้อเดียวกับแขนของฟาริลไปแล้ว
    “กลิ่นอายวิญญาณรุนแรงอะไรจะขนาดนี้ พอๆกับพวกเทพเลย”บลาสกับคูสลินทั้งสองเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นจับใจเพราะกลิ่นอายวิญญาณของฟาริลมันสูงพอๆ กับเทพระดับสูงเลยทีเดียว
    “ก็ไม่แปลกก็เพราะหมอนี่เป็นเทพมาก่อน”ฟีมัสบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะเฉลยให้ทั้งสองฟังทำให้บลาสกับคูสลินสะดุ้งสุดตัวทันทีเมื่อรู้ว่าฟาริลเป็นเทพมาก่อนแต่ทำไมฟีมัสยังทำหน้ายิ้มแย้มอยู่ได้ซึ่งมันต่างกับสถานการณ์ตอนนี้แบบสุดขั้ว
    แต่ทั้งสามยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อเพราะฟีมัสตอนนี้ได้เฉลยมาเรียบร้อยแล้ว เริ่มด้วยการทำให้ร่างเปล่งแสงแบบฟาริลและปีกแสงที่งอกออกมา ต่างกันเพียงมีคทาสีดำสนิทอันใหญ่เกือบเท่าตัวของเจ้าของเองซึ่งต่างจากหัวคทาเพราะลูกแก้วที่หัวคทานั้นกลับเป็นสีขาวขุ่นทำให้มันดูตัดกันมากทีเดียว
                                                            ..........................
    “เริ่มกันแล้ว”เสียงของชายแก่ที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดในโดมยักษ์เอ่ยขึ้น ท่ามกลางสายตานับร้อยของคนที่ยืนเฝ้าเขาไว้(น่าจะคุ้มกันมากกว่า)
    “อะไรเริ่มหรือรับท่าน มาโฟส”ชายคนหนึ่งที่คุ้มกันชายแก่เอ่ยถาม
    “ดูนี่สิวิล การต่อสู้ระหว่าง เทพแห่งความตาย ฟีมัส และเทพแห่งการทำลาย ฟาริล ในภาคมนุษย์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะ”มาโฟสเอ่ยอย่างเอ่ยเฉื่อยราวกับไม่คิดว่าหลังจากการต่อสู้นี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆ เพราะที่นี่คือ แดนสวรรค์ ที่ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใด(ไม่ยุ่งเกี่ยวหรอ แล้วที่กำลังดูเนี่ยมันคืออะไร???)
    “ผลจากการต่อสู้ผมคิดว่าฟีมัสน่าจะชนะนะครับ เขาเป็นถึงเทพแห่งความตายถึงจะไม่สามารถกำหนดความตายได้อย่างเก่าก็จริงเพราะอยู่ในร่างมนุษย์แต่อำนาจควบคุมวิญญาณของมันน่าจะเหนือกว่า”เทพอีกคนวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นถึงแม้จะรู้ว่าถ้าใครแพ้ก็ตามในศึกครั้งนี้อาจทำให้ความสมดุลทั้ง 3 โลกที่มีมานับพันปีจะสลายไปทันที
    “เอรานนายอย่าลืมพลังการทำลายของเทพผู้ที่เกิดขึ้นมาเพื่อการทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้น อย่างฟาริลสิ”มาโฟสเอ่ยขัดขึ้นทำให้ทั้งเอราน วิลและคนอื่นๆ เริ่มคิดหนักทันที
    “เรามาดูกันดีกว่าว่าระหว่างฟาริลกับฟีมัสใครจะชนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”มาโฟสหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งถึงแม้เขาไม่ใช่เทพสงครามหรือเทพแห่งการต่อสู้หรือเทพอื่นๆ แต่เขาก็ชื่นชอบที่จะได้เฝ้าดูการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มากทีสุดในแดนสวรรค์
   
                                                      .........................
    “เอาล่ะพวกเราจะเริ่มต่อสู้กันได้รึยังอะ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นฟาริลตั้งท่าจะโจมตีมาห้านาทีแล้วแต่ยังไม่โจมตีซะที
    “อ้าวนึกว่านายจะบุกก่อน เลยนั่งรออยู่เนี่ย”ฟาริลหยอกกลับทันทีทำให้บรรนากาศฆ่าฟันที่มีเมื่อครู่หายไปทันที
    “สรุปสองคนนี้มันจะเล่นหรือฆ่ากันแน่น่ะ”บลาสหันมาถามคูสลินกับโครเซ่อย่างแปลกใจแต่ทั้งสองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
    “อืม งั้นเราก็น่าจะเล่นกันได้แล้วนะ”ฟาริลตะโกนขึ้นพร้อมกับร่างของฟีมัสและเขาได้พุ่งออกจากจุดที่ยืนอยู่ และเขาก็หายตัวไปจากจุดนั้นแล้ว
    ตูมมมมมม
    เสียงการปะทะแรกได้ดังขึ้นกึกก้องเนื่องจากการปะทะจากเวทมนต์ขอฟีมัสที่ที่ไร้ที่สิ้นสุดกับพลังทำลายอันมหาศาลของพลังอำนาจที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ปะทะกันอย่างรุนแรง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น