รู้ไหม,,ว่ารัก
ดาวโรงเรียนผู้เลอโฉม ต้องจับพลัดจับผลูเข้าสู่วงการมายาเพราะความซนของเพื่อนรัก แถมต้องมาปะทะกับว่าที่หมอเคมีจอมกวนที่แอบติดตามเธอแทบทุกซอกมุม ทุกอย่างเกือบลงตัวแล้ว ถ้าจะไม่มีมือที่สามเข้ามากลั่นแกล้ง
ผู้เข้าชมรวม
331
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รู้ไหม..ว่ารัก
บทนำ
ที่ตึกนอนนักเรียนหญิงในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง หลายคนกำลังจัดการกับสัมภาระที่ต้องขนกลับไปบ้านในช่วงปิดเทอม โดยเฉพาะนักเรียนชั้นม.6 ที่จบการศึกษานี้แล้วต้องย้ายไปเรียนที่อื่น ข้าวของเลยเยอะกว่ารุ่นน้องรุ่นถัดๆไป ส่วนใหญ่ก็จัดเสร็จ แบกข้าวของลงไปบ้างแล้ว แต่พวกกลุ่มพี่ใหญ่ยังไม่ยอมแยกจากกันไปไหน
สามสาวหน้าใสยังคงนั่งกอดกระเป๋าตัวเองมองหน้ากันอยู่ในความเงียบ ยังไม่มีใครยอมลุกไปไหนเลยสักคน แม้ว่าเพื่อนชายในกลุ่มเดียวกันจะลงไปดีดกีตาร์นั่งรออยู่ที่ม้าหินประจำกลุ่มของพวกเขาและเธอ ก็ไม่สามารถทำให้สาวๆกระตือรือร้นที่จะลงไปสมทบด้วยอย่างเคย นานทีเดียวกว่าจะมีใครสักคนถอนหายใจ และเป็นผู้นำลุกขึ้นก่อน
เฮ้ย ลงไปข้างล่างกันเถอะว่ะ เดี๋ยวพ่อแม่มาหาพวกเราไม่เจอคงได้บ่นไปเจ็ดแปดวันแน่ๆ ที่จอดรถยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ด้วย
ที่เหลือพยักหน้า ยอมแยกก้นออกจากเตียงประจำตำแหน่งอย่างว่าง่าย แล้วพากันลงไปข้างล่าง เดินไปนั่งกับหนุ่มร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังดีดกีตาร์เสียงแปร่งๆ ไร้อารมณ์บรรเจิดอย่างทุกที สามสาวมองเพื่อนชายร่างโย่งแล้วส่ายหน้าอย่างหนักใจ
ท่าทางวันนี้ เพื่อนฝูงจะเศร้าซึมเหงาหงอยกันไปจนวินาทีสุดท้าย เพราะใจหายกับโชคชะตาที่กำลังจะพรากพวกเธอออกจากกันไปไกล แม้จะมีบางคณะที่แต่ละคนเลือกตรงกันราวรู้ใจกันว่ายังอยากกลับมาร่วมทีมกันอยู่ แต่มันก็มีโอกาสเป็นไปได้แค่เพียงหกเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
ถ้ายังไง จนกว่าพวกเราจะยังไม่ไปมีเพื่อนใหม่ เราจะเวียนกันไปรวมตัวกันอ่านหนังสือที่บ้านแต่ละคนนะเว้ย เริ่มที่บ้านฉัน บ้านเม บ้านจี๊ดแล้วก็บ้านฐา
สมาชิกที่เหลือพยักหน้ารับเป็นสัญญาต่อเด็กสาวร่างบาง ผมยาวหยักศกเล็กน้อยแต่โครงหน้าสวยและรูปร่างดีอย่าบอกใคร เพราะเธอคือนางเอกละครเวทีของโรงเรียน เป็นประธานชมรมศิลปะการแสดง เป็นคนสวยเกือบถึงขั้นดาวโรงเรียน ซ้ำยังเป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าของโรงแรมหรูกลางเมืองตรังอีกด้วย พ่อแม่ของเธอมีข่าวลงหน้าสังคมในหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน แถมมีพี่สาวเป็นเด็กทุนรัฐบาลเยอรมันอีกต่างหาก เธอจึงเด่นดังที่สุดในโรงเรียน
พรุ่งนี้เลยก็ได้ยัยสอง เดี๋ยวเราจะไปบุกบ้านแกก่อนเลยวิจิตราสาวหน้าหวาน บอกกับเพื่อนอย่างนึกขึ้นมาได้ พรุ่งนี้แม่ของเธอจะพาช่างมาตกแต่งห้องแถวถัดจากบ้านของเธอเพื่อจะเปิดเบเกอรี่ แถมยังต้องไขสว่าน เจาะนั่นเจาะนี่วุ่นวายไปหมด คงีแต่เสียงอึกทึกจนอ่านหนังสือไม่ได้ หากจะไปอ่านหนังสือที่บ้านอรณิชาคงสะดวกกว่า เพราะพ่อแม่อรณิชาไม่ค่อยอยู่บ้าน ถ้าไม่อยู่ตรังเพื่อบริหารโรงแรม ก็คงจะบินไปหาลูกสาวคนโตที่เยอรมัน
มาเลยจี๊ด พรุ่งนี้พ่อกะแม่ฉันจะไปตรังอีกแล้วละ แกมาอยู่ด้วย แม่จะได้เบาใจ
ไม่เหงาบ้างเหรอคุณหนูสอง พ่อแม่แล้วก็พี่สาวไม่อยู่ ทั้งบ้านมีแต่แกกะพี่เลี้ยงเศรษฐาถามความรู้สึกของเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่ต้องถูกทิ้งไว้ในบ้านเพียงลำพังเกือบทุกวัน ไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่เหมือนเช่นพวกเขาสามคนและคนอื่นๆ
ไม่เหงาเท่าไหร่หรอก ยังดีมีอาอยู่ กับโป้งอีกคนนึงด้วย
งานวันแม่ วันพ่อของแต่ละปี อรณิชา สิริสุวัฒน์ไม่เคยมีพ่อแม่มานั่งบนเวทีให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเธอได้ก้มกราบเลยสักหน บางทีก็ดีหน่อยที่ยังมีอาซึ่งอาศัยบ้านในรั้วเดียวกันมาเป็นผู้ปกครองให้
และอาก็คืออาหนกที่รักเธอไม่ต่างไปจากนายโป้งลูกชายของอาเลย แม้ตอนเธอเกิด อาก็ต้องดูแลเธอควบคู่กันไปด้วย เมื่อแรกมีอาเขยชาวฝรั่งเศสคอยดูแลด้วยอีกคน เหมือนเป็นพ่อและแม่คู่ที่สองของเธอ แต่พอเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งตับ พ่อกับแม่กลับมาเลี้ยงดูใกล้ชิดเธอกับพี่สาวไม่นานก็ต้องรีบกลับไปดูแลโรงแรมต่อไปเช่นเก่า ภาระการเลี้ยงดูเด็กสามคนจึงตกหนักที่กนกศรคนเดียวเต็มๆ จนไอยดาซึ่งโตกว่าเธอเกือบสิบปีสอบได้ทุนเรียนต่อที่เยอรมัน อรณิชาที่พ่อแม่ไม่อยากอุ้มไปตกระกำลำบากที่ต่างจังหวัดเลยยังอยู่กับอาโดยมีโป้งเป็นคู่หู เพื่อนเล่น
ถ้าไม่มีอา ชีวิตฉันจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ อาจจะเป็นหมาหัวเน่าไปเลยก็ได้
บ้าน่าไอ้สอง เพ้อเจ้อ ถ้าไม่มีอาหนก ฉันว่าพ่อแม่แกอาจจะต้องหนีบแกไปตรังอยู่วันยังค่ำแหละ ใครจะปล่อยให้ลูกสาวที่สวยระดับนางเอกละครโรงเรียนอยู่บ้านคนเดียววะ เดี๋ยวคนสวนก็จับปล้ำพอดี นี่เพราะมีอาแกอยู่ด้วยทั้งคน แม่แกก็เลยยังวางใจไง ว่าแกยังมีคนดูแลเมธาวีปลอบเพื่อน อรณิชายิ้ม พยักหน้าเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
รถยนต์คันใหญ่ หรู ดูสง่า ฟ้องฐานะทางการเงินของเจ้าของว่ามั่งคั่งขนาดไหนนั้นปราดเข้ามาจอดเทียบขอบทางเท้าใกล้ๆโต๊ะที่สี่หนุ่มสาวคุยกันอยู่ สักพักสาวรุ่นใหญ่ใจดีก็ลงจากรถมารับลูกสาวคนเดียวที่ยังนั่งอยู่ในกลุ่ม วิจิตราหันมาเห็นมารดาก็ยิ้มดีใจ รีบลุกให้นั่งแทนที่
ว่าไงคะเด็กๆ รอกันนานรึยังเอ่ย
ไม่นานเท่าไหร่ค่ะอาวิ พวกเมก็เพิ่งลงมาเหมือนกันเมธาวีตอบฉาดฉานจนวิภาดายิ้มเอ็นดูเหมือนเคย ก่อนจะถอนหายใจอย่างนึกเสียดายที่อาจจะเจอกันน้อยลง
เห็นหน้าพวกหนูมาสามปี อาก็รู้สึกดีนะเนี่ย แต่เดี๋ยวจะเจอกันอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้ายังไม่ลืมกันก็มานั่งเล่นที่บ้านเหมือนเดิมนะลูก
ครับ ผมจะรีบไปหาจี๊ดกับคุณอาที่บ้านทุกวันเลยครับเศรษฐายิ้มหน้าเป็น จนวิภาดาหัวเราะขำ
ทะเล้นตามเคยละ นายฐา มาเถอะ อายินดีต้อนรับ ถ้ามาได้สม่ำเสมอติดต่อกันถึงสิบปี อายกยัยจี๊ดให้เลยเพื่อนฝูงตาโต ตบมือดีใจพร้อมกัน แต่ยกเว้นวิจิตราที่งอแง โวยวายแม่
แม่อะ จี๊ดไม่ได้อยากเป็นแฟนอีตาฐานี่ซะหน่อย
อรณิชากับเมธาวีหัวเราะร่า ขำหน้างอง้ำแต่น่ารักน่าโอ๋ของวิจิตรากับสีหน้าทะเล้นชวนกระทืบของเศรษฐาจนแทบจะขาดใจ ทั้งคู่รู้ว่าวิจิตราแกล้งทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง
จนเมื่อวิจิตราแยกไปแล้ว ก็เหมือนว่าอีกสามคนที่เหลือยังนั่งคุยต่อไป กว่าที่หมอนิรุตต์จะมารับลูกสาวจอมห้าวอย่างเมธาวีและพ่วงอรณิชากับเศรษฐาไปด้วยเพราะบ้านใกล้กันทั้งสามคน
เด็กสี่คนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้น และค่อนข้างที่จะเรียนดีพอตัว โดยเฉพาะวิจิตราที่ซิวคะแนนท็อปได้แทบทุกวิชาเลยทีเดียว เศรษฐาถึงได้ทึ่งระคนปลื้มนัก คอยหาเรื่องนั่งข้างๆจะได้ให้เธอช่วยอธิบายวิชานั้นวิชานี้ให้ละเอียดอีกที อรณิชากับเมธาวีมองอย่างเขม่นเพื่อนชายที่มาแย่งที่นั่งประจำ แถมยังดูออกว่าเศรษฐามาชอบเพื่อนสาวของเธอเข้าให้ก็ตั้งท่าแซว
วิชาการฝีมือ เมธาวีดูจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าใครเพื่อน เธอจึงเป็นตัวแทนชมรมคหกรรมคู่กับวิจิตราซึ่งชอบทำขนม ในขณะที่เศรษฐาเป็นประธานชมรมมัคคุเทศก์ยุวชนสมชื่อลูกชายเจ้าของบริษัททัวร์ ทั้งสี่สหายจะนัดกินข้าวด้วยกันทุกเย็นก่อนขึ้นหอพักจนทำให้เพื่อนๆนอกกลุ่มล้อเศรษฐาว่าเป็นแมลงในหมู่ดอกไม้
พ่อของเมธาวีเป็นหมอ พ่อของเศรษฐาเป็นมัคคุเทศก์ ในขณะที่พ่อของอีกสองสาวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ใครๆจึงมองพวกเขาและเธอเป็นกลุ่มไฮโซ ทั้งๆที่ไม่มีใครใช้ชีวิตหรูหรากันเลยสักคน แค่พ่อของอรณิชาขึ้นหน้าข่าวสังคมบ่อยเท่านั้นเอง แต่ทุกคนก็ใช้เวลาว่างเหมือนเด็กทั่วๆไป คือวาดรูปเล่น ร้องคาราโอเกะ หรือไม่ก็เล่นอินเตอร์เนตอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าหรือของฟุ่มเฟือยที่ไหน เพราะที่มีอยู่ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาอยู่แล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ ณภัค สิรา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ณภัค สิรา
ความคิดเห็น