คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รู้ไหม..ว่ารัก ตอนที่ 3
ดึกแล้ว แต่กรรพัชรยังคงไม่นอน แม้ว่ามารดาจะหลับไปได้สักพักใหญ่ หากเด็กหนุ่มยังคงวุ่นวายกับการค้นคว้าหาข้อมูลสถานที่เรียนภาษาเยอรมันเพิ่มเติม ซึ่งก็หาได้ยากมาก ถ้าเทียบกับสถาบันภาษา หรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น หรือแม้แต่ภาษาสเปน
หน้าต่างโปรแกรมค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตถูกเรียกขึ้นแสดงผลไม่ต่ำกว่าห้าหน้าต่างแล้ว แต่เขาก็ยังหาไม่เจอข้อมูลที่จุใจเขา ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ แต่เขาต้องการสถานที่เรียนเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า เพื่อที่จะมีที่ปรึกษายามที่เขาเกิดปัญหาข้องใจในบทเรียน หรือแม้แต่อยากจะฝึกสนทนา ฝึกสำเนียงการพูดให้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา แต่ก็ดูเหมือนจะหายากเหลือเกิน จนเขาท้อ และอยากจะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเข้านอนเสียที หากไม่สะดุดกับอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน
หน้าต่างบานหนึ่งแสดงเว็บไซต์วัยรุ่นที่มักจะเน้นการหาเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต บ้างโชว์รูปตัวเองลงให้เพื่อนฝูงในโลกไซเบอร์ช่วยกันลงคะแนนเสียงว่าใครน่ารักโดนใจที่สุด เขาเกือบจะส่ายหน้าว่ามันไร้สาระสิ้นดี ถ้าไม่บังเอิญไปเจอหน้าต่างเล็กๆที่อวดโฉมหน้าของเด็กสาวผิวขาว ตาคม ผมสีน้ำตาลเข้มอยู่ในชุดดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนไหนสักแห่ง
นิ้วชี้มือขวาลงแรงกดปุ่มเมาส์ตามที่เคอร์เซอร์ชี้อยู่โดยอัตโนมัติ ภาพหญิงสาวกลายเป็นอีกหน้าหนึ่งบอกรายละเอียดที่มาของภาพไว้ค่อนข้างชัดเจน
“ร่วมโหวตคนสวยคนดังประจำโรงเรียน”พาดหัวคอลัมน์ตัวหนาสะกดสายตาให้เขามองเห็นได้ไม่ยาก ก่อนจะเบนสายตาไปมองหารูปเดิมพร้อมข้อความกำกับไว้เพียงสั้นๆ
“พี่สอง อรณิชา เด็กศิลป์ฝรั่งเศส ประธานชมรมละครเวทีเลือดฟ้าชมพู ผู้ได้ครองคฑาดรัมเมเยอร์สองสมัยซ้อน ตอนนี้กำลังติวเข้มสอบเข้าศิลปากร สู้ๆนะคะ น้องๆเอาใจช่วย”
และยังมีอีเมล์แอดเดรสไว้ให้ติดต่อหากใครต้องการเป็นเพื่อนกับเธอด้วย วันที่ลงรูปไม่ได้มีบันทึกไว้ แต่วันเวลาที่เพื่อนๆของเธอเข้ามาลงคะแนนเสียงบอกให้กรรพัชรรู้ว่ามันเพิ่งจะไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง ใครต่อใครลงคะแนนโหวตให้เธอไม่ต่ำกว่าพันคะแนนแล้ว อีกทั้งแทรกความเห็นที่ล้วนพ้องต้องกับความรู้สึกของเขาทั้งนั้น
“สวย น่ารัก ดูมีเสน่ห์”
“น่ารักนะครับ แต่ตาดุจัง”
กรรพัชรหันมองดวงตาของเธออีกครั้ง จริงสินะ ตาคมกริบเชียว ท่าทางจะดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แม้ว่าใบหน้าโดยรวมจะหวานใสก็ตามเถอะ เขามองรูปเธอจนเพลิน กว่าจะนึกได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
เสียงเคาะนิ้วบนคีย์บอร์ดยังคงดังรัวอยู่เป็นระยะ แม้ว่าเข็มนาฬิกาจะบอกเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว อรณิชากำลังโพสต์ข้อความคุยกับมารดาอยู่จนใกล้จะจบ เสียงเพลงจีนของนักร้องไต้หวันที่เธอชื่นชอบเริ่มออกฤทธิ์ให้เธอง่วงนอนจึงบอกลามารดา พร้อมๆกับที่มีข้อความแจ้งว่ามีคนบันทึกที่อยู่อีเมล์ของเธอเพื่อจะขอคุยเป็นเพื่อน อรณิชาขมวดคิ้วอย่างงุนงงสงสัย
มือผิวสีนวลขับเคลื่อนเมาส์กดคลิกอนุญาตคนแปลกหน้าเข้าพูดคุยได้ตามความคิดคนมองโลกในแง่ดี ใจหวังให้เขาเข้ามาคุยดีๆ ไม่พูดจาอะไรสองแง่สองง่ามให้เธอกระอักกระอ่วนในการผูกมิตร
“สวัสดีครับ คุณสอง”กรรพัชรพรมนิ้วลงแป้น เอ่ยทักทายทันทีเมื่อได้รับการเปิดใจจากฝ่ายตรงข้าม
“ผมชื่อตั้วนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
อรณิชานิ่งมองข้อความที่ส่งมาเชื่อมสัมพันธ์อย่างละเหี่ยใจ อีกแล้วหรือ บรรดาผู้ชายที่เข้ามาหวังจะขอเบอร์โทรศัพท์ นัดกินข้าว นัดดูหนัง หัวข้อสนทนาช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
“ค่ะ เช่นกัน”
“ได้ข่าวว่ากำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหรอครับ งั้นก็รุ่นเดียวกันเลย ขอให้โชคดีนะครับ ของผมประกาศผลอาทิตย์หน้า”
อรณิชาอ่านข้อความอย่างรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิม ตั้งแต่คุยกะคนแปลกหน้าที่แอ๊ดเมล์เธอมาคุย เพิ่งจะมีคนนี้ที่คุยใช้ได้หน่อย
“รูปดรัมเมเยอร์สวยดีนะครับ ดูสง่า บุคลิกดีนะครับเนี่ย”
ยังคงเงียบ ไม่มีอะไรตอบกลับมา กรรพัชรยิ้มแห้งๆให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะดูทางหนีทีไล่ หากเขาตัดบทสนทนาเสียก่อน สาวเจ้าคงไม่รำคาญเขานัก เอาไว้นึกอะไรที่น่าคุยมากกว่านี้ได้ ค่อยชวนเธอคุยดีกว่า
“เออ ผมไปก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ หวังว่าคงได้คุยกับคุณน้องอีกครั้งนะฮะ”แล้วกรรพัชรก็ตัดสายการสนทนาลงดื้อๆ อรณิชามองแปลกใจกว่าเดิม
เออ คนนี้นี่ เป็นรายแรกที่ตัดบทการสนทนากับฉันนะเนี่ย เด็กสาวถอนหายใจโล่งอกที่ไม่โดนรุกหนักอย่างที่คนอื่นเคยทำ หญิงสาวปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนจะเอนตัวลงนอนกับเตียงอันแสนนุ่มภายใต้เครื่องปรับอากาศแสนเย็นฉ่ำ
“เอ้า ชน”
เสียงหนุ่มวัยรุ่นประสานเสียงกันพร้อมชนแก้วฉลองผลสอบที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย อธิพงศ์ตบมือกับคู่หูที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามาตั้งแต่มัธยมต้น เขายินดีสุดชีวิตที่เพื่อนรักอย่างมณเฑียรสอบติดคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ได้สมใจหวัง
“เออ แล้วไอ้ตั้วละวะ มันไปไหน ไม่เห็นมาฉลองด้วยเลย”
“รายนี้ไปกับแม่ว่ะ พอดีพรุ่งนี้แม่มันจะกลับอิตาลีแล้ว เลยใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานหน่อย มันสอบได้วิศวะเคมี ก็เลยให้มันค่อยแจมทีหลัง แกเองก็เหอะ เดี๋ยวจะไปต่อกะยัยวินนี่อีกละสิ เมาไม่ขับนะเว้ย เพื่อนขอร้อง”
“เออ ย้ำจริงเชียว แล้วงานนี้วินนี่เขาขับ ฉันไม่ได้ขับสักหน่อย ไปก่อนนะ ไอ้ตั้วมันว่างแล้วค่อยเจอกัน”
พูดไม่ทันขาดคำ หนุ่มร่างสูงโปร่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้าน ทำให้เพื่อนอีกสองคนนั่งงง เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวตรงนี้ได้
“อ้าว ไหนไอ้โป้งมันบอกว่าแกไปกะแม่ไง แล้วทำไมชิ่งมาได้วะ”
“แม่บอกว่าจะรอให้พ่อกลับจากสัมมนาก่อนแล้วค่อยไปกินด้วยกัน เลยให้ฉันมากับแกวันนี้ น้องๆ ขอกาแฟแก้วนึง”กรรพัชรหันไปตะโกนสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานร้านที่เขาคุ้นเคยดี ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อน มณเฑียรเห็นท่ากะปลกกะเปลี้ยของเพื่อนสนิทอีกคนแล้วได้แต่หัวเราะ
“นี่ไง ไอ้โป้ง ไอ้นี่มันง่วงแล้วขับ งานนี้แกสอยมันไปส่งที่บ้านเลยนะ”
อธิพงศ์มองสภาพกรรพัชรแล้วก็แอบเห็นด้วยอยู่ในใจ สหายรักของเขาตาปรือชอบกล แถมสั่งกาแฟทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยจะแตะต้องมันเลยสักที
“ไปทำอะไรมาวะ ไอ้ตั้ว ทำยังกะอดหลับอดนอนมางั้นแหละ”
“หาข้อมูลเรียนเยอรมันน่ะสิ หาซะตาแทบเล็ด ไม่เจอสักที ว่าจะเรียนออนไลน์แล้ว”กรรพัชรพูดอย่างเหนื่อยอ่อน
ผองเพื่อนพยักหน้ารับรู้ เข้าใจอยู่แล้วว่าไอ้หล่อของพวกเขามีจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตคือการได้ไปเรียนต่อเคมีที่เยอรมัน หากเรียนจบปริญญาตรีเมื่อใด กรรพัชรคงเหินฟ้าไปเมืองเบียร์แน่ๆ และสามทหารเสือ ก็คงได้เหลือเพียงแค่สองตัวเท่านั้น
“เอายังงี้สิ พอดีลูกพี่ลูกน้องฉันเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่ที่สยาม เขาเป็นสถาบันภาษาโดยตรง เดี๋ยวจะไปถามมาให้ว่าเรียนที่ไหน”อธิพงศ์นึกถึงอรณิชาทันควัน เพราะญาติสนิทตัวดีของเขาไปเรียนพิเศษภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมทุกเสาร์อาทิตย์ บางทีอาจจะมีภาษาเยอรมันปะปนอยู่ด้วยก็ได้
“นานๆทีจะได้รวมพลกันพร้อมหน้าซะทีน้อ ตั้งแต่ไอ้เทียนไปมีแฟนเนี่ย เอะอะๆอะไรก็จะไปกับวินนี่ เฮ้อ หมั่นไส้คนมีรักจริงๆ แล้ววันนี้ไปต่อที่ไหนอีกละสิ”กรรพัชรดักคอเพื่อนอย่างรู้ทัน มณเฑียรยักคิ้วแทนคำตอบ
“ทำเป็นแซว ไว้แกมีมั่งขี้คร้านจะยิ่งกว่าข้า”
“ไอ้ตั้วมันรอไว้ไปมีที่เยอรมันเว้ย”อธิพงศ์กระเซ้า ปรายตาหันไปเห็นร่างหญิงสาวสูงโปร่งเดินเข้ามาในร้าน สายตาของเธอกำลังมองหาใครสักคน เขาโบกมือเรียกเธอ อีกมือก็สะกิดมณเฑียร
“ผู้ปกครองมารับแล้วเว้ย ไอ้เทียน”
เพื่อนฝูงฮาครืนกับคำจำกัดความที่อธิพงศ์ตั้งให้แฟนของเพื่อน ทุกคนรู้ดีว่ามณเฑียรออกจะรักและเกรงใจแฟนสาวมาก และก็มากพอจะยอมห่างเพื่อนฝูงที่ร่วมทางกันมาเกือบห้าปีไปทุ่มเวลากับเธอคนเดียว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครโกรธเคืองเขาเลยสักคน
“ดีใจด้วยนะ สอบติดกันหมดเลยนี่ ตั้ว ได้ข่าวว่าได้วิศวะเคมีเชียวนะ โก้จังเลย”
น้ำเสียงและแววตาของคนพูดดูร่าเริงอย่างที่ทุกคนเห็นมาตลอด แต่แทบไม่มีใครสังเกตว่ามันสุกใสผิดปกติเมื่อกวินนาหันมองกรรพัชรซึ่งนั่งถัดจากมณเฑียรออกไป
แม้กวินนาจะมีใจตอบรับมณเฑียรให้เคียงข้างเธอในฐานะคนรัก แต่ก็ไม่ได้เศษเสี้ยวหากเทียบกับความรู้สึกที่ทั้งชื่นชมและอยากไขว่คว้าผู้ชายที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างมาเป็นคู่ชีวิต เธอหลงรักกรรพัชรตั้งแต่วันที่มณเฑียรแนะนำเขาให้เธอรู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเนิ่นนาน
ไม่เคยมีใครสังเกตอากัปกิริยาของเธอเมื่อเจอกรรพัชร แม้แต่มณเฑียร หากแต่กรรพัชรกลับรู้ตัว และเฝ้าระวังอยู่เงียบๆ ไม่ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระที่จะชักนำเธอให้ใกล้ชิดเขาเกินไป ยามเลิกเรียนก็มักชวนอธิพงศ์ไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด หรือไม่ก็ทานอาหารกลางวันกันโดยที่เขามักจะคุยลำพังแค่ในกลุ่มผู้ชาย กระนั้นกรรพัชรไม่กล้าบอกเพื่อนเพราะเกรงความเปราะบาง อ่อนไหวของเพื่อนรัก เขาไม่ได้คิดอะไรกับกวินนาเกินกว่ามิตรภาพ แต่คนคิดมากอย่างมณเฑียรอาจจะไม่เชื่อเช่นนั้นก็ได้
กรรพัชรได้แค่ยิ้มมุมปากให้กับคำชมของเธอโดยไม่พูดอะไรตอบไปสักคำ
ความคิดเห็น