คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รู้ไหม..ว่ารัก ตอนที่ 2
ดอกลิลลี่ช่อโตบานสะพรั่งสวยงามดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างให้หันมองผู้ถือซึ่งยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มนักเรียนชั้นมัธยมปลาย หากเจ้าตัวไมได้สนใจ เขายังคงยิ้มให้กับดอกไม้ในมือที่เขาตั้งใจจะเอากลับไปกำนัลให้มารดาซึ่งเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อเช้านี้และตรงกับวันเกิดของตัวเองอย่างเหมาะเจาะลงตัว
คอนโดมิเนียมหรูหราบริเวณชานเมืองได้มาซึ่งน้ำพักน้ำแรงของผู้เป็นบิดา กรรพัชรนัดให้แม่ของเขามาพักด้วยกันที่นี่ ในช่วงที่บิดาไม่อยู่ ไปสัมมนาต่างประเทศ เหมือนจะจงใจหลบหน้าอดีตภรรยาซึ่งแยกทางกันไปตั้งแต่ลูกชายคนเดียวอายุไม่ถึงสองขวบ
เพชรกับเพลินจิตแต่งงานกันเพราะญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้คบหากัน หากทั้งคู่มีอุปนิสัยที่สวนทางกันอย่างยากเกินจะร่วมทางกันได้ แม้ว่าเพชรจะไม่มีหญิงสาวคนรักที่คบอยู่ แต่เขาก็วาดภาพภรรยาในอนาคตว่าอยากให้เธอเป็นผู้หญิงธรรมดา ใช้ชีวิตเรียบง่าย และคอยเป็นคู่คิดเคียงข้างเขาเสมอ ในขณะที่เพลินจิตชอบชีวิตสวยหรู ฟู่ฟ่าตามที่เป็นมาแต่เกิด เธอมีความฝันเป็นของตัวเองว่าจะต้องเป็นดีไซเนอร์มือหนึ่งในโลก หญิงสาวยอมมีลูกกับเพชรตามความต้องการของพ่อแม่ แล้วก็ขอแยกทางไปอยู่อิตาลีตามลำพัง เพื่อสานฝันของตัวเองให้เป็นจริง กรรพัชรจึงโตมากับบิดาเพียงลำพัง
“สุขสันต์วันเกิดนะครับแม่”รอยยิ้มอ่อนโยนของลูกชายคนเดียวทำให้มารดายิ้มปลื้มที่แม้จะไม่เคยใกล้ชิดกันจริงๆ แต่เขาก็ไม่เคยลืมวันสำคัญของเธอ
“ขอบใจจ้ะลูก หอบดอกไม้มาช่อเบ้อเร่อยังงี้ สาวอื่นๆเห็นเข้าไม่อกหักแย่เหรอ”
กรรพัชรหัวเราะแห้งๆ ไม่ตอบคำถามมารดา เพลินจิตยิ้มเล็กน้อย มองสายเลือดในอกที่นับวันยิ่งจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยวิ่งเล่นซุกซนกับพี่เลี้ยงเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็กลายเป็นหนุ่มสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาอยู่ตรงหน้า
เด็กหนุ่มได้อะไรๆของพ่อมาเยอะพอตัว ทั้งเชื้อสายเยอรมันที่เพชรมีอยู่ครึ่งหนึ่งในสายเลือด ทำให้กรรพัชรมีหน้าตาออกแนวลูกครึ่งอย่างช่วยไม่ได้ เพลินจิตยังจำได้ดีว่าวันแรกที่เธอกลับมาเยี่ยมเมืองไทยและได้ส่งลูกชายคนเดียวไปโรงเรียน มีแต่คนเห็นแล้วเอ็นดูเจ้าหนุ่มน้อยกันเกือบทั้งโรงเรียน ครูสาวๆมักจะเห่อหน้าฝรั่งๆกับยิ้มทะเล้นๆของเขามากเป็นพิเศษ หลายครั้งที่รูปของกรรพัชรจะปรากฏลงบนบอร์ดโรงเรียน เวลามีกิจกรรมอีกทั้งบุคลิกลักษณะที่ค่อนข้างใจเย็น ยิ้มเก่ง อารมณ์ดี ยิ่งทำให้ใครๆหลงรัก ทั้งหมดนี้กรรพัชรถอดแบบมาจากเพชรทั้งนั้น หากแต่ความมั่นใจในตัวเองสูงในตัวมารดากลับไม่ได้กระเด็นมาอยู่ในนิสัยของกรรพัชรเลยแม้แต่สักน้อย เพลินจิตจึงค่อนข้างขัดใจเวลาที่ลูกชายมักพูดหรือตอบอะไรแบบแบ่งรับแบ่งสู้กับความคาดหวังของแม่อยู่เสมอ
“ครั้งนี้แม่จะอยู่กี่วัน”
“ก็จนกว่าพ่อเราจะกลับมาแหละ แล้วตั้วละ จะประกาศผลสอบเมื่อไหร่ พ่อกับแม่จะได้พาไปฉลอง”
“อาทิตย์หน้าครับ แต่แม่รู้ได้ไงว่าผมจะสอบติด ผมยังไม่กล้าคิดเลยนะเนี่ย ข้อสอบยากจะตาย ภาษาอังกฤษข้อสุดท้ายทำเกือบไม่ทัน”
“หวังไว้ก่อนก็ดีไม่ใช่เรอะ ขืนเอาแต่คิดว่าจะไม่ได้ จิตใจก็ห่อเหี่ยวหมดสิ แกนี่ลูกพ่อจริงๆเลย ไม่รู้เอาความมั่นใจที่แม่อุตส่าห์ปลูกฝังตั้งแต่อยู่ในท้องไปหล่นหายอยู่ที่ไหน”
สองแม่ลูกหัวเราะรื่นรมย์ ก่อนที่ผู้เป็นลูกชายจะลุกไปหาอะไรให้มารดารับประทาน ห้องชุดเล็กๆที่เคยมีแต่เสียงผู้ชายคุยกันเสียงขรึม ก็พลันมีเสียงผู้หญิงวัยกลางคนเข้ามาสร้างสีสันที่แปลกตาแทนที่
หลังจากเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือสอบตัวสุดท้ายมานาน สี่หนุ่มสาวก็ได้ฤกษ์ปลดแอกสมองตัวเองด้วยการลงมือทำอาหารรับประทานกันในครัวบ้านของประธานชมรมละครเวที สายใจคอยเฝ้าเป็นลูกมือช่วยคุณหนูๆปรุงรสพาสต้าจานโปรดและลำเลียงขึ้นโต๊ะอาหารที่เหล่าทะโมนทยอยเดินออกจากครัวมานั่งรอด้วยความหิวเต็มที่
ใครบางคนเปิดประตูเข้ามาร่วมวงพร้อมๆกับรอยยิ้มของใครอีกคนผลิบานอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เศรษฐาสะกิดอรณิชาให้หันไปมองเมธาวีซึ่งแววตาสุกใสขึ้นมาทันควันตั้งแต่อธิพงศ์หิ้วถุงใส่ขวดน้ำผลไม้เข้ามาให้พวกเธอดื่มฉลอง อรณิชาเห็นเพื่อนรักแล้วแอบยิ้มกริ่ม
“เอ้า กินเข้าไป สมองจะได้สดชื่น พรุ่งนี้จะได้ลุยข้อสอบได้ผ่านฉลุย”
“สมพรปากเถอะวะ โป้ง อวยพรซะขนาดนี้น่ากลัวคนบางคนจะไม่ยอมหลับยอมนอนน่ะสิ เดี๋ยวลุกขึ้นมาอ่านต่อรอบดึกอีกละ”เศรษฐาหันไปเหล่เพื่อนสาวที่อาการเริ่มผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด หากเจ้าตัวรู้ดีว่าถูกเหน็บ ก็เกิดอาการร้อนรนใจ แกล้งยกแก้วน้ำส้มขึ้นมากระดกกลบเกลื่อนอาการเขินอาย เกือบจะสำลักหากอธิพงศ์ไม่คว้าแขนเบรกสปีดไว้ได้ทัน
“เม ค่อยๆกินสิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”
ครั้นถอนแก้วน้ำออกจากปาก เพื่อนฝูงแทบหัวเราะก๊าก เมื่อเห็นสีแก้มของเมธาวีจอมห้าวเป็นสีลูกตำลึงสด ราวกับมีใครมาปัดแก้มให้เธอเสียอย่างนั้น เหงื่อก็ซึมจนอรณิชาเริ่มสงสาร รีบคว้าทิชชูมาซับให้เพื่อนรักเป็นพัลวัน เมธาวีสบโอกาสหันไปส่งสายตาอาฆาตรใส่เพื่อนชายตัวดีที่ทำให้เธอเสียจริตต่อหน้าหนุ่มที่เธอแอบชอบ
คนเขินอายหลบเอาจานมาล้างในครัว ปล่อยให้เพื่อนฝูงนั่งคุยกันพลางจัดเก็บโต๊ะอาหารให้เรียบร้อยอยู่ในตัวบ้าน วิจิตราเช็ดโต๊ะ เศรษฐาเคลียร์ถุงขยะเอาไปทิ้งหลังบ้าน อรณิชากวาดพื้น แต่ละคนไม่ยอมให้สายใจต้องเหนื่อยทำความสะอาดให้อีก อธิพงศ์มองกลุ่มของญาติสนิทด้วยความรู้สึกดี และตามมาด้วยความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมกับเขาบ้าง จึงขยับจะช่วยเศรษฐายกถุงขยะ แต่อรณิชาสะกิดบอกให้เขาตามไปช่วยเมธาวีล้างจานในครัว
“อ้าว แล้วทำไมแกไม่เข้าไปวะ ไอ้สอง”
“ฉันก็ถูบ้านอยู่นี่แล้วไงเล่า แกเข้าไปช่วยยัยเมดีกว่า เผื่อจะได้ช่วยเขายกจานออกจากเครื่องล้างไง”
เมื่อจำนนด้วยเหตุผล อธิพงศ์จึงยอมเดินเข้าไปในครัวตามคำประกาศิตของลูกพี่ลูกน้องจอมเจ้าเล่ห์ ซึ่งเมื่อพอลับตาเขาก็แอบหันไปส่งสัญญาณกับอีกสองคนที่เหลือให้จับตามอง
“ไอ้เมนี่ก็แปลกเนอะ บทห้าวก็ห้าวได้ใจ แต่บทเขินนี่ หญิงจ๋าซะเหลือเกิน”วิจิตราหัวเราะคิก
“อย่างนี้ระวังเหอะ แกกะไอ้เมได้ดองกันตลอดชาติแน่ไอ้สอง ซี้กันนัก ก็ซี้กันต่อไปให้เข็ด”
“อันนี้มันก็ต้องอยู่ที่คนสองคนเว้ย ว่าใจเขาตรงกันรึเปล่า”ปากพูดไป สายตาก็แอบเหล่บรรยากาศในห้องครัวอย่างมีลุ้น
“ให้โป้งช่วยมั้ยเม จานตั้งเยอะนี่”
เมธาวีสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงที่เธอระทึกทุกครั้งที่ได้ยินนั้นดังขึ้นจากเบื้องหลัง มือเผลอปล่อยจานที่ล้างสะอาดดีแล้วกลับจมในอ่างน้ำแรกดังเก่า หญิงสาวถอนหายใจเฮือก เสียดายเวลาที่อุตส่าห์ขจัดคราบมันออกหมดไปแล้วแท้ๆ
“เป็นอะไรไปละเม วันนี้ขวัญอ่อนจังเลย สะดุ้งสุดตัวเชียวนะมะกี๊ โป้งไม่ได้พูดดังซะหน่อย”
“เปล่าหรอก คือว่าเมดูหนังผีมากไปหน่อยนะ เลยหลอนๆ ว่าแต่โป้งยังไม่เข้าบ้านอีกเหรอ อาหนกกลับมารึยัง”ใจภาวนาอยากให้กนกศรกลับมาเร็วๆ อธิพงศ์จะได้เข้าบ้านไปเสียก่อนที่เธอจะระงับอาการไม่อยู่
นานมากแล้วตั้งแต่วันแรกที่อรณิชาพาเธอมาให้พ่อแม่และอาที่บ้านหลังนี้ได้รู้จัก และวันนั้นที่อธิพงศ์เองก็ได้อยู่ต้อนรับเธอด้วย เขายิ้มให้เธออย่างอัธยาศัยดี คอยหาน้ำมาต้อนรับเสมอเมื่อเธอมาที่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า และช่วยอธิบายการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ให้เธอเข้าใจไม่ติดค้าง เมธาวีแอบซึมซับความอ่อนโยนของเขามาอยู่ในใจ และมักจะเผลอเหงาอยู่ลึกๆเวลาที่เธอมาแล้วไม่พบเขาอย่างเคย
หน้าตาน่ารัก เมธาวีให้คะแนนญาติของเพื่อนสนิทไว้ในใจตั้งแต่แรกพบ อรณิชาบอกเธอว่าอธิพงศ์เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส พ่อตายตั้งแต่เล็ก มีแต่แม่คนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดเขาทุกย่างก้าว แต่เขาก็ยังอารมณ์ดี ร่าเริง น่ารักอย่างที่เขาเห็นอยู่ทุกที
แล้วอย่างนี้ อธิพงศ์จะเคยมีผู้หญิงที่ไหนมาแสดงอาการแบบเดียวกับเธอหรือยังนะ บางที ถึงไม่พูดไป แต่เขาอาจจะดูออกอยู่แล้วก็ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก กว่าแม่จะกลับมาก็ดึกแหละ เราล้างจานกัน นั่งดูทีวีกันอีกนิดก็นอนได้แล้วละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าโป้งจะมาเคาะประตูปลุก”
“แล้วโป้งไม่ต้องสอบแล้วเหรอ”
“โป้งไม่เอ็นท์แล้วละเม โป้งได้โควตาที่ประสานมิตรแล้ว คณะครุศาสตร์คอมพิวเตอร์น่ะ”
“เก่งจังเลย”คำพูดสั้นๆ กับดวงตาโตๆที่เบิกกว้างเมื่อรู้ถึงความสามารถของคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจ้าตัวยิ้มเขินๆ ยิ้มที่ทำให้คนมองใจสั่นหนักกว่าเดิม
“ไม่เก่งหรอกน่า อย่างน้อยโป้งก็ขี้ขลาดกว่าเม โป้งไม่กล้าสอบอีกรอบหรอก กลัววืด เอาที่ได้แล้วดีกว่า”
“แล้วทำไมไม่สอบเข้าวิศวะไปเลยละ โป้งเก่งออก เป็นโปรแกรมเมอร์ยังได้เลย ยัยสองมันบอก”
“ยัยสองมันโม้เกินไปแล้ว โป้งก็แค่ทำโปรแกรมนั่นใช้ไอ้นี่ได้เท่านั้นแหละ แล้วที่โป้งเลือกครุศาสตร์ เพราะโป้งอยากเรียนไว้เพื่อไปสอนเด็กๆน่ะ”ชายหนุ่มหน้าใสบอกถึงอุดมการณ์ของตน โดยไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งจะทำให้เขากลายเป็นเทวดาในสายตาเธอมากกว่าเดิม
“โป้งว่าทุกวันนี้ที่ที่เด็กเรียนพิเศษมันหนักไปทางภาษา แล้วก็วิชาหลักๆที่ใช้สอบเข้าเรียนที่ใหม่ แต่ที่ที่จะสอนคอมพิวเตอร์ ปูพื้นฐานให้เด็กนะยังมีไม่มากพอนะ ถ้าโป้งเรียนได้ดีๆ อาจจะเปิดโรงเรียนสอนคอมฯให้เด็กแหละ”
เมธาวียิ้ม แอบดีใจที่ได้รู้ว่าเขาก็เรียนคณะเดียวกับที่เธอเลือก แม้จะต่างสาขาวิชาก็ตาม แต่หากเธอสอบได้มหาวิทยาลัยเดียวกับอธิพงศ์ เขาและเธอก็อาจจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นก็ได้
ความคิดเห็น