ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    《Fic Group Chat Anime》: บันทึกการเดินทางของมหาจอมเวทขั้นเทพผู้สาบสูญจุติใหม่ในโลกเทย์วัต

    ลำดับตอนที่ #2 : กลุ่มแชท 01 : จอมเวทย์ที่บังเอิญผ่านทางมา

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 67


    ถึงจะรู้อยู่นานแล้วว่าเจ้าหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่าคนอื่น แต่พอได้มาลองอ่านประวัติดูจริง ๆ แล้วถึงได้พบว่ามันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!

    ประวัติชีวิตของเขาทั้งซับซ้อนและยอดเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อ

    แค่เปิดเอกสารดูผ่าน ๆ ก็มีเนื้อหามากมายถึงขนาดนี้แล้ว

    สุดยอดจริง ๆ!

    เขาเป็นอัจฉริยะในด้านศิลปะป้องกันตัวอย่างแท้จริงที่นำพา <สำนักหลิงชาน> ที่เคยไม่เป็นที่รู้จักให้กลายเป็นหนึ่งในสำนักศิลปะป้องกันตัวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

    แม้แต่ศิลปะป้องกันตัวปลอม ๆ ที่สำนักนี้เคยมีก็ถูกเขาสร้างให้กลายเป็นศิลปะป้องกันตัวที่แท้จริงขึ้นมาได้

    ไม่เพียงแค่นั้น

    เขายังเดินทางไปศึกษาต่อที่ <สถาบันสุเมรุ> และสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่มากมาย

    จนกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นนำของเทย์วัต

    ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหลี่เยว่!

    ใครจะไปคิดล่ะว่า ณ เวลานั้น คาสึโตะยังเป็นเพียงชายหนุ่มอายุ 19 ปี แต่กลับประสบความสำเร็จในสิ่งที่คนจำนวนมากอาจไม่มีวันบรรลุได้ตลอดชีวิต

    ไม่น่าแปลกใจเลยที่เค่อฉิงจะอยากดึงตัวเขามาร่วมงานด้วย

    ลุงเทียนได้แต่ยิ้มแห้ง

    ถ้าเป็นตอนที่เขายังหนุ่ม ๆ เขาก็คงจะทำเหมือนกัน

    เขาคือผู้มีพรสวรรค์ที่หายากตัวได้ยากในเทย์วัต!

    และเหตุที่คาสึโตะสามารถก้าวเพียงก้าวเดียวไปได้ไกลขนาดนั้นเมื่อครู่นี้

    แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านศิลปะป้องกันตัวของเขาที่ได้มาถึงจุดสูงสุดที่คนทั่วไปไม่สามารถที่จะบรรลุได้เลยมีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิดเท่านั้นที่ทำได้แบบเขา

    และในรายงานยังระบุอีกว่าคาสึโตะยังมีพรสวรรค์ในเรื่องศาสตร์เวทมนตร์ด้วย

    เมื่อครู่ตอนที่เขาเก็บเตียงไม้ไผ่ไปลุงเทียนนึกว่าเป็นอุปกรณ์จากการเล่นแร่แปรธาตุหรืออาจจะเป็นเวทมนตร์กันนะ?

    นอกจากนี้ในรายงานยังเขียนไว้ว่าคาสึโตะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับใครบางคนในเมือง <มอนด์สตัดท์> รวมทั้งใน <หลี่เยว่> และยังมีเครือข่ายความสัมพันธ์ใน <สุเมรุ> อีกด้วยคนคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เขามีเพื่อนฝูงมากมาย

    น่าทึ่ง น่าทึ่งจริง ๆ 

    มันน่าทึ่งจนทำให้ลุงเทียนเองรู้สึกละอายใจ

    โอ้โห! สมัยตอนหนุ่ม ๆ ถ้าให้เอามาเปรียบเทียบกับเขาแล้วตัวเองแทบไม่มีอะไรเลย

    ถ้าไม่ใช่เพราะพี่กานยูสนับสนุนเขาก็คงไม่มีวันได้กลายมาเป็นเจ็ดดาราเทียนชูและมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ทั้งยังมีครอบครัวและลูกหลานที่ทำงานใน <การค้าแปดสาขา> อีกด้วย

    แต่แล้วเจ้าเด็กหนุ่มคาสึโตะคนนี้กลับยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมายเกินไป!

    เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย

    ระดับมันคนละชั้นเกินไปราวฟ้ากับเหว

    คนรุ่นหลังสมัยนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ 

    ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ยอมทำงานล่วงเวลากับเจ็ดดาราอวี่เหิง

    ลุงเทียนรู้สึกอีกครั้งว่าเขาแก่แล้วจริง ๆ 

    มองดูเจ็ดดาราอวี่เหิงที่จากไปเขาส่ายหัวและหันกลับไปตกปลาต่อ

    เรื่องของคนหนุ่มสาวก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ

    ❖ ◆ ตัดภาพมาทางฝั่งของคาสึโตะ ◆ ❖

    ปัจจุบันเขาได้กลับเข้ามายัง <ท่าเรือหลี่เยว่> ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านอย่างไม่ขาดสาย

    บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเสียงผู้คนคุยกันดังระงม

    บางครั้งยังมีเสียงของพ่อค้าแม่ค้าเร่ขายของแทรกเข้ามา

    “ขายปลาสด ๆ จ้า ขายปลา! ตัวละ 300 โมรา สามตัว 1,000 โมรา!”

    “ซื้อแล้วคุ้มแน่นอน!”

    ยังมีเด็กสาวที่เพิ่งตื่นยังไม่หายงัวเงียยังคงขายหยกไปด้วยพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

    เธอบ่นพึมพำอยู่ตรงนั้น

    “วันนี้วันเสาร์แล้ว ทำไมฉันยังต้องทำงานอยู่ล่ะเนี่ย...”

    “สงสัยเพราะฉันทำงานหนักไม่พอสินะ ถึงได้ไม่มีโมราจนต้องทำงานแบบนี้ ฉันต้องขยันทำงานให้หนักกว่านี้อีก”

    ยังมีเจ้าของร้านค้ากำลังให้ลูกจ้างตะโกนคำขวัญเพื่อกระตุ้นกำลังใจ

    “ตำแหน่งงานของพวกเธอมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ตั้งใจขยันทำงานให้ดี อนาคตเป็นของพวกเธอ!”

    “มีเพียงความพยายามเท่านั้นที่จะสร้างคุณค่าในตัวเองได้!”

    “ต้องรู้จักขอบคุณฉันที่ให้โอกาสพวกเธอทำงานนะ เข้าใจไหม?”

    “ดึงลูกค้ามาให้ฉันเยอะ ๆ เข้าใจไหม! เอาลูกค้าของร้านตรงข้ามมาให้หมด!”

    “ทำให้พวกนั้นเจ๊งไปเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า”

    ยังมีเสียงอื่น ๆ ดังมาจากรอบข้างเป็นเสียงตะโกนเรียกลูกค้าอย่างจริงจังเช่นกัน

    คาสึโตะได้แต่ส่ายหัว

    จงมุ่งมั่นแข่งขันกันต่อไปเถอะ

    เพราะเขาน่ะอยู่ในช่วงมีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายแล้ว

    เพราะสุดท้ายแล้วการแข่งขันมันมีอยู่ทุกที่เหมือนกันหมด

    ไม่ว่าจะอยู่ที่โลกไหนก็ตาม

    ส่วนตัวเขาเองล่ะ?

    ถ้าอยากรู้เรื่องราวให้กระจ่างเขาก็พร้อมที่จะแถลงไข เพื่อปกป้องไม่ให้โลกต้องตกไปอยู่ในน้ำมือของเหล่าทวยเทพผู้ชั่วร้าย เพื่อนำพาความสงบสุขบนพืนโลก <<นักเดินทาง>> ผู้หล่อเหลาและมีเสน่ห์ที่เคยช่วยกอบกู้โลกมาแล้วในชาติก่อน อดีตมหาจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ - ยูกิมูระ คาสึโตะ!

    แล้วนี่ก็เป็นการเดินทางครั้งที่สองด้วย!

    เล่าย้อนไปในโลกที่เทคโนโลยีและเวทมนตร์ผสานรวมจนแทบแยกไม่ออกสัตว์ประหลาดและสิ่งมีชีวิตในตำนานกลายเป็นเงามืดที่คอยคุกคามมวลมนุษยชาติในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดท่ามกลางความสิ้นหวังของผู้คนบุคคลหนึ่งที่มีพลังเปรียบเสมือนพระเจ้าได้ปรากฏตัวขึ้น เขาอ้างตนว่าเป็นจอมเวทที่บังเอิญผ่านทางมาเท่านั้น และนี่คือเรื่องราวของเขาในโลกใบแรกก่อนที่โชคชะตาจะนำเขากลับมาเกิดใหม่ในเทย์วัต

    คุณเคยมีประสบการณ์การเดินทางไปต่างโลกที่ห่วยแตกเหมือนเขาหรือเปล่า? ที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องดี ๆ ก็ถูกส่งวาปไปโผล่กลางฝูงสัตว์ประหลาดนับแสนตัว

    แถมระบบโง่ ๆ ที่ใช้เวลาโหลดนานจนน่าหงุดหงิดเหมือนกำลังใช้เน็ต 2G โหลดเกมส์ที่มีขนาดข้อมูล 100GB!

    สงสัยชาตินี้คงโหลดไม่เสร็จแน่นอน! ช้าขนาดนี้ไม่ทราบว่าคุณใช้เน็ตยี่ห้ออะไร?

    แต่ในขณะที่กำลังติดอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตายระบบก็ได้ส่งมอบชุดของขวัญสำหรับมือใหม่ให้เขามันจึงเปิดโอกาสทองให้เขาเลือกสองอาชีพจากเกม《DNF》โดยจะได้สกิลครบทุกสายของอาชีพนั้น ๆ 

    ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวเขาตัดสินใจเลือกอาชีพ <<พรีส>> และ <<เมจ>> เพื่อความสมดุลระหว่างพลังโจมตีและสามารถช่วยเพิ่มบัพสนับสนุนตัวเองได้

    ทว่า ความสุขที่ได้มาก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะฝูงสัตว์ประหลาดที่เหมือนคลื่นทะเลก็กระโจนเข้าใส่ทันที

    ระหว่างที่ต่อสู้เอาชีวิตรอดเขาค้นพบว่าโลกนี้ไม่ใช่แค่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด แต่ยังมีเทพเจ้าจากโลกอื่นที่หวังจะยึดครองโลกไปเป็นของสะสม ด้วยพลังที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างมหาศาลเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลุกขึ้นต่อต้านเหล่าเทพด้วยตัวเอง ยกอาวุธในมือขึ้นเพื่อต่อสู้ปลดปล่อยมนุษย์จากชะตากรรมที่ต้องกลายเป็นตัวหมากของเหล่าเทพเจ้าเหล่านั้น!

    (ไรท์ : คิดซะว่ามันเป็นโลกธีมเวทมนต์ที่ฮาร์ดคอร์กว่า《วอร์แฮมเมอร์ 40K》ละกัน)

    หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานหลายพันปีและแสนทรหดในที่สุดเขาก็สามารถกวาดล้างเทพเจ้าส่วนใหญ่ที่คิดร้ายต่อโลกมนุษย์และขับไล่เหล่าเทพออกไปได้สำเร็จ แต่ชัยชนะครั้งนี้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขา เขาเป็นความหวังสุดท้ายเพียงคนเดียวที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพนับแสนล้านหรืออาจจะมากกว่านั้นของเหล่าทวยเทพได้

    ในขณะที่คนอื่นในโลกใบนี้ไม่มีคนที่ทรงพลังพอแม้จะต่อต้านเทพเจ้าได้เลย

    จนท้ายที่สุดก่อนตายเขาได้ตัดหัวเทพสูงสุดจากปกรณัมปรัมปรา เช่น ซุส、โอดิน、ราและตำนานอื่น ๆอีกมากมายก่อนที่จะได้มาเกิดใหม่เป็นชาวอินาสึมะพร้อมกับสกิลของสองอาชีพที่ยังคงอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน ถึงมันจะน่าเสียดายที่ไม่สามารถนำของจากชาติที่แล้วติดตัวมาด้วย แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เขายังมีโอกาสครั้งที่สองในการเกิดใหม่

    ถึงแม้ช่วงแรกจะลำบากเพราะเขากลายเป็นเด็กกำพร้าในทันที แต่ก็ดีขึ้นมากในเวลาต่อมา

    พูดตรง ๆ เลยว่าคาสึโตะยังคิดว่าตัวเองได้ต้นแบบจากเป่ยโต่วด้วยซ้ำ

    ถ้าจำไม่ผิดเป่ยโต่วก็เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุห้าหกขวบต้องแย่งอาหารกับหมาชีวิตลำบากมากและต่อมาก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่

    เธอเร่ร่อนไปจนถึงหมู่บ้าน <ปลายน้ำ> แต่กลับถูกชาวบ้านรังเกียจโดนมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

    คนเดียวที่ดีกับเธอคือลุงผู้ใหญ่บ้านเก่า แต่ไม่ทันถึงปีสองปีก็เสียชีวิตไป

    จากนั้นชาวบ้านก็พากันตะโกนสาปแช่งว่า “ปลายน้ำช่วยชีวิต เป่ยโต่วพรากชีวิต” แล้วขับไล่สาปส่งเธอออกจากหมู่บ้าน

    จากนั้นเธอก็กลับมาเป็นเด็กเร่ร่อนอีกครั้ง

    เดินทางมาถึง <ท่าเรือหลี่เยว่> และกลายมาเป็นกัปตันเรือ แต่ก็ยังคงถูกรังเกียจและดูถูกจากพ่อค้าผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น

    แม้แต่สังคมในแวดวงการค้าก็ยังไม่ยอมรับเธอ

    ชีวิตมันช่างโหดร้ายมีคนที่ต้องทนทุกข์อย่างไม่มีวันหมดสิ้นและก็มีบางคนที่เกิดมาก็ไม่ต้องลำบากเลย

    แต่คาสึโตะอย่างน้อยก็โชคดีกว่าเธอเล็กน้อย เพราะตอนที่เขาเร่ร่อนไปที่ <ท่าเรือหลี่เยว่> เขาได้รับการยอมรับจากอาจารย์

    เขาจึงได้เข้าร่วม <สำนักหลิงชาน>

    สำนักนี้มีคติประจำว่า “รับ, แปร, ปล่อย” แม้อาจารย์ของเขาจะมีวิชาที่ดูเหมือนปลอม ๆ แต่ก็ทำให้ชีวิตของคาสึโตะดีขึ้นอย่างมาก

    และในช่วงเวลาต่อมาเขายังได้รับ <<วิชั่นธาตุหิน>>

    จากนั้นเขาก็ได้คิดค้นและเนรมิต <<อาณาเขต>> แบบย่อและขยายขอบเขตได้ตามต้องการชื่อของมันคือ <<ขอบเขตแห่งความว่างเปล่าไร้อัตตา>> ที่เป็นวิชาของตัวเองและกลายเป็นปรมาจารย์ศิลปะป้องกันตัวแห่งยุค

    ตามหลักแล้วนี่น่าจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิตคนธรรมดา แต่คาสึโตะคิดว่านี่มันยังไม่พอ

    ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปที่สุเมรุ

    เขาได้เข้าร่วมกับ <สถาบันสุเมรุ>

    เหตุผลหลักคือสถาบันแห่งนี้เหมาะสมกับเขาเพราะมีการศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาธาตุ

    พูดง่าย ๆ 

    ลองดูความถนัดและบุคคลสำคัญของแต่ละภาควิชาสิ

    《◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈》

    1. ภาควิชาชีววิทยา (ชีววิทยา、นิเวศวิทยาและการแพทย์) : ฏิฆนะรี

    2. ภาควิชาสัญศาสตร์ (ภาษาศาสตร์และภาษาโบราณ) : อัลฮัยษัม, ฟารุซัน

    3. ภาควิชาอิลลูมิเนชั่นนิสม์ (ดาราศาสตร์และการทำนาย) : ไฮพาเทีย, เลย์ลา

    4. ภาควิชาทฤษฎีธาตุ (การเล่นแร่แปรธาตุ、ธาตุวิทยาและธรณีวิทยา) : ลิซ่า, ไซโน

    5. ภาควิชาเทคโนโลยี (สถาปัตยกรรมและกลไกวิศวกรรม) : คาเวห์

    6. ภาควิชาสมุฏฐานวิทยา (ประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์) : ไม่ระบุ

    《◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈》

    จากทั้งหกภาควิชาคุณจะเลือกอะไร?

    คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

    ดังนั้นคาสึโตะจึงเลือก <ภาควิชาทฤษฎีธาตุ> โชคไม่ดีที่ตอนเขาไปถึงลิซ่าเพิ่งเรียนจบการศึกษาไปได้ไม่นานและกลับไปแล้ว

    แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก

    เพราะต่อมาเขาเดินทางไป <มอนด์สตัดท์> หลายครั้งและสร้างความสนิทสนมกับรุ่นพี่ลิซ่าได้ในที่สุด

    ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถือว่าไม่ธรรมดา

    สำหรับหลี่เยว่เขาก็มีเพื่อนมากมาย เช่น ลุงเทียนที่เขาพบกันโดยบังเอิญ

    ในฐานะนักตกปลามืออาชีพจากชาติที่แล้วคาสึโตะเพียงแค่ตกปลาโชว์ครั้งเดียวก็ทำให้ลุงเทียนทึ่งไปเลย

    ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่ต่างวัยกัน

    สำหรับเค่อฉิงนั้นเขาเคยช่วยเธอในอดีต

    แต่ปัญหาคือเธอมักจะชวนเขาทำงานล่วงเวลาซึ่งเขาปฏิเสธตลอด

    ‘ถ้าเธอชวนฉันออกเดท ฉันจะรีบตกลงทันที’

    ‘แต่ถ้าให้ทำงานล่วงเวลา? ไม่มีทาง!’

    ‘เพราะฉันทำงานล่วงเวลามามากพอแล้ว ช่วยกอบกู้โลกจากชาติที่แล้ว ชาติที่สองนี้ก็ขอสนุกกับชีวิตที่เรียบง่ายหน่อยเถอะ’

    ดังนั้นตอนนี้คาสึโตะจึงคิดว่าบางทีเขาควรจะไป <มอนด์สตัดท์> อีกครั้ง

    ไปหารุ่นพี่ลิซ่า

    ส่วนห้องปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุที่หลี่เยว่ของเขา เขายังไม่มีแผนจะขยายตอนนี้ คงต้องพักไว้ก่อนเพราะรุ่นพี่สำคัญกว่า

    นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจใช่ไหม?

    ณ ตอนนี้ สิ่งที่เขาตามหาและศึกษานั้นได้เกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจไปแล้ว

    เฉพาะกับลิซ่าทั้งสองคนจึงสามารถร่วมกันวิจัยและพัฒนาต่อไปได้

    ชีวิตหลังเกษียณของมหาจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่…ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบ ซึ่งเขาเฝ้าฝันถึงมาเนิ่นนานกำลังจะกลายเป็นจริงความสุขที่เขาไขว่คว้ากำลังอยู่แค่เอื้อมไม่มีอะไรในโลกนี้จะมาหยุดเขาได้!

    แต่ในขณะนั้นเองก็เหมือนกับโชคชะตาได้เล่นตลกกับเขาที่จู่ ๆ ก็มีเสียง *ติ๊ง* ดังขึ้นในหัวของเขา…

    To Be Continued…

    ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนถึงตอนนี้นะครับ! หากชอบตอนนี้ก็อย่าลืมกดหัวใจเป็นกำลังใจพร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อแชร์ความรู้สึกหรือคำแนะนำของคุณนักอ่านได้เลยนะครับและอย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่พลาดตอนใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาเร็ว ๆ นี้(อาจจะ) ไรท์จะพยายามพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และพร้อมรับฟังทุกคำแนะนำเสมอครับ, ขอบคุณจากใจเลยครับ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×