ตอนที่ 11 : 10 เช้าก่อนไปโรงเรียน [100%]
ฟิ้วววววววว....
บุหรี่หนึ่งคอตตอนเเละไฟเช็กของผมถูกไอ้เด็กเเซบภาคภูมิที่ตื้อขึ้นมากินเหล้าบนห้องขว้างออกไปจากระเบียงห้อง
○_○ ปกป้องเเสดงที่สีหน้าอึ้งสุดขีด ไอ้เด็กเป-รตตตตต..
ตั้งใจจะเอาไปขายต่อเเลกเป็นเงิน เเถมได้ราคาดีซะด้วย ไม่นะเงินในอนาคตของผมกำลังหล่นขายไปปปป...ป
“ : ) ”
ภาคภูมิหันมายิงฟันใส่ผมราวกับว่าตัวได้ทำดีทำกุศลครั้งยิ่งใหญ่ มันกำลังจะถูกฆ่าเเล้วยังไม่รู้ตัวอีก
“ภาค โยนทำไม”
ผมขมวดคิ้วพูดขึ้นเสียงเต็มที่ เงินในอนาคตหายไปต่อหน้าต่อตาจะไม่โกรธได้ไง
“ก็ไม่คิดจะเลิกจริงๆ ผมเลยจัดการให้” ภาคภูมิเถียง เเววตาดูจริงจังไร้ความชั่ว น่าจะไม่ใช่การกลั่นเเกล้ง คงประสงค์ดีจริงๆ เเต่มันสมควรถามผมก่อนมั้ย เพราะนั่นของของผมนะ
“ครูจะเลิกอยู่เเล้ว นี้หมากฝรั่งนิโครตินไว้สำหรับเลิกบุหรี่” ผมโชว์หลักฐานให้ดู
“...” ภาคภูมิเงิบครั้งที่ 1
“ที่โยนออกก็กำลังจะขายต่อให้กับร้านใต้หอ ได้ราคาดีด้วย โธ่เว้ยเงินกู” ผมขยี้ผมตัวเองระบายความหงุดหงิดที่มีอยู่ในใจ
“อ้าว…” ภาคภูมิเงิบครั้งที่ 2 เเละพูดต่อ “ผมไม่รู้ผมไม่ผิดนะ...ครู”
ยังจะเถียงด้วยเเววตาใสๆ ขัดกับบุคลิคเเละชุดเด็กช่างที่ใส่อยู่จริงๆเลย
“เออ...ไม่ผิดก็ไม่ผิด ไม่อยากอารมณ์เสียให้เสียบรรยากาศ นั่งๆ”
ภาคภูมินั่งลงพร้อมอมยิ้มกวนๆ ชิ มั่นไส้หน้าชิปหาย… เครื่องดื่มสีใสซ่าถูกรินจากขวดลงผสมกับน้ำเเข็งกับของเหลวสีน้ำตาลเข้มที่รองอยู่ก้นเเก้ว
“เอา” ปกป้องยื่นเเก้วให้
“(ขอบ)ใจครู” ภาคภูมอรับเเล้วดื่มทันที พร้อมเเสดงท่าทางกระปี้กระเป่า
“ชนเเก้ว”
“เเกร๊ง” เสียงชนเเก้วส่งเสียงดังก้องกังวาน ดุจดั่งเสียงระฆังของมิตรภาพที่ถูกตีขึ้น
.
.
.
“คออ่อนเเข็งกว่าที่คิด”
ภาคภูมิจ้องมองไปที่ปกป้องกำลังหลับเเละส่งเสียงกรนเบาๆอยู่หน้า
.
.
.
“เชี่ย...กูทำบ้าอะไรว่ะ”
ภาคภูมิสบถกับตัวเองเพราะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมกันถึงนั่งมองคนหลับที่อยู่ต่อหน้าเป็นนานเเสนนาน “สงสัยจะดื่มหนักไปหน่อย”
ภาคภูมิพยุงตัวปกป้องขึ้นอย่างช้าๆเเล้วจับทุ่มโยนขึ้นไปบนเตียง ครูปกป้องนอนคว่ำลงอย่างหมดสภาพ ภาคภูมิทิ้งลงนอนข้างๆ
บังเอิญที่คืนนั้นอากาศหนาว
บังเอิญที่การดื่มเหล้าส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำ
บังเอิญที่ปกป้องใส่เสื้อเชิ้ตนอนเเต่ไม่ติดกระดุม
บังเอิญที่ภาคภูมิถอดเสื้อนอน
บังเอิญที่ไร้ซึ่งผ้าห่มผ้านวมใดๆ
ความบังเอิญทั้งหมดล้วนส่งผลให้...
บังเอิญเรากอดกัน
.
.
.
กอดกัน
จนใกล้พอที่จะสัมผัสลมหายใจของกัน
ลมหายใจอุ่นที่หายใจใส่กันเเละกัน
กลิ่มลมหายใจปะปนไปด้วยกลิ่นของเเอลกอฮอล์
ปกป้องลืมตาขึ้นอย่างช้าภาพเเรกที่เห็นคือความมืด เเต่ภาพก็ชัดเจนขึ้นเมื่อตาเริ่มชินกับความมืด ปรากฎณ์ภาพของเด็กหนุ่มที่นอนสนิท
มันไม่ได้มีความมุ้งมิ้งอย่างที่คิดหรอก เพราะเสียงกรนเเละกลิ่นปากยามเช้าที่ชวนคลื่นไส้ ทำลายบรรยากาศยามดีๆยามเช้าไปทั้งหมด
“เด็กชะมัด”
ปกป้องเอื้อมไปเช็ดคาบน้ำลายที่เปื้อนอยู่ขอบปาก ก่อนค่อยเงะ เกะ เเขนของภาคภูมิที่เกาะเกี่ยวตัวเขาอย่างเหนียวเเน่นออก
ปกป้องขยี้หัวเองอย่างเบาๆเเล้วมองภาคภูมิด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงได้มานอนกอดกันได้
เเต่มีบางอย่างที่ทำให้ปกป้องค่อนข้างเครียดเเละวิตกกังวลพอสมควร จนทำให้ปกป้องละทิ้งความสงสัยเรื่องนอนกอด หันมาคุ้นคิดกับเรื่องนี้เเทน เรื่องที่หลวมตัวไปดื่มเหล้ากับนักเรียน มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าใครรู้เข้าเค้าคงตายเเน่ อาจจะจบชีวิตนิสิตฝึกสอนของเค้าได้เลย
หวังว่า...ภาคภูมิจะรักษาคำพูดนะ
วันหฤหัสบดี 04:59 a.m.
เป็นวันเวลาที่เเสดงออกบนหน้าจอโทรศัพท์ ตื่นก่อนตั้ง 1 นาที ปกป้องปิดนาฬิกาปลุกก่อนที่จะส่งเสียงเตือนเเละคว้าผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงก่อนอาบน้ำ
.
.
.
หนาว
หนาวชะมัด
หนาวเป็นความรู้สึกเเรกภาคภูมิสัมผัสได้ทันทีที่ตื่นขึ้น ภาคภูมิลืมตาอย่างช้าๆ เเละมองไปสำรวจรอบๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับห้องที่ไม่คุ้นเคย ถึงจะยังมึนงงเพราะอาการเมาค้าง เเต่ใช้เวลาคุ้นคิดอยู่สักหนึ่งก็นึกได้ว่า มาค้างห้องครูปกป้อง
“ตื่นเเล้วเหรอ รีบไปอาบน้ำได้เเล้ว เดี๋ยวไปเรียนสาย” ปกป้องถามทักทายภาคภูมิในขณะที่ตัวเองกำลังเข็มกลัดดอกพิกุลอยู่
“เช้าอยู่เลย รีบไปไหนว่ะ จะไปกวาดใบไม้เหรอ หรือล้างส้วม หรือไปเช็ดกระจก” น้ำเสียงงัวเงียของภาคภูมิเอ่ยถามอย่างสงสัย
ปกป้องขี้เกียจต่อปากต่อคำกับภาคภูมิจอมกวนตีนคนเดิม จึงเเกล้งเป็นไม่ได้ยินเเล้วตอบไปตรงๆ
“ต้องไปลงชื่อที่โรงเรียน”
“...”
“ถ้าไม่อยากไปโรงเรียนเช้า ก็กลับบ้านไปก่อนเลย อย่าลืมเข้าเรียนด้วยล่ะ จะขาดครบสามครั้งเเล้วนะ”
“เอ่อ...ไปพร้อมกันก็ได้ อาบน้ำแป๊ป”
ภาคภูมิหยิบผ้าเช็ดตัวเเล้วกำลังเดินไปเข้าในห้อง เเต่ภาพของปกป้องตอนที่กำลังหาของอยู่มันมีบางอย่างที่ดูขัดตา ขัดตามากๆจนให้ถึงกับหยุดชะงัก
“เดี๋ยวนะ สักด้วยเหรอ”
“เชี่ย…”
เชี่ยเเล้วไง...ปกป้องถึงกับเอามือกุมขมับ ไม่น่าเผลอเลย อย่างที่รู้ๆกันอยู่คนที่มีรอยสักมักถูกในทางลบเสมอ เเละที่สำคัญรอยสักกับหน้าที่เเละอาชีพของเค้าตอนนี้ มันไม่มีทางไปด้วยกัน ถึงจะอยู่ในร่มผ้าเเต่ถ้าใครรู้เข้ามีหวังถูกสั่งให้ลบออกเเน่
จะยอมให้ถูกลบไปได้ไง…ของสำคัญเเบบนั้น
“รอยสักจริงๆด้วย ขอดูหน่อย”
ภาคภูมิพุ่งตรงมาที่ผมเพื่อจะมาดูรอยสัก เเต่ผมจะยอมให้ดูง่ายๆอย่างไร ผมรีบใส่เสื้อติดกระดุมและยัดชายเสื้อลงกางเกงทันที เเต่ภาคภูมิก็ไม่ยอมเช่นกัน ภาคภูมิเข้ามาประชิดตัวและใช้ทักษะการต่อสู้ล็อคคอผมจนเเน่น ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
“ผมขอดูแผ่นหลังงามๆของครูหน่อยนะ”
ภาคภูมิปล่อยมุขเสี่ยวๆข้างหูให้ชวนขนลุก ก่อนจะกระชากจนชายเสื้อหลุดจากขอบกางเกง เผยให้เห็นเเผ่นเเน่นๆขาวๆเเละตัวอักษรภาษาอังกฤษสีดำที่ตัดกับสีผิวอย่างเด่นชัด
เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะเดี๋ยว นี้เป็นการปฏิบัติที่นักเรียนกระทำต่อครูเหรอ
Mathematics may not teach us how to add love or minus hate
But it gives us every reasons to hope that every problem has a solution
[แปล : คณิตศาสตร์ไม่ได้สอนให้เรารู้วิธีบวกความรักหรือลบความเกลียด แต่ช่วยสอนให้เรามีเหตุผลที่จะหวังว่า ทุกปัญหามีทางแก้ไข]
ตัวอักษรภาษอังกฤษที่ถูกสลักไว้บนแผ่นหลังสีขาวเนียน สร้างความแปลกประหลาดใจให้ภาคภูมิไม่น้อย ดูหน้าที่มึนงงของภาคภูมิคงอ่านไม่ออกแบะไม่เข้าใจความหมายเเน่ๆ
“เท่หว่ะ เเปลว่าอะไร มีอะไรพิเศษมั้ย”
“ยุ่ง ทำตัวดีๆหน่อยผมเป็นคูรของคุณ คุณเป็นนักเรียนของผม ควรมีระยะห่างกันหน่อย ผมไม่ใช่เพื่อนคุณ" ผมดุภาคภูมิก่อนหันมาบ่นกับตัวเองหน้ากระจก "...ชิ...เสื้อยับหมดเเล้ว ไปอาบน้ำซะ เเละที่สำคัญห้ามบอกใครเรื่องรอยสัก เข้าใจมั้ย”
“ไม่อ่ะ ไม่เข้าใจ”
“ครูขอล่ะ เรื่องนี้บอกใครไม่ได้จริง”
ผมขอสาบาน...นี้คงเป็นครั้งเเรกเเละครั้งสุดท้ายที่ผมที่ต้องยอมจำนนต่อขอความเมตตาจากไอ้นักเรียนสุดเกรียนคนนี้
“คงสำคัญสินะ...งั้นต้องมีอะไรเเลกเปลี่ยน”
เหมือนการร้องขอความเมตตาครั้งนี้จะได้ผล เเต่พ่วงตามด้วยเงื่อนไขบางประการ ถือไพ่เหนือกว่าเเล้วทำเป็นข่มเหรอ
“ ไอ้คุณนักเรียนภาคภูมิ จะเอาไงก็ว่ามา…”
ผมกัดฟันพูด
“จะขออะไรดีน๊าาาาา…”
“...”
“คิดไม่ออก ไว้ขอวันหลัง เเต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่บอกใครหรอก เด็กช่าง คนจริง พูดจริง ทำจริง รักจริง เชื่อใจได้เสมอ”
เห่ย ชะมัดนี้สินะ คำคมเด็กช่าง
“เออ…ให้มันจริงอย่างที่บอกพูด เเล้วก็อย่าขออะไรเกินตัวล่ะ ถ้าไม่ขัดอะไรก็ทำให้ เเต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญานะ”
“คร๊าฟฟฟ ไม่ขออะไรที่ทำไม่ได้หรอกหน่า ผมมีเหตุผลมากพอ เรียนคณิตกับครู เเล้วจะทำให้ผมเป็นคนมีตรรกะ(เหตุผล)ใช่มั้ย”
“เรียนอะไร โดดตลอด”
“เเหะๆ...จริงด้วย”
.
.
.
ณ ร้านอาหารใต้หอ
ผ่างงงง!!!
ข้าวต้มหมูร้อนๆถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะต่อหน้าผมเเละภาคภูมิที่นั่งตรงข้ามกัน เเน่นอน!!! ถูกเสิร์ฟโดยเจ้าของร้านหน้านิ่งไร้อารมณ์คนเดิม เเต่ที่เพิ่มเติมคือรอยกาที่เพิ่มขึ้น 555
“เห้ยย…!!!”
ภาคภูมิตะโกนดังสุดเสียงด้วยความตกใจ ซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจต่ออาการดังกล่าว เพราะพอเดาทางได้ว่า สิ่งทำให้ภาคภูมิตกใจคือ ข้าวต้มหมูของผมมันมีเฟรนฟรายโรยอยู่ข้างบน
“-_- มีอะไร”
ป้าถามกลับด้วยน้ำเสียงโมโนโทน
“ข้าวต้มของเค้ามันมีเฟรนฟรายด้วย”
เค้า พ่อมึงสิไอ้นักเรียน เพื่อนมึงเหรอ ถึงได้เรียกกันสนิทชิดเชื้อขนาดนั้น ครู เฟ้ย ครู เรียกว่า ‘ครู’ สิหว่ะ
“-_- พ่อหนุ่มเค้าสั่งเเบบนี้ประจำอยู่เเล้ว อีกอย่างนะ มันก็อยู่จานของพ่อหนุ่มเค้า ไม่ใช่จานของตัวเอง เผือกจริงๆ”
คำด่าด้วยน้ำเสียงโมโนโทนเเละสีหน้าตายด้านซัดภาคภูมิไปเต็ม
“อ้าว...ป้า!!! พูดเเบบนี้ก็สวยสิ”
ฮอร์โมนอะดรีนาลีนของภาคภูมิหลั่งทันที ถ้าร่างกายถูกเปลี่ยนพร้อมรบทันที ภาคภูมิเตรียมลงขึ้นfightingกับป้า
ผัวะ!!!
“โอ๊ยยย”
ภาคภูมิที่กำลังจะยืนกลับต้องทรุดนั่งลงอย่างเจ็บปวด
หึ สมน้ำหน้า ผมจัดการเเตะเข้าไปในจุดที่เเม้เบ็งเคยังต้องหลั่งน้ำตา(หน้าเเข้ง)เข้าอย่างจัง
“ขอโทษนะแทนลูกศิษย์มันด้วยครับ เดี๋ยวจะอบรมสั่งสอนให้ดีกว่านี้ครับ”
“-_- .... ดี เอาครูเค้าเป็นเเบบอย่างบ้าง ไม่ใช่กร่างขับรถซิ่งสร้างความเดือดร้อนไปวัน”
ผัวะ!!!
ผมเเตะเจ้าที่หน้าเเข้งอีกข้างหนึ่ง ก่อนที่ภาคภูมิจะลุกขึ้นอาวุธมาสังหารป้า
“-_- ทานอาหารให้อร่อย ป้าไม่กวนเเล้ว”
ป้าเดินจากไปโดยไม่เเสดงสีหน้าใดๆ ผมละสงสัยจริงๆว่าเส้นประสาทบริเวณใบหน้าป้าเเกตายเเล้วรึเปล่า ถึงพูดเเละทำอะไรโดยไม่เเสดงอารมณ์ออกมา
ผัวะ!!!
เจ็บ!!! ผมถูกเเตะคืนที่จุดเดียวกันเเต่เหมือนเเรงจะมากกว่าผมสักสิบเท่าเห็นจะได้
“เจ็บมั้ยคร๊าฟ”
ภาคภูมิถามพร้อมเสิร์ฟรอยยิ้มที่เเสดงความสะใจ
“เคยโดนเเล้วไม่ใช่เหรอ เจ็บมั้ยหละ”
ผมถามประชดย้อนกลับไป
“...” (ภาคภูมิจ้องปกป้อง)
“...” (ปกป้องจ้องภาคภูมิ)
.
.
.
“เจ็บสิ!!! ถามได้ เเตะผมทำไมอะ”
เสียงเเข็งๆของภาคภูมิเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนๆที่เสดงความเจ็บปวดทันที
“ถ้าไม่เเตะ เดี๋ยวเธอก็เอามีดไปจ้วงท้องป้าเค้า”
“เห้ ผมไม่มีพกมีดสักหน่อย อีกอย่างถ้าจะเเทงคงเป็นพวกพวกที่ใส่เสื้อช็อปน้ำเงิน ผมไม่เเทงคนมั่วหรอก”
ภาคภูมิพูดด้วยเสียงปกติราวกับว่าการเเทงคนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
โคตรน่ากลัว
“คือ...อย่าพูดเรื่องเเทงคนด้วยน้ำเสียงปกติได้มั้ย น่ากลัว”
ปกป้องเอ็ดภาคภูมิ
“อ้าวว...จะพูดสำเนียงเบบี้มายด์เหรอ”
“พอเลย… ยังไงก็ห้ามแทงคน”
.
.
.
ในระหว่างที่บทสนทนาดูจะราบรื่น(?)ก็คนเดินเข้าหาที่โต๊ะ คนแปลกหน้าที่เเฝงไปด้วยความคุ้นเคยเเละสิ่งหนึ่งที่เด่นจนสะดุดตา
เสื้อช็อปสีน้ำเงิน
ภาคภูมิลุกจากเก้าอี้ขึ้นทันที สายตาเเละรอยยิ้มหายไปในพริบตา ใบหน้าที่สดใสกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดุดันราวกับสัตว์ร้าย ปลดหัวเข็มขัดของตัวเองเผยความจริงให้รู้ว่า จริงๆเเล้วมันไม่ใช่หัวเข็มธรรมดาเเต่เป็นอาวุธมีด
ภาคภูมิสอดนิ้วเข้าไปในช่องว่างของหัวเข็มขัดเเละกำจนเเน่น ดูเเล้วคล้ายสนับมือที่ติดมีดไว้
"ว่าไง ไอ้เด็กช็อปน้ำเงิน"
ทุกคนในร้านเเตกตื่นเละจ้องมองมาที่โต๊ะของผมที่กำลังจะเกิดศึกขึ้น ศึกระหว่างช็อปแดงเเละช็อปน้ำเงิน ภาคภูมิตั้งท่าเตรียมพร้อมรบเต็มที่ เเต่ทำให้ผมแปลกใจสุดๆ คือ เมื่อสักครู่ยังบอกผมอยู่เลยว่าตัวเองไม่พกอาวุธ เเต่ที่อยู่ในมือตอนนี้คืออะไร จะเรียกว่า ‘หัวเข็มขัดที่มีด้ามจับปลายเเหลม’ เหรอ
“ว่าไงช็อปน้ำเงิน จะเอาไง”
ภาคภูมิตะคอกถามพร้อมชี้มีดใส่หน้าศัตรู
ตุบ!!!
เด็กชายที่ใส่เสื้อช็อปน้ำเงิน(เรียกย่อๆว่า เด็กช็อปน้ำเงิน) หงายหลังล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความตกใจ สีหน้าซีดเผือก เเละสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าทำผมเลยครับ อย่าทำผมเลย ผมไม่ได้มาหาเรื่อง ขอโทษครับ”
เด็กชายช็อปน้ำเงินพูดสับสนจับความเเทบไม่ได้พร้อมพนมไหว้ภาคภูมิอย่างเกรงกลัว
“ชิ...พวกเด็กใหม่เหรอ” ภาคภูมิเก็บอาวุธเข้าที่เดิม “เเล้วมาทำอะไรหว่ะ อยากจะตายรึไงที่กล้าเข้ามาคุยอริเเบบนี้”
“ผมกับพี่ไม่ได้รู้จักสักหน่อยจะเป็นอริกันได้ไง” เด็กช็อปน้ำเงินลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดตามตัว
“ไอ้...มึงอยากเเดกตีนใช้มั้ย เเกล้งโง่รึไง ใครๆก็รู้ว่าช็อปฟ้าของมึงกับช็อปแดงของกูเป็นอริกัน”
ภาคภูมิตะคอกใส่ไร้ไมตรีใส่เด็กช็อปน้ำเงิน แต่ดูดหมือนอีกจะแสดงอาการเกรงเหมือนตอนเเรก คงเพราะตั้งสติได้เเล้ว
“ผมไม่เคยทำไรให้พี่ เเละพี่ไม่เคยทำอะไรให้ผม จะเป็นอริกันได้ไง”
ถึงจะเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล เเต่สถานการณ์ในตอนนี้เป็นเปรียบเสมือนการพูดยั่วโทสะของภาคภูมิเสียมากกว่า
“ได้...เดี๋ยวกูจัดให้”
ภาคภูมิกดฟันเเละดึงเเขนเสื้อขึ้น
“ขอโทษครับ พูดไปคงฟังไม่เข้าหูสินะ เเต่ผมไม่ใช่พวกที่ชอบมีเรื่องชกต่อยกับใครหรอกครับ”
เด็กช็อปโน้มตัวขอโทษอย่างสุภาพ
เเต่เหมือนภาคภูมิจะไม่ได่สัมผัสถึงความสุภาพนั้น กลับพูดเสียงเเข็งถามกลับไป
“เเล้วมาทำไม”
“ผมมีเรื่องถามคนนั้นสักหน่อยนะครับ”
เด็กช็อปน้ำเงินชี้ตรงดิ่งมาทางที่ผม
“o_o?” ผมเหรอ … ผมไม่ตอบอะไรได้เพียงเเค่ทำหน้างงตอบกลับไป เเต่ถึงจะจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เเต่ก็รับรู้ได้ว่า นี้ไม่ใช่ครั้งเเรกที่เจอกัน
“ขอโทษนะครับ”
เด็กช็อปน้ำเงินเดินเข้ามามองผมอย่างใกล้ๆ
“ใช่จริงๆ ด้วย พี่ปกป้องใช่มั้ย พี่ปกป้อง ฮีโร่ของผมใช่มั้ยครับ ”
คุ้นเคยจริงๆ
ทั้งน้ำเสียง
ทั้งสำเนียง
ทั้งการพูดจา
ทั้งกริยาท่าทาง
คุ้นๆจริงๆ เเต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
เคยเจอกันที่ไหนนะ
Witter(9) talk
ไรท์ยังอยู่ในช่วงสอบอยู่นะคร๊าฟ(ประมาณ 1.25 week จะกลับมาเขียนปกติ) เเต่เครียดๆเลยมาเเต่งนิยายเเก้เครียด ขอขอบคุณreaderทุกท่าน เเละขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบคอมเม้นท์ จะทยอยตอบย้อนหลัง
(บุคคลในภาพไม่เกี่ยวข้องนิยายเรื่องนี้เเต่ประการใด เพียงยืมภาพมาเป็นตัวเเทน ตัวละครชื่อปกป้อง)
Witter(9) talk
ยังอยู่ในช่วงสอบนะครับ พรุ่งนี้สอบบ่ายเลยพอมีเวลา รีบมาเเต่งนิยาย ไม่อยากทิ้งไว้นาน เดี๋ยวreaderหาย มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย 555
#ดอกพิกุลพลัดถิ่น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณครับที่ติดตาม
ภาคภูมิโหดเเล้ว ปกป้องอาจจะโหดกว่านะ
อย่าทะเลาะกันเลย
เเต่ช่วงนี้ติดสอบอยู่ มาช้าหน่อยนะ
ช่วงนี้ติดสอบอยู่ครับ
มาช้าหน่อยนะครับ
ภาคอิเด็กเเสบ เเกเวลาไม่งี่เง่ากวน เเล้วโครตน่าหยิกเลย น่าเอ็นดู๊วว คุณหนูภาครักพี่เค้าไวๆนะลูก //เเม่ยกรออยู่