คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling SP.
มันมีNCเบาๆ
Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง
ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด
ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ
......
อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด
......
Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling พิเศษมาก
Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน
เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
คุณมีแฟนมั๊ย
ผมว่าทุกคนคงเคย
ถ้าคนที่คุณรักไม่อยากอยู่กับคุณล่ะ
คุณจะทำยังไง!!!
..........................................................
ยามเช้าสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า เสียงนกตัวเล็กตัวน้อยดังจอแจอยู่แถวหน้าต่าง ผมรู้สึกตัวตื่น เป็นปกติทุกเช้าที่ผมมักจะรู้สึกตัวตื่นเองก่อนนาฬิกาปลุก ผมคิดจะเอื้อมมือไปหานาฬิกาปลุกเพื่อจะดูเวลาด้วยความเคยชิน แต่แขนของผมไม่สามารถขยับได้ ไม่ใช่เพราะผมนอนผิดท่าหรือโดนผีอำหรอก มันเป็นเพราะบนแขนของผม มีหัวมนๆของคนตัวเล็กนอนทับอยู่
ผมพลิกตัวตะแคงข้างเข้าหาคนที่ยังนอนหลับอยู่ หลายคนเคยพูดไว้ว่าการตื่นมาตอนเช้าและเห็นหน้าคนที่เรารักนอนอยู่ข้างๆคือความสุขที่ไม่สามารถหาอะไรมาเทียบได้ ผมเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านี้เพราะตอนนี้ ผมกำลังมีความสุขอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ถูก
“พี่ต้นครับ...ตื่นได้แล้วนะ” ผมกระซิบบอกที่ข้างหูคนตัวเล็ก อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนิ่มๆนั้นลงไปสองสามที
“เจมส์...เค้าง่วงจัง” คนตัวเล็กส่งเสียงอ้อนบ่งบอกเจตนาชัดเจนว่าจะยังไม่ยอมลุกจากที่นอนตอนนี้
“ที่รักครับ...ที่รักมีเรียนเช้านะ...อย่าลืมซิ” ผมกล้าเรียกพี่ต้นว่าที่รักเพราะเราเปลี่ยนสถานะภาพแล้ว และตอนนี้เราก็อยู่กันสองต่อสอง ไม่จำเป็นต้องอายใคร ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าคนตัวเล็กจะอายใคร
“โดดได้มั๊ย...โดดเหอะนะ...นะที่รัก” ก็อย่างที่ผมคิดไว้ คนตัวเล็กไม่ยอมลุกแน่ๆ ยิ่งเจ้าตัวขยับเข้าหาตัวผมเหมือนต้องการความอบอุ่น แล้วเอาหน้าซุกลงกับอกผมแบบนี้ด้วยแล้ว คงจะตั้งหลักนอนอีกรอบจริงๆ
“ที่รัก...ตื่นเหอะนะ...เจมส์รับปากคุณพ่อไว้แล้ว ว่าจะพาที่รักไปเรียน” ผมใช้มือลูบไปมาตามแนวสันหลังของคนตัวเล็กเพื่อให้เขารู้สึกตัวไม่หลับลงไปอีก ผมเองก็ใช่ว่าอยากจะไปเรียนแต่ผมรับปากกับพ่อเขาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่โทรไปบอกว่าพี่ต้นจะค้างที่นี่ เมื่อรับปากไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ผมเป็นคนแบบนั้น
“โห่...เจมส์อ่ะ...” เสียงจิจ๊ะกับอาการเหวี่ยงเล็กๆของคนตัวเล็กไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์เสีย กลับรู้สึกว่าคนที่ซุกตัวอยู่กับอกผมนี่ น่ารักแหะ
“...ที่รัก...เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อที่รถ...อย่าลืมว่าเราต้องไปแวะซื้อเสื้อผ้าอีกนะ” คนตัวเล็กพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่ารับรู้ ก่อนจะค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่ง แต่ยังไม่ยอมลืมตา ผมลุกขึ้นไปกอดคนงัวเงียไว้หลวมๆ หน้าตาคนตัวเล็กตอนงัวเงียก็น่ารักไปอีกแบบ เหมือนว่าคนรักของผมจะไม่ยอมตื่นง่ายๆ ถึงจะยอมลุกขึ้นมาแล้วแต่ไม่ยอมลืมตาเนี่ยซิ น่ากลัวว่าจะล้มตัวลงไปนอนต่อจริงๆ
“ที่รัก...เจมส์มีอะไรจะถามหน่อย” คนถูกถามหรี่ตาถึงมามองผมนิดนึงก่อนจะทิ้งตัวลงมาพิงที่อกผม คนตัวเล็กต่อสู้กับความง่วงของตัวเองด้วยพยายามการลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
“พอเจมส์เรียนจบ...ต้นย้ายออกไปอยู่กับเจมส์นะ” พอผมพูดจบคนตัวเล็กเหมือนจะใช้เวลาประมวลผลก่อนสักพัก พอเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไปก็เด้งตัวออกจากอกผม เขามองหน้าผมด้วยตาโตๆที่ตื่นเต็มที่ ความรู้สึกตกใจส่งผ่านมาทางตาคู่สวย ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทำไมพี่ต้นต้องตกใจขนาดนั้น ผมแค่ชวนให้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตอนผมเรียนจบ ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ หรือผมจะพูดอะไรผิดไป หรือเขาไม่อยากอยู่กับผม
“ตกใจอะไร ผมแค่ถามว่า เรียนจบแล้วย้ายไปดูด้วยกันนะ...โอเค๊” ผมถามย้ำอีกครั้ง แววตาคู่สวยบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างมาก อยากให้คนที่ผมรักรู้จัง ว่าผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขามากแค่ไหน
“ไม่โอเค...เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยมาพูด” เป็นคำตอบที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน ก็ในเมื่อผมรักเขา เขารักผม แล้วทำไมถึงปฏิเสธผมล่ะ หรือเขาไม่อยากอยู่กับผมจริงๆ
“ทำไมไม่โอเค...ถ้าพี่ไม่อยากอยู่กับผมก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า” ผมรู้สึกได้ว่าเสียงผมค่อนข้างดังเลยล่ะ ก็มันหงุดหงิดนิหน่า ผมสะบัดตัวแรงๆออกจากผ้าห่มที่เราสองคนห่มด้วยกัน แล้วลุกลงจากเตียงว่าจะเดินออกจากห้องไประงับสติอารมณ์ แต่เสียงของคนตัวเล็กทำให้ผมต้องหยุดอยู่หน้าประตู
“เจมส์!!...เจมส์!!...หยุดนะ...ถ้ากล้าเดินออกไปก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก!!!” ทำเป็นเสียงดังใส่ผม คิดว่าผมจะกลัวหรือไง เชอะ ไม่ออกไปก็ได้ ที่ไม่ออกจากห้องไปเนี่ย เพราะผมอยากคุยให้มันรู้เรื่องไปเลยตาหาก ไม่ได้มีหรอกนะกลัวเกออะไรพวกเนี่ย
ผมเดินกลับมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง เบนหน้าไปทางอื่นไม่มองหน้าคนบนเตียง คนตัวเล็กพยายามดึงแขนผมให้ลงไปนั่งที่เตียงด้วยกันแต่ผมขืนตัวไว้ไม่ยอมลงไป เขาคงโกธรที่ผมทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา เพราะตอนนี้ผมกำลังโดนเขาเอาหมอนฟาดลงมาไม่ยั้งอยู่เนี่ย
“เจ้าหมีบ้า...ไอ้เด็กดื้อ...ไอ้เด็กไม่ฟังคนอื่น...หมีบ้า” อ้าว..ฟาดผมแล้วยังมาด่าผมอีก อะไรของเขาเนี่ย ผมโถมตัวลงใส่คนบนเตียงแล้วจัดการปลดอาวุธซะ ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ผมเจ็บอะไร แต่ผมเพิ่งโดนปฏิเสธมานะ เขาควรจะง้อผมไม่ใช่หรอไง
“ไอ้หมีบ้า!!...เค้าพูดซะคำยังว่าเค้าไม่อยากอยู่ด้วยอ่ะ” คนตัวเล็กถลึงตาใส่ผม ผมอยากจะบอกเขาจริงๆว่าแค่ปกติตาก็โตอยู่แล้ว ไม่ต้องทำให้โตกว่าปกติก็ได้ มันน่ากลัวแปลกๆ
“อ้าว...แล้วตกลงเอาไงครับคนสวย จะย้ายหรือไม่ย้าย จะโอเคหรือไม่โอเค เอาให้แน่ๆซะอย่างซิครับ ถ้าไม่อยากอยู่ด้วย เจมส์จะได้หาคนอื่นอยู่แทน” ผมกวนประสาทคนน่ารักเล่น ก็เขากวนผมก่อนนิหน่าจะมาว่าผมไม่ได้นะ แต่พอเห็นคนที่เถียงอยู่ด้วยนิ่งไป ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าพูดแรงไป ปากนะปาก เวิ่นจนได้เรื่อง
“งั้นก็ไปหาคนอื่นเลยเซ่ ไม่ต้องมายุ่งกับพี่” คำแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปบอกได้ทันทีว่าคนตัวเล็กคงจะโกรธจริงๆ ผมรีบคว้าเอวเล็กมากอดไว้ ยังดีที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืน
“ผมขอโทษ” ในเวลานี้คงไม่มีคำไหนที่ควรพูดไปมากกว่าคำนี้ ใครจะผิดจะถูก ใครจะเริ่มก่อนเริ่มหลังก็ช่างมันเถอะ ความรู้สึกของคนที่เรารักคือสิ่งที่ต้องสนใจมากกว่าเรื่องอื่น
ผมขอโทษคนตัวเล็กอีกสองสามครั้ง แต่เขายังคงเงียบไม่มีปฏิกิริยาใดๆให้กับคำขอโทษของผม ถึงจะไม่ดิ้นหนีออกจากอ้อมกอดแต่ก็ไม่ยอมสบตา การที่เขาหลบตาเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุด มันทำให้ผมดูไม่ออกว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่ เพราะปกติผมจะอ่านอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดได้จากดวงตาคู่สวยนั้น
ผมปล่อยแขนออกจากพี่ต้นเพื่อลงจากเตียงไปหยิบอะไรบางอย่าง เขามองตามว่าผมจะทำอะไรแต่ก็ยังไม่ยอมคุยด้วย ผมกลับลงมานั่งข้างคนบนเตียงแล้วยื่นบางสิ่งให้คนตัวเล็ก เขารับไปถืออย่างงงๆ
“เจมส์อยากให้ที่รักช่วยเก็บมันไว้...” ผมอยากให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ในตอนนี้ ในพรุ่งนี้ ในทุกๆวัน ตลอดไป
“จนกว่าเจมส์จะเรียนจบ มันคงมีมากพอ...ให้เราย้ายออกไปอยู่ด้วยกันได้” ผมอยากให้เขารู้ว่าผมจริงจังกับการย้ายไปอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้พูดเล่นๆ ไม่ได้พูดลอยๆ ผมพูดออกมาจากความตั้งใจจริง คนตัวเล็กมองสิ่งที่อยู่ในมือสลับกับมองหน้าผม เจ้าตัวดูจะอึ้ง คงไม่คิดว่าผมจะจริงจังซินะ นั่งอ้าปากค้างเชียว ถึงจะเป็นท่าทางน่าขำแต่ในสายตาผม เขาน่ารักที่สุด
สิ่งที่อยู่ในมือของคนที่ผมรักมันเป็นแค่สมุดบัญชีธนาคารเล่มหนึ่งกับบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งเท่านั้น ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ต้นจะคิดยังไง ผมตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะให้เขาเก็บไว้ ผมก็จะให้ ไม่ว่าเขาจะยินดีหรือไม่ก็ตาม
“ไปอาบน้ำได้แล้วที่รัก...เดี๋ยวไปเรียนสายนะครับ” ผมตัดสินใจตัดบทสนทนาเรื่องที่เราทะเลาะกัน ไม่อยากให้มันยืดยาวต่อไป ผ่านๆกันไปดีกว่า สำหรับผมน่ะช่างมันเถอะ แต่ความรู้สึกของคนตัวเล็กตาหากที่ผมเป็นห่วงที่สุด การต่อความกันไปคงไม่ใช่ผลดีเท่าไหร่
ผมลงจากเตียงมายืนรอคนตัวเล็กที่ปลายเตียง เอื้อมมือออกไปดึงมือคนน่ารักให้ลุกตามผมมา เขากระเถิบตัวเพื่อลงจากเตียงอยู่ทีสองทีแล้วก็หยุดนั่งเฉยๆซะอย่างงั้น แววตาและสีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายของคนตัวเล็กทำให้ผมต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปหา
“เจมส์...ขี่หลังหน่อย...เค้าเจ็บ” ท่าทางคนตัวเล็กจะเจ็บจริงๆ เพราะปกติเขาจะไม่อ้อนผมแบบนี้ ผมรีบเข้าไปประคองคนรักทันที
“ขอโทษนะที่รัก เจ็บมากมั๊ย” เป็นเพราะเมื่อคืนผมเอาแต่ใจมากไปหน่อย เลยทำให้ที่รักของผมต้องเจ็บตัวแบบนี้ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาเจ็บจริงๆนะ แค่อารมณ์มันพาไป แล้วคนน่ารักเองก็ไม่ได้ห้าม อะไรๆมันก็เลยรุนแรงกว่าที่ผมคิดไว้ตอนแรก พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาตัวผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กต้องไปเรียนนะ...ผมจะชวนเล่นอยู่บนเตียงสักครึ่งวัน
ผมย่อตัวลงเพื่อให้คนน่ารักขึ้นมาเกาะหลัง เห็นเขาขยับตัวได้ทีละนิดๆแล้วอดสงสารไม่ได้แหะ แต่ผมก็สัญญาไม่ได้อยู่ดีล่ะนะ ว่าจะไม่ทำให้คนน่ารักเจ็บตัวแบบนี้อีก
“เจมส์...ถ้าคนเขาไม่อยากอยู่ด้วยอ่ะ...เขาไม่ยอมเจ็บตัวแบบนี้หรอกนะ” คนน่ารักพูดไปก็ก้มงุดๆอยู่กับหลังของผมไป คงจะเขินอยู่ล่ะนะที่ต้องมาพูดเรื่องอะไรพวกนี้
“ครับผม ครับผม รู้แล้วครับ... เจมส์ทำอะไรไปเจมส์ก็ต้องรับผิดชอบ ถึงเวลาถ้าที่รักไม่ยอมย้ายไปอยู่กับเจมส์ เจมส์ก็จะไปดักฉุดตามมุมตึก แล้วก็จับที่รักขังไว้ให้อยู่กับเจมส์ จะไม่ให้ไปไหนเลย เตรียมใจไว้เหอะ” ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ที่พูดเนี่ยผมจะทำจริงๆ เขาเป็นคนของผมแล้วจะปล่อยไปได้ไงกันล่ะ
“เจมส์...........เวิ่น!!!” ผมขำกับอาการเหวี่ยงแก้เขินของคนรัก เดี๋ยวนี้ผมจับทางได้แล้ว เขินทีไรเหวี่ยงทุกที น่ารักจริงๆแฟนผมเนี่ย
..............
.............................
.............................................
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาของฝูงคนที่พุ่งมาหาเรา ถึงจะไม่ได้มองมาตรงๆแต่ผมก็สังเกตุได้ว่าคนรอบบริเวณเราแอบมองมาตลอดทาง ผมมาส่งคนตัวเล็กขึ้นเรียนตามปกติ วันนี้ผมเดินมาส่งถึงบันไดเลยล่ะ ก็ผมเป็นแฟนนี่หน่า ต้องปราศให้ชาวบ้านรู้สักหน่อย
ผมอดขำไม่ได้กับท่าทีระมัดระวังในการเดินของคนรัก ผมจะช่วยประคองก็ไม่ยอม ไม่รู้จะอายอะไรขนาดนั้น พวกเพื่อนๆพี่ต้นก็นะ เหมือนจะรู้ทันยังไงก็ไม่รู้ เห็นคนน่ารักเดินไม่ถนัดก็ถามซักไซร้กันใหญ่ว่าเป็นอะไร พอคนน่ารักบอกว่าเจ็บขาก็หัวเราะคิกคักใหญ่เชียว
“พี่ต้น...เที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมรออยู่ใต้ตึก” คนตัวเล็กพยักหน้ารับสองสามทีอย่างอายๆ เพราะเสียงฮือฮาโห่ฮิ้วของเหล่าแก๊งค์เพื่อนฝูงนั้นแหละ คนน่ารักของผมหน้าแดงไปถึงหูแล้วตอนนี้ ...น่ารักแหะ
คนตัวเล็กขึ้นไปเรียนแล้ว ผมก็หาที่นั่งหาที่พิงเหมาะๆ หยิบหูฟังมาเสียบเริ่มเปิดเพลงและ ตั้งหลักนอน ผมยึดหลักว่าต้องใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า สองสามชั่วโมงที่รอคนรักเลิกเรียนเป็นจังหวะที่ดีที่จะนอนชดเชยจากเมื่อคืน ถ้าถามว่าเมื่อคืนผมมัวแต่ทำอะไรถึงต้องมานอนชดเชยเอาตอนนี้ ก็ไม่ได้ทำอะไรหลายอย่างหรอกทำอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ผมก็แค่ทำ...................................ความรู้จักกับคนรักเกือบทั้งคืน ก็แค่นั้นเอง
.......
................
.............................
“...โพละ...” ไม่ใช่เสียงอะไรที่ไหน เสียงที่หัวผมเนี่ยแหละ ใครมันมาตีหัวผมว่ะ คนกำลังหลับเพลินๆ
“อ้าว...พวกมึงเองหรอ...กูก็นึกว่าใคร...สาดดดดด” มากันครบองค์เลยเชียวเพื่อนผม เฟรม ทีม ตั้ม
“พวกกูมีไรจะถามมึงหน่อย” ไอ้ทีมเอ่ยขึ้นมา วันนี้ทีมกับตั้มมันเป็นไรเนี่ย หน้าตาอย่างกับเหยียบขี้มาอย่างงั้นแหละ
“เจ็มๆ ตอบพวกมันไปจริงๆตรงๆเลยนะเว้ย” เฟ็มๆนี่ก็อีกคน เป็นไรของมันเนี่ย หน้าตาอย่างกับถูกหวยมาอย่างงั้นแหละ
“เอ้า จะถามไรก็ถามมา” ผมล่ะเบื่อกับไอ้คุณเพื่อนทั้งสามของผมจริงๆ มันจะอะไรกันหนักหนา
“มีคนบอกว่าเมื่อวานพี่ต้นไปหาแกที่คณะ จริงเปล่าวะ” ตั้มถามผมสายตาเคร่งเครียด ผมพอจะจับเรื่องได้เลาๆแล้วล่ะว่าพวกมันมาถามเพราะต้องการอะไร
“จริง” ผมตอบไปสั้นๆ ก็ถามแค่จริงมั๊ยก็ตอบกลับแค่จริง เฟรมดูจะดีใจเป็นพิเศษหัวเราะขึ้นเสียงหลบเชียว
“มีคนบอกว่าเมื่อวานมึงกลับบ้านกับพี่ต้น จริงเปล่าวะ” คราวนี้ทีมถามผมบ้าง ตอนนี้หน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก
“จริง” ผมตอบไปสั้นๆเหมือนเดิม ไอ้พวกนี้เมื่อไหร่มันจะถามเข้าประเด็นซะทีวะ แล้วเฟรมนี่ก็ดูจะดีใจยิ่งกว่าเดิมอีก หัวเราะซะจนเกือบตกเก้าอี้
“มีคนบอกว่าเจ็มๆกับพี่ต้นเป็นแฟนกัน จริงเปล่าวะ” แหม เพื่อนเฟรมได้ทีล่ะรีบเข้าเรื่องเลยเชียวนะ
“จริง” ผมก็ตอบไปสั้นๆเหมือนเดิมอีกนั้นแหละ ก็มันเรื่องจริงจะให้ตอบอย่างอื่นได้ไง ผมตลกเพื่อนผมมากตอนนี้
“นั้นไง...คุณเพื่อนทั้งสอง จ่ายมาเลยคนละหมื่น” เฟรมรีบยื่นมือไปจ่อต่อหน้าทีมกับตั้ม กระดิกนิ้วรอรับเงินด้วยใบหน้าที่เพื่อนอย่างผมอยากกระโดดถีบซะที่สุด
“เฮ้ย...กูไม่เชื่อ หน้าอย่างมึงเนี่ยนะได้พี่ต้นเป็นแฟน ยังไงกูก็ไม่เชื่อ” ทีมปัดมือเฟรมออกแรงๆ แล้วชี้หน้าผมประมาณว่า มันไม่เชื่อผมเอามากๆ
“อ้าว กูพูดความจริง พวกมึงไม่เชื่อก็ไปถามพี่ต้นดูดิ” อะไรของไอ้สองคนนี้มันวะ ผมดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรอไง ผมก็หล่อไม่แพ้ใครเหมือนกันนะเว้ย
“ไม่เว้ย พวกกูไม่ถาม เผื่อแกเล่นตุกติก แอบไปฮั้วกับพี่ต้นมาแดกตังค์พวกกู” เอากับพวกมันซิ คิดได้ไงเนี่ยว่าผมจะฮั้วกับพี่ต้น ใครเขาจะยอมเอาชื่อเสียงมาเสียเพื่อเงินแค่นี้วะ
“คุณเพื่อนทั้งสองเนี่ย ไม่ทราบว่าเอาส้นเท้าส่วนไหนคิดกันครับ...แล้วนี่คุณเพื่อนจะให้กระผมทำยังไงถึงจะเชื่อคร๊าบบบบบ” บอกว่าจริงก็ไม่เชื่อ ให้ไปถามก็ไม่เอา ผมก็ไม่รู้จะไปยืนยันกับพวกมันยังไงแล้วละ
“ไม่รู้ เอาเป็นว่าทำให้เชื่อได้ก่อนแล้วกูสองคนถึงจะจ่าย” ไอ้ทีมลอยหน้าลอยตาตอบ นี่ผมว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้ไม่เชื่อหรอก แต่มันหาเรื่องไม่จ่ายตาหาก ไอ้กวนตีน
เฟรมมองหน้าผมประมาณว่าขอความช่วยเหลือ ผมมองหน้าเฟรมกลับไปประมาณว่า ขอคิดก่อน ถ้าจะถ่ายรูปมาให้ดูเดี๋ยวมันก็อ้างว่าภาพตัดต่อ จะให้อัดคลิปตอนอยู่ด้วยกันมาให้พวกมันดูก็แลจะเข้าข่ายอนาจารเกินไป ถ้าจะให้เดินควงกันเดี๋ยวมันก็อ้างว่าสมคบคิด เอาไงดีวะๆๆ จะแสดงออกให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นแฟนกันนี่มันต้องทำไงบ้างวะ
ช่วงที่ผมกำลัง ใช้ความคิดเสียงกลุ่มคนลงบันไดมาบอกให้เรารู้ว่านักศึกษาบนตึกเลิกคลาสแล้ว ผมเห็นคนตัวเล็กเดินลงบันไดมากับเพื่อนๆ แล้วผมก็คิดอะไรได้อย่าง
“พวกมึงดูนะ แล้วเฟ็มๆคอยเก็บตังค์ด้วย” ผมสั่งทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินตรงรี่เข้าไปหาคนตัวเล็ก เหมือนเป้าหมายจะไม่ทันได้รู้ตัวเพราะมัวแต่เม้าท์มอยกับเพื่อนฝูง เขาหันมาเห็นผมอีกทีผมก็ไปอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ผมยิ้มให้เขาแบบปกติแล้วรีบเอื้อมมือไปด้านหลังคว้าคอเรียวเอาไว้ คนตัวเล็กคงจะงงว่าผมทำอะไรเลยเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองหน้าผม เป็นจังหวะให้ผมกดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากอิ่ม ผมได้ยินเสียงโห่ฮิ้วฮือฮา ดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากซะหน่อยแค่จุ๊บลงไปเบาๆเอง
“ที่รักครับ เจมส์หิวจัง หิวจนปวดท้องไปหมดแล้วเนี่ย” ผมแกล้งพูดเสียงดังให้คนในบริเวณนั้นรวมถึงเพื่อนทั้งสามของผมได้ยินชัดๆ ที่จริงผมไม่ได้หิวหรอก ผมแกล้งอ้อนไปอย่างงั้นแหละ
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน จริงๆถ้าเจมส์หิวกินก่อนเค้าก็ได้” คนน่ารักของผม หน้าแดงไปถึงหูแล้วแต่ยังมีฟอร์มรักษาอาการให้ตัวเองดูดีอยู่ ผมโอบรอบเอวคนตัวเล็ก เอาหนังสือในมือมาถือให้แล้วพาออกจากตึกเรียนไป แต่ก่อนจะพ้นตึกเรียนผมแอบหันกลับไปมองเพื่อนตัวดีทั้งสามที่ตอนนี้เฟรมแลดูมีความสุขที่สุด ดูได้จากที่ยืนหัวเราะใส่หน้าเพื่อนอีกสองคนไม่ยอมหยุด อีกเดี๋ยวเฟรมมันก็คงได้ทำการรูดทรัพย์ของทีมกับตั้มออกแน่นอน
“เจมส์...ถ้าอยากเยอะโชว์เพื่อน วันหลังช่วยบอกต้นก่อนนะ จะได้ตั้งหลักถูก” อยู่ๆคนข้างตัวผมก็พูดขึ้นมานิ่งๆขณะที่เราเดินไปขึ้นรถ อ่านะ...แฟนผมนี่ชักจะน่ากลัวขึ้นทุกวันแหะ นี่แอบติดเครื่องดักฟังไว้ที่ตัวผมป่าวเนี่ย
“ครับผม วันหลังจะบอกก่อนครับ...” ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อคนตัวเล็กทำหน้าเหวี่ยงๆค้อนผมไปทีนึง น่ารักจริงๆเลยแฟนใครเนี่ย
“แล้วนี่ที่รักไม่เจ็บแล้วหรอ” พี่ต้นเดินดูปกติแล้วเพียงแต่เสต็ปการเดินจะช้ากว่าปกติเล็กน้อย ผมเป็นห่วงเขานะเพราะถึงยังไงผมก็เป็นคนทำให้เขาต้องเจ็บตัว
“อืม...ก็ดีขึ้นแล้วนะ” คนน่ารักเหมือนใช้ความคิดสำรวจร่างกายตัวเองสักพักก่อนนะตอบออกมา
“งั้นคืนนี้ค้างบ้านเจมส์นะ” ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้พร้อมกับเอาหัวถูไถไปมาที่ไหล่เล็ก ก็ผมแค่อยากนอนกอดพี่ต้นเฉยๆ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลยจริงๆนะ
“เจมส์...เวิ่นอะไรอีกเนี่ย” เหวี่ยงเสร็จก็รีบเดินมุดๆหนีผมไปที่รถซะงั้น ผมรู้นะว่าคนตัวเล็กอ่ะเขิน เขินทีไรเหวี่ยงทุกที แต่ก็อย่างที่ผมคิดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเหวี่ยงแค่ไหนก็น่ารักที่สุดในสายตาผม และจะน่ารักแบบนี้ตลอดไป เจมส์จะยอมให้พี่ต้นเหวี่ยงแบบนี้ไปชั่วชีวิต....เจมส์สัญญา
...........................
............... NCเบาๆ สามารถอ่านได้จากห้องลับ หรือหลังไมค์ที่กาน้ำเดือดแล้ว หรือทวิต@nansuku
........
..............................
......................
..........
คุณมีแฟนมั๊ย
ผมว่าทุกคนคงเคย
ถ้าคนที่ผมรักไม่อยากอยู่กับผมล่ะ
ผมจะทำทุกวิถีทางให้เขาอยู่กับผมให้ได้!!!
..........................................................
ความคิดเห็น