คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Fic HunzHutKangsom : Choose 3/5 Full version
ขอเตือนค่ะ จริงจังมากนะคะ ถ้าคุณรับฟิค Y ไม่ได้ ขอให้ปิดฟิคนี้ไปเลยนะคะจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง
บอกเลยว่ายังไม่ระบุนะคะว่าใครเคะใครเมะ
รอบนี้ลงครึ่งแรกก่อนนะคะ
เทคนิคการอ่านให้ดูตามสีค่ะ ฮั่น ฮัท แกงส้ม
Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง
ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด
ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ
......
อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด
......
Fic HunzHutKangsom : Choose 3/5
Type: AU PG-15 และ NC-18บางตอน
เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
........................................................
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะถูกต้องมั๊ย
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะทำร้ายใครมั๊ย
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะ...ใช่ความรักมั๊ย
........................................................
หลายคำถามบนโลกใบนี้ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว และหาคำตอบได้ แต่ยังมีอีกหลายคำถามที่เกิดขึ้นแล้ว และไม่สามารถหาคำตอบได้ หรือบางที อาจเป็นเพราะ เราไม่อยากหาคำตอบเอง กลัวคำตอบนั้น จะทำให้เรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นตามมา แม้ใจอยากจะตอบแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อมองความถูกต้องแล้วก็ยากที่จะตอบออกไป
บางที อาจเป็นเพราะ เราไม่อยากหาคำตอบเอง กลัวคำตอบนั้น จะทำให้เรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นตามมา แม้ใจอยากจะตอบแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อมองความถูกต้องแล้ว ...มันยากที่จะตอบไปตามหัวใจจริงๆ
ผมทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่แกงส้มถาม สองมือยังคงขยับจัดข้าวของต่อไป รู้สึกได้ว่าคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเงียบไป มั่นใจว่าคงกำลังคิดหาทางเรียกร้องความสนใจผมอยู่ แต่ไม่คิดว่าอีกคนจะกล้าทำขนาดนี้
แรงกอดจากด้านหลังทำเอาผมอึ้งไปนิดๆ ไม่คิดว่าเจ้าเด็กห้าวจะใช้ไม้นี้ ไม่ใช่ไม่ชอบนะ ต้องยอมรับตรงๆเลยว่า รู้สึกดีมาก
"พี่ฮั่น ค้างกับผมนะ" เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฮัทถามผม ถึงไม่ใช่คำถามเดียวกันแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
"กลัวผีหรอไง" ผมหมุนตัวไปหาแกงส้ม สองมือยกขึ้นกอดตอบอีกฝ่ายไว้หลวมๆ อยากให้เขารู้ว่าผมไม่ได้รังเกียจในสัมผัสในความใกล้ชิด
"ค้างกับผมนะ" เอาแล้วไง ย้ำคำเดิมแบบนี้โดยไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้วล่ะก็ ผมคงเลี่ยงตอบคำถามแกงส้มไม่ได้แล้ว
"ไม่กลัวพี่หรอ" ดวงตาขี้เล่นฉายแววขบขันทันทีที่ได้ยินคำพูดผม แกงส้มออกแรงกอดผมแน่นขึ้น พร้อมกับหัวเราะชอบใจ แปลกนะ ผมรู้สึกเหมือนจะลอยได้ทุกครั้งเวลาที่แกงส้มสุขใจแบบนี้
"พี่ฮั่นตาหาก กลัวผมรึเปล่า" ยอกย้อนตามสไตล์ไม่มีเปลี่ยน ไอ้เด็กน้อย ผมกอดกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นจนตอนนี้เราสองคนตัวแนบชิดติดกันจนรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ รู้สึกได้ถึงความต้องการภายในจิตใจของเราทั้งคู่ รู้สึกได้ว่าถ้าตอนนี้ไม่ห้ามใจ อะไรๆคงดำเนินไปจนย้อนกลับไม่ได้
ไม่จำเป็นต้องมีคนนำ ไม่จำเป็นต้องมีคนตาม เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจ เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการสิ่งเดียวกัน ริมฝีปากทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันอย่างช้าๆ สัมผัสอุ่นร้อนจากการจุมพิตบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แม้เป็นเพียงจุมพิตแผ่วเบา
ไม่ได้ใส่อารมณ์เสน่หาเร้าร้อน แต่ความรู้สึกบางอย่างกำลังผลิบานเพิ่มพูนในหัวใจ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าใช่คำว่า"รัก"มั๊ย ถีงจะยังไม่สามารถพูดคำว่า"รัก"จากปากได้ แต่ผมมั่นใจแล้วว่าความรู้สีกที่มีให้แกงส้ม เกินกว่าคำว่าพี่น้องไปไกลแล้ว
"ตกลงจะกินมั๊ยมาม่า" ผมถอนจูบออก แต่ยังไม่คลายกอด ใช้จมูกเหย้าหยอกกับจมูกโด่งของอีกฝ่าย เจ้าเด็กห้าวหัวเราะชอบใจใหญ่เมื่อได้ยินคำถามของผม
"กินคร๊าบบบ เนี่ยผมหิวไส้กิ่วแล้ว พี่ฮั่นรีบๆทำเลย" อ้าว ที่อย่างงี้มาไล่ แถมยังดันๆตัวผมเข้าครัวอีก ไอ้เด็กนี่ อะไรของมันเปลี่ยนอารมณ์เร็วชะมัดเลย
“แล้วตกลงวันนี้พ่อแม่ไม่กลับบ้านจริงๆอ่ะ” ที่ผมถามไม่ใช่อะไร แต่แค่สงสัยว่าทำไมถึงปล่อยลูกให้อยู่บ้านคนเดียว ถึงจะเป็นเด็กผู้ชายที่โตแล้วก็เหอะ อย่างไปหาพี่สาวก็น่าจะพาไปด้วยได้นิ ทำไมต้องทิ้งให้อยู่บ้าน
“อืม จริงๆ พี่คิดว่าผมหลอกเล่นหรอไง” หัวทุยทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่ผม เออ...อยากจะหันกลับไปบอกจริงๆว่าถ้าหัวมันหนักขนาดประคองเอาไว้เองไม่ได้ก็ตัดทิ้งดีมั๊ย? ผมแกล้งหันตัวออกแบบเร็วๆเด็กห้าวถึงกับเสียการทรงตัวไปเกือบล้ม
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามดู แกงส้ม...นี่ถ้าจะไม่ช่วยกันก็ออกไปรอข้างนอกไป๊” จริงๆก็ไม่ได้อยากให้ช่วยอะไรหรอก เห็นอยู่ว่าวันนี้เหนื่อยแล้ว ผมก็แค่แกล้งๆไล่ให้ออกไปรอข้างนอก ขณะที่ตัวเองกำลังล้างผักสับหมูไปเรื่อย
เด็กห้าวเดินหมุนไปเวียนมาทั่วห้องครัว ผมรู้หรอกว่าเจ้าตัวคงอยากให้ผมสนใจ อยากให้ผมเรียกหา แต่ผม... อยากแกล้งมากกว่า ผมเทมาม่าที่ต้มพร้อมเครื่องเสร็จแล้วใส่ชาม จัดแจงยกไปตั้งที่โต๊ะกินข้าว
ผมไม่ได้เรียกให้แกงส้มเดินตามมาด้วยเพราะอยากรู้ว่าเด็กน้อยจะเดินตามออกมามั๊ย แล้วเด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ แกงส้มยังคงอยู่ในห้องครัวไม่ยอมเดินตามผมออกมา คาดว่าน่าจะมีงอนนิดๆนะแบบนั้น
"แกงส้ม มากินเร็วๆเดี๋ยวเส้นมันอืดหมดนะ" ที่ผมเอ่ยปากเรียกนี่ไม่ได้ง้อนะ แค่อยากให้เด็กน้อยกินข้าวก่อนเพราะเจ้าตัวบ่นหิวมาตั้งแต่เดินเข้าบ้านมา กินแล้วค่อยงอนต่อผมก็ไม่ว่าไรนะ แต่เจ้าเด็กห้าวก็ยังไม่เดินออกมาซะที
"แกงส้ม พี่เรียกไม่ได้ยินหรอไง" เสียงโทนเข้มระดับเสียงดังชัด แม้ไม่ได้ตวาดแต่ก็น่าจะทำให้คนที่ฟังอยู่สะดุ้งได้ เด็กน้อยค่อยๆก้าวเท้ามานั่งข้างผม พอนั่งได้ก็ตักมาม่ากินไม่ยอมมองหน้าผมเลยสักนิด เฮ้อออออ นี่แหละนะนิสัยเด็ก
ผมลุกขึ้นพาตัวเองเข้าไปในครัว หยิบชามขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกมาที่โต๊ะกินข้าว ผมเห็นแกงส้มมองตามผมทุกอิริยาบท แต่ไม่ยอมพูดถามอะไร ผมจัดการเทมาม่าจากชามของผมกับแกงส้มรวมกันในชามใหญ่ชามนั้นเป็นชามเดียว แกงส้มมองหน้าผมแบบตื่นๆงงๆ หน้าตาตอนนี้ทั้งตลกทั้งน่ารัก ทำเอาผมอดจะขำออกมาไม่ได้
"กินซิ มองอะไรกินเร็วเข้า" ผมส่งตะเกียบกับช้อนใส่มือแกงส้ม ส่วนตัวเองก็ตั้งหลักกินมาม่าในชามใบใหญ่นั้น แกงส้มมองผมนิ่งๆซะพักเหมือนกำลังรวบรวมสติความคิด และใช้เวลาชั่วแว๊บเดียวเด็กน้อยก็เข้าใจ สังเกตุได้จากเสียงหัวเราะขำของเจ้าตัว
“ทำไมต้องกินชามเดียวกันด้วยล่ะ” แกงส้มถามขึ้นเมื่อเราเริ่มกินไปได้สักพักเดียว เหอะ ผมรู้หรอกนะว่าแกงส้มรู้ รู้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ แต่เจ้าตัวแค่อยากแกล้งให้ผมพูดออกมา
“รังเกียจหรอ” ผมทำท่าทางจะเทมาม่ากลับคืนสองชามเล็ก แต่แกงส้มมาดึงมือผมออกไปก่อน พร้อมกับร้องห้ามเสียงดัง
“เฮ้ยยยยยย พี่ฮั่น ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย พี่ก็รู้นิ” รู้ซิ ทำไมจะไม่รู้ เพราะรู้ไง ถึงได้แกล้งกลับแบบนี้ จะว่าผมขี้แกล้งก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ผมจะแกล้งอย่างมีลิมิตนะ ไม่ได้แกล้งอะไรเลยเถิด พอแกล้งแล้วก็อาจจะต้องมีปลอบใจด้วยบ้าง
“ที่กินชามเดียวกัน ...เพราะ...จะได้มองหน้าคนที่กินด้วยชัดๆไง” ผมได้ยินเสียงแกงส้มทำตะเกียบหลุดมือ ตลกอ่ะ ตลกทั้งแกงส้มที่ดูจะช็อคกับมุขของผม ตลกทั้งตัวเองที่กล้าเล่นอะไรเสี่ยวๆแบบนี้ เออเว้ย ผมนี่ก็ทำไปได้นะ
“ผมรู้ว่าจริงๆแล้วทำไมพี่ฮั่นถึงเทรวมกันชามเดียว” แกงส้มกอดอกหันหน้ามองผมขณะพูด สีหน้าประหนึ่งว่าเจ้าตัวรู้คำตอบของคดีปริศนาแล้วอย่างงั้นแหละ
“เพราะ....เพราะมาม่าชามพี่ฮั่นมันไม่อร่อยเท่าชามผมใช่มั๊ยละ พี่เลยเทรวมกัน มันจะได้เฉลี่ยๆรสชาติกันไป ใช่ป่ะ?” หืมมมมมมม....หหหหหหหหา...คิดได้เทพกว่าผมอีกนะเนี่ย เฉลี่ยรสชาติ ......ผมหัวเราะขึ้นมือใหญ่ขยับยกขยี้หัวคนอายุน้อยกว่าอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงจะมีง้องอนหยอกแกล้งกันบ้าง แต่ผมรู้สึกว่ามาม่ามื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมา
“แกงส้มมมมมมม” ผมเรียกเสียงยานๆ เด็กน้อยหยุดความสนใจในการกิน แล้วหันมามองผมอย่างใคร่รู้
“ป้อนหน่อย” เด็กห้าวเลิกคิ้วสูงมองหน้าผม สายตาบ่งบอกประมาณว่าเอาจริงหรอ สายตาส่งคำถามมานะ แต่มือเนี่ยยื่นช้อนมาจ่อตรงปากผมแล้ว อ่านะ ตลกว่ะ สงสัยปฏิกิริยาทางกายจะตอบสนองก่อนความคิด ขอปุ๊บได้ปั๊บ
ผมรับมาม่าในช้อนนั้นเข้าปาก เพราะตอนนี้กินมาเกือบจะหมดชามแล้วสิ่งที่อยู่ในช้อนที่แกงส้มตักให้จึงมีแต่น้ำกับมาม่าเศษๆ ผมกลืนสิ่งเหล่านั้นลงคอไปแต่ยังงับช้อนไว้อยู่ไม่ยอมปล่อยออกจากปาก แกงส้มพยายามดึงช้อนกลับ แต่เมื่อผมงับไว้แบบนั้นเจ้าตัวจึงดึงกลับไปไม่ได้ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมไม่ให้คืน แกงส้มจะกล้าดึงกระชากกลับไปมั๊ย
แกงส้มดึงช้อน พยายามดึง แต่ไม่ออกแรงมาก รู้สึกได้ว่าต้องการของๆตัวเองคืน แต่ก็ไม่กล้าทำผมเจ็บ ...เพียงใช้แค่ตามองและใจรับรู้ก็จะสัมผัสได้ว่าเด็กผู้ชายตรงหน้าผมแคร์ความรู้สึกผมมากแค่ไหน ทุกการกระทำบอกให้รู้ว่ากลัวผมเจ็บ ถึงแม้ผมจะทำอะไรขัดใจ แต่แกงส้มก็จะไม่ทำให้ผมเจ็บไม่ว่าทางกายหรือทางใจ
“พี่ฮั่น เล่นไร เป็นตัวไรเนี่ยคาบช้อนอยู่ได้” แกงส้มเปลี่ยนจากดึงช้อนที่ผมงับอยู่เป็นใช้นิ้งกดๆปลายช้อนให้มันเด้งขึ้นเด้งลงแทน เอาละ ...ผมว่าหยุดดีกว่าก่อนที่แกงส้มจะค้นพบของเล่นชิ้นใหม่ เพราะดูจะสนุกกับการดีดช้อนผมมากไปละ
“อ่ะ คืน” ผมยื่นข้อนกลับให้ แต่ก่อนส่งกลับผมแกล้งเลียทั่วช้อน แบบว่าให้เห็นจะๆเลยว่าผมตั้งใจเลียให้น้ำลายยืดๆเลยแหละ ...คิดไปคิดมาตัวเองนี่ก็ออกจะนิสัยเสียชอบแกล้งคนจริงๆแหะ แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ ไม่ให้แกล้งแกงส้มแล้วจะให้ไปแกล้งใคร
“อี๋!! พี่ฮั่น เล่นไรเนี่ย ดูดิน้ำลายยืดติดมาขนาดนี้แล้วจะใช้ต่อได้ไงอ่า” แกงส้มหมุนๆช้อนไปมา ถึงคำพูดจะดูเหมือนรังเกียจ แต่เสียงหัวเราะที่ส่งมาบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นเข้าใจ ว่าที่ผมทำไปแค่อยากแกล้งเล่น
“ทีเมื่อตอนกลับมาไม่เห็นร้องแบบนี้อ่ะ” ทีตอนจูบกันไม่เห็นทำท่าอี๋แบบนี้ล่ะเจ้าเด็กน้อย แกงส้มดูจะไปไม่เป็นเมื่อเจอผมดักทางตรงแบบนี้เขา เจ้าตัวทิ้งช้อนทั้งของตัวเองและของผมลงชาม พร้อมกับยกทุกสิ่งอย่างไปล้างเก็บ เด็กน้อย...เด็กน้อย...เถียงไม่ได้ละใช้เดินหนีเชียวนะ
“แกงส้มมมมมม ล้างเร็วๆล้างเร็วๆล้างเร็วๆล้างเร็วๆ” สองขายาวก้าวเข้าไปในครัว ส่งเสียงเร่งคนที่ล้างจานอยู่ จริงๆแกงส้มก็ไม่ได้ล้างจานช้าอะไรหรอก ผมก็แค่อยากเร่งก็เท่านั้น นี่ผมไม่ได้กวนตีนใครนะ
“ถ้าจะไม่ช่วย ก็ออกไปรอข้างนอกไป๊” นั้นไง...มันย้อนผม ไอ้เด็กน้อยย้อนผม ย้อนคำเดิมกับที่ผมพูดใส่ด้วย... มันน่า.....ตบหัวซะที ถ้าเป็นคนอื่นมีย้อนแบบนี้นะ โดนต่อยแน่ๆ แต่เพราะเป็นคนพิเศษหรอกนะ ถึงยอมให้แบบนี้
ผมวางมือทั้งสองข้างลงบนขอบอ่างล้างจาน ทันทีที่ผมทำแบบนั้นแกงส้มก็หัวเราะออกมาทันที ไม่ใช่แกงส้มบ้าประสาทเสียหรือเส้นตื้นหรอก แต่เพราะช่องว่างระหว่างมือผมทั้งสองข้าง มีตัวแกงส้มคั้นกลางอยู่ก็เท่านั้นเอง
เห็นแกงส้มชอบเอาหัวมาวางบนไหล่ผม ผมก็อยากลองเอาหัววางบนไหล่แกงส้มบ้าง ดูซิจะเป็นยังไง แต่พอผมทิ้งหัวตัวเองใส่ไหล่เด็กห้าวเท่านั้นแหละ ขำใหญ่เชียวนะ
“แกงส้มมมมมมมมม เสร็จยางงงงงงง” ถึงตาตัวเองจะเห็นอยู่ว่าเด็กน้องล้างจานเกือบเสร็จแล้ว แต่ปากก็ยังอยากถามไปแบบนั้น เอ๊ะ หรือผมจะกวนตีนจริงๆนะ
“ง่วงก็ขึ้นไปอาบน้ำนอนไป๊...กินเสร็จแล้วก็ง่วง พี่ฮั่นนี่เหมือนเด็กๆเลย” แกงส้มใช้ศอกกระทุ้งเบาๆมาที่ท้องผม ถึงไม่เห็นใบหน้าแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวต้องยิ้มแป้นแล้นอยู่แน่ๆ
“พี่ไม่ได้ง่วง แค่อยากลองทำดู เห็นแกงส้มชอบทำ” ไม่รู้ว่าเด็กห้าวมาอารมณ์ไหน พอผมพูดจบก็ทิ้งตัวเองมาด้านหลังพิงตัวผมไว้ ดีนะที่ผมหลักดีแข็งแรง ไม่งั้นคงมีล้มกันทั้งคู่แน่
“ผมทำกับพี่ทำ มันไม่เหมือนกันหรอก” อารมณ์บางอย่างในน้ำเสียงของคนพูดทำให้ผมต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“พี่ทำเพราะอยากลอง...แต่ผมทำ เพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” เหมือนเมฆหมอกสีเทาๆกำลังเคลื่อนคล้อยแผ่กระจายรอบๆตัวเราสองคน หนาแน่น ขยายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมต้องจัดการก่อนที่มันจะแผ่มาถึงตัวเราสองคน
สองมือที่ยึดขอบอ่างล้างจานไว้แปรเปลี่ยนมาเป็นเกาะกุมรอบเอวของเด็กน้อย ออกแรงดึงรัดร่างในอ้อมแขนแน่นหนา ริมฝีปากจูบประทับข้างใบหู พร้อมกับกระซิบเสียงเบาแต่ชัดเจาทุกถ้อยคำ
“พี่ไม่ขอให้เราเชื่อ แต่อยากบอกให้รู้ว่า พี่เองก็รู้สึกแกงส้ม แบบเดียวกับที่ แกงส้มรู้สึกกับพี่” ถึงเร็วไปที่จะบอกคำว่ารัก แต่คงไม่เร็วไปที่จะบอกว่าเราสองคนต่างใจตรงกัน อยากให้เราเชื่อมั่นในสิ่งนี้ ยึดมั่นกับความรู้สึกที่มีให้กันตอนนี้ไว้ ไม่ช้าไม่นานคำบอกรักจะดังออกจากปากผมแน่นอน
ผมกอดแกงส้มอยู่แบบนี้สักพักใหญ่ ต้องการให้เขาสัมผัสถึงตัวตนของผมได้ ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่นจากกระแสเลือด เสียงหัวใจที่ดังอย่างไม่ปิดบัง ลมหายใจเข้าออกสอดประสานกัน
บรรยากาศตอนนี้ดูจะเข้าท่าเข้าทีสุดๆ ถ้าไม่เพราะอยู่ๆแกงส้มก็ดีดตัวพรวดออกจากวงล้อมของผม แล้วอยู่ๆก็จับมือผมพาเดินลากๆๆๆๆขึ้นชั้นบนไปห้องนอนของเขา
“ผมร้อน อยากอาบน้ำแล้ว พี่ฮั่นกอดแน่นซะจนผมร้อนไปหมดแล้ว” อ้อออออออ ไอ้ผมก็นึกว่าลากขึ้นห้องมาทำไม ทำซะผมคิดไปเยอะเลยนะ และก็มีตกใจนิดๆนะเนี่ย
“แต่ผมเสียสละ ให้พี่อาบก่อน” เด็กน้อยเขวี้ยงผ้าขนหนูกับชุดนอนให้ผม ย้ำว่า เขวี้ยง ให้ผม ผ้าขนหนูนิเฉียดหน้าผมไปนิดเดียวเอง เก่งจริงๆเด็กคนนี้ เรื่องยั่วโมโหนิเก่งจริงๆ
“ไม่ต้องเสียสละหรอก อาบมันด้วยกันเนี่ยแหละ” ก่อนที่เด็กห้าวจะได้ทันตั้งตัวก็โดนผมรวบตัวลากเข้าห้องน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อกี้อยากปาของใส่ผมดีนักต้องเจอแบบนี้
แต่ไอ้เด็กห้าวแทนที่จะตกใจกลับหัวเราะชอบใจซะงั้นอ่ะ ไม่มีขัดขืนอีกตาหาก ดูสายตาแล้วรู้เลยว่ากำลังสนุกอยู่ เออ...เด็กสมัยนี้ทำไมมันแก่แดดจังวะ
“จะใส่เสื้อผ้าอาบน้ำหรือถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าเด็กน้อยจะตอบยังไง จะเขินหรือไม่เขินกันนะ
“ถอดเสื้อผ้าซิพี่ฮั่น ไม่ถอดแล้วจะอาบน้ำได้ไงอ่า” สายตาวิบวับตอนพูด มือยาวสองข้างรีบยื่นมาจับเสื้อผ้าผมทันทีทันใด เล่นเกมส์ถอดเสื้อผ้าดึงกันไปยื้อกันมา จนในที่สุดก็เหลือแค่คนละชิ้นติดตัว เฮ้อออออ กว่าจะได้อาบน้ำสงสัยไอ้ที่กินๆมาย่อยหมดแล้ว
การอาบน้ำคงจะดำเนินต่อไป ถ้าไม่เพราะเสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังอยู่หลายครั้งจนนึกว่ามีใครจะเป็นอะไรซะอีก ผมใช้ให้แกงส้มออกไปหยิบมือถือมาให้ และคนเป็นน้องก็รีบออกไปหยิบมาให้โดยทันใดนั้น
“พี่ฮั่นๆๆ...คนชื่อฮัทโทรมาอ่ะครับ ให้ผมรับสายให้เลยมั๊ย” เออ....ผมไม่แปลกใจหรอกนะที่ฮัทโทรมาเพราะเจ้าตัวก็โทรหาตอนกลางคืนแบบนี้มาสัปดาห์ที่สองแล้ว ตอนนี้ผมเจอคำถามที่ไม่อยากตอบอีกแล้วซินะ
.....................................
หลายครั้งที่คนเราเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ ทั้งที่ยังไม่ทันทำอะไรหรือมีใครบอกว่าตัวเองผิด นั้นอาจเพราะ เรารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าผลจากการกระทำ คำพูด สายตา สัมผัส อารมณ์ ของตัวเรานั้น จะส่งผลร้ายอันตรายต่อใครบางคนโดยไม่เจตนา ยิ่งคนที่ใจอ่อน ขี้สงสารแบบผมแล้วด้วย ยิ่งกลายเป็นตัวอันตรายต่อจิตใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
“พี่ฮั่นๆๆ...คนชื่อฮัทโทรมาอ่ะครับ ให้ผมรับสายให้เลยมั๊ย” คำถามที่แกงส้มตะโกนถามกลับมาในห้องน้ำ ทำผมตกใจและอึดอัดใจ ถ้าตอบไปว่าไม่ให้รับสาย ก็จะเกิดทำไมแค่รับโทรศัพท์ให้ถึงไม่ยอมให้แกงส้มทำ แต่ถ้าให้แกงส้มรับสาย แล้วเจ้าฮัทล่ะ ก็เป็นการทำร้ายจิตใจฮัทโดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีความผิดอะไร
“พี่ฮั่น....ว่าไง ได้ยินน้องถามเปล่า” แกงส้มตะโกนถามย้ำเข้ามา ถ้าจะเนียนทำเป็นไม่ได้ยินจนสายตัดไปคงจะไม่ได้ เพราะห้องนอนกับห้องน้ำติดกันขนาดนี้ แถมเจ้าเด็กห้าวยังตะโกนซะเต็มเสียงอีก โถ่เว้ย!!
“จะรับก็รับซิ เร็วๆเข้า ลีลาอยู่ได้” ที่ทำเป็นเสียงดังตะโกนกลับไป ก็ไม่ใช่อะไร คือ ถือว่าผมโยนให้โชคชะตาและแกงส้มเป็นคนตัดสินล่ะกัน ถ้าแกงส้มเลือกที่จะรับสาย ผมก็พร้อมจะรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า
“...ไม่เอาอ่ะ พี่ฮั่นรับเองเหอะ เห็นแบบนี้ แต่ผมเป็นคนมีมารยาทนะ” เด็กห้าวเดินกลับมาหาผมพร้อมกับโทรศัพท์ที่ยังคงดังอยู่ในมือ ตอนนี้ผมอยากกระโดดกอดแกงส้มแน่นๆซะสองที ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่แกงส้มเลือกทำแบบนี้ แต่ผมขอบคุณจริงๆ
“ครับ” ผมทักไปสั้นๆเมื่อรับสาย ไม่รู้อีกฝ่ายโทรมาคุยเล่นด้วยตามปกติ หรือมีเหตุอะไร ผมนั่งลงบนขอบอ่างอาบน้ำเพื่อตั้งหลักคุยโทรศัพท์ ผมเลือกที่จะไม่เดินหนีออกไปนอกห้องน้ำ
“พี่ฮั่นอยู่ไหนครับ ยุ่งอยู่รึเปล่า” เสียงนิ่งๆจากปลายสายบอกให้รู้ว่า คนโทรมาคงไม่ได้โทรมาคุยเล่นตามปกติ ผมชำเลืองมองแกงส้มที่ยืนแปรงฟันอยู่ตรงอ่างล่างหน้า เจ้าเด็กห้าวดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการคุยโทรศัพท์ของผมเท่าไหร่นัก
"พี่อยู่บ้านเพื่อน กำลังจะอาบน้ำนอน ฮัทมีอะไรรึเปล่า?" เสียงที่ดูปกติธรรมชาติของผมคงพอทำให้สถานการณ์ไม่แย่ลงนัก ผมเลือกที่จะตอบความจริงว่าทำอะไรอยู่ เผื่อว่าเจ้าเด็กตี๋จะยอมว่างสายให้ผมได้อาบน้ำอย่างเป็นสุข
"พี่ฮั่นมาหาฮัทหน่อย นะ" เสียงแบบนี้อีกแล้ว เสียงที่ฮัทใช้ทุกครั้งเวลาเหงา เสียงที่มักทำให้ใจผมแกว่งไหวอย่างคุมไม่ได้ เฮ้อ...มันอะไรกับชีวิตผมกับหัวใจผมนักนะไอ้เด็กสองคนนี้
"มีอะไรรึเปล่า พอดีพี่อยู่กับเพื่อน คงไม่สะดวกออกไป" ไม่ใช่ว่าผมไม่แคร์ฮัทนะ แต่ หลายอย่างในหัวใจบอกผมว่า ผมแคร์เด็กห้าวที่ยืนแปรงฟันอยู่ตรงหน้ามากกว่า ผมพยายามพูดด้วยเสียงที่ซอฟต์และดูถนอมน้ำใจที่สุด
"พี่ฮั่น ฮัทนั่งรอมี๊คนเดียวตั้งแต่เที่ยงที่ตึกเนี่ย พี่จะไม่ออกมาหาฮัท....สักนิดเลยหรอครับ" โอ้ ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ชอบเลยจริงๆ ตอนนี้อยากจะเอาหัวโขกอ่างตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“งั้น...เดี๋ยวพี่ไปหานะ” ไม่ใช่ว่าผมไม่แคร์แกงส้มนะ แต่ สำนึกในความคิดบอกผมว่าไม่ควรปล่อยให้ฮัทนั่งรออยู่คนเดียวแบบนั้น มันดูจะใจร้ายเกินไป ถ้าเราไม่รู้ก็ว่าไปย่าง แต่นี้ผมรู้แล้วว่าเขาอยู่คนเดียวมาตั้งหลายชั่วโมง จะไม่ไปดูเลยคงไม่ถูกต้องนัก
สองแขนโอบกอดเข้าทางด้านหลังดึงคนที่กำลังทาโฟมทั่วหน้าให้เข้ามาประชิดตัว นี่ขนาดยังไม่ใช่แฟน ยังไม่ได้บอกรักกัน ผมยังรู้สึกผิดกับแกงส้มขนาดนี้ ถ้าได้บอกรักไปเต็มปากเต็มคำ ผมคงไม่กล้าไปไหนแน่ๆ
“จะไปไหนก็รีบไป... รีบไป....จะได้รีบกลับ” ถึงจะใช้เสียงห้วนห้าวตามปกติ แต่เชื่อมั๊ยว่าผมจับความผิดปกติบางอย่างในกระแสน้ำเสียงนั้นได้ และการที่เอาแต่ทำง่วนอยู่กับการล้างหน้าไม่ยอมหันมามองผมแม้แต่จะมองผ่านกระจกห้องน้ำ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“แกงส้ม...คือ...พี่......” ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายหรือพูดอะไรต่อ โทรศัพท์ในมือผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ชื่อหน้าจอระบุว่าเป็นเจ้าเด็กตี๋คนเดิม บางที...ผมควรจะคุยกับแกงส้มตอนกลับมาอีกครั้งน่าจะดีกว่า
“เดี๋ยวพี่รีบกลับนะ” ผมรัดวงแขนให้แน่นขึ้นเพื่อกระชับอ้อมกอด กอดแน่นๆสองสามทีก่อนนะรีบแต่งตัวและออกจากบ้าน หวังเพียงแค่ว่าแกงส้มคงไม่คิดอะไรมากอย่างที่ตัวเองพูดไว้จริงๆ
.......................
........................................
“พี่ฮั่น ทางนี้ๆๆ” เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับรอยยิ้มยินดีที่ส่งให้ ทำเอาผมต้งยอมรับว่าตัวเองใจสั่นไปนิดๆ ผมรีบเดินเข้าไปหาฮัทที่นั่งอยู่ล็อบบี้รับแขกภายในตึก ถึงแม้จะเป็นเวลาหัวค่ำแล้วแต่ผู้คนก็ยังคงขวักไขว่ไปมา งานของพวกผมก็เป็นแบบนี้แหละนะ ไม่ค่อยมีเวลาเริ่มเวลาเลิกที่แน่นอน
“ไงเรา...แล้วนี่โทรถามมี๊ยังว่าจะมารับกี่โมง” ผมถามเพราะเห็นแก้วกาแฟกับจานขนมบนโต๊ะก็พอรู้ว่าเจ้าตัวรอมานานพอสมควรแล้ว เฮ้ออออ ยอมรับเลยว่าสงสาร ถ้าผมมีลูกหรือมีน้องชาย ผมจะไม่ปล่อยให้ต้องทนกับความเหงาแบบนี้
“เห็นว่าอีกสักชั่วโมง ชั่วโมงครึ่งก็น่าจะถึง พี่ฮั่นอยู่เป็นเพื่อนฮัทก่อนนะ” ไอ้เด็กน้อย คนเขาออกมาขนาดนี้แล้วยังจะมาบอกให้อยู่เป็นเพื่อนอีก อะไรของมันวะ...น่ารักดี
“ได้ๆ แต่ไม่เกินชั่วโมงครึ่งนะ พอดีพี่มีนัดกับเพื่อนไว้” ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆฮัท เพราะเป็นโซฟาตัวยาว ตอนนี้เราสองคนจึงนั่งติดกันโดยไม่มีอะไรคั้นกลาง
“เพื่อนพี่คนนี้ ...สำคัญมากรึเปล่าครับ” ลางสังหรณ์บอกผมว่า คำถามนี้จะตามมาด้วยเมฆหมอกสีเทาขนาดใหญ่ ทำไมเด็กพวกนี้ ชอบทำให้ผมหนักใจอยู่เรื่อยเลยนะ....หรือว่าเป็นเพราะผมเองกันแน่นะ
“ฮัท...เพื่อนคนนี้สำคัญกับพี่มาก” ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าแกงส้มสำคัญกับผม ไม่ว่าจะลองสำรวจหัวใจตัวเองอย่างไร ทุกซอกมุม ทุกเสี้ยวส่วน ทุกฝั่งด้าน ต่างตอบออกมาเหมือนกันว่า แกงส้มสำคัญสำหรับผมมาก
“งั้นก็....หมายความว่า สำคัญกว่าผม” เจ้าเด็กตี๋ไม่ได้พูดับผม เหมือนกำลังพูดกับตัวเองมากกว่าสายตาซึมๆกับท่าดูดน้ำหงอยๆเป็นภาพที่ทั้งน่ารักน่าสงสาร ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นนะ แต่สำหรับผมแล้ว ก็อย่างที่เคยเป็นมา ไม่ใช่ว่าไม่แคร์ฮัท ถ้าไม่แคร์จะมานั่งอยู่ตรงนี้มั๊ย แต่ถ้าจะวัดกันตอนนี้ หัวใจของผม...เรียกร้องหาแกงส้มมากกว่า
เราสองคนต่างคนต่างเงียบกันไปชั่วขณะ ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง แรงกดทับบนไหล่ทำให้ผมต้องหันไปมอง เด็กน้อยกำลังพิงหัวลงมากับไหล่ผม อะไรบางอย่างรอบๆตัวฮัทกระจายความรู้สึกเหนื่อยล้าออกมาจนผมสัมผัสได้
“ฮัทขอยืมไหล่พี่ไว้แป๊บได้มั๊ย รู้สึกว่า...หัวตัวเองหนักจนแบกไว้เองไม่ได้อ่ะ” เด็กน้อย...ต่อจะให้เก่งแค่ไหนก็ยังเป็นเด็ก มือผมเลื่อนมาโอบไหล่ลูบหัวฮัทไปมาเป็นการปลอบโยน
“พี่อยากให้ฮัทจำไว้...ไหล่พี่ พร้อมให้ฮัทพักพิงเสมอนะ” ผมกดจูบลงบนศรีษะของเด็กตี๋ที่ซบพิงผมอยู่ ถึงตอนแรกตัวเองจะตกใจที่จูบลงไปแบบนั้น แต่เมื่อคิดดีๆแล้วก็ตีได้ว่าตัวเองทำถูกแล้วล่ะ สัมผัสที่มีกับฮัท และสัมผัสที่มีกับแกงส้ม ช่างต่างกันชัดเจน!!
“ฮัทอยากเห็นเพื่อนคนสำคัญของพี่ฮั่นจัง” เพราะเจ้าเด็กตี๋นั่งพิงด้านข้างผมอยู่ ผมจึงไม่ได้เห็นสีหน้าแววตาภายใต้คำพูดประโยคนี้ ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวแค่พูดลอยๆ หรือต้องการคำตอบจริงจัง
“คงต้องได้มีโอกาสเจอกันบ้างแหละ แน่ใจหรอว่าอยากจะเจอ” ที่ถามไม่ใช่กวนหรืออยากแหย่ ที่ถาม...เพราะต้องการคำตอบ ผมรู้ว่าฮัทรู้สึกยังไงกับผม และผมเองถ้าไม่มีแกงส้ม หรือไม่ได้รู้จักแกงส้มมาก่อนก็คง........กับฮัทแน่นอน แกงส้มจึงถือเป็นบุคคลอันตรายสำหรับฮัทเลยก็ได้ นั้นทำให้ผมสงสัยว่า แล้วยังอยากจะเจออีกหรอ
“ไม่แน่หรอก ฮัทอาจจะเคยยิ่งกว่าเจอแล้วก็ได้” เสียงเบาๆติดจะเหมือนพูดคนเดียวยิ่งทำให้ผมฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจับใจความได้ อืม...ยิ่งกว่าเจอ อืม....เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน นี่ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่า ทำไมรูปคำมันฟังแล้วให้ความรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้
“หืม?? ฮัทว่าไงนะ พูดอีกทีซิ พี่ได้ยินไม่ชัด” ผมขยับตัวนิดนึงเพื่อหันมองเห็นหน้าฮัทได้ เด็กตี๋เหลือบสายตาขึ้นมามองหน้าผมแบบงงๆแล้วก็ชบลงกับไหล่ผมต่อ เห็นสายตางงๆแบบนั้นแล้ว สงสัย ผมคงจะหูฟาดไปเอง
ผมเลือกที่จะออกจากบรรยากาศขมุกขมัวด้วยการเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มสั่งเค้กสั่งขนม ทั้งที่กินกับฮัทที่นี่ แล้วก็ห่อกลับบ้าน ก็คิดว่าจะเอาไปฝากแกงส้มนั้นแหละ ขานั้นชอบกินอยู่แล้วแหละ ถึงจะบ่นว่าอ้วนขึ้นแต่ก็เห็นซัดหมดทุกที
เวลาผ่านไปสักชั่วโมงได้ ที่บ้านฮัทก็มารับ ผมซื้อขนมใส่กล่องให้ฮัทเอากลับบ้าน แล้วก็เอาไปฝากมี๊ของฮัทด้วย ผมชอบมี๊ของฮัทนะ ท่านเป็นคนใจดีและให้ความเอ็นดูผมมาก ถ้าเกิดผมรักชอบกับฮัทจริงๆ ก็คงไม่ยากนักสำหรับการผ่านด่านผู้ใหญ่ แต่ก็นะ....ใจผมดันเลือกอีกคนไปแล้วเนี่ยซิ
“กลับถึงบ้านแล้วก็กินเลยล่ะ” ผมเตือนอีกฝ่ายให้กินเค้กผลไม้เมื่อกลับถึงบ้าน เพราะรู้ว่าเจ้าเด็กตี๋ขี้ลืม ถ้าไม่ย้ำบ่อยๆกลับถึงบ้านคงทำนู้นทำนี่จนลืมกินแน่ๆ ...เจ้าเด็กตี๋เกาะขอบกระจกรถที่ลดลงมาจนเกือบสุดมองหน้าผมวิบวับ...สายตาวิบวับแบบนี้ผมชอบนะ แต่ ผมว่ามันเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่
“ถ้าคิดว่าผมจะยอมแพ้ พี่ฮั่นคิดผิดนะ” ผมว่าผมเห็นหูกับหางปีศาจแบบในการ์ตูนโผล่ออกมาจากตัวเจ้าเด็กตี๋คนนี้นะ ก็ว่าแล้วว่าทำไมหูตากลับมาเชิญชวนเหมือนเดิม ยอมรับว่าอึ้งครับ ได้แต่มองตามรถของฮัทที่แล่นออกไป ตอบโต้อะไรไม่ได้และก็ไม่ทัน สมองผมยังประมวลตรรกะของเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยจะทัน เออเว้ย...มันเปลี่ยนอารมณ์กันเร็วจริงๆ
.......................
............................................
ผมกดโทรศัพท์หาเจ้าของบ้านที่ผมกำลังเดินไปถึง น่าแปลกที่ไม่มีใครรับสาย จะว่าแกงส้มนอนแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้ จะว่าอาบน้ำอยู่ก็คงไม่ใช่ เพราะผมออกมาตั้งเกือบสองชั่วโมงแล้ว เอ๊ะ ทำอะไรของเขานะทำไมไม่รับสาย
มือผมที่กำลังกดสายโทรออกอีกครั้งต้องชะงักค้างลง คงไม่ต้องโทรแล้วล่ะเพราะคนที่ผมกำลังโทรหา นั่งรอผมอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้านซะเต็มตาขนาดนี้ ...ก็เพราะแกงส้มเป็นคนตรงๆ ทำอะไรพูดอะไรก็ตามความรู้สึกตัวเองออกมาตรงๆแบบนี้นิแหละ ใจผมถึงมีแต่ผู้ชายคนนี้กระโดดโลดเต้นไปมา
“อ้าว นึกว่าจะไปนานกว่านี้ซะอีก” คำพูดเหมือนประชดแต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ แกงส้มแค่ถามขึ้นมาตามที่คิดจริงๆ เด็กห้าวรีบเดินมาเปิดประตูให้ผมเข้าบ้าน
“ถ้าคิดว่าพี่จะไปนาน แล้วเราจะออกมานั่งรอทำไม” ผมยื่นกล่องขนมกับกล่องเค้กให้ขณะเดินเข้าบ้าน เป็นไปตามคาด เด็กก็คือเด็ก รีบเปิดดูใหญ่เลย มีการเอานิ้วจิ้มๆแตะๆขึ้นมาชิมด้วยนะ ผมเลยต้องตีมือแกงส้มไปเบาๆเป็นการเตือน
“แล้วคนที่ชื่อฮัทเขาเป็นไรหรอ ถึงต้องให้พี่ไปหาอ่ะ” นั้นไง เด็กสมัยนี้มันช่างซักช่างถามกันดีจริงๆ นี่ขนาดเจ้าตัวเดินถือกล่องเค้กเข้าไปในครัวแล้วยังไม่วาย ส่งเสียงออกมาถาม
“พอดีเขาไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนอ่ะ พี่เลยไปอยู่เป็นเพื่อนมาแป๊ปนึง” ผมพูดความจริงนะ ไม่มีส่วนไหนในคำพูดผมไม่จริงเลย บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดให้ประโยคมากนักก็ได้ คำขยาย คำเชื่อมอะไรต่างๆไม่จำเป็นต้องมี
“แล้วถ้าผมอยากให้พี่ฮั่น.... อยู่เป็นเพื่อนได้แค่ผมคนเดียว แค่กับผมคนเดียว พี่ฮั่นจะว่าไง” ผมรู้ละว่าทำไมเจ้าตัวถึงเข้าไปอยู่ในครัวแล้วใช้ตะโกนถามเอา เพราะอยากถามประโยคนี้ แต่คงไม่กล้าถามต่อหน้าผมตรงๆ ผมรู้ว่าที่แกงส้มถามมา มันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเลยที่คนสองคนคบกันจะทำให้ แต่ว่า ถ้าผมรับปาก แล้ว ฮัทจะอยู่ยังไงเวลาไม่มีใคร ....ทำไมพระเจ้าชอบสร้างคำถาม และป้อนตัวเลือกยากๆมาให้ผมอยู่เรื่อยเลยนะ............................................
........................................................
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะถูกต้องมั๊ย
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะทำร้ายใครมั๊ย
ถ้าผมเลือกคุณ...มันจะ...ใช่ความรักมั๊ย
........................................................
สปอย Choose 4/5
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึก ไม่ใช่ว่าผมจับอาการไม่ได้ ผมแค่ไม่อยากทำอะไรกระโตกกระตาก ผมยังอยากรักษาภาพลักษณ์คนดีไว้ แต่ถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ผมก็พร้อมแปลงร่างเปลี่ยนอารมณ์ได้เสมอ
“ถ้าจะโทรมาหาพี่ฮั่น เขาไม่ว่างรับสายนายแล้ว” ไม่จำเป็นต้องมีเกริ่นนำ ไม่ต้องเจรจาให้มากความ คนสมัยนี้เข้าใจกันง่าย และผมมั่นใจว่าปลายสายต้องเข้าใจสิ่งที่ผมพูดได้ชัดเจนในทุกคำทุกความหมาย
“อ้อ ไม่จำเป็นต้องรับสาย แค่จะโทรมาบอกพี่เขาว่า...พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” แล้วก็กดวางสายไปซะงั้น... โอเค...ได้เลย ถ้าจะมาไม้นี้ พูดแล้วไม่ฟังยังท้ารบกลับ งานนี้คงต้องลงทั้งมือทั้งเท้าทั้งตัวซะแล้ว
โปรดติดตามนะคะทุกท่านนนนนนนนนนนนน ก็จะลงประมาณนี้อ่ะคะ ไม่คืนวันอาทิตย์ก็คืนวันจันทร์ค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ @nansuku ฟอลกันมาได้ค่ะ
ความคิดเห็น