คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling 3/5
Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง
ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด
ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ
......
อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด
......
Fic TonJames ตอนพิเศษ The Gambling 2/5
Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน
เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
คุณเคยเล่นพนันมั๊ย
ผมว่าทุกคนคงเคย
ถ้าผมอยากล้มวงพนันล่ะ
คุณว่าผมควรทำยังไง!!!
..........................................................
ช่วงหัวค่ำของทุกวันผมมักจะนั่งเล่นคอมฯบ้างเล่นเกมส์บ้างตามภาษาวัยรุ่น เช่นเดียวกับคืนนี้ ผมกำลังเล่นเกมส์อย่างเมามันส์ กะไว้ว่าคืนนี้จะต้องอัพเลเวลให้ได้ซะ 3 ระดับเพราะตอนนี้เหล่าผองเพื่อนของผมกำลังไล่เลเวลตามมาติดๆ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้ผมต้องวางมือจากคีย์บอร์ด ชื่อที่ขึ้นบนจอโทรศัพท์มือถือทำให้ผมคิดถึงตอนที่เราสลับกันตั้งชื่อสายเรียกเข้าในโทรศัพท์ขึ้นมา
เราสลับโทรศัพท์มือถือกันและต่างฝ่ายต่างกดบันทึกชื่อและเบอร์ของตัวเองลงไป ผมตั้งชื่อตัวเองไว้ในโทรศัพท์ของคนน่ารักว่า ...My knight.... ถ้าถามว่าคิดนานมั๊ย คงต้องตอบว่า ไม่ได้คิด เพราะถ้าคิดผมคงไม่กล้าตั้งแบบนั้นลงไปแน่ ตอนนั้นใช้อินเนอร์ส่วนตัวล้วนๆ แล้วชื่อที่คนน่ารักตั้งให้ตัวเองในโทรศัพท์ผมก็ไม่เบาเหมือนกันล่ะนะ... My lord...แน่นอนมั๊ยล่ะให้มันรู้กันไปเลยว่าใครต้องยอมใคร
ผมกดรับโทรศัพท์พร้อมคำทักทายกวนๆตามประสาผม “สวัสดีครับสุดสวย” แน่นอนว่า My lord ของผมไม่ปลื้มคำทักทายนี้แน่ๆ
“เจมส์!!!” กระชากเสียงใส่ซะขนาดนี้ ถ้าขว้างอะไรใส่ผมผ่านโทรศัพท์มาได้คนตัวเล็กคงจะทำแล้วล่ะ
“ขอโทษคร๊าบบบบ เสียงรอบๆดังขนาดนี้จะออกไปเที่ยวล่ะซิ” เป็นปกติที่คนตัวเล็กจะออกไปเที่ยวยามค่ำคืนกับเพื่อนๆเพราะนอกจากจะเป็นเดือนคณะแล้ว เจ้าตัวยังอยู่ในชมรมดนตรีของมหา’ลัยด้วย สังคมเพื่อนฝูงจึงค่อนข้างกว้าง แต่ก่อนเวลาคนตัวเล็กจะไปเที่ยวและก่อนจะกลับบ้านจะโทรบอกผมก่อนเสมอ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ห้ามหรือขัดอะไรเพราะยังไงก็โตๆกันแล้ว
“อืม...นี่ก็ ใกล้จะไปแล้วแหละ” เสียงเนื่อยๆที่ส่งผ่านมาช่างไม่เข้ากับคนที่กำลังเตรียมตัวจะไปเที่ยวเลย
“ไม่อยากไปหรอ” ผมเดาว่าคนตาโตคงคิดแบบนี้
“อืม... มีคนไม่รู้จักไปด้วยเยอะมากเลยอ่ะ ปีหนึ่งถึงปีสี่ไปกันหมดเลย” ผมเข้าใจคนตัวเล็กดี ถึงแม้จะดูมนุษย์สัมพันธ์ดีแต่บางเวลาก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน ยิ่งไอ้เรื่องเที่ยวกลางคืนแบบนี้คงสะดวกใจกว่าถ้ามีแต่เพื่อนๆ
“แต่ก็ต้องไปใช่มั๊ยล่ะ” คนตัวเล็กคงจะตกปากรับคำเพื่อนไปแล้วแน่ๆถึงได้มาบ่นแบบนี้
“อืม...เซ็งว่ะ...เจมส์ง่า” เจ้าตัวเริ่มงอแงใส่ผมเบาๆ เขาจะเป็นแบบนี้เสมอเวลามีไรไม่ได้ดั่งใจ ถ้าผมอยู่ใกล้ๆก็จะลูบๆหัว ตบๆไหล่เป็นการปลอบใจ
“ไปเหอะ อาจจะหนุกก็ได้นะ” ผมพยายามทำให้คนตัวเล็กคิดในแง่ดี แต่ดูเจ้าตัวคงจะนอยด์ไปแล้วเพราะยังคงงอแงใสผมอยู่ดี
“เอางี้ ... ถ้ามันน่าเบื่อมากล่ะก็...โทรหาผมซิ” เพื่อให้คนน่ารักหายงอแง ผมถึงขนาดยอมเอาตัวเข้าแลกเลยนะเนี่ย
“โทรแล้วจะได้อะไรอ่ะ!!!” ยังคงเหวี่ยงใส่ผมเบาๆ ให้ตายเหอะผมไม่ถนัดรับมืออารมณ์อย่างงี้ของคนตัวเล็กซะเท่าไหร่เลย
“เอาเหอะน่าๆ โทรมาล่ะกัน รับรองพี่ต้นของผมหายเบื่อแน่” ถ้าถามว่าผมคิดจะทำอะไรให้คนตัวเล็กหายเบื่อน่ะหรอ ผมขอบอกเลยว่า ยังไม่ได้คิด แต่พอผมรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะไปแบบนั้นดูท่าทางคนตัวเล็กจะดีขึ้น เสียงสดใสเริ่มจะกลับมานิดหน่อย
“งั้นพี่ไปก่อนนะ แล้วจะโทรหา My knight” คนตัวเล็กใช้สรรพนามตามที่ผมตั้งไว้ในโทรศัพท์เขา
“ขอให้สนุกนะ My lord” ผมวางสายโทรศัพท์ไป ในใจเป็นห่วงคนตัวเล็ก หวังว่าคงไม่ไปเหวี่ยงใส่ใครจนเป็นเรื่องเข้าล่ะ
...
...
ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ในมือถืออยู่บนราวเหล็กที่เป็นแผงกั้นรถเข้า-ออก เวลาในมือถือบอกผมว่าตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เสียงอึกทึกคึกโครมรอบข้างไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมในการเล่นเกมส์ แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาดูจะแปลกใจกันมากที่ผมมานั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าผับแทนที่จะเข้าไปกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างใน จะบอกว่าอายุไม่ถึงก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะถ้าจะเข้าจริงๆยังไงก็เข้าได้ แต่ที่ผมไม่เข้าไปเพราะผมไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาเที่ยว ผมมาเพราะอย่างอื่นตาหาก
หน้าจอสายเรียกเข้าปรากฎขึ้นแทนหน้าจอเกมส์ ...My lord...
“หนุกมั๊ยครับ” ผมทักไป แต่ไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบสนุกสนานกลับมา
“ไม่!!!” ผมว่าแล้ว ก็เจ้าตัวตั้งแง่ว่าจะไม่สนุกตั้งแต่แรกแล้วมันจะไปสนุกได้ไงล่ะ
“ไหนว่าถ้าเบื่อให้โทรหาไง” คนตัวเล็กเริ่มเหวี่ยงแหรามมาหาผมแล้ว
“อยากหายเบื่อก็เดินออกมาหน้าร้านซิ” คนตัวเล็กออกจะงงๆที่ผมบอกให้ออกมาหน้าร้าน แต่พอผมคะยั้นคะยอมากเข้าก็ยอมที่จะเดินออกมา
ผมเห็นคนตาโตเดินเหวี่ยงๆออกมาจากหน้าร้าน “ออกมาแล้ว...แล้วไงต่อ” ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้นเพราะพี่ต้นเห็นผมเข้าพอดี ก็จะไม่เห็นได้ไงในเมื่อผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่านั่งอยู่บนราวเหล็กหน้าร้านพอดิบพอดี
พี่ต้นเดินมาหาผม สายตาบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังตกใจมากๆ อย่าว่าแต่พี่เขาตกใจเลย ผมเองก็ยังตกใจตัวเองเหมือนกัน แต่จะให้นอนอยู่บ้านเฉยๆมันก็ทำไม่ได้ ผมคงจะ เป็นห่วง คนตัวเล็กคนนี้มากจริงๆ
“หายเบื่อยัง?” ผมส่งยิ้มตาหยีตามแบบฉบับของผมให้คนตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนๆหนึ่งทีหวังว่าจะช่วยให้หายตกใจได้บ้าง คนตัวเล็กตีมือผมที่ไปหยิกแก้มเขา แล้วหัวเราะขำๆออกมา
“ถ้าบอกว่ายังไม่หายล่ะ” เขาไม่ได้พูดเปล่าๆยังทำท่ายักคิ้วหลิวตาให้ผมอีกตาหาก นี่ถ้าเป็นคนอื่นทำ ได้โดนผมกระโดดเตะแน่ แต่นี่เห็นว่าน่ารักหรอกนะถึงยอมให้ ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของคนน่ารักคราวนี้ไม่หยิกเฉยๆสะบัดไปมาด้วย
“ถ้ายังไม่หายเบื่ออีกผมจะหยิกพี่ทั้งตัวล่ะนะ” ผมขู่แล้วทำท่าเดินเข้าไปหาแบบโรคจิตๆ คนตัวเล็กยันฝามือใส่หน้าผมพร้อมกับหัวเราะคิกคักชอบใจ
“ดีขึ้นแล้วนะ...กลับเข้าไปดีมั๊ย เดี๋ยวเพื่อนๆหาไม่เจอ” ผมเห็นว่าตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเผื่อคนตัวเล็กจะได้สนุกกับเพื่อนๆต่อ แต่คนตรงหน้าผมดูเหมือนจะไม่อยากกลับเข้าไปเท่าไหร่ แววตาที่แสดงออกมาผมสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ต้องมีอะไรเกิดขึ้นในนั้นแน่ๆ
ผมคว้าข้อมือเล็กและออกเดินไปตามทางเท้าซึ่งเจ้าของมือก็ยอมเดินตามผมมาโดยไม่ได้ถามอะไร “ผมหิวอ่ะ หาไรกินกัน” ผมพาคนตัวเล็กเดินเข้าเซเว่นหยิบมาม่ามาสองกระป๋อง จัดการกดน้ำใส่เครื่องปรุงให้เรียบร้อย และไม่ลืมที่จะจ่ายตังค์ให้ด้วย แล้วเราสองคนก็นั่งกินมาม่ากันตรงทางเท้าหน้าเซเว่นมันนั่นแหละ
“อยากบอกผมมั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น” ผมถามขึ้นเมื่อเรากินมาม่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมอยากรู้จริงๆนะว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แววตาของคนตัวเล็กผิดปกติได้ขนาดนั้น
คนตัวเล็กสั่นหัวไปมาเบาๆ ผมจึงเลือกที่จะไม่ได้ถามหรือคาดคั้นอะไรต่อ คนเราอยู่ด้วยกันต้องรู้จักการถอยบ้าง การเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวบ้างครั้งอาจไปเหยียบโดนจิตใจของอีกคนโดยที่เราไม่ตั้งใจได้
ผมจับหัวคนตัวเล็กให้มาพักอยู่ที่ไหล่ของผม หวังว่าเขาจะรับรู้ถึงความเป็นห่วงที่ผมมีให้ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมแคร์ความรู้สึกและจิตใจของพี่ต้นมาก เวลากว่าสองเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับคนๆนี้
.............
........
....
หลายๆคนชื่นชอบวันหยุดยาว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบวันหยุดยาวเหมือนกัน ซึ่งอันที่จริงสำหรับผมในเวลานี้จะเรียกว่าเป็นวันหยุดยาวก็ไม่เชิง แต่ให้บังเอิญว่าเสาร์ อาทิตย์ผมไม่มีเรียนและวันจันทร์อาจารย์งดคลาสเพราะไปต่างประเทศ เลยเป็นว่าผมได้หยุด เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ติดกันสามวัน
ผมถือโอกาสชวนพี่ต้นไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน เราต่างก็อยากลองไปเที่ยวไหนไกลๆด้วยกันซะที เราเลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยวชะอำแล้วค้างคืนกันซะคืนสองคืน บางทีการไปเที่ยวครั้งนี้อาจทำให้เรากล้าคิดกล้าทำอะไรมากขึ้น ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นเรื่องดีกับเราทั้งคู่
ผมอาสาเป็นคนขับรถให้คนตัวเล็กซึ่งดูจะชอบใจเป็นพิเศษกับการมาเที่ยวครั้งนี้ แววตาวาววับไปด้วยความสุขแบบนั้นเป็นอะไรที่ผมชอบมาก
เรามาถึงโรมแรมที่พักตอนเกือบเที่ยง คนตัวเล็กให้ผมเช็คอินเข้าโรงแรมก่อนเพื่อที่จะได้เก็บกระเป๋าและให้ผมพักผ่อนบ้างเพราะขับรถมาหลายชั่วโมง
เมื่อเราเข้าสู่ห้องพักผมเลือกที่จะทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดใหญ่กลางห้องเป็นอันดับแรก การขับรถนานๆก็ทำให้ปวดหลังได้เหมือนกันนะเนี่ย ส่วนคนตัวเล็กกำลังรื้อเสื้อผ้าข้าวของทั้งของตัวเองและของผมใส่ตู้ มากันแค่สองสามวันแต่สัมภาระของคนตาโตดูจะมากกว่าผมเท่าตัวได้
ผมนอนมองคนตัวเล็กจัดข้าวจัดของ หมุนซ้ายหมุนขวาไปมา ยอมรับเลยว่า เพลินตาจริงๆ เจ้าตัวคงจะรู้สึกได้ว่าถูกมองนานแล้วจึงส่งสายตาตั้งคำถามมาหาผม
“เฮ้อออออ ปวดหลังจังเลย จะมีคนน่ารักใจดีคนไหนนวดให้มั๊ยนะ” ผมพูดขึ้นลอยๆแต่ตามองเจาะจงที่คนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลา
“พอดีเป็นคนน่ารักแต่ใจร้าย” คนตาโตพูดจบก็ยักไหล่ประมาณว่าช่วยไม่ได้ ในสายตาผม ผมว่ามันน่าหมั่นเขี้ยวมาก น่าจะจับมาฟัดซักทีสองที
ผมขยับพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงหวังว่าจะบรรเทาอาการปวดเมื่อยลงได้ การยุบตัวของเตียงอีกฝั่งทำให้ผมต้องหันไปมอง เป็นคนตัวเล็กที่ขึ้นมาบนเตียงและกำลังกระเถิบตัวมาหาผม ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองตามว่าเขาจะทำอะไร
สองมือเล็กค่อยๆนวดลงบนแผ่นหลังของผม ดูก็รู้ว่านวดไม่ค่อยเป็นแต่ก็พยายามที่จะนวดให้เต็มที่ ผมหันไปยิ้มให้คนน่ารักที่กำลังนวดหลังให้ผมอยู่ แต่ก็โดนดันหน้ากลับไปพร้อมกับเสียงเหวี่ยงๆว่าให้ผมนอนดีๆ บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ
“โทรสั่งข้าวขึ้นมากินมั๊ย เที่ยงแล้วนะ” ผมถามคนตัวเล็กที่ยังตั้งอกตั้งใจนวดหลังให้อยู่
“กินบนนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยไปกินข้างล่าง” เมื่อเห็นพร้อมต้องกันผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของโรงแรมที่โต๊ะข้างหัวนอน แต่มันตั้งอยู่ไกลเกินความยาวแขนของผมจะเอื้อมถึง ผมพยายามเอื้อมไปหาอยู่ซักพัก คนตัวเล็กคงรำคาญเลยจัดการปีนคร่อมตัวผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาให้แทน
จังหวะที่เขาหันกลับมาหาผมก็ให้บังเอิญว่าหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กัน ต้องเรียกว่าใกล้มากที่สุดเท่าที่เราเคยอยู่ด้วยกันมา ผมมองเห็นตาคู่สวยส่งผ่านความรู้สึกมากมายมายังผม ไม่จำเป็นต้องแปลความอะไรมากมายเพราะผมสัมผัสได้ถึงคำว่า รัก ผ่านดวงตาคู่นั้น
ผมพลิกตัวขึ้นและดึงให้คนตัวเล็กลงมานอนข้างๆ คนที่นอนอยู่ข้างๆผมตอนนี้น่ารักจริงๆนะ ผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าในชีวิตจะต้องมารู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอยากจะดูแล อยากจะอยู่ข้างๆใครสักคนอย่างนี้มาก่อน
“พี่ต้น ...เจมส์รักพี่ต้น...เราเป็นแฟนกันนะ” ผมมั่นใจในหัวใจและความรู้สึกของตัวเอง ทุกอย่างชัดเจนมากจนผมเก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“........................ นึกว่าจะไม่พูดคำนี้ซะแล้ว” พี่ต้นคงดีใจมาก รอยยิ้มและแววตาของความสุขฉายชัด หน้าตาของคนตรงหน้าผมตอนมีความสุขช่างน่าหลงไหล ยิ่งนอนมองใกล้ๆแบบนี้ยิ่งทำให้ร่างกายผมปั่นปวนไปหมด
“แต่ก่อนที่พี่จะตอบตกลง ผมอยากเล่าอะไรให้พี่ฟังก่อน” คนสองคนถ้าคิดจะรักกันสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ควรมีความลับต่อกัน
“ถ้าผมเล่าจบ พี่ค่อยตัดสินใจ ว่าจะเป็นแฟนกับผมมั๊ย” ผมไม่ชอบหนีปัญหาและพร้อมจะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะตามมา ผมไม่ได้เก่งกาจอะไร ไม่ได้คิดว่าตัวเองแน่ แต่ที่ผมตัดสินใจจะพูดทุกอย่าง เพราะ ผมรักพี่ต้นมากจริงๆ
..........................................................
คุณเคยเล่นพนันมั๊ย
ผมว่าทุกคนคงเคย
ถ้าผมอยากล้มวงพนันล่ะ
คุณว่าผมควรทำยังไง!!!
..........................................................
กาน้ำเอามาลงก่อนวันอาทิตย์ เพราะฉนั้น คอมเม้นให้กาน้ำกันหน่อยนะคะ จุ๊บๆๆๆๆ
ความคิดเห็น