ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ficแก้บน TonJames: To love and be loved is everything!!

    ลำดับตอนที่ #14 : Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious5/5

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 54


    แต่งไปแต่งมาเลือดไม่ค่อยจะสาดเท่าไหร่ต้องขออภัยด้วย

    กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มอบให้นะคะ

    บางครั้งกาน้ำก็แอบมีจิตตกบ้างไรบ้างเป็นธรรมดาของผู้หญิง ฮาฮาฮาฮา

     

    Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง

    ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด

    ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ

    ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ

    ......

    อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด

    ......


    Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious 5/5

    Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน

    เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ

     

    คุณคิดว่าตัวเองร้ายกาจมั๊ย

    คุณแน่ใจว่าตัวเองร้ายกาจรึเปล่า

    ถึงผมจะชอบทำตัวร้ายกาจ

    แต่ผมอาจจะไม่ใช่คนร้ายกาจอย่างที่คิด

    …………………………………….

    เสียงผู้คนมากมายรอบข้างไม่ได้ทำให้ผมเบนความสนใจไปจากบางสิ่งบางอย่างในสนามบาสได้ ถึงจะไม่มีแข่งแต่เหล่ารุ่นน้องนักบาสและรุ่นพี่ผู้ดูแลก็ยังต้องมาซ้อมเพื่อเตรียมแข่งขันในนัดต่อๆไป ผมคงจะนั่งดูการซ้อมอย่างสบายใจถ้าไม่ติดว่า...ชะนีน้อยทั้งหลายรุมล้อมคนของผมอยู่ได้ ดูแล้วขวางหูขวางตาชะมัด

    ถึงเจมส์จะไม่ใช่คนหล่อจัด แต่ก็ไม่ใช่คนขี้เหล่ ส่วนสูงกว่า185 ตัวขาวหน้าตี๋ เป็นคุณสมบัติที่เรียกให้คนหันมามองได้เป็นอย่างดี แล้วนี่ยังไม่นับการเป็นนักกีฬาบาสอีก เลยไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาซ้อมแบบนี้ถึงได้มีสาวน้อยหนุ่มน้อยมายืนกรี๊ดกันข้างสนาม จริงๆแล้วถ้าแค่กรี๊ดกร๊าดริมสนามผมก็จะไม่อะไรหรอกนะ แต่นี่ถึงกับลงไปส่งน้ำส่งท่าส่งผ้าเช็ดหน้าให้ แหม มันก็มีเดือดในใจขึ้นมาเบาๆ

    ถ้าจะจิกตามองขนาดนั้น ..............ลงไปตบเลยดีกว่ามั๊ง” เสียงแซวนิ่งๆดังมาจากคนที่นั่งข้างๆผม วันนี้ผมกับคชามานั่งดูซ้อมบาสด้วยกัน

    “ก็น่าสนใจ แต่เราว่าฆ่าทิ้งให้หมดเลยดีกว่า” ยิ่งมองยิ่งหน้าหมั่นไส้ ถึงคนของผมจะไม่ได้ระรี้ระริกอะไรกับคนพวกนั้นแค่ยืนยิ้มเฉยๆ แต่ความรู้สึกอยากฆ่าคนของผมกลับค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    “อย่าทำตัวร้ายกาจ” ยังคงแซวอย่างต่อเนื่อง ร้ายกาจหรอ ผมว่าผมไม่ใช่คนร้ายกาจซะหน่อย ผมไม่เคยทำร้ายใครก่อนนะ นอกจากจะจำเป็นจริงๆ

    “อย่างกะตัวเองไม่ร้ายกาจ” ทำเป็นมาว่าคนอื่นเขา เพื่อนผมคนนี้ก็ไม่เบาเหมือนกันหรอกน่า บางทีอาจจะแรงกว่าผมด้วยซ้ำ

    “นี่...คชา จะไม่ทำไรซักหน่อยหรอ ทางเต๋าก็ไม่เบานะ” ผมพยักเพยิดไปทางด้านซ้ายของพวกเราที่ตอนนี้เต๋ากำลังโดนรุมล้อมด้วยสาวเล็กสาวใหญ่จำนวนไม่น้อย

    “ก็จะให้ทำไรล่ะ” ทำเสียงเหมือนไม่สนใจแต่ยังมองไม่วางตาเลยนะถึงภายนอกจะดูแตกต่างแต่เพื่อนผมก็ประเภทเดียวกับผมเนี่ยแหละไม่งั้นคบกันไม่ได้นานขนาดนี้หรอก

    “ลงไปตบเลยดิ” ถึงจะแนะนำไปแบบนั้นแต่ก็มั่นใจว่าเพื่อนผมไม่ลงทุนเอาตัวเข้าไปแลกแบบนั้นแน่ๆ เห็นเป็นคนสบายๆแบบนี้แต่คชาก็ไว้ตัวพอสมควรนะ

    “ไม่เอา เจ็บมือ” นั่นไงอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดเพื่อนผมไม่ใช่พวกชอบทำตัวเด่น เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนั้นนะ แต่พอเวลาผ่านไปหลายๆอย่างทำให้ผมตัดสินใจว่าบางครั้งบางทีก็ควรทำตัวเด่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

    “ก็ทำไรที่ไม่ต้องเจ็บมือซิ แค่นี้ก็คิดไม่ได้ แรมต่ำ!! ก็แค่อยากให้เพื่อออกแรงบ้างไรบ้าง อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเต๋าคชาจะได้ดีขึ้น ถ้าคชาทำเหมือนหวงเต๋าบ้าง

    “แหม คนแรมสูง ไหนทำดิ ทำดิ” ทำมาเป็นท้าทาย อยากได้ตัวอย่างเดี๋ยวจัดให้ก็ได้ เรื่องแค่นี้เอง

    วันนี้สร้างกระแสบ้างไรบ้างก็น่าจะดี ผมจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เข้าที่และลุกขึ้นยืน สายตาเล็งไปที่เป้าหมายทันที ผมยกมือป้องปากและตะโกนออกไปทางเด็กน้อยของผม

    “เจมส์!! ...รักเจมส์นะ” แน่นอนว่าการบอกรักแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงมาก่อนของผม เรียกความสนใจได้กับแทบจะทุกคนในสนามบาส รวมทั้งเด็กน้อยของผมด้วยที่ตอนนี้ยืนยิ้มแป้นแล้นหันมาทางผม ยิ้มแบบนั้นจะมองเห็นหน้าพี่มั๊ย ตาปิดหมดแล้วเจมส์เอ๊ย

    “ผมก็รักพี่ต้นคร๊าบบบบบบบบบบบบบ” เด็กน้อยของผมตะโกนเสียงลากยาวตอบกลับมา เรียกเสียงฮือฮาได้ยิ่งกว่าที่ผมตะโกนไปตอนแรกซะอีก ที่สำคัญที่สุดคือหญิงน้อยชายน้อยทั้งหลายค่อยๆเดินถอยหลังออกกันทีละก้าวสองก้าว บางคนถึงกับส่งเสียงอุทานอย่างเสียดายออกมาด้วย เออ...พี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะน้องๆทั้งหลาย แต่ผู้ชายคนนี้น่ะ ของพี่จ๊ะ...

    ผมยักคิ้วให้คชาเป็นการบอกว่างานผมสำเร็จแล้ว เพื่อนผมส่ายหัวสองสามทีให้กับผลงานผม

    “อยากเด่นมากป่ะ” คชาแซวไปขำไป คงไม่คิดว่าผมจะกล้าใช้วิธีนี้ หลายอย่างในอดีตสอนผมให้รู้ว่าไม่ว่าด้วยวิธีการไหน ผมก็จะทเพื่อรักษาคนของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ก็อย่างว่าแหละนะ ของแบบนี้ด้าน ได้ อาย อดนะจ๊ะ ถึงจะเสียงดังไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ไปหักหน้าใครแรงๆ ทำแบบนี้ดีกว่าเดินไปฉีกหน้าน้องพวกนั้นใกล้ๆนะ

    “ที่สุด!!...ตาคชาแล้ว” ผมโชว์ให้ดูแล้วถึงทีคชาต้องทำบ้างแล้วล่ะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคชาจะไล่สาวน้อยสาวใหญ่ออกจากเต๋าได้ยังไง

    คชายกมือถือขึ้นมากดโทรออก เขาเสียบหูฟังแบบสองข้างกับโทรศัพท์แล้วส่งให้ผมข้างนึง อีกข้างนึงคชาใส่ไว้ที่หูตัวเอง เสียงโทรออกดังขึ้นสักพัก คนปลายสายก็รับโดยไม่ต้องให้รอนาน

    “จ๋า” ผมอดแปลกใจคำทักทายแสนเรียบร้อยของเต๋าไม่ได้ เพราะมันบอกถึงสถานะการยอมการตามได้เป็นอย่างดี คิดว่าคนอย่างเต๋าจะไม่ยอมใครซะอีก

    “เต๋า......คชาถามไรหน่อยซิ” แหวะ เพื่อนผมนี่บางทีก็มารยาเหมือนกันนะ ทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวาน รู้เลยว่ากำลังล่อหลอกฝ่ายตรงข้ามอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

    “เต๋ารักคชามั๊ย” ถึงจะถามเรียบๆแต่น้ำเสียงนุ่มหวานขนาดนั้น ผมอยากจะถามสวนกลับคชาจริงๆว่าเต๋ามันจะกล้าตอบอย่างอื่นมั๊ย มันเป็นคำถามบังคับตอบชัดๆ ผมยังไม่ถามเด็กน้อยของผมแบบนั้นเลย ผมแค่บอกรักเขาเฉยๆเ แล้วเขาดันบอกรักผมกลับมาเองนิหน่า

    “รักซิครับ เต๋ารักคชาที่สุดเลย” ถึงจะตอบกลับเสียงธรรมดามาในโทรศัพท์ แต่เสียงฮือฮาจากสาวๆที่ล้อมรอบเต๋าอยู่ก็ดังสวนขึ้นมาจนผมต้องโยนหูฟังคืนเพื่อนแล้วล้มลงไปขำกับที่นั่งข้างๆ ไม่รู้ว่าขำเพื่อนหรือขำสาวๆพวกนั้นมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ผมขำตัวผมเองเนี่ยแหละ ไม่น่าจะโชว์เหนือกับคชาเลย เพราะรู้ๆกันอยู่แก่ใจว่าคชาน่ะ จริงๆแล้ว ร้ายกาจกว่าผมมาก

    “ขอบคุณครับ ตั้งใจคุมเด็กด้วยล่ะ”  ชิชะ ทำมาเป็นห่วงเป็นใย ทีเมื่อก่อนตอนผมยังไม่คบกับเจมส์ ไม่เคยเลยสักนิดที่คชาจะกล้าเสียงอ่อนเสียงหวานใส่เต๋าให้ผมได้ยินแบบนี้ น่าหมั่นไส้เหมือนกันนะเนี่ยเพื่อนผม

    “ทำมาเป็นอ้อน อ้อนกันบนเตียงทุกคืนยังไม่พอหรือไงจ๊ะ” คชารีบกดวางสายทันทีที่ผมแซวออกไปแบบนั้น เหมือนหวังว่าคนปลายสายจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมแซวไป ท่าทางร้อนรนของเพื่อนทำให้ผมชักจะสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ

    “หรือว่า...ไม่ได้อ้อนกันบนเตียง อั๊ยยะ...hotไม่เบาเลยนะ” ผมแกล้งแซวต่อเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่ผมสงสยมันเป็นจริงรึเปล่า แล้วท่าทางนิ่งๆของคชาแต่หน้าแดงจะถึงหูแบบนั้น ทำให้ผมมั่นใจว่า คชายังไม่ได้รวบหัวรวบหางเต๋าแน่ๆ เอ๊ย!! ไม่ใช่ซิ ต้องเป็นเต๋ารวบหัวรวบหางคชาถึงจะถูก รึเปล่า??

    “โอ้มายก็อด...ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้” ผมอุทานเบาๆก่อนจะกอดอกทำหน้าขึงขังใส่เพื่อนสนิท

    “อะไรไม่น่าเชื่อ” คำถามและท่าทีระแวดระวังภัยของคชาถูกส่งมายังผม คงจะรู้ตัวแล้วล่ะซิว่าจะโดนเล่นงาน วะฮะฮะฮ่า

    “คชา...ต้นเข้าใจนะเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทำไม่เป็นก็ควรจะถามเพื่อนนะ ไม่ใช่ปล่อยไปแบบนี้” แน่นอนว่าผมพูดทีเล่นทีจริง เพราะอยากแซวไอ้เพื่อนหน้านิ่งคนนี้บ้าง นานๆมันจะเปิดโอกาสให้แซวได้ซะที ต้องกระหน่ำซะหน่อย

    “เฮ้ย...ต้น...บ้า พูดไรอ่ะไม่รู้เรื่อง” อ่ะโถ่ ทำเป็นพูดว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องแล้วจะเขินทำไมวะ อย่างงี้ต้องกัดต่อ

    “เอ๊ะ...หรือว่า เต๋ามันเสื่อม... เล่นกีฬามากจนเสื่อมเลยหรอ น่าสงสารๆ” นานๆผมจะเป็นฝ่ายได้จิกกัดเพื่อนคนนี้ซะที ต้องเอาให้ตาย วะฮะฮะฮ่า

    “ไม่รู้เว้ย...ไม่ตอบ..ไม่มีความเห็น...เลิกแซวได้แล้ว” ผมอยากจะหัวเราะเป็นภาษาสเปน ถึงเรื่องแข่งกันไล่ผู้หญิงผมอาจจะแพ้ แต่เรื่องนี้รู้สึกว่าผมจะชนะใสๆ แอบสะใจนิดส์นึง

     ....................

    ......................................

    ..........................................................

    เสียงแดดเลือนหายรอบกายปรับเปลี่ยนสีสัน พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้วในตอนที่พวกเราทั้งสี่คนเดินออกจากโรงยิม หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการซ้อมบาสดูท่าทางหนุ่มๆของเราจะออกอาการหิวโหยมาก ผมกับคชาเลยตกลงกันว่าควรจะพาพ่อนักกีฬาทั้งสองไปหาบุฟเฟต์อร่อยๆกินกัน

    ระหว่างเดินไปลานจอดรถผมรู้สึกถึงรังสีอันตรายบางอย่าง ผมรู้สึกว่ามีอะไรเลวร้ายบางอย่างคืบคลานเข้ามาใกล้ รู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ผมกำลังจะหันไปบอกคชาที่เดินตามมาด้านหลังให้รีบเดินถึงรถเร็วๆเพราะพวกหนุ่มๆที่อาสาไปเอารถให้ เดินห่างเราสองคนไปไกลแล้ว จังหวะนั้นเองผมถึงได้เห็นงานที่กำลังจะเข้าผมเดินตามพวกเรามา...เต้

    ผมกะคำนวณระยะทางที่เต้จะเดินถึงผมกับที่พวกเราจะเดินถึงรถแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เราจะถึงรถก่อน ถ้าอย่างงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเดินหนี เพราะไม่มีประโยชน์อะไรและจะทำให้เจมส์สงสัยซะเปล่าๆ สู้ทักไปก่อนเลยดีกว่า

    “อ้าว...หวัดดีเต้” ผมทักออกไปเหมือนว่าบังเอิญที่ได้เจอกัน เต้รีบเดินมาหาผม ท่าทีไม่เป็นมิตรแสดงออกมาเป็นนัยๆจนคชาต้องมายืนบังๆด้านหน้าผมไว้ ผมรู้สึกได้ว่าเต๋ากับเจมส์ที่เดินนำไปก่อนหน้าหลายช่วงตัวหยุดเดินแล้วคงกำลังหันกลับมามองว่ามีอะไรเกิดขึ้น

    “หวัดดีต้น เต้มีเรื่องอยากคุยด้วย” การเดินเข้ามาประชิดติดตัวพรวดพราดแบบนี้บอกอารมณ์ของคนเดินได้ดีเลยว่า ไม่ได้มาดีแน่ นี่ถ้าไม่มีคชาคั้นไว้ผมว่าผมคงโดนฉุดไปแล้หว

    “หรอ...แล้วมีไรล่ะ” ผมเลือกที่จะเขยิบตัวไปหาเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

    “เต้อยากคุยเรื่องของเรา ตามลำพัง” เขาปรายตามองไปที่คชาเหมือนจะบอกว่าให้หลีกทางไปซะ

    “ต้นว่าเรื่องของเราไม่มีไรต้องคุยนะ แล้วอีกอย่างนี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย” ผมตอบไปแบบที่คิดว่าสั้นๆเข้าใจง่ายที่สุด จริงๆเรื่องของผมกับเต้มันไม่ได้มีอะไรมากมายเลย ผมไม่เคยรับรักเขา เราไม่ได้เป็นแฟนกัน เพียงแค่ผมไม่เคยปฏิเสธเขาตรงๆแค่นั้นเอง

    “เมื่อตอนเย็นเต้อยู่ในโรงยิม เต้เห็นที่ต้นทำ...มันหมายความว่าไง” ถึงแม้คนพูดจะยืนพูดนิ่งๆแต่น้ำเสียงกระชากกับแววตาแข็งกร้าวบอกให้ผมรู้ว่าไม่ค่อบปลอดภัยเท่าไหร่

    “เต้เห็นอะไร มันก็หมายความอย่างที่เต้เห็น เราขอตัวก่อนนะ” ผมว่าการต่อปากต่อคำคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น รีบๆตัดบทให้จบไปยังจะดีกว่าอีก

    “ทำไม!! ไอ้เด็กนั่นมันมีดีตรงไหน เต้มีอะไรสู้มันไม่ได้ห๊ะ!! เต้ผลักคชาออกและดึงแขนผมไว้เหมือนต้องการจะให้ผมไปกับเขา แต่ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ไปกว่านั้น เงาใหญ่ของคนตัวสูงก็ทาบทับมาข้างๆเต้

    “พี่ครับ จะทำอะไรแฟนผม ก็เกรงใจผมบ้างนะครับ” วินาทีนี้ผมทั้งดีใจทั้งเสียใจ บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไงมากกว่ากัน ดีใจที่เขารีบมาปกป้องผมไว้ แต่เสียใจที่เด็กน้อยของผมอาจจะได้รับรู้อีกด้านหนึ่งของชีวิตผม ด้านที่ผมไม่อยากให้เขารับรู้

    “กล้าเนอะ พูดมาได้เต็มปากเต็มคำว่าแฟน” เต้ยอมปล่อยมือจากผมแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนของผมแทน น้ำเสียงยียวนแบบนั้นฟังแล้วผมใจคอไม่ดีเท่าไหร่

    “พี่จะบอกอะไรให้นะน้อง หน้าอย่างงี้พี่ว่าไม่เกินเดือนหรอก น้องโดนเขี่ยลงกระป๋องแน่” นั่นไง เต้นะเต้ มาพูดจาแบบนี้ใส่เด็กของผมได้ไง ถ้ามันเก็บเอาไปคิดจริงๆขึ้นมาจะทำไง โอ๊ย..เครียด ผมไม่กล้าเดาเลยว่าตอนนี้เจมส์คิดอะไรอยู่ แต่พอได้ยินสิ่งที่เจมส์ตอบกลับไปก็ทำเอาที่ผมเครียดๆอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกมา

    “เหมือนพี่อ่ะหรอ” อยากจะกระโดดกอดมันซะตอนนี้เลย วิชาการกวนตีนมันมีประโยชน์อย่างงี้นี่เอง ขนาดเต้ยังผงะไปนิดๆคงไม่คิดว่าจะโดนสวนมาแบบนี้

    “ปากก็หมา หน้าก็หมี ในตัวมีไรดีมั่ง สงสัยจะมีดีแค่เรื่องนั้น ...ใช่เปล่าต้น” อ้าว โยนขี้ใส่ผมแล้วไง นี่คงพยายามหาเรื่องให้เจ้าหมีโกรธผมอยู่แน่ๆ ผมได้แต่มองหน้าเจมส์ทำตาปริบๆ แบบว่า..หนูไม่รู้เรื่องนะช่วยหนูด้วย..

    “ถ้าพี่อยากรู้ว่าดีเปล่า เดี๋ยวผมจัดให้ได้นะ” เฮ้ย!! ไอ้หมี แกพูดอะไรออกไป แล้วยังจะเดินเข้าหาเต้แบบนั้นอีก

    “เอามั๊ยละ เดินถอยหลังทำไม ผมอุส่าห์จะออกแรงพิสูจน์ให้พี่รู้กับตัวเองเลยไง” ใครไม่เดินถอยหลังก็บ้าแล้วละ ถ้าไม่ห่วงว่าต้องวางฟอร์มไว้ ผมว่าเต้วิ่งหนีไปแล้วล่ะ ก็เล่นส่งสายตาหื่นๆออกมาแบบนั้น แล้วไหนยังจะยิ้มมุมปากแบบนั้นอีก ไอ้หมีบ้า...นี่คิดจะจับกดทุกคนที่ทำให้โกธรรึไง

    “ไอ้เด็กทุเรศ สักวันเหอะจะน้ำตาตก ต้นน่ะเขาไม่รักใครจริงหรอก รู้ไว้ซะด้วย” เต้ยอมเดินกลับไปอย่างหัวเสีย แต่คนที่หัวเสียจริงๆคือผมตาหาก หรืออาจจะต้องบอกว่าไม่ใช่หัวเสีย แต่เป็นเสียหัว โอ๊ย..ผมโดนฆ่าแน่ๆ ไอ้เต้ จะไปเงียบๆไม่ได้รึไงต้องมาปาระเบิดทิ้งไว้ด้วย สงสัยผมคงต้องส่งเบียร์ไปสั่งสอนซะละ... ถ้าผมยังเอาชีวิตรอดอยู่นะ

    “เจมส์...” ผมเรียกได้แค่นั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ลูกบาสในมือของเจ้าหมีถูกปาออกจากมือไปกระแทกกับรั้วตาข่ายอย่างแรงจนเกิดเป็นรอยยุบขนาดเท่ากับลูกบาส นี่คงเป็นการระบายอารมณ์ ดูสายตาที่ไอ้หมีนี่จ้องหน้าผม...มันต้องฆ่าผมแน่ๆเลย อ๊ากกก

    “เฮ้ย...เจมส์ ใจเย็น” เต๋าเดินเข้ามาตบๆบ่าไอ้หมีบ้าพลังสองสามทีและดึงๆลากๆให้ออกเดินไปที่ลานจอดรถแทนที่จะยืนจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้น ขอบคุณมากนะเต๋า แต่ถ้าจะให้ดีเต๋าช่วยลากมันกลับไปสงบจิตสงบใจด้วยเลยผมจะขอบคุณมากกว่าเดิมอีก

    ...................................................

    .................................

    ..................

    ผมไม่ใช่คนที่ชอบเสียงอึกทึกครึกโครมเท่าไหร่ ออกจะชอบบรรยากาศเงียบสงบซะมากกว่า แต่การเงียบสงบแบบที่ผมเผชิญอยู่ในตอนนี้มันทำให้ผมอยากกัดลิ้นตัวเองตายแบบในหนังจีนเลยจริงๆ เรากลับมาถึงคอนโดแล้วและแน่นอนว่าตั้งแต่ไปกินข้าวจนกลับมาถึงคอนโด พ่อหมีของผมไม่พูดอะไรเลยซะคำ แถมยังไม่มองหน้าผมอีกตาหาก แต่ก็ยังดีที่ยอมกลับมาคอนโดกับผม ตอนแรกนึกว่าจะหนีกลับบ้านไปซะแล้ว

    “เจมส์...เป็นอะไร...” ผมถามเพราะตั้งแต่เดินเข้าคอนโดมาเจ้าตัวเอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวตรงระเบียง

    “........................” ความเงียบคือสิ่งที่เขาให้ผมกลับมา เขายังคงไม่มองหน้าผมเหมือนเดิม

    “เจมส์.....แกเป็นไร...แกอย่าเงียบดิ” ความเงียบของเขามันทำให้ผมใจไม่ดีเลย จะเวิ่นจะเหวี่ยงอะไรมาผมรับได้หมดนะแต่เงียบแบบนี้แล้วทำให้ผมอยากร้องไห้ขึ้นมาซะเฉยๆ

    ไม่รู้ว่าควรทำไงดีแต่ที่แน่ๆผมคิดว่าไม่ควรอยู่ห่าง ความใกล้ชิดน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดนะ ผมเลือกที่จะเดินไปนั่งลงบนตักของเจ้าหมีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเหยียดขาอยู่และเอนตัวพิงซบไหล่กว้างนั้นไว้ หวังว่ามันคงจะได้ผลบ้าง ซักพักผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆจากคนที่ผมซบอยู่

    “พี่จะทิ้งผมเมื่อไหร่” เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับผม เป็นประโยคที่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดขึ้นมา

    “ทำไมพี่ต้องทิ้งแก” ใช่ ทำไมผมต้องทิ้ง ในเมื่อเขาคือคนที่ผมรักและผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา

    “พี่ก็ทิ้งทุกคนอยู่แล้วไม่ใช่... ผมรู้นะว่าพี่ชอบทำแบบนั้น” ตอนแรกผมกะจะเถียงกลับไป แต่พอเจอประโยคถัดมาพร้อมสายตาแบบรู้ทันของเจ้าหมี ทำเอาผมรู้สึกเหมือนพวกเด็กแอบทำของพังแล้วโดนจับได้ เอาไงดีวะผม ตอนนี้พูดอะไรไปมันต้องไม่เชื่อผมแน่เลย

    “...ฮือ..อึก.......ฮือ...” ไม่ต้องแปลกใจไป นั่นคือเสียงร้องไห้ ผมร้องไห้ จะบอกว่าแกล้งร้องไห้ก็คงไม่ใช่ซะทีเดียวต้องเรียกว่าตั้งใจร้องไห้จะดีกว่า ผมไม่ได้ทำหรือพูดอะไรอีก นอกจากซบอกเจ้าหมีร้องไห้เบาๆไปเรื่อยๆ

    “พี่ต้น...พี่ต้นครับ...พี่อย่าทำแบบนี้ซิ ผมขอโทษ ผมพูดแรงไป ขอโทษครับ” ได้ผล ยังไงซะเขาก็รักผม เขาต้องไม่สบายใจอยู่แล้วถ้าผมร้องไห้ ผมกอดเขาไว้แน่นๆแล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตา

    “อย่าพูดเหมือนพี่ไม่รักแกได้มั๊ย แกทำแบบนี้พี่เจ็บนะ” อยากมอบรางวัลออสก้าให้ตัวเองซะเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าผมไม่จริงใจนะ แต่นาทีนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบแล้วละ

    “ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่เสียใจ ผมแค่...แค่ไม่แน่ใจ ว่าพี่รักผมจริงรึเปล่า” แรงกอดกระชับจากคนตัวสูงทำให้ผมมั่นใจว่าผมสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่งแล้ว

    “งั้น..จะให้ทำไงถึงจะเชื่อล่ะ” ผมขยับตัวเองเข้าหาคนตัวสูงพยายามเบียดชิดให้ลำตัวแนบลำตัว บางอย่างแนบบางอย่าง มือข้างหนึ่งลูบไล้วนเวียนอยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย ปากคลอเคลียไปมาข้างแก้มไม่ห่าง หวังว่าทุกการกระทำจะช่วยจุดไฟในอารมณ์ขุนมัวให้ติดได้ และ........มันได้ผล คนตัวสูงตอบสนองด้วยการจับตัวผมให้นั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา สองมือหนาป่วนเปี้ยนอยู่แถวสะโพกผม

    ทำอะไรก็ได้ ให้ผมรู้ว่าพี่รักผมมากแค่ไหน....ทำแรงๆด้วยนะพี่ต้น” ไอ้เด็กเวร...มันย้อนรอยผม มันย้อนรอยผมๆๆๆ อ๊ากกกกก นี่ถ้าไม่ติดว่าผมมีชนักติดหลังอยู่นะ ผมไม่ยอมมันหรอกนะจะบอกให้ แต่ตอนนี้เพื่อความอยู่รอดของผมและชีวิตรักของเรา ยอมๆมันไปก่อนล่ะกัน แต่คิดไปคิดมา ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆยังไงอยู่นะ เหมือนเราลืมอะไรไปอย่างรึเปล่า

    “แต่นี่มันระเบียงห้องนะเจมส์” พอนึกขึ้นได้ว่าอยู่หน้าระเบียงห้องก็อดจะเขินๆไม่ได้แหะ ถึงชั้นที่ผมอยู่จะสูงกว่าตึกข้างเคียง แต่ยังไงมันก็เป็นที่โล่งแจ้งอ่ะนะ

    “ทำไมอ่ะ ก็ผมอยากทำตรงนี้อ่ะ เอาตรงนี้แหละ ถ้าพี่ไม่ทำแปลว่าพี่ไม่รักผม” ไอ้หน้าด้าน แกไม่อายแต่ฉันอายนะเว้ย ดูสายตามันซิ รู้เลยว่ากำลังสนุกที่ได้เอาคืนผม จะไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันมาคุอีก โอ๊ย!!เซ็งๆๆๆๆ แต่ผมยังไม่ทันที่จะตัดสินใจทำอะไรเลย มือหมีก็เอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อผมออกจนหมดซะแล้ว เหอะ...ใครว่าผมร้ายกาจ ต่อไปนี้ผมเถียงขาดใจเลย เจมส์ตาหากที่ร้ายกาจ

    .................................................ต่อไปเป็น NC เลือดสาดนิดๆนะคะ...................................................


    .......................ขอได้ที่ทวิตกาน้ำ @nansuku หลังไมค์พันทิพย์(กาน้ำเดือดแล้ว).................................

    .................................

    ....................................................

    ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงนอนได้ยังไง เพราะที่จำได้สิ่งสุดท้ายเมื่อคืนคือเสียงบอกรักของเจมส์ที่ดังอยู่ข้างหู

    “ตื่นแล้วหรอ นึกว่าพี่จะนอนถึงเที่ยงซะอีก เจ็บมากไหม” ผมส่ายหัว ตอนแรกว่าจะตอบกลับไปแต่พอหันไปเห็นคนที่เดินมาหาผมข้างเตียงแล้วผมตอบอะไรกลับไปไม่ออกเลย ผมบังคับให้ดวงตากลมโตกลอกมองไปทางอื่น ยิ่งมองหน้าของอีกคนก็ยิ่งทำให้ผมเขิน ทำไมน่ะหรอ ก็ไอ้เด็กบ้ามันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นอ่ะดิ รู้แล้วว่าหน้าด้านแต่ช่วยใส่เสื้อผ้าหรืออย่างน้อยเข้ามาอยู่ในผ้าห่มก็ยังดี ที่ทำกันเมื่อคืนตรงระเบียงมาคิดๆแล้วผมยังเขินไม่หายเลยนะ...เขินโว้ย...

    “ไม่เจ็บหรอ จริงอ่ะ งั้น....อีกนะ” ถึงจะเหมือนพูดเล่นๆแต่สายตาที่ไอ้หมีนี่มองมาทำผมเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว

    “อีกนะบ้านแกซิ คนนะโว้ยไม่ใช่ตุ๊กตายาง” เหวี่ยงครับ นาทีนี้ต้องเหวี่ยงแล้วครับเพื่อความปลอดภัยของร่างกายตัวเอง ผมดันๆหน้าไอ้หมีหื่นที่ปีนขึ้นเตียงมาคร่อมตัวผมไว้ เราคงได้ตบตีกันอีกสักพักถ้าไม่ติดว่าเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น

    “ไงคชา” เพื่อนสนิทผมโทรมาทำไมช่วงเช้าของวันไม่มีเรียนแบบนี้นะ ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังๆของเต๋าแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ด้วยแหะ สงสัยมีเรื่องอะไรเม้าท์แน่เลย

    “ไม่คิดว่าต้นจะกล้าขนาดนี้นะเนี่ย...ร้ายกาจๆ” น้ำเสียงล้อเลียนประกอบกับเสียงโห่หิ้วจากเต๋าที่เป็นแบล็กกราวน์ประกอบยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่ มันแซวผมเรื่องอะไรเนี่ย

    “อะไรง่ะคชา เรางงว่ะ เอาให้เคลียร์ดิ” ผมงงจริงๆนะช่วงแถลงให้กระจ่างหน่อยแล้วค่อยแซว

    “อ้าวก็ที่โพสไว้ในเฟสกะในทวิตต้นไง...อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง” คชาทำเสียงตกใจเหมือนไม่เชื่อว่าผมจะไม่รู้เรื่อง ผมได้ยินเสียงเต๋าแทรกเข้ามาในโทรศัพท์อีกครั้ง ประมาณว่า...บอกแล้วไงว่าเจมส์มันทำ...ไอ้เด็กหมีไปทำอะไรใครอีกล่ะเนี่ย

    “งั้นก็ไปเปิดดูเอาเองละกัน แต่ขอบอกต้นไว้อย่างหนึ่งว่า... มันเด็ดมากอ่ะ” ยิ่งพูดแบบนี้แถมหัวเราะลั่นก่อนวางสาย ผมยิ่งอยากรู้ว่าเกิอะไรขึ้น ผมรีบกดมือถือตัวเองเข้าเฟส และบอกให้เจ้าหมีเอามือถือเขาเข้าทวิตผมทันที และเมื่อหน้าจอปรากฎหน้าเฟสของผมปุ๊บ...ผมก็อยากจะเป็นลมปั๊บ

    รูปที่โพสอยู่รูปล่าสุดมีอยู่รูปเดียว แต่เป็นรูปเดียวที่ใครเห็นก็คงกรี๊ดตายกันเป็นแถบๆ เหมือนตอนนี้ที่ผมกำลังอยากกรี๊ดให้มันตายรู้แล้วรู้รอดไป ภาพมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกเพียงแค่เป็นภาพ ผมกับเจมส์ เปลือยท่อนบน อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ผมหลับซบอยู่กับอกเจมส์ มือเจมส์ข้างหนึ่งโอบผมไว้ และอีกข้างกำลังยื่นออกถ่ายรูปเราไว้ ก็...แค่นั้นเอง...แค่นั้นที่ไหนกันเล่า...มันจะไม่อะไรไปมากนักถ้าไม่ติดตรงที่ว่าตัวครึ่งบนที่เปลือยอยู่ของผมมีร่องรอยการจูบการกัดจากไอ้หมีบ้าเต็มไปหมด

    ผมหันขวับไปหาตัวต้นเหตุกะจะเหวี่ยงเต็มเหนี่ยวแต่ดันโดนสวนกลับมาก่อนว่า...............

    “ผมทำแบบนี้จะได้ไม่มีใครมาจีบพี่ พี่จะได้ไม่ต้องลำบากใจจะปฏิเสธใครอีก ไม่ต้องมีใครมาตามรังควานแบบเมื่อวานด้วย” ถึงจะฟังดูแปลกๆแต่ก็ต้องบอกว่า มันได้ผลกับผมมาก เพราะตอนนี้ผมเหมือนปลาโลมาเกยตื้น ได้แค่เพียงมองตาแป๋วทำปากพงาบๆเท่านั้น ที่มันพูดมาแทงเข้าตัวผมทุกคำเลยอ่ะ

    “แล้วก็นะ ถึงพี่จะลบมันออก ผมก็จะลงใหม่อีก ยิ่งพี่ลบ ผมก็จะยิ่งลงเพิ่ม พี่ลบหนึ่งรูป ผมก็จะลงสองรูป พี่ลบสองรูป ผมก็จะลงสี่รูป” ถึงจะพูดเสียงสบายๆยิ้มไปพูดไป หอมแก้มผมไปพูดไป แต่สิ่งที่พูดมาแต่ละคำนี่...เอามีดมาแทงผมเลยง่ายกว่ามั๊ย

    “และที่สำคัญที่สุด ถ้าพี่กล้าทิ้งผมล่ะก็...สิ่งที่ผมจะโพสลงไปจะไม่ใช่แค่ภาพนิ่งแน่นอน เข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าพี่อยากปลอดภัยก็...ห้ามทิ้งผมเด็ดขาด พูดจบก็เข้ามากอดๆผมไว้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอเหอ....ไอ้เด็กหมี ไอ้เด็กบ้า ไอ้จอมกวน ไอ้เด็กหื่น ทำไมมันเพิ่งมาเปิดเผยตัวตนตอนที่ผมรักไปแล้วด้วย

    ต่อไปนี้ถ้าใครบอกว่าผมร้ายกาจผมจะเถียงขาดใจเลยคอยดูเหอะ เพราะคนที่ร้ายกาจจริงๆอาจจะไม่ใช่ผม แต่เป็นคนรักของผมคนนี้ตาหาก...เจมส์ร้ายกาจ

    ..............................................................................จบ..............................................................................................

    ตอนหน้าพบกับภาคพิเศษ Vicious : ICE //สวนด. Version นะคะ แต่ก็มีต้นเจมส์ด้วยแน่นอน เตรียมพบกับNCเบาๆของสวนด.ได้ที่นี่ไม่นานเกินรอแน่นอนค่ะ

     

    สปอยเรื่องใหม่เป็นเรื่องรวมสองคนไว้ในเรื่องเดียวอีกแล้วครับท่าน กรี๊ดดดดดดดดดดด

     กาน้ำและรินะจับมือกันแต่งเรื่องใหม่อีกแล้ว (จะมีใครอยากอ่านมั๊ย โคตรลุ้นนนนนนนน)

    .........ความอ่อนโยนที่ได้รับหวังว่าจะไม่ใช่เพียงความลุ่มหลง.........

    .........ความรู้สึกที่ได้รับหวังว่าจะไม่ใช่เพียงของจอมปลอม .........

    .........และ ร่างกายที่ให้ไปหวังว่าจะไม่ใช่เพียงขยะไร้ค่า.........

    ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ให้ช่วยติดตามด้วยนะคะ รับรองเข้มข้นปนหวาน เร้าร้อนปนอ่อนโยน น่าจะเป็นงานเขียนที่หลายๆคนชอบนะคะ  Just you” น่าจะไม่เกินห้าตอนจบตามสไตล์กาน้ำค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×