คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious3/5
เตือนก่อนว่าอย่าคาดหวังกับมันมากนะคะ
อาจไม่สนุกเท่าไหร่ต้องขอโทษด้วยยยยยยยยยยย กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง
ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด
ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ
......
อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด
......
Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious3/5
Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน
เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
คุณเคยทำตัวร้ายกาจมั๊ย
คุณกล้าทำตัวร้ายกาจรึเปล่า
แต่ผมจะทำตัวร้ายกาจ
เพื่อให้ผมได้คนที่ผมรักมาครอง
…………………………………….
ความรัก เคยทำผมเจ็บ ทรมาน เจียนตายมาก่อน แต่แปลกนะ เพราะตอนนี้ผมกลับจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้ว ทั้งความรู้สึกเจ็บ ทั้งความรู้สึกรัก ที่มีให้ ผู้ชายคนนั้น อาจจะเป็นเพราะผมกำลังมีความรักครั้งใหม่ก็ได้ แต่เรื่องในอดีตทั้งหมด จริงๆแล้วไม่มีใครเป็นคนผิด ทั้งเขาและผม ต่างก็ไม่มีใครผิด ความรักเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่สามารถบังคับควบคุมมันได้ แต่สำหรับผม ความรักครั้งใหม่ครั้งนี้ ผมจะควบคุมมันให้ได้!!!
“พี่ต้น ..ผมว่าจะไปบอกเลิกกาณ พี่ว่าไง” เขาถามผมขึ้นมาตอนที่เรากำลังขับรถเข้ามหา’ลัย ไม่แปลกหรอกที่เจมส์จะคิดเลิกกับกาณ ก็ได้ผมแล้วนิ ถ้าไม่เลิกซิ พ่อจะลากไปเผานั่งยางแน่คอยดู
“แล้วแต่แกดิ มาถามพี่ทำไม” อย่ากระโตกกระตากจนเกินงาม เรื่องแบบนี้จะไปสนับสนุนไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขาจะมองเราไม่ดีได้ แต่ถ้าแกไม่เลิกฉันเผานั่งยางแกจริงๆแน่
“อ้าว ไหนบอกชอบการมีส่วนร่วมไง ผมให้พี่มีส่วนร่วมแล้วไงเนี่ย” เออ ไอ้เด็กกวน เข้าใจยอกย้อนนะ อยากให้มีส่วนร่วมจริงๆหรอ มันไม่รู้หรือไงว่าที่เราทำกันไปเมื่อคืนน่ะ ผมยิ่งกว่ามีส่วนร่วมอีกนะนั่น
“จะเลิกหรือไม่เลิก แกเป็นคนตัดสินใจ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับแก ไม่ได้อยู่ที่พี่” เหมือนเป็นการเสนอให้เขามีสิทธิ์ตัดสินใจเอง แต่ผู้ชายที่ไหนได้ฟังแบบนี้ก็ต้องเอียงมาทางผมทั้งนั้นแหละ เพราะเขาจะรู้สึกว่าผมไม่กดดันเขา สังเกตุซิว่าเกินร้อยละหกสิบของผู้หญิงที่ทะเลาะกับผู้ชายแล้วบังคับให้ผู้ชายเลือก ผู้ชายมักจะไม่เลือกผู้หญิงพวกนั้นหรอก ผู้ชายน่ะ ไม่ชอบถูกกดดันจากคนรัก
“แต่ผมตัดสินใจแล้วว่า....ผมจะเลิก ผมรู้หรอกน่ะ ว่าจริงๆพี่ก็อยากให้ผมเลิก ใช่ป่ะ ยอมรับมาเหอะ ใช่มั๊ยๆๆๆๆๆ” ไอ้เด็กบ้า คิดว่าตัวเองน่ารักหรอไง เอาหัวมาไถๆกับไหล่ผมแบบนี้เนี่ย.............. น่าหมั่นไส้ที่สุด!!
“โอ๊ยพี่!!... หยิกผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ หยิกมาซะแรงเลย เลือดไหลมั๊ยเนี่ย มือหนักโคตร” มันน่าหยิกให้เนื้อหลุดติดมือจริงๆให้ตายซิ หยิกนิดหยิกหน่อยบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว แล้วยังจะมาทำหน้างอใส่ผมอีกนะ
“แค่นี้ทำเป็นเจ็บ ทีเมื่อคืนทำคนอื่นเขาเจ็บ ไม่คิดมั่งล่ะ” ผมเจ็บจริงๆนะ เมื่อคืนอาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่เมื่อเช้าเนี่ยซิ แทบลุกไม่ขึ้นเลยล่ะ ดีนะที่ผมกับเจมส์มีเรียนบ่าย ไม่งั้นคงต้องโดดเรียนแน่ๆ
“ง่า........ขอโทษครับ ....ยังเจ็บอยู่เปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคยนิ ผมตื่นมาเห็นที่นอนตกใจแทบช็อคอ่ะ ไม่รู้ว่าพี่จะเจ็บขนาดนั้น...” ยังดีที่เด็กน้อยของผมรู้สึกผิดที่ทำผมเจ็บตัว สีหน้าสำนึกผิดที่ผมเห็นตั้งแต่ตอนตื่นนอนทำเอาผมไม่กล้าร้องโอดโอยเลย
“ดูตัวแกก่อน พี่ไม่เจ็บก็แปลกแล้ว” เล่นผมซะเลือดเต็มผ้าปูเตียงขนาดนั้น ยังมีหน้ามาบอกอีกนะว่าไม่รู้ ถึงผมจะอยู่ข้างบนก็เหอะ แต่ถ้าเขาไม่จับตัวผมกดลงไปตามใจตัวเอง ผมก็คงไม่ต้องเจ็บมากขนาดนี้หรอก แต่เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยๆสอนไปก็แล้วกัน ไปว่าเอามากๆ ผมกลัวเขาจะคิดว่าตัวเองทำผิดแล้วเกิดไม่ยอมแตะต้องผมขึ้นมาล่ะ ถ้าเป็นอย่างงั้นผมขาดทุนแย่
“แปลว่าของผมไม่ธรรมดา” อ่านะ ให้ตายเหอะ ถ้าจะนั่งทำหน้าภูมิอกภูมิใจในตัวเองขนาดนั้น ผมขอเปลี่ยนตัวจะยังทันมั๊ยเนี่ย ตอนแรกก็กะว่าจะด่ากลับซะทีสองที แต่มาคิดๆดูแล้วเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้ชายเขาให้ความสำคัญนะ อย่าไปทำให้เชาเสียเซลฟ์จะดีกว่า
“จ๊ะ ไอ้บึก ไอ้ถึก!!” ประชดไปเบาๆก็พอ ถือว่าผมสนับสนุนความภูมิใจของไอ้เด็กกวนนี่ไปด้วยล่ะกัน
“พี่ว่าผมเป็นควายหรอ” เจมส์หันมาจ้องหน้าทำตาโตใส่ผม ตาก็มีอยู่แค่นั้นยังจะพยายามทำตาโตอีก ไอ้เด็กบ้า แต่มันก็ น่ารักว่ะ
“เฮ้ย อะไรแก พี่ยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะ แกพูดของแกเองอ่ะ” ไอ้คำว่าบึกกับถึกเนี่ย สามารถแปลว่าควายได้ด้วยหรอ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย หรือเด็กสมัยใหม่มันจะตีความแบบนั้นกันวะ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าผมเป็นควาย พี่ก็เป็นควายเหมือนผมนั่นแหละ” เด็กน้อยของผมเอามือกอดอก ทำหน้าตาจริงจังเชียว
“what!! อะไรของแกเจมส์ ทำไมพี่ต้องเป็นควายกับแกด้วยอ่ะ” มาตรรกะไหนเนี่ย ผมว่าผมตามเจ้าเด็กนี่ทันหมดทุกเรื่องนะ แต่เรื่องนี้ผมตามไม่ทันจริงๆแหะ
“ก็ถ้าเราไม่ใช่ควายเหมือนกันแล้วเมื่อคืนเราจะปั่มปั๊มกันได้ไงอ่ะ สัตว์สปีชี่ย์เดียวกันมันถึงจะปั่มปั๊มกันได้ไง นี่พี่ไม่เคยเรียนวิทยาศาสตร์หรอ ในหนังสือเรียนเขาก็บอกไว้ไง” เออ..สรุปว่าผมได้ผู้ชายฉลาดหรือปัญญาอ่อนมาไว้ในครอบครองนิ ชีวิตผมจากนี้ไปคงจะครื้นเครงน่าดู
............................
..................
.........
เสียงเรียกจากใครบางคนหยุดผมกับเจมส์ไว้ที่หน้าตึกเรียน ก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่ ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าน้องกาณต้องมาดักรอเจมส์แน่ๆ เมื่อคืนพอเจมส์โทรบอกแม่เขาว่านอนค้างกับผม เจ้าตัวก็ปิดมือถือทันที น้องกาณคงนั่งไม่ติดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ
“เจมส์...เจมส์ กาณมีเรื่องจะคุยด้วย” ทำเป็นใช้หางตามองจิกผม อิเด็กนี่วอนซะแล้ว ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนอะไรเกิดขึ้นจะยังกล้าเชิดหน้าใส่ผมอย่างงี้อยู่มั๊ย
เจมส์หันมามองหน้าผมเหมือนต้องการความเห็น ผมไม่ตอบอะไรกลับไป อันที่จริงผมหันหลังให้เขาแทน มันเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้เขาต้องเป็นคนตัดสินใจเอง
“อืม...เจมส์ก็มีเรื่องจะคุยกับกาณเหมือนกัน” เขาพูดแล้วเดินตามอิเด็กนั่นออกไป แปลว่าเด็กน้อยของผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะบอกเลิก แต่ผมกล้าพนันร้อยต่อหินก้อนเดียวเลยว่า เจมส์เคลียร์ไม่จบแน่นอน เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้เก่งนัก แล้วอิเด็กนั้นก็คงไม่ยอมง่ายๆแน่ แต่ก็....ไม่เป็นไร ถึงน้องกาณไม่ยอมเลิก ผมก็จะทำให้ยอมเอง
“ต้น...เอาจริงหรอ” มือที่แตะสัมผัสลงบนบ่าบอกให้ผมรับรู้ถึงการมาของเพื่อนสนิท คชา นี่คงยืนดูอยู่นานแล้ว
“อืม คนนี้เราเอาจริง” กับเพื่อนสนิทผมไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ที่สำคัญ ผมอยากให้เขารู้ว่าผมมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วจริงๆ
“แปลก เพิ่งเคยเห็นต้นเอาจริง เห็นเล่นๆตลอด” ใช่ ที่ผ่านมาผมเล่นๆ ไม่จริงจังกับใคร เพราะผมกลัว ผมยังกลัวเกินกว่าที่จะรักใคร กลัวความอ่อนแอที่จะกัดกินใจตัวเอง แต่เหตุการณ์กลางสายฝน ทำให้ผมมั่นใจว่าผู้ชายที่ผมเลือกคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น
“ก็ทดสอบแล้วว่ามันใช่ เราก็ต้องรีบคว้าไว้ซิ” ของดีไม่ได้หากันได้ง่ายๆนะ ผมคิดเยอะเกี่ยวกับความรัก ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิม พอคิดว่าการลงทุนครั้งนี้น่าจะได้ผลกำไรยิ่งใหญ่ก็ต้องรีบจัดการซิ
“เพิ่งรู้ว่าชอบแย่งของคนอื่น” เพื่อนผมคงอยู่กับผมมากเกินไป นิสัยจิกกัดถึงได้ติดมาด้วยแบบนี้ ถึงหน้าตาจะนิ่งๆแต่คำพูดที่ออกมานี่ถ้าไม่รู้จักกันดี คงได้มีตบตีกันบ้างล่ะ
“ตัวเองเหอะ เมื่อไหร่จะเอาจริงซะที” ผมถามเขากลับ ตอนนี้เราเดินมาอยู่กันแถวๆระเบียงหน้าห้องเรียนแล้ว
“เอาจริงไร ไม่มีอ่ะ อย่ามาๆ” ทำเป็นปฏิเสธ เป็นเพื่อนกันมาสามสี่ปีแล้วทำไมผมจะไม่รู้ว่าคชาคิดอะไร บางทีเขาเองก็คิดแทนผมมากจนเกินไป
“คชา เราถามจริงๆนะ เป็นเพราะเรารึเปล่า” เพราะผมรึเปล่าที่ทำให้เขาไม่ยอมเป็นแฟนกับเต๋าซะที เป็นผมรึเปล่าที่ทำให้เพื่อนไม่ยอมรับใจตัวเอง
“.............................” ความเงียบคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่คชาจะให้ผมได้ การหลบสายตาไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนผมชอบทำนัก เมื่อเขาทำ แสดงว่ามันต้องมีอะไร
“เกือบสี่ปีมานี่เราบอกคชาจะเป็นพันรอบแล้วนะว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วอ่ะ” ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ความรู้สึกที่มีให้เต๋า ไม่ว่ารัก หรือเจ็บ ผมลืมมันไปหมดแล้วจริงๆ
“มันไม่ได้อยู่ที่เรารู้สึก มันอยู่ที่เขารู้สึกตาหาก” ผมไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่คชาต้องการจะสื่อในคำพูดเท่าไหร่ แต่ที่ผมแน่ใจมากๆคือ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเต๋ากับคชาแน่ๆ และผมก็คงจะมีเอี่ยวด้วยนิดๆ
“ไงเต๋า...คชา เต๋ามา” ผมโบกมือทักทายคนเคยคุ้น ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อน แล้วก็กิ๊กเพื่อน และผมก็ลุ้นอยู่ตลอดนะว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนมาเป็นแฟนเพื่อนซะที ผมเรียกให้คชาที่ยืนหันหน้าออกระเบียงรู้ตัวว่าเต๋ามาแล้ว จะได้ไม่พูดอะไรแปลกๆออกมา
“หวัดดีต้น...ได้ข่าวว่าช่วงนี้กินตับเด็กอยู่หรอ” เสียงแซวติดหัวเราะของเต๋าทำให้ผมเบาใจขึ้นมาบ้างว่า เรื่องของเต๋ากับคชาคงไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตนัก
“เออ...เบื่อตับแก่แล้ว เหนียวเคี้ยวยาก ไปดีกว่าไม่ค่อยอยากอยู่กับพวกตับแก่นานๆ เดี๋ยวจะแก่ตาม” ผมเลือกที่จะเนียนๆเดินหนีออกมา ไม่อยากอยู่เป็น กขค.ตรงนั้นนานเพราะเต๋าเดินข้ามตึกมาหาแบบนี้คงมีอะไรอยากคุยส่วนตัวกับคชาแน่ๆ ผมคงมั่นใจว่าเขาสองคนจะเคลียร์ปัญหากันได้ถ้าไม่ได้เห็นสายตาที่เต๋ามองมาทางผม สายตาของเต๋าที่มองผมตอนเราเดินสวนกันมันมีบางอย่าง ที่ไม่ต่างไปจากเมื่อสี่ปีก่อนเลย
........................................
...............................
....................
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนผมกำลังจะไปรอรับเด็กน้อยที่หลังโรงยิม เขาโทรเข้ามาหาผม ถ้าให้เดานะคงต้องเรื่องนังเด็กคนนั้นแน่ๆ
“พี่ต้น...วันนี้ไม่ต้องรอรับผมนะ พอดีผมยังติดธุระกับกาณอยู่” นั่นไง ผิดจากที่ผมคิดไว้ที่ไหน เคลียร์กันไม่ลงล่ะซิ เสียงหงอยมาขนาดนี้คงโดนพายุเข้ามาแน่ๆ
“เลิกกันรึยัง” ผมถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไรออกไป แต่เจ้าตัวคงรู้อยู่แหละว่าถ้าผมทำเสียงนิ่งๆแปลว่าอะไร
“พี่...กาณเขาบอกว่าถ้าผมเลิกกับเขา เขาจะฆ่าตัวตาย ผมเลยไม่รู้จะทำไงดี” มารยาหญิง เชอะ ทำมาเป็นจะฆ่าตัวตาย เป็นผมหน่อยไม่ได้จะรีบซื้อยาเบื่อหนูให้กินเลย แต่เด็กน้อยของผมไม่มีทางทำแบบผมแน่ ก็เป็นคนใจอ่อนซะขนาดนั้น ขี้สงสารก็ที่หนึ่ง สงสัยผมคงต้องพึ่งตัวเองซะแล้ว
“แล้วเจมส์จะให้พี่ทำยังไง” ตอบได้มั๊ยเด็กน้อย ในเมื่อได้ผมแล้วแต่ยังเลิกกับอีกคนไม่ได้ แบบนี้จะให้ผมเสียเปรียบหรือไง
“ผม...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้จริงๆ” เอาเหอะ ถึงตอนนี้ไม่รู้ เดี๋ยวผมจะทำให้รู้ซึ้งเองเด็กน้อย
“แกเลือกเองนะเจมส์ แล้วจะมาว่าพี่ทีหลังไม่ได้นะ” พูดแค่นั้นแล้วผมก็กดวางสายไป อย่างที่ผมคิดไว้แต่แรก ระดับฝีมืออย่างเจมส์น่ะ ไม่มีทางเคลียร์ปัญหาแบบนี้ได้เองหรอก นี่ผมต้องลงแรงเหนื่อยเองอีกแล้วล่ะซิ จะถือซะว่าออกกำลังกายเอามันส์ละกัน
..................................
.................................................
ช่วงเที่ยงในโรงอาหารมักจะเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดและเป็นช่วงรวมหัวข้อนินทาที่ดีที่สุด วันนี้เชื่อเลยว่าหัวข้อนินทาของคนเกือบทั้งโรงอาหารประจำวันนี้คงหนีไม่พ้น ผมกับผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆผมแน่ ปกติผมก็ไม่ค่อยมากินข้าวที่โรงอาหารเท่าไหร่ คนมีรถส่วนมากก็จะไปกินข้าวข้างนอกซะมากกว่า แต่วันนี้เป็นกรณีพิเศษผมอยากกินข้าวโรงอาหารมากกกกกก ที่สุด!!
เพราะรู้ว่าเด็กน้อยของผมต้องมากินข้าวที่นี่แน่ และตอนนี้ผมก็เห็นเป้าหมายของผมเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวดียังไม่เห็นผมหรอก แต่ก็อีกไม่กี่วินาทีเท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้เสียงอืออึ้งเริ่มแผ่กระจายไปแถวที่เขานั่งแล้ว ไม่ต้องแปลกใจไปว่าทำไมทั้งโรงอาหารถึงส่งเสียงฮือฮาและแอบมองผมกันเบาๆ เป็นผม ผมก็คงมองแล้วก็คงจะนินทาเหมือนกัน เดือนคณะปีสี่อย่างผมเดินจูงมือมากับเดือนคณะปีสองอย่างมอส ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะได้เห็น
“พี่ต้นจะกินไร เดี๋ยวมอสไปซื้อให้” มอสเป็นรุ่นน้องผม ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ห่างเหินกันเพราะมีกิจกรรมคณะที่ต้องทำด้วยกันบ่อยๆ และผมกับมอสก็ไม่เคยจีบกัน เราเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ
“กินเหมือนมอสแหละ กินเหมือนกันจะได้เร็วๆ” ผมเลือกที่จะนั่งลงโต๊ะที่ไม่ไกลจากเด็กน้อยของผมนัก ทำให้ผมเห็นว่าเขานั่งอยู่กับน้องกาณผู้น่าสงสารซะด้วย เริ่ด...นี่แหละที่ผมต้องการ
ผมกินข้าวไปคุยสัพเพเหระกับมอสไป แต่ผมก็แอบมองโต๊ะใกล้ๆเป็นระยะๆ ถ้าจะเอาแต่นั่งมองมาทั้งคู่ขนาดนั้น มานั่งกินโต๊ะเดียวกันเลยดีกว่ามั๊ง
“มอส...ทำไมไม่ผูกไทด์อ่ะ ถึงเป็นปีสองเขาก็ยังรณรงค์ให้ผูกอยู่ไม่ใช่หรอ ให้รุ่นน้องดูเป็นตัวอย่างอ่ะ” ทุกคำถามของผมย่อมมีความหมาย ผมต้องการบางอย่างถึงได้ถามออกไปแบบนั้น
“อ่ะ ผูกก็ผูก พี่ต้นนี่ เป๊ะตลอดอ่ะ” มอสเอามือควานลงไปในกระเป๋าเป้ใบใหญ่แล้วดึงๆเนคไทด์เส้นยาวออกมา ดูจากสภาพไทด์แล้วไอ้โสโครกนี่ควรจะมีแฟนได้แล้วนะ เผื่อคุณภาพชีวิตมันจะดีขึ้น
“เอามานี่ เดี๋ยวพี่ผูกให้ เอาหัวยื่นมา” ผมจัดการผูกไทด์ให้สวยงามซึ่งแน่นอนว่าผมไม่แยกผูกไทด์ก่อนแล้วค่อยเอาไปสวมคอ ผมผูกมันที่คอเจ้ามอสเลยเนี่ยแหละ ภาพที่ออกมาคงชวนฮือฮาไม่น้อย ยิ่งดูจากมุมของเจมส์ที่นั่งอยู่ข้างหลังมอสแล้วด้วย คงจะเห็นแค่มอสยื่นหน้ามาหาผมแน่ๆ
“อ่ะเสร็จแล้ว...ผูกให้สวยขนาดนี้ มีของตอบแทนป่ะ” ผมยื่นหน้ายื่นตาเข้าหามอส เจ้ามอสรู้ดีว่าต้องทำอะไรเพราะผมบอกเขาก่อนมาแล้วว่า อยากมาสร้างกระแสซะหน่อย
“พี่นี่นะ...ถ้ามอสโดนดักตีหัวขึ้นมา พี่ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ด้วย” ประโยคนี้มอสพูดๆเบาๆให้เราได้ยินกันแค่สองคน แน่ละ ถ้าคนอื่นได้ยินก็เสียแผนหมดซิ และเจ้ามอสก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังผม แล้วจุ๊บเบาๆลงบนแก้มผมไปหนึ่งที เสียงฮือฮารอบตัวผมดังขึ้นทันที แต่อะไรก็ไม่สะใจผมเท่าสีหน้าอึ้งสุดชีวิตของน้องกาณ กับหน้าตาแบบจะกินเลือดกินเนื้อของเจมส์
“มอส พี่ไปก่อนนะเว้ย” ผมรีบลุกแล้วรีบเดินหนีทันทีเมื่อเห็นเด็กน้อยของผมอยู่ๆก็ลุกพรวดพราดจากที่นั่งเดินตรงมาหาผม งานเข้าแล้วๆ ผมยังไม่อยากโดนหมีตะปบตอนนี้นะ เห็นสายตาที่เจมส์มองมาแล้วเสียวสันหลังวาบ ถ้าโดนจับได้ตอนนี้สงสัยผมตัวขาดเป็นชิ้นๆแน่
ที่ผมสะใจที่สุดคือน้องกาณผู้น่าสงสารนั่นแหละ ผมเห็นเจ้าตัวนั่งนิ่ง ไม่พูด ไม่ห้าม ไม่เดินตามเด็กน้อยของผม ทำไมนะหรอ เพราะมอสไงล่ะ!! ผู้ชายออกเต็มมหาลัยทำไมผมถึงเลือกมอสมาสร้างกระแส มันต้องมีนัยยะแน่นอนอยู่แล้ว ทุกสิ่งที่ผมทำย่อมมีความหมาย
ผมสืบมาจากแอ้น แล้วก็พวกเพื่อนๆของน้องกาณแล้วน่ะซิ ว่ากาณกำลังโทรคุยกับมอสมาได้สักพักแล้ว และมีท่าทีว่าจะคืบหน้าซะด้วย นี่ถือว่าผมให้สิทธิ์น้องกาณเขาเลือกเลยนะว่าจะเอาคนไหน คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเป็นภาษาสเปน เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับผม อิหนูเอ๊ย ไปฝึกมาอีกสิบปีก็ยังสู้พี่ไม่ได้หรอก
แรงกระชากจากด้านหลังทำให้ผมรู้ตัวว่าพลาดท่าซะแล้ว ชิบหายล่ะ โดนจับตัวได้ นี่ไม่ใช่แผนการที่ผมวางไว้ตอนนี้ผมยังไม่ควรเผชิญหน้ากับเจ้าหมีตกมัน!!
“พี่ทำอะไรลงไป!! รู้ตัวรึเปล่า!!” โอ้โห ถ้าจะเสียงดังขนาดนี้ เขาจะรู้กันหมดทั้งมหาลัยแล้วมั๊ย ไอ้เด็กบ้า!!
“ถ้าแกยังเห็นหัวพี่อยู่ก็กลับไปคุยที่คอนโด” เอาวะ อย่างน้อยโดนฆ่าตายที่คอนโด ก็ดีกว่าให้คนอื่นเขามองกันทั้งมหาลัยแบบนี้
...............................................
..............................ส่วนต่อไปมันเป็นNCนะคะ สำหรับตอนนี้ NCหนักนิดๆนะคะ
ใครอยากได้เชิญที่ห้องแห่งความลับ หรือหลังไมค์ที่พันทิพย์ หรือ@nansuku ในทวิตจะสะดวกสุดค่ะ
................
“ผมเป็นคนใจร้อน วันหลังพี่อย่ามาทำให้ผมโกรธ ผมไม่อยากทำให้พี่เจ็บตัว รู้เปล่า” เขาบอกขณะที่อุ้มผมเข้าห้องน้ำ เออ...ไอ้ที่พูดมาเนี่ย มันฟังดูยังไงๆอยู่นะ
“เจมส์...อย่าเพิ่งเวิ่น พี่เจ็บ...อยากนอนแล้ว” ผมทำหน้ายู่ยี่ใส่ให้เขารู้ว่าผมเจ็บจริงๆนะ เด็กน้อยของผมรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ผมเรียบร้อย โดยที่ไม่ลืมพาขึ้นเตียงนอนด้วย
“เจมส์...พี่รักแกนะ ไม่ว่าแกจะเลือกใคร พี่อยากให้แกรู้ไว้ว่า พี่รักแก” ผมขยับตัวเข้าหาร่างอุ่นๆที่นอนอยู่ข้างกาย นี่คือคำบอกรักจากใจจริงจากผม ผมรักเขาจริงๆ ไม่ว่าเขาจะเลือกใครผมก็จะรักเขา แต่........ผมไม่มีทางยอมให้เขาเลือกคนอื่นเด็ดขาด ใครหน้าไหนก็เอาเขาไปจากผมไม่ได้ถ้าผมไม่ยินยอม
..................................
.......................
เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกผมขึ้นจากนิทรา ผมรีบควานหาโทรศัพท์มากดรับสายก่อนที่จะทำให้หมีตัวใหญ่ข้างๆผม หลุดออกจากการจำศีล ผมควรกดรับสายโดยทันทีแต่ผมกลับทำไม่ได้ เพราะหน้าจอสายเรียกเข้าปรากฏชื่อคนโทรเข้าขึ้นมา...เต๋า.....
…………………………………….
คุณเคยทำตัวร้ายกาจมั๊ย
คุณกล้าทำตัวร้ายกาจรึเปล่า
แต่ผมจะทำตัวร้ายกาจ
เพื่อให้ผมได้คนที่ผมรักมาครอง
…………………………………….
ประกาศ!!! จะบอกว่าตอนหน้าขออนุญาตลงวันที่ 26 นะคะ เนื่องจาก 24-25 กาน้ำติดสอบงานวิจัย มิสามารถทำสิ่งอื่นได้ แล้ววันที่26 จะมาลงตอนที่สี่ให้นะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ อย่าลืมกาน้ำกันนะคะ จุ๊บๆๆๆๆ
ความคิดเห็น