คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious2/5
เตือนก่อนว่าอย่าคาดหวังกับมันมากนักนะคะทุกคนนนนน อาจไม่สนุกเท่าไหร่ต้องขอโทษด้วยยยยยยยยยยย กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
Fic นี้เป็นเพียงจินตนาการส่วนตัวของผู้แต่ง
ไม่ได้อิงชีวิตจริงแต่อย่างใด
ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
ถ้าไม่ชอบกรุณาปิดไปนะคะ เราไม่ตีกะใคร ขอบคุณค่ะ
......
อยากให้มองเป็นผลงานการเขียนเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงบทละคร ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแต่อย่างใด
......
Fic TonJames ตอนพิเศษ Vicious2/5
Type: AU PG-15 และ NC-20บางตอน
เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆ ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ
คุณรู้จักคนร้ายกาจมั๊ย
คุณเกลียดคนร้ายกาจรึเปล่า
แต่ถ้าเพื่อคนที่ผมต้องการ
ต่อให้ทุกคนว่าผมร้ายกาจ ผมก็จะทำ
…………………………………….
ผู้ชายที่จะขายดีมีด้วยกันอยู่สามแบบ หนุ่มนักดนตรี หนุ่มนักกีฬา และหนุ่มไฮโซ ถ้าตามปกติคนส่วนมากจะชอบหนุ่มไฮโซ ก็ประมาณว่าเอารวยไว้ก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลัง จริงๆผมก็เคยคิดว่าตัวเองชอบแบบนั้นนะ แต่สงสัยคงจะไม่ใช่ซะแล้ว ดูได้จากที่ผมมาโรงยิมทุกวันเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ผมไม่ได้มาเล่นกีฬาหรอกนะ แต่ที่มาก็เพราะผู้ชายที่ตัวเองชอบเป็นนักกีฬาบาสน่ะซิ
แสงแดดยามเย็นที่ทอกระทบตัวผมสาดส่องเงาลาดยาวเป็นทางไปบนพื้น บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว และผมกำลังไปสาย ใครบางคนคงรอผมอยู่หลังโรงยิมแล้วแน่ๆ
“มาสาย!!” เสียงทักทายเข้มๆดังขึ้นทันทีที่คนที่รออยู่ก่อนแล้วเห็นหน้าผม ทำเป็นเสียงเข้ม น่ากลัวตายล่ะไอ้เด็กบ้า
“ก็โทรบอกแล้วนิว่าติดงานกลุ่ม” เราโทรหากันตั้งแต่คืนแรกที่ผมไปส่งเขาที่บ้าน ตอนนั้นเขาแลดูจะเป็นห่วงผมมากเพราะกว่าจะส่งถึงบ้านไอ้ตัวแสบนี่ก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว ผมเลยให้เบอร์โทรเขาไว้บอกให้โทรคุยเป็นเพื่อนผมตลอดทางกลับล่ะกัน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งแต่นั้นมาเวลาผมส่งเขาเสร็จเขาจะโทรหาผมทันทีเพื่อคุยเป็นเพื่อนไปจนกว่าผมจะกลับถึงบ้าน บางทีถึงบ้านแล้วยังไม่วางสายเลย การให้เบอร์แบบเนียนๆก็มีหลายวิธี เช่นวิธีนี้เป็นต้น
“ก็นึกว่าจะไม่มา พี่ยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ด้วย ให้รอแบบนี้แล้วถ้าพี่ไม่มาใครจะรับผิดชอบ” ข้อดีของเจมส์ก็คือสื่อทุกอย่างออกมาทางสีหน้าและแววตา บางครั้งก็ปากไวมือไวตามใจตัวเองไปเรื่อย แต่ผมว่าเป็นข้อดีนะเพราะมันทำให้ผมคุมสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
“อะไรของแกเนี่ย บอกว่ามาก็มาซิ พี่เคยผิดคำพูดหรอเจมส์” ถ้าจะให้โอ๋ไปตลอดคงไม่ได้ เราต้องเหวี่ยงกลับบ้าง จะได้ดูไม่เสียเปรียบ
“ยังไม่เคย ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่เกิดขึ้น” ไอ้กวนตีน ตอบแบบนี้หมายความว่ายังไม่มั่นใจในตัวผมซินะ พูดจาแบบนี้ต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว
“คนเขาอุส่าห์เอาของมาให้ พูดจาแบบนี้ก็ไม่ต้องเอา” ผมหันหลังให้ไอ้เด็กจอมกวนเป็นสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่าผมจะงอนแล้วนะ แต่ผมไม่เดินหนีหรอก เดินหนีทำไมให้เมื่อยในเมื่อผมแกล้งงอนเฉยๆ
“ผมยังไม่ได้ว่าพี่ซะหน่อย ไหนของของผมอ่ะ ไหนๆๆ ของผมๆๆๆๆ” ถ้าการที่เอาคางมาเกยไหล่ผมไว้แล้วดีดดิ้นเป็นเด็กๆแบบนี้แล้วคิดว่าตัวเองน่ารักล่ะก็ ขอบอกเลยว่า.................................................แกคิดถูกมากเจมส์ โอเคยอม รอบนี้ฉันแพ้แก
“อ่ะนี่ พี่ให้แก” ของสิ่งหนึ่งถูกยื่นจากมือผมไปตรงหน้าคนจอมกวน มันเป็นของสิ่งแรกที่ผมให้เขา ผมต้องการให้เขาประทับใจไม่มีวันลืมเลยแหละ
“อะไรอ่ะพี่ ...เชือกรองเท้าหรอ” ใช่แล้ว เชือกรองเท้า อาจจะดูแปลกๆที่ให้เชือกรองเท้าแบบนี้ ผู้หญิงคงไม่ซื้อให้ผู้ชายแน่ๆ ขนาดผู้ชายด้วยกันยังไม่ซื้อให้กันเลย แต่ผมซื้อให้และแน่นอนว่าผมคิดมาดีแล้วถึงซื้อให้ เจมส์เป็นนักกีฬา ผมสังเกตุเห็นเขาใส่ผ้าใบตลอดขนาดตอนไม่ได้เล่นกีฬา เชือกรองเท้าเลยเป็นของใกล้ตัวที่เขาต้องสัมผัสอยู่ทุกวัน
“อืม...ของดีนะแก ปลุกเสกแล้วด้วย” ท่าทางเด็กน้อยของผมจะเห่อของใหม่เพราะตอนนี้จัดการนั่งลง ถอดรองเท้าตัวเองแล้วแก้เชือกรองเท้าเดิมออกซะแล้ว เขายิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกดีนะ มันทำให้ผมรู้สึกว่าของที่ผมให้มีค่าสำหรับเขา แล้วถ้าผมให้อะไรที่มากกว่าสิ่งของ เขาจะเห็นค่าของมันมั๊ยนะ?
“โห พี่เล่นของจริงดิ น่ากลัวนะเนี่ย ก็อย่างว่าคนหน้าตาไม่ดีมักจะชอบเล่นของ เอาไสยศาสตร์เข้าช่วย” ขนาดมือไม่ว่างเพราะกำลังผูกเชือกรองเท้าเส้นใหม่อยู่ แต่ปากยังทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยจริงๆ ปากอย่างงี้ จับกดซะเลยดีมั๊ยเนี่ย
“อยากโดนของเปล่าล่ะ” ทุกคำถามของผมย่อมมีความหมาย อยู่ที่ว่าคนฟังอยากจะแปลไปทางไหน แต่ผมมั่นใจว่าตอนนี้เราสองคนแปลความในทิศทางเดียวกันแน่นอน
“ผมน่ะดวงแข็ง ไม่โดนของพี่ง่ายๆหรอกนะ” น่าสนุกแหะ ยื่นหน้ายื่นตาท้าท้ายแบบนี้ คงต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว
“อย่าเผลอล่ะกัน หนุ่มน้อย” ผมคร่อมตัวนั่งทับต้นขาทั้งสองข้างไอ้จอมกวนไว้ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหน้าอีกฝ่าย แค่มองตาเราสองคนก็รู้ว่าต่างคนต่างต้องการอะไร
“ลองมั๊ยล่ะ” การท้าทายเป็นสิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ยิ่งการท้าทายในสถานการณ์สองแง่แบบนี้ด้วยแล้วยิ่งยากที่จะถอย มีแต่พร้อมจะเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น
“เอามั๊ยล่ะ” ไม่ต้องรอคำตอบ เพราะผมไม่ได้ต้องการคำตอบ ผมต้องการ การกระทำ ริมฝีปากของผมกดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากของเด็กจอมกวน ผมแค่แตะเบาๆสัมผัสเบาๆเป็นการลองเชิงดูปฏิกิริยาตอบกลับก่อน แล้วปฏิกิริยาก็เป็นอย่างที่คาดไว้ มือหนาเอื้อมมาคว้าท้ายทอยผมไว้ กดหัวผมให้โน้มลงไปหาเขาอีกครั้ง
สัมผัสครั้งนี้ไม่เหมือนสัมผัสครั้งแรก เพราะแรงอารมณ์ที่เขาส่งมาบ่งบอกถึงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังจุดติด จูบที่กดลงบนริมฝีปากผมเริ่มหนักหน่วงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนของเขาเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะสอดเข้ามาหาผม ผมเปิดปากตัวเองออกเพื่อบอกให้เขารู้ว่าผมอนุญาตให้สอดลิ้นเข้ามาได้ ผมมั่นใจว่าเขาไม่เคยจูบใครแบบลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อน ผมใช้ลิ้นตัวเองตวัดเกี่ยวลิ้นร้อนของเขาไว้ก่อนจะดูดดึงลิ้นนั้นเข้าออกในโพรงปากไปมา
ผมจงใจขยับตัวนั่งทับตรงกลางลำตัวเด็กน้อยของผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ การขยับตัวทำให้ผมรู้ว่าเด็กน้อยกำลังกลายร่างเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว สัมผัสแข็งๆที่บริเวณนั้นตอนผมนั่งทับลงไปทำให้ผมมั่นใจเกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของผมแน่นอน ผมขยับตัวไปมาเพื่อสัมผัสกับส่วนนั้นของเขาสักพัก ผมตัดสินใจหยุดการกระทำทุกอย่างและดันตัวเองออกแต่แขนของเด็กจอมกวนที่โอบเอวผมไว้ทำให้ผมลุกออกไปทันทีไม่ได้
“เจมส์...แกปล่อยพี่ก่อน” การขัดขืนก็เป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ผมไม่ได้แกล้งขัดขืน ผมขัดขืนจริงๆ เพราะบางอย่างก็ไม่ควรมากจนเกินไป แต่ก็มีบ้างที่บางอย่างไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ทั้งหมด เด็กน้อยของผมไม่ยอมให้ผมลงจากตัวเขา แถมยังหยักคิ้วหลิ่วตาใส่อีก ฟาดกระบาลสักทีดีมั๊ยเนี่ย
“ไม่กลัวใครมาเห็นหรอไง ...หน้าด้านว่ะ” ผมด่าเน้นๆไปทีหนึ่งแต่ไอ้เด็กจอมกวนยังคงเกาะเอวผมไว้แน่น
“แล้วไม่กลัวกาณมาเห็นหรอไง” แล้วก็ได้ผล เขาปล่อยมือออกจากเอวของผม จริงๆผมควรจะดีใจที่เขายอมปล่อยมือ แต่ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดในใจโคตรๆเลยล่ะ นี่แสดงว่าจิตใต้สำนึกของเขาคงจะแคร์กาณอยู่มาก ถ้าผมอยากได้ผู้ชายคนนี้ ผมคงต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว
“วันนี้ก็ตั้งใจซ้อมนะแก ซ้อมเสร็จพี่จะมารับที่เดิม” รถแอ้นซ่อมเสร็จไปเมื่อสามวันก่อน ผมเลยไม่ต้องไปส่งแอ้นที่บ้านตอนเย็นแล้ว เลยมีเวลาไปรับไปส่งเด็กซ้อมบาสทั้งเช้าทั้งเย็น ผมลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัวโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา เจ้าเด็กนี่ต้องคิดว่าผมงอนเขาแน่ๆเลย
“พี่ต้น...ผม.......” หน้าอึนเป็นตูดเชียว เฮ้อ...เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนที่ตัวเองชอบแบบนี้ ผมอดจะสงสารไม่ได้เหมือนกัน แต่จะทำไงได้ ก็ผมอยากได้เขามาเป็นของผมนิหน่า
“ตั้งใจซ้อมนะ” ผมจุ๊บเบาๆที่แก้มเด็กหน้าอึน แล้วดันๆหลังให้เขากลับเข้าโรงยิมไป ผมไม่อยากทำตัวมีปัญหา เพราะเราเป็นตัวปัญหาในชีวิตรักอันราบเรียบของเขาอยู่แล้ว ถ้ายังจะไปทำตัวมีปัญหาให้เขาปวดหัวอีกคงไม่ดีแน่ ผู้ชายไม่ชอบเรื่องปวดหัว
..........................
..............................
.....................................
ห้องสมุดไม่ใช่สถานที่ที่ผมชื่นชอบเท่าไหร่แต่ที่มานี่ไม่ใช่เพราะว่าต้องมาทำรายงานหรืออ่านหนังสืออะไรหรอกนะ ที่มาเพราะ มีคนนัดผมมา
“พี่ต้นค่ะ” คนที่นัดผมมาแล้ว มาตรงตามเวลานัดเป๊ะเลยนะ หน้าตาตึงๆแบบนี้คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ว่าไงกาณ เรียกพี่มาทำไม” การยิ้มแย้มใส่อย่างปกติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงจะเป็นศัตรูกันแต่ในที่สาธารณะมีคนเยอะแยะแบบนี้ ก็ต้องรักษาภาพพจน์ตัวเองไว้บ้าง
“กาณมีเรื่องจะถามพี่ต้นหน่อยค่ะ กาณของถามตรงๆนะคะ” ถามมาเถอะน้อง ถามตรงๆนั้นแหละดี เพราะพี่ก็อยากจะตอบตรงๆเหมือนกัน
“พี่ต้นชอบเจมส์รึเปล่าค่ะ” นี่คงไปได้ยินหรือระแคะระคายอะไรมาล่ะซิ ก็ไม่แปลกหรอกนะ เพราะที่เมื่อวานผมทำกับเจมส์หลังโรงยิมจริงๆมันก็ไม่ใช่ที่ๆลับตาคนมากนัก
“ชอบ” ถามตรงก็ตอบตรง ยังไงๆก็ต้องรู้อยู่วันยันค่ำ ไม่เห็นมีไรต้องกลัว แต่ดูเหมือนคนถามจะไม่ได้เตรียมตัวมารับคำตอบแบบนี้นะ หน้าเหวอเชียว
“แล้ว...ไงต่อ” ผมเห็นน้องกาณเงียบไปนานเลยต่อบทสนทนาให้ เวลาผมมีค่ามากกว่ามานั่งดูเด็กหญิงหน้าเหวอคนหนึ่ง
“พี่ต้นค่ะ กาณขอเตือนนะคะ เจมส์เป็นแฟนกาณ แล้วเขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน ถึงพี่ต้นจะทำอะไรเขาก็ไม่มีวันชอบพี่หรอกค่ะ กาณเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ไม่อยากให้พี่ต้นเสียใจ” นั่นแนะ เล่นบทนางเอกผู้แสนดีซะด้วย ทำเป็นมาเตือนด้วยความหวังดี โถ่...เด็กหนอเด็ก
“งั้นพี่ก็ขอเตือนกาณด้วยความหวังดีนะ” ผมขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆน้องกาณ ผมไม่อยากให้ใครได้ยินบทสนทนาที่ออกจากปากผม
“เป็นแฟนก็เลิกกันได้ แล้วที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันน่ะ ของแบบนี้มันเปลี่ยนกันได้” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมไปด้านหลังน้องกาณ คำพูดบางคำแค่กระซิบให้ได้ยินแค่สองคนก็พอ
“เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะน้อง ถ้าพี่เสนอแล้วเจมส์เขาสนอง พี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากมา ผมไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืด คุยกันไปก็ไม่มีวันจบหรอกเรื่องแบบนี้ ต่างคนต่างรู้แล้วว่ากำลังเผชิญกับอะไร แค่นี้ก็พอแล้ว คงต้องเรียกว่า ...นี่เป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการก็คงจะใช่
..........................
...................
พระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวหายลับไปในเส้นขอบฟ้า พระอาทิตย์ตอนกำลังจะลับขอบฟ้าไปแบบนี้ชวนให้ได้ความรู้สึกเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก เสียงมือถือเรียกให้ผมออกจากภวังค์ขอตัวเอง
“พี่ต้น...ยังรออยู่เปล่า ผมโดนกาณลากมาเดินซื้อของด้วยเนี่ย อะไรก็ไม่รู้มัน บอกว่าเหนื่อยแล้วจะกลับ มันก็โวยวาย แม่ง!! พูดไรก็ไม่รู้เรื่อง” เสียงบ่นยืดยาวจากปลายสายบอกให้ผมรู้ว่าตอนนี้น้องกาณเริ่มปฏิบัติการปกป้องตนเองแล้ว ผมเองคงช้าไม่ได้แล้วล่ะ
“เจมส์..............พี่ยังรออยู่ที่เดิมนะ” พูดเสร็จก็ตัดสายทิ้ง นี่การบ่งบอกเจตนาของผมออกไปแล้วว่าต้องการอะไร จากนี้ก็อยู่ที่ว่าเด็กน้อยของผมจะจัดการยังไงแล้วล่ะ
......
..........
เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นหลายรอบแล้ว ถ้านับดูจริงๆคงจะเกือบร้อยสายได้แล้วล่ะมั๊ง แต่ผมไม่รับสาย ผมรู้ว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา การไม่รับสายมีข้อดีหลายอย่างในภาวะแบบนี้ สิ่งสำคัญที่ผมต้องการที่สุดคือ ทำให้ใครสักใครหนึ่งกระวนกระวายใจ
สายฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าสีเข้มเรื่อยๆ สายฝนที่ตกลงมาช่างเย็น เย็นเหลือเกิน มันทำให้ผมอดนึกถึงเรื่องบางเรื่องตอนตัวเองอยู่ปีหนึ่งไม่ได้ ตอนนั้นผมก็เคยรอผู้ชายคนหนึ่งกลางสายฝนแบบนี้มาก่อน และเขาปล่อยให้ผมรอกลางสายฝนจนถึงเช้า พอคิดกลับไปช่วงนั้นก็ขำนะ โง่รอเขาอยู่ได้ มืดก็มืด ฝนก็ตก ใครที่ไหนมันจะออกมาหาต่อให้เป็นแฟนกันก็เหอะ
ผมรู้ว่าเจมส์กลับไปกับกาณแล้ว ยังไงกาณก็คงไม่ปล่อยให้เจมส์คลาดสายตาจนกว่าเจมส์จะถึงบ้าน แต่ผมก็ยังนั่งรอเขาอยู่หลังโรงยิมเหมือนเดิม ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำไมผมต้องทรมานตัวเองขนาดนี้น่ะหรอ คงเพราะผมซาดิสมั๊ง................................บ้า!! ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว อาจจะเพราะผมนึกถึงอดีตเพลินไปหน่อยล่ะมั๊ง ถามว่ารู้ทั้งรู้มั๊ยว่าเจมส์จะไม่มา ใช่!! ผมรู้อยู่แก่ใจ แต่....ในใจลึกๆก็หวังว่าเขาจะมา หวังว่าเขาจะไม่เหมือนคนอื่น หวังว่าผมจะเลือกคนไม่ผิด
แรงกอดหนักๆจากด้านหลังทำผมหัวแทบทิ่ม จริงๆเรียกว่าวิ่งเข้าชาร์ตจะถูกกว่า แต่ เฮ้ย!! ใครว่ะ กล้ามาก เดี๋ยวไม่ได้ตายดีหรอกมึง ผมกำลังจะยกศอกสวนกลับเข้าให้ ดีนะที่ไอ้บ้านี่พูดขึ้นมาก่อน
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม!! รู้มั๊ยว่าผมเป็นห่วงพี่แค่ไหนอ่ะ ทำไมทำกับผมแบบนี้!!” เสียงตวาดดังลั่นที่ส่งมา ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเลยซะนิดกลับทำให้ผมยิ้มได้มากกว่า ตกลงว่า ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆใช่มั๊ย
“แกเองเหอะ!! ทำไมยังไม่กลับบ้าน มาอยู่ที่นี่ทำไม” ผมตวาดกลับ เข้มมาเราก็ต้องเข้มกลับซิ ผมสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแรง หันไปเผชิญหน้ากับเด็กตัวสูง ดูจากสภาพแล้วคงจะรีบมาสุดชีวิตเลยซิเนี่ย การมาตากฝนของผมครั้งนี้ดูท่าทางจะคุ้มทุนซะแล้ว
“ผมจะกลับได้ไง ...ในเมื่อพี่ยังไม่กลับ แล้วผมจะทิ้งพี่ไว้ได้ไง เดี๋ยวพี่เกิดไปเล่นของใส่ใครเขาล่ะ” เออเว้ย ขนาดสภาพแบบนี้ยังมีอารมณ์มากวนตีนอีกนะเนี่ย สงสัยเรื่องกวนนี่จะอยู่ในสันดาร
“อ้าว แล้วพี่จะไปเล่นของใส่ใครมันเกี่ยวอะไรกับแกล่ะ” ถึงจะเถียงกลับไป แต่รอยยิ้มที่ส่งกลับไปด้วยเพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เถียงไปไม่ได้จริงจังอะไรนัก ให้รู้ว่าแค่แหย่เล่นเท่านั้น
“เกี่ยวซิ ...เพราะพี่เล่นของใส่ผมแล้ว พี่ก็ต้องรับผิดชอบ ห้ามไปทำใส่คนอื่นอีก ทำได้กับผมคนเดียวเท่านั้น เข้าใจ๊??” เอาแล้วโว้ย ออร่าของพวกขี้หึงแผ่ออกมารอบตัวเชียว
“หนาวแล้วอ่ะ พี่อยากกลับคอนโดแล้ว ไม่มีแรงไปส่งแกหรอกนะ” ผมพุ่งเข้าไปกอดเด็กจอมกวนไว้เหมือนต้องการความอบอุ่น ทำตัวสั่นนิดหน่อยพอเป็นพิธี
“งั้นผมไปค้างกับพี่ล่ะกัน จะได้ดูแลพี่ด้วย ไม่สบายเปล่าเนี่ย ตัวสั่นเชียว แล้วตากฝนนานยัง ไป..รีบกลับกันเหอะ” เด็กน้อยของผมประคองผมให้เดินเร็วๆไปทางที่จอดรถ นี่ถ้าอุ้มได้คงจะอุ้มไปแล้วล่ะเนี่ย ต้องบอกว่า เข้าล็อคเป๊ะ การยอมตากฝน อาจะเป็นหวัดสองสามวัน แลกกับได้ค้างคืนกับผู้ชายคนนี้ ผมถือว่านี่ คุ้มทุนแล้วล่ะ ...น้องกาณ พี่ต้องขอโทษด้วยนะ โอกาสมาถึงพี่คงต้องชิงลงมือแล้วล่ะ
................................
ส่วนต่อไปมันเป็นNCนะคะ สำหรับตอนนี้ NCหนักนิดๆนะคะ
ใครอยากได้เชิญที่ห้องแห่งความลับ หรือหลังไมค์ที่พันทิพย์ หรือ@nansuku ในทวิตจะสะดวกสุดค่ะ
.......................
.............
ความคิดเห็น