ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ficแก้บน TonJames: To love and be loved is everything!!

    ลำดับตอนที่ #1 : Time

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 54


    Fic แก้บน : To love and be loved is everything!! ตอนที่1

    และนี่คือฟิคแก้บนนะคะ เนื่องจากกาน้ำบนสตูฯไว้พี่ต้นแชมป์ น้องหมีที่4 จะแต่งฟิค30ตอน แต่สำเร็จแค่ครึ่งเดียวก็จะแต่งครึ่งเดียวล่ะกันนะคะ 15ตอน คาดว่าจะลงสัปดาห์ละ2-3 ตอน แบ่งเป็นตอนพิเศษ 5 ตอน ตอนหลัก10ตอนนะคะ

    เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ Fic Ton&James You are Love แต่ถ้าจะอ่านเรียกฟิลก่อนก็จะดีมากค่ะ แนะนำๆ 555 http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=741957

    วันนี้กาน้ำขอเสนอแบบเบาๆก่อนนะคะ

     Fic แก้บน : To love and be loved is everything!! ตอนที่1 " TIME "

    ...เวลาเปลี่ยน

    ...หลายสิ่งเปลี่ยนตาม

    ...แล้วใจคนล่ะ จะเปลี่ยนด้วยมั๊ย

    .......................................................... ......................................................... .........................................................

     

    ณ ค่ำคืนแห่งชัยชนะ

    รถบัสแล่นผ่านไปตามถนน แสงไฟจากตึกรามบ้านเรือนในช่วงค่ำคืนใกล้เช้าแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ หลายคนบนรถกำลังหลับไหลเพราะความเหนื่อยล้า เราทำงานกันหนักมากจริงๆ ขาดอีก5ชั่วโมงเราจะทำงานกันครบ 24ชั่วโมง ซึ่งถือว่าหนักที่สุดที่ผมเคยเจอมาในชีวิต แต่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขที่สุด

    ถึงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้า แต่ผมไม่สามารถหลับลงได้ ตอนนี้ในตัวผมมีคลื่นอารมณ์หลากหลายวนเวียนไปทั่ว อารมณ์ของความยินดี อารมณ์ของความสุข อารมณ์ของชัยชนะ อารมณ์เหล่านี้วนเวียนไปมาทำให้ผมไม่สามารถหลับได้จริงๆ ยิ่งเมื่อเห็นแฟนคลับมากมายยืนรอส่งเราขึ้นรถทั้งๆที่เป็นเวลาเกือบสว่างแล้ว ผมยิ่งรู้สึกขอบคุณจริงๆ ดีใจมากดีใจจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีคนรักเรามากขนาดนี้

    มาคิดๆดูผมก็อดขำไม่ได้ แฟนคลับต่างฝากฝังให้ผมดูแลเจ้าหมี อย่าทิ้งน้อง จริงๆแล้วผมกลับคิดว่าควรจะฝากเจ้าหมีให้ดูแลผม อย่าทิ้งพี่มากกว่า ผมมองคนตัวใหญ่ที่นั่งเบาะด้านหน้า ความรู้สึกหลากหลายที่ไหลวนเวียนไปมาอยู่ในตัวผม นอกจากจะมีด้านสุขแล้ว ยังมีอีกด้านหนึ่งที่ผมเองยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ามันเรียกว่าอะไร กังวล เศร้า ทุกข์

    ผมขยับตัวนั่งหันหลังพิงกระจกรถ เอื้อมมือตัวเองไปลูบผมคนตัวใหญ่ที่อยู่เบาะหน้า เจ้าหมีคงจะนอนหลับแล้วเพราะผมสังเกตุเห็นเขาพิงหัวกับกระจกรถนานพอสมควรแล้ว บางความรู้สึกยากที่จะถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ เหมือนความรู้สึกของผมตอนนี้ “ไม่รู้ว่าแกจะรักพี่อย่างที่พี่รักแกมั๊ย” ผมทวนคำพูดของตัวเองไปมาในหัวหลายรอบ เป็นคำพูดที่ผมพูดกับเขาในคืนวันเปิดใจของทั้ง24 คน อันที่จริงก็เป็นเรื่องดีนะที่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด เพราะตัวผมเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนั้นเหมือนกัน

    ผมออกจากความคิดของตัวเองเมื่อมือหนาของคนที่คิดว่าหลับไปแล้วจับมือของผมที่ลูบหัวเขาไว้ เขาจับมือของผมไปพักไว้บริเวญไหล่หนา “พี่ต้น” เจ้าหมีหันหน้าเข้าหากระจกรถและเรียกผมเหมือนต้องการให้ผมคอยฟังสิ่งที่เขาพูดให้ดี ผมเอียงศรีษะไปทางเบาะด้านหน้าเพื่อให้เขารู้ว่าผมได้ยินและพร้อมจะรับฟังแล้ว “อย่าทิ้งผมนะ” เสียงที่คนตัวใหญ่พูดออกมาไม่ต่างไปจากเสียงกระซิบ แต่กลับดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวใจของผม

    ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงตอบเหวี่ยงๆไปว่าอย่าเวิ่น แต่ในเวลาที่โลกภายนอกรอเราอยู่แบบนี้ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมเพียงแค่บีบมือลงที่ไหล่หนานั้นหวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ผมแน่นอนที่จะทิ้งเจ้าหมีก่อน ผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่รักง่ายเบื่อเร็ว ผมก้าวผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว ผมถึงมั่นใจ ว่าไม่ใช่ผมแน่ที่จะเป็นคนทิ้งน้อง แต่น้องล่ะ จะทิ้งพี่ก่อนมั๊ยเป็นสิ่งที่คาดเดายากยิ่งกว่าการหาทางออกจากเขาวงกต ต่างจากความรู้สึกของผมเมื่อมีให้ใครสักคนแล้วมันจะมีแต่คงที่และมากขึ้นไม่มีน้อยลง

    วันใหม่ของพวกเราในชีวิตแห่งโลกภายนอก ชีวิตของความเป็นจริง การทำงานมากมายรอเราอยู่ วันนี้ผมต้องขึ้นโชว์กับเพื่อนๆอีกสองคน แพรว คชา อากาศค่อนข้างร้อน และชุดของผมก็ไม่เอื้ออำนวยกับอากาศร้อนๆซักเท่าไหร่ ผมนอนไม่พอตั้งแต่เมื่อคืนแถมเราต้องวิ่งๆเดินๆกันไกลๆอีก จนรู้สึกขอบคุณการได้วิ่งรอบสระน้ำตอนเช้ามันช่วยผมได้เยอะจริงๆ

    โลกภายนอกคือโลกของความเป็นจริง มีหลายสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข และมีหลายอย่างที่ทำให้ผมกังวล เมื่อโชว์จบลงผมสังเกตุเห็นใครบางคนในโลกของความเป็นจริง ผู้หญิงใส่หมวกคนนั้น ผมไม่ได้ว่าไม่ชอบน้องเขา ไม่ได้ว่าเกลียด ไม่ได้ว่ามีอคติอะไร แต่ผมกำลังรู้สึกหน่วงๆในใจ ถ้าเจ้าหมีมาเห็นผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ คงเอาแต่เวิ่นถึงแล้วลืมพี่ชายอย่างผมแน่ๆ

    ....

    ...

    ..

    .

    แล้วผมจะยอมให้เป็นแบบนั้นหรอ

    .

    ..

    ...

    ตอนนี้พวกเราทั้งสิบสองคนอยู่หลังเวทีเพื่อรอคิวโชว์ตัวบนเวที ผมเห็นน้องผู้หญิงใส่หมวกคนนั้นอีกครั้งและมั่นใจว่าเจ้าหมีก็ต้องเห็นแล้ว เพราะเขาอยู่ข้างๆผมตลอดเวลาตั้งแต่ในห้องเก็บตัวจนถึงหลังเวที “พี่ต้นๆ คนนั้นมาด้วยแหละ” เป็นปฏิกิริยาที่ผมคาดเดาไว้แล้ว ก็ยังดีที่เขาแค่สะกิดผมให้ดูไม่ได้ถึงขนาดดีใจออกนอกหน้าอะไร ผมเงียบ ไม่ตอบรับหรือเออ อออะไรออกไป คนตัวใหญ่คงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาย่อตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่เพื่อดูว่าเป็นอะไร

    “พี่รู้สึกไม่สบายอ่ะ เหมือนจะเป็นลมเลย” ผมไม่ได้โกหกนะผมรู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ หลังเวทีคนเยอะมาก และรอนานมาก แต่จริงๆแค่นี้ไม่สามารถทำให้ผมเป็นลมได้หรอก

    เขาขยับขึ้นมานั่งข้างๆผม โดยไล่เฟรมให้ขยับเก้าอี้ไปอีกตัว คนตัวใหญ่ใช้มือของตัวเองทำเป็นพัดโบกไปมาเหมือนจะเรียกลมให้ผม

     “เรียกพี่ทีมงานมั๊ย” เขาถาม น้ำเสียงแห่งความห่วงใยฉายชัดจนผมรู้สึกผิดเล็กๆ

     “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะขึ้นโชว์ตัวแล้ว อย่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายเลยน่า” ผมยิ้มให้เจ้าหมี ให้เขารู้สึกได้ว่าผมยังไหวอยู่

    “อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอ่มไอดังขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองตามเสียงเห็นคชากับแอ้นมองมาที่ผมแบบนิ่งๆคนหนึ่ง ยิ้มๆคนหนึ่ง สองคนนี้น่ากลัวกว่าที่คิดนะเนี่ย ผมคงต้องระวังตัวมากกว่านี้ซะแล้วซิ

    และทุกอย่างก็เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อเจ้าหมีคอยดูแลอยู่ข้างๆผมตลอดเวลาไม่ห่าง เราจะห่างกันก็ต่อเมื่อเป็นคิวงานที่ต้องแยกกัน หลังจากงานโชว์ตัวจบลงพี่ทีมงานพาพวกเราไปกินข้าว เจ้าหมียังคงปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีด้วยการนั่งข้างๆ คอยตักนู้นตักนี่ให้กิน บอกให้ผมกินเยอะๆจะได้มีแรงทำงาน เนี่ยล่ะนะเด็กวัยรุ่น จะให้ความสนใจกับอะไรใกล้ตัวเป็นพิเศษ อย่างไรคนใกล้ตัวย่อมสำคัญกว่าคนไกลตัว คนเจอหน้ากันทุกวันย่อมสำคัญกว่าคนที่แทบไม่ได้เจอหน้ากัน

    ถึงต่อไปเขาจะเวิ่นเว้อเรื่องของน้องผู้หญิงคนนั้นผมก็จะไม่ว่าอะไร เพราะผมเข้าใจวัยแบบเขาจำเป็นต้องมีเรื่องพวกนี้ตามสมัยนิยมเพราะไม่อย่างงั้นคงจะโดนเพื่อนๆวัยเดียวกันมองว่าแปลก

    หลายๆคนบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเหมือนความฝัน เป็นเพียงความฝันที่สวยงาม พอเราลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะจบไป ผมกลับไม่คิดแบบนั้น เพราะมีบางสิ่งที่เป็นจริงตลอดมา ตั้งแต่ก่อนสามเดือนในบ้าน ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา และจากนี้ตลอดไป ความรู้สึกห่วงหาอาทรที่เรามีให้กันไม่ใช่ภาพลวงตา ไม่ใช่ความฝัน ผมมั่นใจ ผมมองคนตัวใหญ่ข้างกาย แววตาของความห่วงใยที่แสดงกลับมาทำให้ผมเชื่อว่า เจ้าหมีน้อยคนนี้คงจะไม่ทำลายความมั่นใจของผมแน่นอน

    .......................................................... ......................................................... .........................................................

    ...เวลาเปลี่ยน

    ...หลายสิ่งเปลี่ยนตาม

    ...แต่ใจผมไม่เปลี่ยนตามเวลาแน่นอน

     

    แนะนำติชมกันมาได้นะคะ ยินดีรับทุกคำแนะนำค่ะ รักชาวสตูฯทุกคนนนนนน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×