ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #6 : สองผู้มีอิทธิพล

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 53


                 กีรติกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับรถตำรวจ เธอหันสภาพร้านที่มันเละเทะแล้วแทบจะเป็นลม แต่พอเห็นร่างของเพื่อนสาวที่กำลังเก็บกวาดร้านอยู่คนเดียวในสภาพมอมแมมเสื้อผ้าเปื้อนเลือดก็ตกใจ รีบถลาเข้าไปหาทันที

                    “ไอ้โรส แกเป็นยังไงบ้าง โดนพวกมันทำอะไรบ้างเนี่ย คุณตำรวจค่ะ เพื่อนของดิฉันถูกทำร้าย นี่แกถูกพวกนั้นรุมโทรมพร้อมมินจูด้วยหรือเปล่า!?!”กีรติโวยวายลั่น ทำให้นายตำรวจสองนายที่ตามมาด้วยวิ่งเข้ามาหาอย่างตกใจ

                    “ฉันไม่ได้เป็นอะไร แกจะโวยวายทำไม อีบ้า!

                “ถ้าแกไม่เป็นอะไร แล้วรอยเลือดนี่มาจากไหน”กีรติชี้ไปที่เสื้อของเพื่อนสาว ที่มันเปรอะเปื้อนเลือดจนแทบจะซักไม่ออก

                “นี่เป็นเลือดของคุณมินจู ฉันไมได้เป็นอะไรเลย”

                    “เป็นไปได้ยังไง ผู้ชายมาเป็นสิบแต่แกกลับไม่เป็นอะไรเลย”

                    “ที่ฉันไม่เป็นอะไรเลย ก็เพราะ...”เธอลากเสียงยาวๆก่อนที่จะหยิบคมแฝกที่วางอยู่ไม่ไกลนักขึ้นมา

                    “คมแฝก! นี่แกเป็นคมแฝกด้วยหรอ”กีรติถึงกับอึ้ง

                    “ก็...นิดหน่อย”

                    “นี่แกอย่ามาเวอร์นะ คมแฝกมีแต่ในละครเท่านั้นล่ะ”

                    “ใครบอก วิชาคมแฝกน่ะของจริง เพราะว่าฉันชอบนี่แหละ ถึงได้ลองหัด ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาสได้ใช้จริงๆ”เธอมองคมแฝกในมืออย่างชื่นชม

                    “ฉันนึกว่าแกจะบ้าละครเฉยๆ แต่ไม่นึกเลยนะ ว่าแกจะเป็นเอามากขนาดนี้”

                    “สงสัยวิญญาณ แสน ราชสีห์ คงจะเข้าสิงล่ะมั้ง ฮ่าๆ”

                    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พรุ่งนี้คงจะเปิดร้านไม่ได้แน่ๆ ข้าวของพังแบบนี้”กีรติมองสภาพของร้านอย่างเซ็งๆ

                    “นี่แกไม่โกรธฉันเลยหรอ ที่ฉันทำให้ร้านของเราต้องพังแบบนี้”

                    “ไอ้โกรธมันก็โกรธอยู่หรอก แต่แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าวของพังไปก็หาซื้อใหม่ได้ แต่เพื่อนอย่างแกเป็นอะไรไปมันหาใหม่ไม่ได้โวย”

                    “เจีย ฉันรักแกที่สุดเลยวะ”รัตเกล้าซึ้งในคำพูดของเพื่อนรัก เธอกระโดดกอดกีรติอย่างรักใคร่

                    “ยี้! อีบ้า ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น”กีรติร้องลั่น

                    “ขอบใจจริงๆเพื่อน”รัตเกล้าซึ้งจนน้ำตาคลอ

                                    ...........................................................................

                    หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงแล้ว ตำรวจที่มาสอบปากคำสองสาวก็พอจะทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท จนทำให้ร้านของพวกเธอพังพินาศแบบนี้ ตำรวจทั้งสองนายได้เล่าให้พวกเธอฟังว่า ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้มีสองตระกูลซึ่งมีอิทธิพลล้นฟ้า แต่ทั้งสองตระกูลกลับเป็นคู่อริกันมานานหลายชั่วอายุคน จึงไม่แปลกะไรที่ทั้งสองตระกูลจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันให้เห็นเป็นประจำ และตำรวจอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรกับทั้งสองฝ่ายเช่นกัน

                    “มิน่าล่ะ ผู้ชายคนนั้นถึงได้เรียกคุณมินจูว่านายหญิง”รัตเกล้าพึมพำออกมาหลังจากที่ไปส่งตำรวจทั้งสองนาย กลับขึ้นรถ

                    “ฟังจากที่แกเล่ามา ฉันว่ายัยมินจูนี่ท่าทางจะใหญ่โตน่าดูเนอะ”กีรติว่า

                    “ว่าแต่ว่า แล้วพี่เหมยลี่ล่ะ”รัตเกล้าเอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีใครหายไปคนหนึ่ง

                    “ฉันให้กลับบ้านไปแล้วล่ะ”

                    “ท่าทางพี่แกคงจะกลัวมากๆ”

                    “อืม ฉันสั่งพี่เหมยลี่แล้วล่ะ ว่าไม่ให้โทรบอกป๊ากับม๊าที่เมืองไทย ฉันไม่อยากให้พวกท่านมาเป็นห่วงว่ะ”

                    “ก็จริงของแก”

                    สองสาวช่วยกันเก็บกวาดภายในร้านกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบตีหนึ่ง รัตเกล้าปิดประตูลงกลอนหน้าร้านอย่างหนาแน่น ก่อนที่จะขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง เธอมองไปรอบๆห้องก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มที่เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน ห้องนอนมันก็เดิมๆแต่ทำไมความรู้สึกมันถึงได้เปลี่ยนไปนะ เธอลูบไล้ฟูกนอนที่ก่อนหน้านี้เคยมีใครคนอื่นมานอนทับไว้ และคนๆนั้นก็ได้ไปจากที่นี่แล้ว ผู้หญิงคนนั้น คนที่มีรอยสักรูปมังกร คงจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว รัตเกล้าสลัดความคิดประหลาดนั้นออก แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนจนหลับสนิทไปในที่สุด

     

                    โครม! เสียงทุบโต๊ะดังสนั่นออกมาจากห้องทำงาน พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด จ้าวสื่อลงโทษลูกน้องที่ทำงานผิดพลาดด้วยความโมโห ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนลงไปนอนกองอยู่กับพื้นด้วยฤทธิ์หมัดทอนาโดของผู้เป็นนาย

                    “พวกแกมันไมได้เรื่อง อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกแกยังทำพลาดได้”

                    “แต่นายครับ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้นมายุ่งล่ะก็ จางมินจูได้กลายเป็นศพไปแล้ว”ต้าอี้ว่า

                    “ผู้หญิงคนนั้น ใคร!?!

                    “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่านังนั้นมันมีฝีมือพอตัว พวกลูกน้องผมโดนนังนั้นอัดซะกระเจิง ไม่เชื่อก็ลองถามคุณเถาไปไปดูสิครับ”หันไปมองร่างผอมที่นั่งเงียบๆอยู่ใกล้ๆ

                    “ผู้หญิงคนนั้น มันเป็นใครกันท่านเถาไปไป”จ้าวสื่อหันไปถามอย่างอยากรู้

                    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน กระบวนท่าที่นางใช้ ข้าเองก็ไม่เคยพบ”เถาไปไปกุมที่ท้องน้อยของตัวเองอย่างนึกถึงคนที่ทำให้มันเจ็บปวดอยู่อย่างนี้

                    “ท่านเป็นถึงยอดฝีมือ ทำไมถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายได้ล่ะ”

                    “หือ!ข้าไม่ได้ปล่อย แต่เพราะข้าสงสัยว่ากระบวนท่าที่นางใช้มันมาจากไหน ทั้งความเร็วและความแรงที่สามารถโจมตีศัตรูได้อย่างแม่นยำ และทรงอนุภาพขนาดนี้”เถาไปไปทุบโต๊ะอย่างขัดใจ

                    “จะยังไงก็ช่าง ท่านจะต้องฆ่าจางมินจูให้ได้ เพื่อเอาเลือดของสกุลจางมาล้างอายให้สกุลโจวให้ได้”จ้าวสื่อสั่งเสร็จก็เดินออกไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ทิ้งให้เถาไปไปนั่งเงียบอยู่ตามลำพัง

                   

    มินจูถูกนำตัวมารักษาตัวอยู่ในโรงแรมใหญ่ในเมืองเซียะเหมินซึ่งเธอเป็นเจ้าของนั้นเอง เฉินลองมองร่างที่นอนนิ่งของผู้เป็นนายอย่างเป็นห่วง แต่สีหน้าของเขานิ่งราวกับไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ โดยมีหนี่วาลูกสาวคนเดียวของเขาที่กำลังจัดการทำแผลให้กับร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณพ่อ ที่เหลือก็คงต้องรอให้นายหญิงฟื้นเท่านั้นค่ะ”หนี่วาหันไปบอกกับบิดาที่นั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง

    เฉินลองพยักหน้ารับ พลางนึกถึงวินาทีที่เขาเข้าไปช่วยเจ้านายสาว หากว่าเขาเข้าไปไม่ทันผู้สืบทอดตระกูลจางที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคงต้องวายชีวาเป็นแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงหน้าที่ตระกูลผู้พิทักษ์จะต้องเสื่อมเสียเกียรติในรุ่นของเขาแน่ๆ คนตระกูลเฉินมีหน้าที่ดูแลและพิทักษ์สกุลจางมาหลายร้อยปีแล้ว เพราะตระกูลจางและตระกูลโจวเป็นศัตรูคู่อริกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตระกูลจางจึงได้คัดเลือกผู้มีฝีมือจากหลายตระกูลที่มีฝีมือชาญยุทธ์ เพื่อปกป้องและคุ้มครองลูกหลานตระกูลจาง และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในครั้งนั้นก็คือตระกูลเฉินนั้นเอง

    เฉินลองยังจำวันสุดท้ายที่เขาได้ปกป้องเจ้านายคนก่อนได้ดี จางคูมิน ผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท หากว่าวันนั้นเขาไม่เสียทีกลลวงของพวกตระกูลโจว จนจางคูมินต้องเข้ามาปกป้องเขาแทนแล้วล่ะก็...

    “ลอง มันไม่ใช่ความผิดของนาย”ริมฝีปากที่อาบไปด้วยเลือดกระซิบบอกเขา

    “นายท่าน! อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะครับ ผมจะพาท่านไปหาหมอ”

    “ฉันรู้ตัวดี ว่ามันสายไปแล้ว ลอง ฉันขอฝากมินจูด้วยนะ นายเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจที่สุด...”สิ้นเสียงใบหน้าที่ซีดเผือกของจางคูมินก็สงบนิ่งลง

    “นายท่าน!

    ร่างใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือบางของหนี่วาแตะที่แขนอย่างเป็นห่วง เขาหันไปมองหน้ลูกสาวพร้อมกับตบที่มือเรี่ยวเบาๆ

    “หนูรู้นะค่ะ ว่าคุณพ่อกำลังโทษตัวเองอยู่”

    “เพราะพ่อต่างหาก ถ้าวันนั้นพ่อออกมาพร้อมกับนายหญิงด้วย นายหญิงก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอก”

    หนี่วากอดแขนบิดาอย่างปลอบใจ ก่อนที่จะหันไปมองร่างที่นอนอยู่บนตื่น ดวงตาเล็กเรียวของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างที่นอนนิ่งเริ่มมีการตอบสนองแล้ว

    “นายหญิง!

    “แค่กๆ...อ่า...”ร่างบางขยับจะลุก หนี่วารีบถลาเข้าไปช่วยประคองให้เธอได้นั่งในท่าที่สบาย

    “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”มินจูเอ่ยถามบอดี้การ์ดคนสนิท

    “คนของเราได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่นายหญิงนี่สิ แผลเก่าของนายหญิงเพิ่งทุเลาแต่ก็มีแผลใหม่เกิดขึ้นมาอีกจนได้ ขออภัยด้วยนะครับที่ผมไปช้า”ชายผู้มีวัยวุธสูงกว่าโค้งให้ รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

    “มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก พวกนั้นมันหมาลอบกัด มันโรยตะปูเรือใบไว้ทำให้ยางรถฉันแบน มันอาศัยจังหวะที่ฉันเผลอเข้ามารุมทำร้ายฉัน ชิ!คราวหน้าฉันจะคิดบัญชีกับพวกมันให้หมดเลย”มินจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระด้าง

    “รักษาตัวเองก่อนเถอะนะค่ะ นายหญิง”หนี่วาว่า มินจูหันมาส่งสายตาเรียบเฉยแต่แฝงความอ่อนโยนให้เธอ ก่อนที่จะหันกลับไปที่ร่างใหญ่อีกครั้ง

    “จริงสิ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากให้นายช่วย”เฉินลองมองหน้านายสาวพร้อมรับคำสั่ง

    “คนที่ช่วยชีวิตฉัน นายช่วยตอบแทนเธอแทนฉันที”

    “น้อมรับคำสั่ง...”เขาโค้งให้อีกครั้งดุจรับราชองค์การจากฮองเต้ ก่อนที่ออกจากห้องไปเหลือไว้แต่หนี่วา

    “คนที่ช่วยเหลือนายหญิง เป็นคนยังไงค่ะ เล่าให้ดิฉันฟังหน่อยจะได้มั้ยค่ะ”ร่างบางข้างเตียงเอ่ยถามอย่างสนใจ

    “คนที่ช่วยชีวิตฉันน่ะหรอ เธอเป็นคนไทย ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ธรรมดา”มินจูกระตุกยิ้มเล็กน้อย

    “เอ๋? ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา”หนี่วามองหน้ามินจูอย่างงงงัน

    “หึๆ ช่างเถอะ”หนี่วามองนายหญิงของเธอที่นั่งหลับตานิ่ง หัวเราะในลำคอเบาๆอย่างแปลกใจ แต่เธอก็ไมได้ถามอะไรอีก

     

    ร้านอาหารจานด่วนเปิดขึ้นอีกครั้งในอีกสองวันต่อมา ลูกค้านักศึกษายังคงแน่นร้านเหมือนเดิม แต่ลูกค้าบางคนมาที่ร้านเพราะทราบข่าวการวิวาทของสองตระกูลใหญ่ แต่ถึงอย่างไรแม่ค้าก็ย่อมเป็นแม่ค้าอยู่วันยังค่ำ สองสาวตั้งใจกอบโกยกำไรให้คุ้มกับต้องเสียไปหลายตังในการปรับปรุงร้าน รถยนต์คันใหญ่สีดำแล่นเข้ามาจอดเทียบบริเวณหน้าร้าน ร่างกำยำในชุดสูทสีดำเดินเข้าเข้าร้าน ทุกคนที่ยืนเข้าแถวอยู่ด้านนอกถึงกับหลีกทางให้ชายแปลกหน้าแทบจะไม่ทัน กีรติถึงกับผวารีบไปหลบอยู่ข้างหลังกับเหมยลี่ รัตเกล้าที่กำลังยุ่งอยู่ที่หน้าเคาเตอร์เหลือบขึ้นไปมองนิดนึง เธอจำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่เข้ามาเอาตัวมินจูไป แต่เพื่อความมั่นใจเธอจึงมุดลงไปข้างใต้เคาเตอร์แล้วกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับคมแฝก

    “นายเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรที่นี่”เธอถามเสียงกระด้าง พร้อมกับกับพาดคมแฝกไว้ที่บ่าเหมือนข่มขวัญ

    ทุกคนในร้านเงียบสนิทหันไปมองนักเลงสาวเป็นตาเดียวกัน บางคนกลัวว่าจะมีเรื่องก็ลุกขึ้นหนีออกจากร้านไป

    “เอ้า!มีอะไรก็รีบๆพูดมา เห็นมั้ยลูกค้าฉันหนีกันหมดแล้ว”รัตเกล้ายังคงเอ่ยถามชายคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว

    “ต้องขอโทษด้วย หากผมมารบกวน แต่ที่ผมมาในวันนี้เพราะผมจะมาขอบคุณและมีของเล็กๆน้อยๆจากนายหญิงจางมินจูมาให้”เฉินลองแจ้งจุดประสงค์พร้อมกับเอากระเป๋าใบเล็กที่ถือมาเปิดออกให้เธอดู

    ในกระเป๋ามีธันบัตรปึกใหญ่อยู่สองปึก กีรติถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้เห็น เธอรีบตรงเข้าไปรับกระเป๋าแทนรัตเกล้าทันที

    “นี่เป็นค่าเสียหาย และค่าทำขวัญของพวกเราสินะ ให้เสร็จแล้วก็รีบๆออกไปสิ เดี๋ยวลูกค้าก็หนีหมด”กีรติออกปากไล่กอดกระเป๋าเงินแน่น

    เฉินลองเหลือบไปมองรัตเกล้าด้วยหางตาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เละเมื่อเมฆดำผ่านไปฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้ง ลูกค้าที่เหลืออยู่ต่างก็ให้ความสนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาก และหนึ่งในนั้นก็รวมน้องปูด้วย

    “ที่ว่า...ก็เป็นความจริงสิค่ะ พี่โรส เจ็เจีย”น้องปูที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างนอกถลาเข้ามาในร้าน

    “ไปได้ยินอะไรมาอีกล่ะ”รัตเกล้าหันมาถาม

    “ก็เขาบอกว่าร้านพี่ เป็นร้านที่อยู่ในความคุ้มครองของตระกูลจางไง”

    “เฮ้อ...ข่าวลือนี่น่ากลัวจริงๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบ!”รัตเกล้าตัดบทแล้วกลับเข้าไปประจำตำแหน่งที่เคาเตอร์ต่อ โดยไม่สนใจใบหน้าที่ผิดหวังของเด็กรุ่นน้อง

     

    รัตเกล้าเก็บกวาดหน้าร้านพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา เธอเหลือบไปมองเพื่อนสาวที่กำลังนั่งตรวจนับธนบัตรในกระเป๋าที่ได้มาจากผู้ชายคนนั้น เธอถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะกลับเข้าไปหลังเคาเตอร์เพื่อเก็บกวาด

    “ยัยมินจูนี่ รวยของจริงวะ ดูสิ เงินที่เขาให้เรามาหักค่าเสียหายแล้วยังเหลือเป็นค่าทำขวัญพวกเราตั้งเยอะ”กีรติโพล่งออกมาขณะที่ยังเอานิ้วเกลี่ยธนบัตร

    “แกก็รวย แล้วจะไปเอาของๆเขามาทำไมอีก”เธอแขวะ

    “แต่ตอนนี้ฉันจน แล้วเงินที่เขาให้เรามามันก็สมควรแล้ว เพราะข้าวของๆเราเสียหาย แกก็น่าจะรู้นี่ว่าอยู่ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเรานะ มันต้องกินต้องใช้ทุกอย่างเป็นเงินไปหมด แล้วเงินส่วนที่เหลือเนี่ย เราก็แบ่งกัน”กีรติส่งธนบัตรที่เหลือซึ่งเป็นส่วนของรัตเกล้าให้

    “เหลือเยอะขนาดนี้เลยหรอ”เธอว่าเมื่อตรวจนับธนบัตรที่ได้มา

    “นี่แหละนิสัยคนรวยล่ะ เยอะพอที่แกจะได้ใช้ไปอีกเดือน แถมมีเก็บส่งไปให้ที่บ้านอีก ไม่ดีหรอไง””

    “ก็จริงของแก แต่ช่วงนี้พวกเราก็ต้องระวังตัวหน่อยนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น ฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครมาจ้องมองยังไงก็ไม่รู้”

    “ใคร!พวกนั้นหรอ”กีรติเริ่มรู้สึกกลัว

    “ไม่รู้สิ แต่ฉันคงจะคิดมากไปเอง เรื่องบ้าๆมันจบลงไปแล้ว ก็คงไม่มีใครมายุ่งกับพวกเราอีกแล้วล่ะ”

    “ก็ขอให้มันจริงอย่างที่แกพูดเถอะ ฉันจะได้ไม่ต้องนอนผวาอีก”กีรติจัดการเก็ยสมุดบัญชี และรวบรวมเงิรที่ได้จากการค้าขายในวันนี้ใส่กล่องนิรภัยเหมือนอย่างเคย

    “ว่าแต่ว่า วันเกิดน้องปูจะเอายังไง น้องเค้ามาขยั่นขยอให้ไปงานอยู่นี่”

    “เมื่อไหร่หรอ?”รัตเกล้าหันไปถาม

    “อาทิตย์หน้า ฉันว่าพวกเราน่าจะไปเปิดหูเปิดตาด้วยนะ เพราะตั้งแต่แกมาที่นี่ พวกเรายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย”

    “เอาสิ แล้วจะไปจัดกันที่ไหนล่ะ”

    “รู้สึกว่าจะเป้นคลับเปิดใหม่นะ มีห้องคาราโอเกะแล้วก็มีห้องรวมเอาไว้แดนซ์ด้วย”กีรติว่า

    “แต่ฉันไม่มีชุดใส่ เอาไงดี”

    “ก็เงินค่าทำขวัญไง เอาไปช็อปเสื้อผ้ากันเถอะ เอางี้ ก่อนวันเกิดฉันจะปิดร้านพาแกไปเดินพาร์ค”

    “เที่ยวได้ แต่อย่าแพงนะ ฉันไม่ชอบของแพง”

    “เอาน่า นานๆที”กีรติหันไปบ่นเพื่อนขี้งก ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับวาดแผนการช็อปปิ้งแสนสนุกในวันนี้จะมาถึงนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×