ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #3 : ผู้หญิงที่มาพร้อมรอยสักรูปมังกร

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 52


                ตลาดสดยามเช้าในเมืองเซียะเหมิน สองสาวจากต่างแดนกำลังช่วยกันหอบหิ้วถุงช๊อปปิ้งไปจัดวางไว้ที่ตะกร้าหน้ารถจักรยานไฟฟ้า รัตเกล้าจัดการตรวจเช็คของที่ซื้อมาอีกครั้งอย่างละเอียด ก่อนที่จะควบรถจักรยานไฟฟ้าประจำตำแหน่ง ตามมาด้วยกีรตินั่งซ้อนท้ายซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกๆเช้า รัตเกล้าได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศจีนได้เดือนกว่าๆแล้ว เธอเริ่มชินกับตอนเช้าที่แสนจะวุ่นวายกับการจัดเตรียมเมนูอาหาร สำหรับลูกค้าและการจ่ายตลาด ร้านอาหารของกีรติเปิดอย่างเป็นทางการแล้วตามความฝันเล็กๆของเธอ โดยมีรัตเกล้าที่ถูกถ่ายทอดฝีมือในการทำอาหารจากมารดาเป็นหัวเรือใหญ่ในการปรุงอาหาร กีรติกับเหมยลี่ช่วยเตรียมเครื่องปรุงและส่วนประสมต่างๆก่อนที่จะออกไปจัดหน้าร้าน เพื่อเตรียมตัวต้อนรับลูกค้าที่จะออกมาหามื้อกลางวันแสนอร่อยรับประทาน ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านจะเป็นนักศึกษาจากประเทศไทยที่คิดถึงอาหารบ้านเกิด และนักศึกษาต่างชาติที่ถูกเพื่อนคนไทยชักชวนกันมา ร้านเล็กๆของพวกเธอจึงแน่นทุกวันชนิดที่ว่าต้องยืนรอต่อคิวกินเลยก็ว่าได้ และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่รัตเกล้ายุ่งจนแทบจะหมดแรง

                    “แกไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันกับพี่เหมยลี่จะจัดการเอง”กีรติส่งผ้าเย็นให้เธอที่ยืนเหงื่อตกอยู่หน้าเตา

                    “งั้นฉันออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อแถวๆนี้นะ”

     

                    รัตเกล้าเดินหิ้วถุงขนมออกมาหยุดอยู่ที่ถนนเลียบชายฝั่งทะเล อากาศกำลังเย็นสบายแม้จะอยู่ในช่วงบ่าย ผิดกับอากาศร้อนตับแตกของเมืองไทยโดยสิ้นเชิง เธอปีนขึ้นไปนั่งบนผนังกั้นระหว่างชายฝั่งกับถนนลาดยาง เธอแกะห่อช๊อกโกแลตแทงออกมากัดทีละนิดแล้วเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แม้ในวันหนึ่งๆของเธอจะยุ่งมากแค่ไหนแต่พอเวลาอยู่คนเดียวทีไร เธอก็จะนึกถึงคนๆนั้นทุกที แม้ว่าเขาจะทำให้เธอเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

                    “คุณจะคิดถึงฉัน อย่างที่ฉันคิดถึงคุณมั้ย?”

                    ท้องทะเลเบื้องหน้าทำให้เธอคิดถึงความหลังเมื่อวันวาน เสียงหัวเราะและเสียงหยอกล้อของคนๆนั้นมันยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ คำบอกรักที่เขากระซิบบอกเธอก่อนนอนมันฝั่งลึกลงไปข้างในหัวใจ ภาพความหลังเก่าๆทำให้น้ำในตาไหลออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                    “โรส! มาอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”เสียงของกีรติทำให้รัตเกล้ารีบปาดน้ำตาออก

                    “โทษทีเพื่อน ที่ร้านยุ่งอยู่อีกหรอ”

                    “ไม่แล้วล่ะ ฉันมาตามแกกลับ วันนี้ฉันจะพาแกออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไปกินอาหารจีนกัน”

                    “กินอาหารจีนหรอ แกจะพาฉันไปไหนล่ะ กินแถวๆนี้ก็ได้”

                    “จะบ้าหรอ ป๊ากะม๊ามาดูกิจการของเรา ฉันก็เลยจะพาแกไปกินอาหารจีนที่ร้านใหญ่เลย ปะรีบกลับกันเถอะ ป๊ากะม๊ารอแกคนเดียวเลยนะเนี่ย”ว่าแล้วกีริตก็จูงมือรัตเกล้ากลับบ้านไปพร้อมๆกัน

                   

    รัตเกล้าได้รับความเอ็นดูจากบิดามารดาของกีรติมาก เพราะความเป็นคนขยันทำงานของเธอที่พวกเธอเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต เลยทำให้พวกท่านให้ความสำคัญกับเธอเหมือนลูกสาวอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น

    สองสาวกลับเข้าห้องนอนของตัวเองทันทีเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แต่รัตเกล้ายังคงตื่นอยู่ เธอนั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กที่เธอยืมมาจากกีรติ เธอเข้าไปดูในhi5ของตัวเองที่ไม่ได้สนใจเลยตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่นี่ คอมเม้มต์จากเพื่อนและน้องๆทำให้ใบหน้าของเธอถูกแต้มด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง เธอตอบคอมเม้มต์ไปพลางยิ้มไปพลางทุกคอมเม้มต์  ก่อนที่จะเข้าไปดูhi5ของคนๆนั้น สถานการณ์ของเขายังคงเหมือนเดิมคนที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยยังคงมีรายชื่ออยู่บนtop friend หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบคั้นเมื่อข้อความบอกรักจากเจ้าของhi5กับเธอคนนั้นปรากฏให้เห็นหลายข้อความ เธอรีบปิดหน้าต่างhi5แล้วถึงเอาโปรแกรมmsnขึ้นมาแทน การปรากฏตัวของรัตเกล้าในโลกออนไลน์ทำให้เพื่อนๆที่ออนอยู่ก่อนหน้านี้ เข้ามาทักทายเธอกันอย่างพร้อมเพียร เธอส่งข่าวสารบอกเพื่อนๆทุกคนก่อนที่จะขอตัวไปนอน เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

     

    เที่ยงวันของวันถัดมา ที่หน้าร้านยังคงยุ่งเหมือนเดิมรัตเกล้าตักกับข้าวเสริฟแทนไม่ทัน จนน้องๆนักศึกษาที่มาเป็นขาประจำต้องลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเอง

                    “พี่โรสเนี่ย ทำกับข้าวอร่อยแบบนี้ สงสัยแฟนจะรักตายเลยนะเนี่ย”น้องปูนักศึกษาสาวที่มาเป็นขาประจำจนสนิทกับพวกเธอไปแล้วเอ่ยแซว

                    “เราก็พูดเกินไป ถ้ามันรักพี่จริงมีหรือที่พี่จะมาทำขายให้พวกเรากินกันแบบนี้”เธอตอบกลับตามประสาคนคุยสนุก

                    “งั้นแสดงว่าพวกเราต้องรักพี่มากๆ พี่จะได้ไม่ทิ้งพวกเราไปทำกับเข้าให้คนอื่นกิน”

                    “แหม พวกเธอนี่ สรุปว่ารักพี่เพราะเห็นแก่กินว่างั้น”

                    ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน กีรติก็พลอยหัวเราะไปกับเค้าด้วยรู้สึกโล่งใจที่เพื่อนสาวหายจากความเศร้าเสียใจได้แล้ว

                    “ดีจริง ที่แกหัวเราะได้แบบนี้อีก”กีรติหันไปเอ่ยกับเธอระหว่างที่เดินเอาจานที่เก็บมาใส่อ่างล้างด้านหลัง

    “ฉันหัวเราะแบบนี้มาได้ตั้งนานแล้ว เดี๋ยวมานะ ฉันจะเอาขยะไปทิ้ง”เธอหันมาส่งยิ้นกวนๆก่อนที่จะหยิบถุงขยะสีดำออกไปทางประตูด้านหลังของร้าน

    ตึง!เสียงถังขยะที่อยู่ด้านข้างตึกล้ม รัตเกล้าตกใจหันไปมองตามเสียงพอเห็นว่าเป็นแค่ฝาถังขยะกลิ้งลงมา เธอจึงเดินเข้าไปเก็บขึ้นไปวางไว้ที่เดิม จังหวะนั้นๆเองสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งหอบหายใจแรงๆอยู่ข้างๆถังขยะ หญิงสาวคนนั้นหันมาสบตากับรัตเกล้าพอดี เธอแทบจะหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้หญิงคนนั้น ร่างบางที่นั่งหอบพุ่งถลาเข้ามาผลักร่างของรัตเกล้าให้หลบที่มุมกำแพง พร้อมกับเอามือปากเธอแน่น

    “เงียบก่อน...”เสียงแหบๆของคนตัวสูงกระซิบข้างหูเธอ

    เสียงฝีเท้าหนักๆหลายเสียงดังเข้ามาใกล้ๆ รัตเกล้ารู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจจากร่างสูงที่มันเต้นแรงจนเธอได้ยินเสียงชัดเจน สายตาของร่างสูงกำลังมองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงฝีเท้านั้นอย่างระแวงภัย

    “เฮ้ย!หายไปไหนว่ะ เมื่อกี้ยังเห็นเข้ามาในนี้อยู่แว้บๆ”เสียงหนึ่งดังจากอีกด้านของกำแพง

    รัตเกล้ายืนตัวแข็ง เมื่อมือที่ปิดปากเพิ่มแรงกดมากยิ่งขึ้น ไม่นานเสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไปจนเงียบสนิท ร่างสูงจึงคลายมือออกพร้อมกับทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้น

    “คุณ!เป็นยังไงบ้างค่ะ”รัตเกล้าตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาดูอากาของคนที่นั่งหมดแรงอยู่กับพื้น

    ร่างบางที่เต็มไปด้วยเลิอดเริ่มมีสีหน้าซีดลงจนเธอตกใจ รัตเกล้ารีบประคองร่างสูงให้ลุกขึ้นแล้วลากพาเข้าประตูหลังร้านไป

     

    “เจีย! พี่เหมยลี่! ช่วยด้วยค่ะ”เสียงตะโกนของรัตเกล้าทำให้กีรติรีบวิ่งมาดู และก็ต้องตะตึงเมื่อเพื่อนสาวหิ้วปีกร่างที่เติมไปด้วยเลือดก็แทบจะเป็นลม

    “เอ้า!อีนี่ ให้มาช่วยไม่ใช้ให้มาเป็นลมล้มไปอีกคน ฉันเป็นคนนะไม่ใช่ซูปเปอร์วูแมน จะได้ช่วยได้ทีเดียวสองคน”รัตเกล้าว่า

    “ก็ฉันเห็นเลือดไม่ได้นี่ แล้วคนนี้เค้าเป็นอะไร ตายหรือเปล่า””กีรติมองไปที่ร่างบางนั้นอย่างตื่นๆ

    “ยังไม่ตาย แต่ถ้าไม่ช่วยกันห้ามเลือดล่ะกัน ได้ตายจริงๆแน่”

    เหมยลี่รีบเข้ามาช่วยเธอประคองร่างสูงให้รีบขึ้นไปบนห้องนอนของรัตเกล้า โดยมีกีรติเดินรั้งท้าย

    “ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงถูกทำร้ายแบบนี้”เหมยลี่ถามหลังจากที่วางร่างบางให้นอนลงบนเตียงแล้ว

    “หนูก็ไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่ามีผู้ชายหลายคนไล่ตามเธอมา”รัตเกล้าตอบ

    “คายจริง พวกนั้นคงจะทำมิดีมิร้ายกับเธอแน่ๆ แบบนี้คงต้องแจ้งตำรวจแล้วล่ะ”เหมยลี่กระวีกระวาดจะออกไปจากห้อง

    “อย่า...อย่าแจ้งตำรวจนะ”เสียงอันแผ่วเบาของคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงทำให้ทุกคนชะงัก มือเรียวจับแขนรัตเกล้าแน่น

    “ทำไมล่ะ? คุณโดนทำร้ายนะ”รัตเกล้าถามอย่างสงสัย

    “อย่า...ขอร้อง...อย่าเพิ่ง...”ร่างที่นอนหายใจโรยรินบนเตียงเอ่ยเสียงติดๆขัดๆ จนรัตเกล้าเริ่มเป็นกังวล

    “พี่เหมยลี่ค่ะ โรสว่าพวกเรามาช่วยกันห้ามเลือดกันก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนแกถ้าไม่อยากเห็นเลือดก็ลงไปปิดร้านซะ”เธอหันไปแบ่งหน้าที่เสร็จ ก็กลับมาสนใจร่างบางต่อ รัตเกล้าจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันเลอะคราบเลือดเสียจนซักไม่ออกแล้วทิ้ง เธอถึงกับตะลึงกับร่องรอยเหมือนถูกของมีคมอยู่ตามร่างกาย เหมยลี่กลับเข้ามาพร้อมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กหลายผืนและอ่างน้ำ ตามมาด้วยอุปกรณ์สำหรับปฐมพยาบาล รัตเกล้ากำลังง่วนอยู่กับการแกะผ้าแถบที่รัดอยู่บริเวณหน้าอกของร่างบางออก ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือเรียวของคนที่นอนเจ็บคว้ามาจับข้อมือเธอแน่น

    “อย่า...ขอแค่เธอคนเดียว”ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่ว

    “พี่เหมยลี่ค่ะ เดี๋ยวทางนี้โรสจัดการเองค่ะ พี่ไปช่วยเจียปิดร้านเถอะค่ะ”เธอหัยไปบอกสาวใหญ่ หล่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะออกไปทิ้งให้พวกเธออยู่กันตามลำพัง

    “ตรงไหนที่คุณไม่อยากให้ฉันเห็น ฉันจะเอาผ้าปิดให้นะค่ะ”รัตเกล้าบอกกับเธอ มือที่จับข้อมือของรัตเกล้าแน่นก็คลายออก

    รัตเกล้าลงมือทำแผลที่เธอกดห้ามเลือดเอาไว้ก่อนที่จะทำความสะอาดส่วนอื่นๆจนเหลือแต่ด้านหลัง รัตเกล้าจับร่างบางให้พลิกตัวก็ต้องสะดุดเข้ากับรอยสักบนแผ่นหลังเนียนของหญิงสาว เธอมองลวดลายบนผิวขาวเนียนอย่างหลงใหล จนเผลอลูบไล้เหมือนคนเพ้อฝัน

    “เธอชอบมังกรงั้นหรอ”ร่างบางที่นอนคว่ำหน้าอยู่เอ่ยขึ้น

    รัตเกล้าสะดุ้งเฮือกเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ มองใบหน้านวลของเจ้าของรายสักรูปมังกรที่เธอเผลอลูบไล้เหมือนต้องมนต์ เธอรู้สึกเสียหน้ามากที่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิต

    “เอ่อ...ฉันเคยเห็นคนสักมังกรเหมือนกัน แต่ของคุณมันสวยกว่าที่ฉันเคยเห็นมาก”รัตเกล้าว่าพร้อมกับแก้ผ้าพันแผลออกมาพันที่ต้นแขนคนเจ็บ

    “ทำไมคนพวกนั้นถึงได้ตามล่าคุณแบบนี้ค่ะ”รัตเกล้าเหลือบไปมองใบหน้าที่เรียบเฉยของคนเจ็บ ไม่มีท่าทีที่เธอจะเปิดปากพูดรัตเกล้าจึงรู้ตัวว่านั้นเป็นคำถามที่ไม่ควรถาม

    “เอ่อ...ฉันชื่อโรสนะ แล้วคุณล่ะ”รัตเกล้าเปลี่ยนคำถามใหม่ แต่หญิงสาวก็ยังนิ่งเฉย เธอจึงไม่พูดอะไรอีกเลยจนกระทั้งจัดการพันผ้าปิดแผลเสร็จเรียบร้อย

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณนอนพักที่ห้องของฉันไปก่อนนะค่ะ ฉันจะลงไปหาอะไรมาให้คุณทาน คุณจะได้กินยาแก้ปวดด้วย แผลขนาดนี้คุณคงจะปวดน่าดู อดทนหน่อยนะค่ะเดี๋ยวฉันมา”รัตเกล้าหันมาส่งยิ้มบางๆให้หญิงสาว

    “ขอบใจนะ โรส...”รัตเกล้าชะงักหันไปมองคนเจ็บแอบดีใจอยู่นิดๆที่เธอยอมพูดด้วย

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณ...”

    “มินจู เรียกฉันว่ามินจู”ร่างบางบนเตียงเอ่ยเรียบๆ

    “ค่ะ คุณมินจู”เธอยิ้มหวานให้มินจูก่อนที่จะหายออกไป

     

    กีรติกำลังช่วยเหมยลี่เก็บของหน้าร้านเห็นเพื่อนสาวเดินลงมาจากชั้นสอง ก็ตรงเข้าไปถามอาการของคนเจ็บทันที

    “เป็นยังไงบ้างวะ โรส ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง แล้วเค้าพูดว่าอะไรบ้าง”

    “ก็ไม่เป็นยังไง สบายดี”เธอตอบ

    “เอ๊ะ!อีนี่ ทำไมตอบกวนส้นแบบนี้วะ”

    “ฉันเปล่านะ ก็เค้าไม่เป็นไร และก็ไม่ได้ว่ายังไงจริงๆ”รัตเกล้าเอาถุงขยะที่ใส่กระดาษและเสื้อที่เปื้อนเลือดออกไปโยนลงถัง ก่อนที่จะหันมาคุยกับเพื่อนสาวต่อ

    “ฉันว่าพวกเราให้คุณมินจูพักอยู่ที่นี่ จนกว่าอาการจะดีขึ้นสักนิดนะ แล้วค่อยติดต่อทางบ้านเขา”

    “จะบ้าหรอโรส แล้วถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนั้นเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราล่ะ พวกเราจะทำยังไง”กีรติโวยลั่น

    “แล้วแกจะให้ฉันปล่อยผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปเจอกับผู้ชายเป็นฝูงอย่างนั้นน่ะหรอ ถ้าเป็นแกๆจะรู้สึกยังไงวะเจีย ฉันขอรับผิดชอบเค้าเอง ถึงเวลาเมื่อไหร่เค้าก็จะกลับบ้าน ตกลงตามนั้น”พูดจบรัตเกล้าก็เดินหลบกลับเข้าไปในร้าน ทิ้งให้กีรติยืนอ้าปากค้างคนเดียว

     

    รัตเกล้ากลับเข้าห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับถ้วยข้าวต้มร้อนๆส่งกลิ่นหอมกรุ่นแตะจมูกของคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง มินจูค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยมีรัตเกล้าค่อยช่วยอีกแรง

    “คุณทานข้าวต้มสักหน่อยนะ จะได้กินยาแล้วนอนพัก ฉันยกเตียงให้จนกว่าคุณจะหายดีก็แล้วกัน”เธอส่งถ้วยข้าวต้มให้คนเจ็บ

    “แล้วเธอจะไปนอนที่ไหน”

    “มีที่นอนสนามอยู่ เดี่ยวเอาออกมาใช้ ฉันจะนอนพื้นตรงนี้แหละ”พูดจบรัตเกล้าก็เดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่ส่งให้มินจู

    “เอาเสื้อตัวนี้ใส่นอนซะนะ จะได้ไม่หนาว”

    มินจูนั่งกินข้าวต้มไปมองรัตเกล้าจัดที่นอนของตัวเองไปเงียบๆ รัตเกล้านั่งรอจนมินจูกินข้าวต้มเสร็จก็จัดแจงเอายาและน้ำมาให้เธอกิน ก่อนที่จะหายออกไปข้างนอกเพื่อเอาถ้วยไปเก็บและกลับมาอีกครั้งด้วยชุดนอน ร่างหนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้บนหัวนอนก่อนที่จะล้มตัวลงนอน โดยที่ไม่สนใจคนที่นั่งมองอยู่บนเตียงเลย มินจูหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้บรรยากาศข้างนอกมืดสนิท หญิงสาวเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งท่าทางลุกลี้ลุกลนเดินผ่านหน้าบ้านไป มินจูสอดสายตาสำรวจบนท้องถนนรอบๆอีกครั้งโดยเร้นกายอยู่หลังม่าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×