คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : AVES :: Chapter 1
Chapter 1
“รับสายสักดิโห้ยยยยย”
มือของบยอนแบคฮยอนยังกดรัวทั้งๆที่วิ่งอยู่ ได้แต่โทรไปทั้งๆที่รู้ว่าต่อให้โลกแตกอีกฝ่ายก็คงไม่รับสาย เรื่องดาบสำคัญกับโอเซฮุนมาก แบคฮยอนรู้ดี
แต่ตอนนี้มันใช่เวลาฟันดาบป่ะห้ะ !!! เพื่อนแกกำลังจะโดนตัดแขนตัดขาขายแล้วนะ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ตับไตไส้พุงก็ไม่รู้จะอยู่ครบไหม แกจะไปตามหาเพื่อนแกที่ได้ที่ไหนหรอโอเซฮุน ชิ้นส่วนเพื่อนแกคงกระจัดกระจายไปทั่วโลกแล้วล่ะตอนนั้น
เชื่อตายแหละ
เออช่างเถอะ ชาตินี้มันคงไม่รับแล้วล่ะ ต่อให้ปะป๊ามันตายมันก็คงยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฝากข้อความแทนก็ได้ชิชะ
อ้ะอ้ะ ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ …
ขำไหมครับ กำลังจะตายอยู่แล้วยังเล่นมุกอะไรอีก ฉลาดล้ำประเสริฐศรีจริงๆโถ้
“เซฮุนอ่า !!! ช่วยด้วย มีคนจะจับตัวฉันไป มาช่วยฉันด้วย !! ฉันอยู่ที่ทางไปร้านเค้ก... “
ชิ้ง !!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก“
มือเรียวสวยที่ถอดแบบมาจากมือของนักร้องนำวงเอ็กโซที่หน้าตาน่ารักๆเหมือนหมาน้อยในตอนนี้ได้มีรอยแผลบาดเป็นทางยาว โทรศัพท์ที่กำลังติดต่อไปหาเพื่อนรักร่วงหล่นจากมือสวยลงไปกระแทกพื้นปูนจนหน้าจอแตก
โอ๊ยตาย ซื้อมายังไม่ถึงเดือน T_T
มืออีกข้างที่ไร้รอยแผลกุมรอยบาดไว้แน่นเพื่อห้ามเลือดที่กำลังไหลเหมือนน้ำป่าไหลหลาก ใบหน้าสวยบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ได้แต่วิ่งหนีชายปริศนาที่พยายามจะจับตัวเขาให้ได้
ร่างเล็กพยายามวิ่งตามตรอกซอกซอยเล็กๆที่น่าจะทำให้อีกคนตามมาไม่ทัน มีบ้างที่เท้าเล็กๆสะดุดกับกองขยะหรือท่อน้ำ แต่แบคฮยอนก็ยังไม่หยุดวิ่ง กำลังขาที่กำลังถดถอยทำให้เป็นอุปสรรคต่อการหลบหลีกเหลือเกิน
ยังไงก็ต้องหนีให้ได้จนกว่าเซฮุนจะมาช่วยนั่นแหละนะ
แผลฉกรรจ์ที่มือเริ่มรู้สึกถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆอยู่ใต้แผล เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เหงื่อที่ไหลจากการวิ่งต่อเนื่องนานๆทำให้ของเหลวสีแดงซึมไปทั่วเสื้อได้มากขึ้น จนตอนนี้เสื้อของแบคฮยอนกลายเป็นเสื้อสีแดงซีดๆไปแทน
“โอ๊ย จะตามทำไมนักหนาเนี่ย พอเถอะ”
เกล็ดหิมะคมสีดำยังถูกส่งออกมาจากมือชายคนนั้นเรื่อยๆ ใบมีดแหลมคมบ้างก็พลาด บ้างก็เฉียดโดนตัวแบคฮยอนไปจนทำให้เกิดแผลถลอกเล็กน้อย
ถึงจะแค่เล็กน้อย แต่ถ้าเกิดมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แบคฮยอนจะยังหนีจะเงื้อมมือของผู้ล่าไหวอยู่รึเปล่านะ ?
ขาเรียวพลันจะก้าวไม่ออกเสียดื้อๆเมื่อร่างกายเริ่มจะทนกับบาดแผลมากมายบนร่างกายไม่ไหว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม แสดงให้เห็นถึงการคืบคลานของราตรีกาลที่เข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สุดท้ายแบคฮยอนก็ทนวิ่งต่อไปไม่ไหว ร่างบางทรุดลงกับพื้นปูนเย็นเยียบ ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทางรอยขาดของเสื้อผ้าทำให้รู้สึกชาแปลกๆที่แผล ตาพร่าด้วยความเหนื่อยล้าจากการวิ่งติดต่อกันร่วมชั่วโมง
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่แฝงตัวเข้ามากับความมืด มือใหญ่ของอีกฝ่ายยกขึ้นมาตรงหน้าแบคฮยอน ไอความมืดสีดำสนิทก่อตัวบนฝ่ามือของบุรุษปริศนา ไอความมืดก่อตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งสวยงามแหลมคมที่พร้อมจะปลิดชีวิตแบคฮยอนได้ทุกเมื่อ
“นะ... นายเป็นตัวอะไร”
“...”
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เจอหน้ากัน สีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ดวงตาสีดำสนิทที่พร้อมจะกลืนกินแบคฮยอนเข้าไปทั้งตัว หลุมดำในแววตานั่น...
“ไปกับฉัน แบคฮยอน”
ร่างเล็กหลับตาด้วยความเหนื่อยล้า ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น ใครจะพาไปไหนก็ช่างเถอะ จะชายชุดดำ หรือจะเป็นเซฮุนก็ช่างเถอะ เขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว... เขาล้าเกินกว่าจะขยับร่างกายถอยหนี หรือว่าจะปัดป้องมือที่กำลังเคลื่อนมาหาเขาได้เลย
อ่า.... เซฮุนอ่า อย่าลืมไปตามหาตับฉันที่เมืองจีนด้วยนะ ก่อนที่มันจะกลายเป็นซุปตับบำรุงกำลังไปซะก่อนนะ
เคร้ง !!!!
“เฮ้ๆ ถอยออกไปหน่อยดีกว่าน่า ชานเลี่ย”
โทนเสียงที่ไม่รู้จักทำให้แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัย ภาพที่เขาเห็นคือ ร่างที่ดำยิ่งกว่าร่างสูงที่กำลังทำร้ายเขาเมื่อสักครู่ กำลังยืนขวางระหว่างเขากับร่างสูงหน้าเรียบเฉยนั่น เพียงแต่คนที่มาขวางเอาไว้นั้นใส่ชุดสีขาวที่ตัดกับสีผิวของเขาอย่างเห็นได้ชัด เอ่อ... ไม่ชัดขนาดนั้นก็ได้
ดวงตาสีดำสนิทที่ไม่เคยมีความรู้สึกกลับกลายเป็นมีความขัดใจเจือปนอยู่เล็กๆแล้วจึงจางหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักจากจุดเดิมประมาณ 2-3 เมตร มือทั้งสองข้างปรากฏน้ำแข็งแหลมคมสีรัตติกาลตั้งการ์ดป้องกันอย่างรวดเร็ว
“อะไรดลบันดาลให้เอสของเอดจ์ออกมาทำภารกิจจับเด็กตัวเล็กๆแค่นี้เองล่ะเนี่ย ?”
ชายหนุ่มผิวสีแทนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆทั้งๆที่ในมือทั้งสองข้างของเขาปรากฏดาบสั้นขนาดประมาณ 1 ฟุตพร้อมตั้งท่าจู่โจมเต็มที่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่จะได้ยืดเส้นยืดสายกับชายตรงหน้า ผิดกับปาร์คชานยอลที่ยืนเฉยๆไม่ขยับตัวใดๆทั้งสิ้น
“...”
ภารกิจจับตัวแบคฮยอนคงจะง่ายกว่านี้ถ้าไม่มีมันเข้ามาขวาง ผิดแผนจริงๆ ไม่คิดว่าพวกมันจะไหวตัวทันกันเร็วขนาดนี้ ถึงขนาดส่งเอสของฝั่งคอร์ออกมา คงจะเอาตัวแบคฮยอนกลับไปด้วยไม่ได้ง่ายๆ...
แต่ถ้าไม่เอาตัวกลับตอนนี้แล้วคอร์ได้ตัวแบคฮยอนไป จะไม่ชิงตัวแบคฮยอนมาได้ยากกว่าเดิมอีกหรือ ?
“พวกแกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
น้ำเสียงเย็นชาถูกเปล่งออกไปโดยชายที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล ชามหนุ่มกระชับน้ำแข็งที่เกิดจากพลังของเขาไว้แน่น พร้อมจะต่อสู้หากฝ่ายตรงข้ามขยับตัวขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิท จับจ้องไปที่ร่างบางข้างหลังศัตรูที่นอนไร้เรี่ยวแรงจะขยับ
ดี งั้นก็เก็บเจ้านี่ก่อนแล้วค่อยไปเอาตัวแบคฮยอนมาก็ได้
“รู้อะไร”
เสียงนุ่มละมุนที่โพล่งขึ้นมาของผู้มาใหม่ทำให้ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายในยูนิฟอร์มสีขาวกระโดดลงมาจากตึกสูงและตกถึงพื้นอย่างสวยงามจนเหมือนเทวดาในคราบของมนุษย์ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองปาร์คชานยอล พร้อมกระตุกยิ้มบางเบา ใบหน้าหวานที่ปาร์คชานยอลไม่รู้จักทำให้ความคิดในสมองตีกันป่วนไปหมด
มีพวกคอร์สองคน ? แถมคนหนึ่งเป็นเอสซะด้วย งานนี้ไม่หมูซะแล้วสิ ถึงเขาจะเป็นเอสก็เถอะ กว่าจะได้ตัวเป้าหมายของเขามาคงจะตึงมือไม่ใช่น้อย แต่ถ้าจัดการเอสของคอร์ไปได้ อีกคนก็คงไม่ใช่งานที่หนักมือของเขาจนเกินไป
ร่างสูงจับตามองผู้มาใหม่ที่กำลังช้อนตัวของแบคฮยอนขึ้นมาช้าๆ ชายในชุดขาวชักปืนออกมาแล้วยิงเฉียดแก้มของเขาไปในเสี้ยววินาทีในขณะที่เขาไม่รู้ตัวเลย
“สวัสดี ชานเลี่ย นายคงเป็นเอสของเอดจ์ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีสินะ ฉันได้ยินชื่อเสียงของนายมาเยอะแยะเลยล่ะ ไหนดูสิจะทำให้ฉันเอาจริงได้รึเปล่า”
ชายแปลกหน้ายิ้มละมุนละไม....
เขากระชากแบคฮยอนมาไว้ในอ้อมกอดแล้วยิงกระสุนออกไปหาชานยอลรัวเร็ว นิ้วมือที่กำลังลั่นไกขยับรัวด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ ชานยอลกระโดดหลบห่ากระสุนที่พุ่งเป้ามาหาเขานับสิบในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที พร้อมสร้างบาเรียน้ำแข็งขึ้นมา แต่บาเรียที่สร้างขึ้นมาลวกๆของเขาคงไม่แข็งแรงพอ มันจึงแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อปะทะเข้ากับห่ากระสุนของชายหนุ่มในชุดขาว
“อ้อ ลืมแนะนำตัวไปสินะ โค้ดเนมของฉันคือลู่หาน อดีตเอสที่ประจำการอยู่ที่แผ่นดินใหญ่... แต่ตอนนี้ฉันคือเอสของคอร์สาขาเกาหลีแล้วล่ะนะ ?”
ทั้งๆที่กำลังพูดอยู่แท้ๆ ทักษะในการยิงปืนของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลย การกระทำกับใบหน้าที่กำลังยิ้มหวานของเขานี่โคตรไม่เข้ากันเลยจริงๆ
“อ้าวชานเลี่ย ทำไมไม่พูดอะไรสักคำหน่อยล่ะ เพิ่งรู้นะว่านายเป็นใบ้ด้วย ไม่ยักรู้แฮะ”
ลู่หานยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงหันไปพูดกับแบคฮยอนที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถ้าเขาปล่อยให้ไอเตี้ยนี่ยืนเอง ไม่ต้องดูก็รู้ว่าแบคฮยอนต้องลงไปนอนจูบพื้นด้วยความรักและความเสน่หาแน่ๆ
“นี่ก็อีกคน พิการโดยกำเนิดหรอถึงยืนเองไม่ได้”
“เอ่อ... คุณลู่ครับ...”
“ว่าไงไค ?”
“ถ้าเด็กคนนี้มันยืนเองได้ เราคงไม่ต้องมาช่วยเขาอ่ะครับ นะ หยุดกวนตีนเหอะเพื่อนลู่”
ลู่หานยักไหล่พร้อมยกยิ้มกวนตีนที่มุมปาก ขยิบตาส่งไปให้เพื่อนร่วมงานที่รักอย่างเซ็กซี่และร้อนแรง พร้อมขยับปากบางที่เหมือนผู้หญิงของเขาขึ้นลงจนสามารถอ่านข้อความนั้นได้ว่า
‘ช่วยไม่ได้ เกิดมากวนตีนได้แค่นี้จริงๆ’
แค่นี้หรอวะ ?!!!
“แค่นี้...”
ตู้ม !!!!!!!!!!
“ชิ!!”
ปังๆๆๆ !!!
ลู่หานสาดกระสุนกลับไปทางปาร์คชานยอลอย่างรวดเร็ว แขนข้างซ้ายที่ไม่ได้ใช้ยิงปืนถูกทำมาสอมกอดไว้ที่เอวบางของแบคฮยอนพร้อมรัดแน่นขึ้นแล้วกระโดดหลบหนีมีดน้ำแข็งที่ปาร์คชานยอลขว้างมา
“พ่อไม่เคยสอนเรื่องมารยาทรึไงวะ !!”
ลู่หานสบถออกมาด้วยความหัวเสียที่โดนขัดจังหวะ เขาหันไปทางไคพร้อมส่งสัญญาณบางอย่างที่รู้กันเฉพาะเขาและไคสองคน เขากระโดดขึ้นไปที่บันไดของตึกสูงในซอยตรอกเล็กๆนี้ พร้อมกวาดมือไปทางถังขยะที่วางอยู่แถวๆนั้นแล้วสะบัดมืออย่างแรงส่งผลให้ถังขยะอันเขื่องลอยละลิ่วไปทางปาร์คชานยอลที่ไม่ได้ระวังเรื่องถังขยะ ทั้งๆที่มือไม่ได้สัมผัสถังขยะเลยแท้ๆ แต่กลับทำให้ถังขยะลอยออกไปได้ด้วยความเร็วสูง
“พลังการควบคุมกระแสจิตงั้นหรือ หึ”
ทั้งที่มุมปากของปาร์คชานยอลยกยิ้มเย็นขึ้นมา แต่เหงื่อเม็ดโตกลับไหลผ่านข้างขมับของเขาไป ความคิดในหัวตีกันมั่วไปหมด หาแผนการความเป็นไปได้ที่จะชิงตัวแบคฮยอนออกมาแม้จะมีเอสของฝั่งคอร์อยู่ถึงสองคนก็ตาม
ไม่สนุกแล้วแฮะ... พลังหายากระดับเอส แถมการควบคุมก็เสถียรไม่ใช่เล่น ไม่ใช่กระจอกๆแบบที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้วสิ คงต้องเรียกตัวช่วย...
‘ซิ่วหมินคุณอยู่ที่ไหน’
การตั้งสมาธิเพื่อส่งกระแสจิตไปหาเพื่อนร่วมงานไม่ใช่เรื่องง่ายนักเมื่อสติต้องจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ยิ่งเป็นเครือข่ายพลังที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว ยิ่งสื่อสารกันยากเข้าไปใหญ่
‘ในโรงเรียนที่แฝงตัวอยู่นั่นแหละ มีอะไร’
‘ผมถูกรุมโจมตี มีเอสของคอร์ทั้งหมดสองคน’
‘โชคดีละกันนะ’
ชานยอลส่ายหน้าเบาๆเนื่องจากความเป็นห่วงเป็นใยที่มีมาให้นั้นมาเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นเวลาปกติเขาจะไม่แคร์เลยสักนิด เพียงแต่ตอนนี้...
‘แบคฮยอนอยู่กับคอร์’
‘หา??!! บอกแล้วใช่มั๊ยว่าแบคฮยอนน่ะฉันจัดการเอง โอ๊ย !!!’
‘ผม...’
ควับ !!
“แอบส่งกระแสจิตไปให้ใครน่ะพ่อหนุ่ม”
ร่างสูงเบิกตากว้างด้วยความตกใจจากการถูกประชิดตัวจากข้างหลังโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวเลย ลู่หานยิ้มละมุนไปให้ปาร์คชานยอลพร้อมยกปืนขึ้นหมายจะเป่าหัวไปให้สิ้นซาก แต่ร่างสูงก็ไม่ได้กระจอกอย่างที่ลู่หานคิด เขาย่อตัวแล้วหันไปขัดขาของลู่หานได้ทันก่อนที่ลูกกระสุนจะฝังในหัว พอตวัดขาไปที่ฝ่ายตรงข้าม ลู่หานก็ถอยหลังหลบได้อย่างเฉียดฉิว หางตาพลันไปเห็นไคกำลังวิ่งมาทางที่พวกเขากำลังปะทะกันอยู่ จึงรีบถีบตัวเองออกจากพื้นด้านล่างโดยไว ส่งผลึกน้ำแข็งลงไปหมายะให้ทิ่มแทงศัตรูได้บ้าง แต่ก็เปล่าเลย คอร์ทั้งสองกลับหลบเหล่าน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
“…”
“อย่าลืมนะ ฉันเป็นผู้ควบคุมกระแสจิต ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้วสิโถ่ J นายกำลังเรียกใครมาน่ะ ?”
ปาร์คชานยอลเผยรอยยิ้มเบาบางที่ยังไงอารมณ์มันก็ไม่เข้ากับรอยยิ้มสักนิด ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเปล่งเสียงออกมาเป็นฉายาที่รู้กันดีในหมู่เอส ฉายาที่ทำให้ไคและลู่หานกระชับอาวุธในมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะศัตรูที่ตึงมือกว่าเดิมกำลังจะมาที่นี่
“นักดาบเพลิงทมิฬ...”
จบตอนที่หนึ่งแล้วหลังจากดองไว้เป็นเดือน 5555555555555555 เราขอโทษ 555555555555555555555555 เห้ยแต่มันไม่มีกำลังใจแต่งต่อจริงๆอะ ไม่ดิ คิดคำพูดไม่ค่อยออก ภาษาเราไม่ค่อยสวยอะ ขอโทษนะ แง .___. อธิบายตอนไคโผล่มาไม่ค่อยถูกด้วย เลยแต่งแบบวันละบรรทัดๆไรงี้ กว่าจะจบตอนที่หนึ่ง ฮู้ววววววววว 5555555555555555
ความคิดเห็น