[KNB Halloween day] Snowflakes [Aka x Kuro] - [KNB Halloween day] Snowflakes [Aka x Kuro] นิยาย [KNB Halloween day] Snowflakes [Aka x Kuro] : Dek-D.com - Writer

    [KNB Halloween day] Snowflakes [Aka x Kuro]

    เคยได้ยินใช่ไหมล่ะเกี่ยวกับ 'เจ้าหญิงหิมะ' ฉะนั้นขอให้ลบแบบเก่าไปซะเสีย... เพราะเรื่องนี้จะกล่าวถึง 'เจ้าชายหิมะ'

    ผู้เข้าชมรวม

    2,120

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    2.12K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    55
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 58 / 19:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    ตำนานวิญญาณต่างๆบนโลกใบนี้นั้น มีนับไม่ถ้วน

    ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า

    และคำบอกเล่านี้

    เป็นปีศาจสาวที่หน้าตาสะสวยเกินกว่ามนุษย์ มีดวงตาที่เปล่งประกายดุจดวงดาว ผิวขาวนวลดั่งหิมะ

    เคยได้ยินใช่ไหมล่ะเกี่ยวกับ 'เจ้าหญิงหิมะ'

    ฉะนั้นขอให้ลบแบบเก่าไปซะเสีย...

    เพราะเรื่องนี้จะกล่าวถึง

    'เจ้าชายหิมะ'
     

    Cr. pixiv 53148453

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      "เท็ตสึยะ! ฟังข้าหรือเปล่า!!" เสียงใหญ่ตวาดเสียงดังจนก้องไปทั่วรอบบริเวณ คนที่ถูกกล่าวถึงสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากหาวอย่างไม่ค่อยจะสำนึกผิดสักเท่าไรนัก.... "เมื่อกี้ข้าพูดว่าอะไร ไหนเจ้าลองพูดซิ"

       

      "โถ่...ท่านพี่ ก็มันน่าเบื่อนี่นา ให้ข้าไปเที่ยวเล่นโลกมนุษย์ไม่ได้หรือ?" เสียงหวานพูดอย่างออดอ้อน มือเล็กสีขาวดั่งหิมะกอดท่านพี่อย่างเอาอกเอาใจ คนที่โดนสวมกอดนั้นก็รีบแงะมือผู้เป็นน้องออกทันที "ไม่ต้องอ้อนวอนข้า นี่พูดไม่จำหรืออย่างไรว่าพวกมนุษย์มันจิตใจต่ำช้า ยังไงข้าก็ไม่ให้เจ้าไป"

       

      "ข้าอายุ 16 แล้วนะท่านพี่จิฮิโระ!! ให้ข้าไปเถิด...." ดวงตากลมโตสีฟ้าจ้องมองผู้เป็นพี่ที่สูงกว่าตัวเอง ผมสีเทาดั่งเช่นดวงตาที่ไม่สามารถเดาอารมณ์ใดๆได้นั้นมันช่างเอาใจยากเสียจริง

       

      "ถึงเจ้าจะอายุ 100 ปี ข้าก็ไม่ให้เจ้าไปหรอกน้องข้า" มายุสึมิจ้องมองผู้เป็นน้องที่ทำหน้าหงอยทันทีที่ปฎิเสธ ใช่ว่าไม่สงสาร แต่คนตรงหน้าเขานั้นยังอ่อนต่อโลกยิ่งนัก...

       

      ถ้าเกิดน้องของเขาลงไปโลกมนุษย์ คงต้องโดนมิดีมิร้ายอย่างแน่นอน....ก็คนตรงหน้าเขาน่ะ เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าหวานเกินกว่าสตรียังต้องอาย ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสแบบไม่ค่อยที่จะเห็นมากนักในเหล่าวิญญาณแห่งภูเขาหิมะนี้ ผมสีฟ้าดูแลอย่างดีที่ถูกปล่อยให้ยาวจนถึงเอว รูปร่างก็บอบบางยิ่งกว่าอะไร ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ทำให้น้องของเขาดูเด่นเกินไป ถ้าเกิดลงไปยังโลกมนุษย์คงไม่ดีเป็นแน่

       

      มนุษย์นั้นช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำช้า จิตใจดำมืด มีความต้องการไม่มีวันที่สิ้นสุด นี่คือสิ่งที่ตระกูลของพวกเขาปลูกฝังเอาไว้

       

      ข้อต้องห้ามสำหรับวิญญาณหิมะนั้น ก็คงมีอยู่ ห้ามลงไปยังโลกมนุษย์ถ้าไม่มีความจำเป็นใดๆ ถ้าลงไปก็ไม่สามารถเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้

       

      แต่ถ้าเกิดมีมนุษย์ที่รับรู้ถึงตัวตนของเรานั้น ก็ต้องฆ่าทิ้งซะ...

       

      ง่ายๆแค่นี้

       

      "ไม่ต้องทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้น ไปกวาดลานหน้าซะ" ชายหนุ่มเมินสายตาตรงหน้านั้นอย่างไม่ใยดี มือใหญ่ชี้ไปลานกว้างข้างหน้า

       

      คุโรโกะทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะประชดโดยการเดินกระแทกเท้าเสียงดังให้คนเป็นพี่รู้บ้างว่า โกรธ!!

       

      มายุสึมิถอนหายใจเบาๆ กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นน้อง ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องตัวเองปล่อยให้คนตัวเล็กนั้นกวาดลานกว้างตามลำพัง

       

      ซึ่งบอกเลยว่า คิดผิดแล้ว!

       

      คุโรโกะชะโงกหน้ามองผู้เป็นพี่ว่าเดินไปจนหายลับหรือยัง เจ้าตัวหัวเราะน้อยๆที่ว่าแผนหนีไปโลกมนุษย์ของตัวเองนั้นสำเร็จลุล่วง

       

      มือเล็กก้มลงไปหยิบหิมะที่เต็มอยู่หน้าลานกวาง มืออีกข้างนั้นก็ประกบมือที่ถือหิมะนั้นอยู่ รอเพียงไม่กี่อึดใจหิมะก้อนสีขาวก็กลายเป็นเชือกสีดำในพริบตา

       

      นี่คือเวทย์มนต์สำหรับเหล่าวิญญาณหิมะไงล่ะ ดีใช่ไหม?

       

      ผมสีฟ้ายาวจนถึงเอวนั้นถูกรวบเป็นหางม้าสูงก่อนจะมัดด้วยเชือกสีดำ ร่างเล็กส่ายหัวเล็กน้อยว่าผูกผมแข็งแรงที่จะไม่ขาดหรือไม่ ในเมื่อตอนนี้ตัวพร้อม ใจพร้อมแล้ว

       

      "เท็ตสึยะพร้อมสู่ผจญโลกกว้าง!"

       

      ปริ้นนนนนนนนนน

       

      เสียงแตรรถอันแสนน่าปวดหูดังกันระหึ่มเต็มทั่วทั้งถนน รถที่ติดเป็นแถวยาวจนไม่ได้ขยับมาสักห้านาทีแล้ว

       

      สาเหตุที่รถติดนั้นเพราะตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลเล่นสกียังภูเขายูกิชิโระที่ซึ่งมีหิมะตกตลอดทั้งปี ทำให้ต่างคนก็ต่างมากันแบบนี้

       

      "เมื่อไรจะถึงเนี่ยฮะ...." หนุ่มผมเหลืองนั่งหน้างออยู่บนรถ ปากนั้นก็บ่นตลอดทางจนคนรอบข้างรำคาญ ยิ่งมารถติดแบบนี้ก็ยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่

       

      "เงียบปากสักทีคิเสะ" หนุ่มผิวเข้มพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่เริ่มครุกกรุ่นเต็มที ตาสีน้ำเงินคมก็จ้องมองรถข้างหน้าด้วยความรู้สึกรำคาญ

       

      "ฟี้ ฟี้~~" เสียงกรนเบาๆดังจากหนุ่มตัวใหญ่ที่สุดบนรถ มือหนายังคาถุงขนมของตัวเองที่ตั้งไว้บนตัก

       

      หนุ่มผมเขียวขยับแว่นบนใบหน้าของตัวเองเล็กน้อย หูฟังที่เสียบอยู่นั้นฟังเกี่ยวกับดวงชะตาของตัวเองในวันนี้อย่างตั้งใจโดยไม่สนรอบข้างอะไรทั้งนั้น

       

      ก็คงมีแต่อาคาชิเซย์จูโร่เจ้าของทริปนี้ที่นั่งเงียบขรึมอยู่คนเดียวตั้งแต่ออกเดินทางมา โดยไม่ปริปากพูดสักคำ

       

      เบื่อ....เบื่อมาก....

       

      "ต้องขอโทษจริงๆนะครับนายน้อยที่พามาทางนี้ ถ้าเกิดไปอ้อมอีกทางอาจจะถึงเร็วกว่านี้" คนขับรถที่เริ่มเข้าสู่วัยชราท่าทางใจดีก้มหัวให้หนุ่มผมแดงที่นั่งข้างคนขับอยู่ข้างตัว

       

      "ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว ผมคิดว่าผมคง...." หนุ่มผมแดงคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูก่อนจะก้าวลงจากรถไป นั่นทำให้เพื่อนๆที่อยู่บนรถตกใจกันไปตามๆกัน

       

      บรรยากาศหนาวข้างนอกตัวรถนั้นไม่ค่อยส่งผลถึงอาคาชิสักเท่าไรนัก ตัวเขาใส่เสื้อมาหนามากพอที่จะสู้อากาศหนาวที่นี้ สองเท้าที่เหยียบย่ำหิมะสีขาวตามขอบทางจนเป็นรอยเท้าจมลึกลงไปทำให้เป็นอุปสรรคในการเดินของเขาเล็กน้อย

       

      เดินมาได้สักพักก็ถึงบ้านพักตากอากาศของพวกเขาแล้ว แต่คนอื่นมักจะพูดว่าที่นี่เป็นคฤหาสน์ตากอากาศซะมากกว่า....ก็ไม่เถียงน่ะนะ

       

      แอ๊ด......

       

      เสียงเปิดประตูไม้เก่าๆดังขึ้นจนน่ากลัวบ่งบอกถึงไม่ได้เปิดประตูนี้มาเป็นระยะเวลามานานพอสมควร ฝุ่นเขรอะทั้งบนพื้นและผนัง หยากไย่ที่ห้อยลงมาจากเพดานอยู่เต็มไปหมด ถ้ามองดีๆที่นี่ก็เหมือนคฤหาสน์ผีสิงดีๆนี่เอง

       

      หนุ่มผมแดงเปิดสวิทต์ไฟเพิ่มให้ความสว่างแก่บ้าน ของทุกอย่างที่ตั้งอยู่นี้ยังครบทุกอย่างไม่มีขาดไม่มีเกิน พอเดินไปห้องอื่นนั้นก็ไม่ค่อยสกปรกเท่ากับห้องแรกที่เขาเดินมาสักเท่าไร

       

      อาคาชิเดินไปยังห้องเก็บของใต้บันได ซึ่งมีไม้สกีสีแดงเด่นตั้งอยู่ในกล่องที่เหมือนรอเจ้าของจะกลับมาใช้มันอีกครั้งหนึ่ง

       

      "ไม่ได้เจอกันมานานแล้วนะ" หนุ่มผมแดงพูดกับตัวเองก่อนที่จะหยิบไม้สกีและไม้สต็อคเดินออกไปยังจุดมุ่งหมาย

       

      "ลัลลาลัลลา~" หนุ่มน้อยผมฟ้ายาวเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เท้าที่แตะหิมะนั้นดูจักจี้ดีสำหรับเขา ปกติเขาจะใส่รองเท้าเกี๊ยะในการเดิน แต่วันนี้ขอเดินเท้าเปล่าหน่อยเถอะ

       

      "นั่นแสงไฟนี่นา~ ใกล้ถึงโลกมนุษย์แล้วสินะ!" ดวงตากลมโตประกายวิบวับตื่นเต้นเมื่อตอนนี้เขาเข้าใกล้ถึงเมืองมนุษย์เต็มที

       

      รู้สึกการเดินจะช้าไปแฮะ วิ่งดีกว่า!

       

      เท้าที่เดินมาช้าๆปรับเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆแทน รอยเท้าที่ย่ำบนหิมะนั้นถ้าเป็นคนปกติคงจะมีให้เห็น แต่สำหรับวิญญาณหิมะอย่างเขาแล้วรอยเท้านั้นจะหายวับไปทันทีเลยล่ะ

       

      "บางทีข้าน่าจะเปลี่ยนชุดเป็นแบบมนุษย์ก่อนมานะเนี่ย...วิ่งไม่ถนัดเลย" คุโรโกะจ้องมองไปยังเสื้อผ้าของตัวเอง ชุดยูกาตะสีขาวล้วนเหมือนหิมะและสีผิวของเขา สายรัดโอบิสีแดงนั้นทำให้ชุดยูกาตะนี่ดูเด่นขึ้นทันตา

       

      "อ๊ะ!....นั่นพวกมนุษย์นี่นา" เมื่อวิ่งมาได้สักพักก็เข้าใกล้เขตที่มีคนอยู่ชุกชุม คนเหล่านี้ถือไม้แหลมแปลกๆกับไม้หลากสีที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา ก่อนจะสไลด์ไปๆมาอย่างสนุกสนาน

       

      คุโรโกะแอบมองมันด้วยความสงสัยว่ามันคืออะไร อยากจะเข้าไปถามแต่ก็คงดูแปลกพิลึกเพราะอุปกรณ์นั้นมนุษย์ทั่วไปคงจะรู้จัก

       

      "เดินอ้อมไปอีกทางดีกว่าแฮะ" อีกทั้งถ้าคุโรโกะเดินเข้าไปทั้งแบบนี้ มนุษย์เห็นเขาในชุดแบบนี้คงต้องรู้แน่ๆว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ถ้าเป็นนั้นเขาก็ต้องฆ่างั้นสิ? ไม่เอาด้วยหรอก

       

      ร่างเล็กเดินอ้อมไปอีกทางที่ปลอดมนุษย์ เขาคิดว่าน่าจะไปหาเสื้อแบบที่พวกมนุษย์ใส่กันก่อน แล้วถึงจะค่อยเข้าหาพวกผู้คน

       

      "นี่เธอตรงนั้นน่ะ"

       

      "...!!" ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว เขาคิดว่าเดินออกมาเบาที่สุดแล้วนะยังมีคนเห็นอีกงั้นหรอ! ทำไงดีเท็ตสึยะ ทำไงดี....

       

      คุโรโกะรีบเดินหนีให้ไว้ที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนที่จะแอบมองไปทางข้างหลังว่าอีกฝ่ายตามมาหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าตามมาติดๆเลยล่ะ! โดยใช้อุปกรณ์ไม้สีนั่นแหละ ทำไมถึงเร็วนักนะ

       

      "เฮ้เธอน่ะหยุดก่อนสิ ฉันบอกว่าให้หยุดไง!"

       

      ไม่รู้ว่าอิทธิพลทางน้ำเสียงการพูดหรือเพราะว่ากลัวกันแน่ที่ทำให้หนุ่มตัวน้อยหยุดเดินไปเสียดื้อๆ คุโรโกะกลั้นใจหันหลังไปหาอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขา!

       

      "มีอะไรงั้นเหรอครับ"

       

      "อ้าวฉันคิดว่าผู้หญิงสักอีกนะเนี่ย" หนุ่มผมแดงพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ต้องขอยอมรับเลยว่าที่เรียกอีกฝ่ายนั้นไม่มีเหตุผลอะไรหรอก แค่เห็นผมสีฟ้ายาวๆผ่านมาก็เลยอยากจะเข้ามาคุยเท่านั้นเอง...ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ

       

      "ขอโทษที่ผมเป็นผู้ชายครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า?"

       

      อาคาชิถอดแว่นตากันหิมะออกไปจากบนหน้านั่นทำให้คุโรโกะเห็นหน้าอีกฝ่ายแบบชัดๆ

       

      ผมสีแดงของเขาดูตัดจากหิมะสีขาวของที่นี้อย่างชัดเจน ดวงตาสีแดงและสีเหลืองนั่นดูแปลกตาน่าค้นหา ผิวที่ดูไม่ขาวจนเกินไป รูปร่างที่ดูสมส่วนที่พอจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างนั้น...

       

      โอ้ท่านพี่.......เขาเป็นเทพบุตรลงมาเกิดหรืออย่างไร หล่อมากครับ!

       

      "ไม่มีอะไรน่ะ แต่อยากถามว่าใส่ชุดแบบนี้ไม่หนาวหรือไง รองเท้าก็ไม่ใส่ด้วยนี่?" อาคาชิยิ้มน้อยๆพร้อมจ้องมองไปยังชุดยูกาตะสีขาวของอีกฝ่าย ทั้งที่อากาศหนาวมากแท้ๆแต่ยังใส่ชุดแบบนี้อีก

       

      ถ้าตอบว่าไม่หนาวเพราะเป็นเรื่องปกติของวิญญาณหิมะ คุโรโกะก็คงโดนอีกฝ่ายสงสัยแน่ๆ งั้นตอบว่า....

       

      "ข้าก็อยากใส่ชุดที่มันอบอุ่นมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ข้าโดนท่านพี่ไล่ล่าอยู่ และตอนนี้ข้าก็อยู่ในระหว่างการหนี ไม่มีที่ไป ฮึก....." คุโรโกะแกล้งปาดน้ำตาให้ดูน่าสงสาร เขาลองเอาแบบนางเอกที่เขาเคยอ่านในนิยายของมนุษย์มาเป็นแบบอย่างดู

       

      ขอโทษนะครับท่านพี่ที่เอามาแต่งเรื่องใส่ร้าย...

       

      คุโรโกะตอนนี้อยากจะเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์มากกว่านี้ แต่เขาก็ต้องมีที่อยู่อาศัย และดูเหมือนคนตรงหน้าก็ดูใจดี ไม่มีพิษไม่มีภัยดูไว้ใจได้ น่าจะให้เขาอยู่ด้วยได้...ล่ะมั้งนะ

       

      สวย....สวยอะไรเช่นนี้....

       

      ตั้งแต่อาคาชิเกิดมายังไม่เคยเห็นผู้ชายสวยแบบคนตรงหน้ามาก่อน ดวงตากลมโตสีฟ้าที่ดูสดใส ผมสีฟ้ายาวที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้าสูง ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากเล็กสีแดงเหมือนดอกกุหลาบ ผิวพรรณขาวเหมือนหิมะ ยิ่งใส่ชุดยูกาตะแบบนี้มันยิ่งงดงามเกินกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ

       

      น่าสนใจ...

       

      และแน่นอนคำตอบของอาคาชินั้น

       

      "มาอยู่กับฉันไหมล่ะ?"

       

      "จะไม่เป็นไรหรอครับ.....ข้าเกรงใจ" ต้องเล่นตัวนิดนึงตามหนังสือนิยายที่เขาเคยอ่าน

       

      "ไม่เป็นไรหรอก ^^" อาคาชิระบายยิ้มเล็กๆจนคุโรโกะเริ่มรู้สึกอาการแปลกๆหน้าของเขาเริ่มร้อน อยากจะลงไปมุดหิมะกลบหน้าให้เย็นซะเดี๋ยวนั้นเลย...

       

      อาการแบบนี้คืออะไรกันนะ?

       

      ไหนท่านพี่บอกว่าพวกมนุษย์นั้นใจร้ายไง แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ช่างดีเหลือเกินนะ... ไม่เห็นเลวร้ายอะไรนี่นา

       

      "นายชื่ออะไรงั้นเหรอ?" ระหว่างการเดินตามอีกฝ่ายไป อาคาชิก็ชวนคุยนู้นนี่เรื่อยเปื่อย

       

      "ข้าชื่อ....คุโรโกะ เท็ตสึยะ" หนุ่มผมฟ้าตอบไปตามความจริง หลังจากเขาคุยมาสักพักนั้นรู้สึกว่าอีกฝ่ายพอไว้วางใจได้บ้าง ถึงแม้ว่าท่านพี่จะไม่ให้บอกชื่อแก่คนแปลกหน้าก็เถอะ

       

      รู้สึกการมาโลกมนุษย์ครั้งนี้ แหกกฎทุกอย่างเลยแฮะ...

       

      "ฉันชื่ออาคาชิ เซย์จูโร่ ไม่รู้สึกตลกกับคำแทนตัวเองนั้นหรอ เท็ตสึยะ?" อาคาชิพูดยิ้มๆ ปกติเขาไม่ค่อยได้ยินใครใช้คำสรรพนามแบบนี้หรอก นอกจากจะเป็นภาพยนต์สมัยเก่าๆน่ะนะ "นายควรจะใช้คำว่า ฉัน หรือไม่ก็ ผม นะ"

       

      "งั้นเหรอครับ..." คุโรโกะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ จะว่าไปแล้วมนุษย์ที่นี่ก็ใช้สรรพนามเยอะดีเหมือนกันนะ แต่ฝั่งของโลกวิญญาณหิมะจะมีแค่ ข้า ตัวข้า เท่านั้นแหละ

       

      "เอาล่ะถึงบ้านฉันแล้ว" หลังจากเดินมานานพอสมควรก็ถึงที่พัก คุโรโกะเงยมองบ้านหลังนี้ด้วยความอึ้ง บ้านอะไร....ใหญ่ขนาดนี้ ใหญ่ยิ่งกว่าบ้านรอบข้างประมาณ 10 เท่าได้...

       

      "นี่บ้าน....หรอครับ?"

       

      "อ่าใช่...ทำตัวตามสบายนะ" อาคาชิแอบลอบยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าบ้านไป จะถามแบบนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก คุณพ่อของเขาน่ะไม่เคยสร้างอะไรที่มันเล็กอยู่แล้ว ถึงมันจะดีก็เถอะ....แต่เขาก็รู้สึกไม่อบอุ่นเลยสักนิด

       

      "อาคาชิจจิ!!! หายไปไหนมา พวกเราตามหาซะทั่วเลยนะ!" เสียงตะโกนดังขึ้นทันทีหลังจากที่เปิดประตูเข้ามา หมาน้อยผมเหลืองทำหน้าโล่งอกที่อีกฝ่ายกลับมาอย่างไร้รอยขีดข่วน แต่แล้วก็ต้องมีสะดุ้งเพราะหนุ่มผมแดงนั้นไม่ได้กลับมาคนเดียว....

       

      "ไปฉุดผู้หญิงมาจากไหนฟะอาคาชิ น่ารักเชียว" อาโอมิเนะที่เดินมาติดๆ ยิ้มหวานชวนน่าขนลุกให้อีกฝ่าย คุโรโกะมองอีกฝ่ายด้วยความกลัวก่อนจะรีบหลบหลังหนุ่มผมแดงเป็นที่กำบัง "แหมๆ ขี้อายซะด้วย"

       

      "เขาไม่ได้อาย เขากลัวนายต่างหากล่ะ นาโนดาโยะ" มิโดริมะที่ยืนอยู่รั้งท้ายพูดเหน็บคนข้างตัว มือที่ถือถุงชาเขียวสำเร็จรูปอยู่นั้นก็เดาไม่ยาก....คงเป็นลักกี้ไอเทมวันนี้แน่

       

      "พวกนายทำเขากลัวนะ อีกอย่างเท็ตสึยะเป็นผู้ชาย เอ้าแนะนำตัวเองสิ นี่เพื่อนๆฉันเองไม่ต้องกลัว" อาคาชิขยับถอยห่างทำให้คุโรโกะที่แอบอยู่ข้างหลังนั้นเห็นชัดยิ่งขึ้น ทุกคนก็มองอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ นี่ผู้ชายแน่หรือ...สวยเกินกว่าผู้หญิงซะอีก

       

      "คะ...คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ" ร่างเล็กเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยตามมารยาท คนข้างหน้าเขานั้นช่างดูน่ากลัว โดยเฉพาะคนตัวดำๆนั่น....ขนลุก

       

      "น่าร้ากกกก ><" คิเสะยิ้มกว้างกับความน่ารักนั้น ดวงตาสีเหลืองประกายแวววับ ก่อนจะมาจับมือขาวนั้นทันที "ฉันคิเสะ เรียวตะ คนดำๆนั่นก็อาโอมิเนะ ไดกิ ส่วนคนที่ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกก็มิโดริมะ ชินทาโร่ และยังมีพ่อหนุ่มตัวใหญ่ที่หลับอยู่ข้างบนชื่อมุราซากิบาระ อัตสึชิ"

       

      คิเสะพูดรวดเร็วเสร็จสรรพแบบไม่ต้องให้คนอื่นมาแนะนำตัวเอง คุโรโกะยิ้มแห้งๆให้คนผมเหลือง มือของอีกฝ่ายที่จับมือของเขาอยู่นั้นช่างมีความรู้สึกร้อนยิ่งกว่าตัวเขา

       

      วิญญาณหิมะนั้น...ร่างกายอุณหภูมิจะเย็นตลอดเวลา และไม่ชอบอะไรที่มันร้อนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นร่างกายคงจะละลายกลายเป็นน้ำแน่

       

      "เอาล่ะ พวกนายกลับห้องไปได้แล้ว" อาคาชิยืนมองด้วยสายตาที่นิ่งจนไม่สามารถเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ มือหนาของเจ้าตัวคว้ามือที่คิเสะจับอยู่นั้นก่อนจะดึงให้เดินตามออกไป

       

      "อาคาชิจจิขี้หวงอ่ะ~"

       

      อาคาชิพาเดินขึ้นบันไดที่อยู่กลางบ้าน บันไดที่นี่แตกต่างจากที่คุโรโกะเคยเห็นเล็กน้อย ปกติจะเคยเห็นแต่บันไดไม้ที่เดินแล้วมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดจนน่ากลัว แต่ที่นี่เป็นบันไดปูนที่ถูกปูด้วยผ้าผืนหนาสีแดงเหมือนเลือด เห็นแล้วก็แปลกตาเหมือนกันสำหรับร่างเล็ก

       

      "ต้องขอโทษด้วยนะที่เพื่อนๆฉันทำตัวแบบนั้น"

       

      "เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ" คุโรโกะสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก็ตั้งแต่เดินขึ้นมาคนที่จูงมือเขาอยู่ก็เงียบมาตลอดทาง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่

       

      จะว่าไปแล้วคนๆนี้....สัมผัสมือที่แตะมือเขาอยู่ตอนนี้ช่างแตกต่างจากคนเมื่อกี้อย่างลิบลับ ถึงแม้มือที่กำมือของร่างเล็กนั้นไว้หลวมๆ แต่มันช่างร้อนและอบอุ่นไปในขณะเดียวกัน  รู้สึก....คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด

       

      เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง....เมื่อนานมาแล้ว

       

      "พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"

       

      "......!" น่าแปลกที่ความคิดของร่างเล็กนั้นช่างตรงกับคำพูดเมื่อสักครู่จนน่าตกใจ อย่างกับว่าความคิดเมื่อกี้ของเขานั้นอีกฝ่ายได้ยินอย่างไงอย่างงั้น "ผมว่าคงไม่เคยเจอกันหรอกครับ..."

       

      ใช่....วิญญาณหิมะอย่างเขาจะเคยมาพบมนุษย์ที่แสนดีแบบนี้ได้อย่างไร... ไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แล้วล่ะ...

       

      "อ่า....ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆนะ ส่วนนี่ก็ห้องของนาย จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้นะ" เพราะยังไงซะอาคาชิคงจะอยู่ที่นี่ไปเป็นเดือน ต่างจากเพื่อนๆของเขาที่จะขอกลับไปก่อน

       

      เขาเบื่อ....เบื่อชีวิตในเมือง...เบื่อที่จะอยู่บ้านหลังใหญ่แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว...

       

      "จะว่าไปนายนี่มือเย็นเอาเรื่องเลยนะ ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอุ่นๆดีไหม?" อาคาชิคลายมือที่จับอยู่นั้นออก สัมผัสที่เขาจับนั้นมือของคุโรโกะช่างเย็นเหมือนไปจับหิมะอย่างไงอย่างงั้น

       

      ร่างเล็กพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ข้างในนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้อย่างดี แม้แต่ฝุ่นหรือหยากไย่ก็ไม่มีหลงเหลือให้เห็น ผ้าคลุมเตียงสีฟ้าดุจน้ำทะเลดูสบายตาเหมือนที่เขาเคยเห็นในหนังสือ ผ้าม่านลูกไม้สีขาวที่อยู่ตรงริมน้ำต่างนั้นดูปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือสิ่งของที่ต้องทำมาจากมือแน่

       

      "ที่นี่คือห้องของแม่ฉันเอง.....คงไม่รังเกียจนะ" อาคาชิยิ้มบางๆแต่กลับแฝงความรู้สึกเศร้าเอาไว้ ดวงตาสีแดงสั่นเครือเล็กน้อยก่อนจะกลับไปเป็นปกติ

       

      "ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมชอบห้องนี้มากๆเลยล่ะ" คุโรโกะก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเจออะไรมาบ้างก่อนที่จะมาพบตัวเขา แต่ดูท่าทางคงจะผ่านอะไรมากเยอะพอสมควร

       

      "ดีใจนะที่ชอบ ส่วนเสื้อผ้าอยู่ในตู้ไม้ตรงนั้น ยังไงก็ตามสบายนะเท็ตสึยะ"

       

      คุโรโกะค่อยๆปิดประตูห้องจนแนบสนิท ร่างเล็กถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่น่าไปโกหกเรื่องแบบนั้นเพื่อมาอยู่ที่นี่เลย ยิ่งอีกฝ่ายแสนดีขนาดนี้....

       

      ยังไงก็คืนนี้....ต้องแอบหนีออกไป....ไม่งั้นเขาคงจะรู้สึกผิดจนนอนไม่หลับแน่

       

      แหมะ....

       

      เสียงหยดน้ำที่ไหลหยดลงพื้นจนพื้นนั่นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ร่างเล็กเงยมองข้างบนว่ามีรอบรั่วหรือเปล่าแต่ก็พบว่าไม่มีอะไร ก่อนจะกลับลงมองข้างล่างอีกครั้ง "เอ๊ะ....มือ...."

       

      มือของเขาเริ่มละลายแล้ว!!

       

      "ฟู่ ฟู่~" คุโรโกะรีบเป่ามือของตัวเองทันที สงสัยเป็นเพราะโดนอาคาชิจับมือไว้นานเกินไป มือของเขาเลยเริ่มละลายเป็นน้ำแบบนี้ แต่ทำไมกับคนผมเหลืองเมื่อกี้ถึงไม่ละลายล่ะ?

       

      แต่สงสัยไปก็เท่านั้น...

       

      หลังจากเป่าลมให้มือกลับมาแข็งเหมือนเดิมก็เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เสื้อหลากสีสันละลานตาถูกแขวนเอาไว้จนเลือกไม่ถูก กางเกงขายาวสีฟ้ามีอยู่ตัวเดียวในตู้เสื้อผ้า ส่วนที่เหลือก็เป็นเสื้อผ้าของผู้หญิงซะส่วนใหญ่

       

      คุโรโกะใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปยังหน้ากระจก ทุกอย่างของเขายังเหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นเสื้อผ้าที่เขาไม่เคยใส่ "แปลกตาดี"

       

      อีกทั้งมนุษย์ผู้ชายที่นี่ไม่มีใครไว้ผมยาวสักคน ก็มีแต่คุโรโกะที่ไว้ผมยาวถึงเอวแบบนี้ "ไว้กลับไปแล้วเดี๋ยวลองตัดดูบ้าง"

       

      ภาพทิวทัศน์นอกหน้าต่างเริ่มมืดค่ำลงเต็มที ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวทำให้มืดเร็วกว่าปกติ ดวงอาทิตย์นั้นลับขอบฟ้าไปไม่นาน ดวงดาวประกายแสงก็ออกมาทำหน้าที่ของตัวเองในให้แสงสว่างตอนกลางคืน

       

      มันช่างสวยมากกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยดูมา...

       

      ร่างเล็กค่อยๆเปิดประตูให้มีเสียงเบามากที่สุด ก่อนจะค่อยๆย่องลงบันไดไปที่ละขั้นสองขั้นอย่างใจเย็น เมื่อเดินพ้นเขตบันไดแล้วนั้น มือเล็กที่กำลังจะเปิดประตูเพื่อไปสู่ข้างนอกก็ต้องชะงัก

       

      "เท็ตสึยะ? จะไปไหนน่ะข้างนอกมันหนาวนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นตรงริมบันไดที่เขาเดินผ่านมาเมื่อสักครู่ คุโรโกะมั่นใจว่าเมื่อกี้ไม่มีใครเลยนะ แล้วทำไมคนๆนี้ถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ!

       

      หนุ่มผมแดงสาวเท้าเข้ามาใกล้ มือหนาที่กำลังจะจับมือเล็กของอีกฝ่ายก็ต้องชะงัก เมื่ออีกฝ่ายเอามือหลบหนีทันที มือเล็กรีบสอดใส่เข้ากระเป๋ากางเกงทันที

       

      ไม่ใช่เพราะว่าคุโรโกะรังเกียจ แต่เขาไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาเป็นอะไร...ถ้าเกิดอาคาชิรู้ขึ้นมาว่าตัวเขาไม่ใช่มนุษย์ ตอนนั้นเขาก็ต้องฆ่าอีกฝ่าย..

       

      ซึ่งคุโรโกะก็ไม่อยากที่จะทำแบบนั้น...

       

      อาคาชิมองการกระทำของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ "พวกฉันนั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก ไปนั่งด้วยกันไหม?"

       

      "ครับ..." คุโรโกะก็ไม่รู้จะชวนคุยกับคนๆนี้อย่างไรดี เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ตัวเขาก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก ที่รู้ก็มีแค่ในหนังสือนิยายเท่านั้นแหละ

       

      เสียงจอแจเฮฮาสนุกสนานจนดังออกมาได้ยินจนถึงข้างนอก เหล่าหนุ่มหัวสีนั่งรายล้อมโต๊ะกลมที่มีแก้วชาร้อนตั้งอยู่ ทุกคนดูคุยแบบมีอรรถรสจนคุโรโกะก็อยากเข้าไปนั่งฟังบ้าง อาคาชิเขยิบที่นั่งให้ร่างเล็กมานั่งด้วย ซึ่งคุโรโกะก็ลงนั่งแบบยินดี

       

      ดวงตากลมโตกวาดมองคนรอบตัวด้วยความรู้สึกสนใจ ต่างคนต่างก็มีความชอบไม่เหมือนกัน สีผิวของแต่ละคนนั้นก็ช่างแตกต่าง สีหน้าที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใสแบบนั้นจนคุโรโกะแอบรู้สึกอิจฉา ก็ตัวเขาเองนั้นไม่เคยยิ้มแบบนั้นเลย

       

      "เอาล่ะนี่อยู่กับครบแล้วใช่ไหม~" คิเสะปรบมือแปะๆ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง เชือกที่ลอยต่องแต่งอยู่ตรงโคมไฟมือหนาก็จัดการดึงให้ไฟดับมือลง เสียงไฟแช็กที่ถูกจุดบนเทียนเล่มสีเหลืองจนเกิดไฟสีส้มที่ดูอบอุ่น ร่างสูงจัดการปักเทียนลงบนโต๊ะ นั่นทำให้คุโรโกะแอบรู้สึกหวั่นๆอยู่เล็กน้อย

       

      ก็วิญญาณหิมะไม่ถูกอะไรของแบบนี้นี่นา...

       

      "เห้ยๆ...ดับไฟแบบนี้เพื่อไรฟะ" อาโอมิเนะนั้นโวยวายเป็นคนแรก เปิดไฟก็ไม่ค่อยเห็นตัวเขาอยู่แล้ว มาปิดไฟแบบนี้อีกคงจะเห็นลูกตาและฟัน!

       

      "ก็วันนี้บังเอิญเป็นวันฮัลโลวีนพอดีนี่ฮะ.....แน่นอนว่าต้องมาเล่าเรื่องผี...ฮิฮิ" คิเสะดัดเสียงให้ตัวเองดูน่ากลัว แต่สำหรับคนอื่นๆแล้วมันดูน่ารำคาญมากกว่า

       

      "ไหนๆพวกเราก็มาที่ภูเขายูกิชิโระแล้ว แน่นอนที่นี่มีตำนานปีศาจอันเลื่องชื่ออยู่นั่นคือ เจ้าหญิงหิมะ (ยูกิอนนะ) ยังไงล่ะ!!"

       

      เฮือก!!

       

      คุโรโกะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่าเรื่องของตัวเขาเอง ซึ่งที่คิเสะเล่ามานั่นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องจริงซะเสียหมด อีกอย่างพวกคุโรโกะก็เป็นแค่วิญญาณที่ดูแลภูเขาแห่งนี้ไม่เคยที่จะทำให้มนุษย์เสียหายเลยสักนิด

       

      "เจ้าหญิงหิมะนั้นเป็นคนที่สวยมากจนเกินกว่ามนุษย์ ผิวนั้นก็ขาวนวลเหมือนหิมะไม่มีด่างพร้อย ผมสีดำนั้นยาวสลวยจนถึงเอว เธอใส่ชุดยูกาตะสีขาวและโอบิสีขาวเดียวกับหิมะ เธอนั้นจะดูดพลังชีวิตของมนุษย์เพื่อยังคงความเยาว์วัยของตัวเอง ไงล่ะน่ากลัวไหม!!" คิเสะที่เล่ามาจนยาวเหยียดจนคนอื่นแกล้งทำหาวง่วงว่าไม่อยากฟังจนคิเสะทำหน้าหงอย

       

      "ก็แค่เรื่องหลอกเด็ก พิสูจน์ไม่ได้" มิโดริมะที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืดจ้องแสงเทียนที่สั่นไหวตลอดเวลาเหมือนพร้อมที่จะดับ ลมก็ไม่มี....แต่ทำไมเปลวไฟถึงขยับไม่หยุดอย่างนั้นนะ

       

      "ถ้าฉันเจอเธอนะ ฉันจับเธอมาเป็นน้ำแข็งไสล่ะ~" มุราซากิบาระนั่งกินขนมเงียบๆอยู่นานพูดขึ้น ในหัวของเขาไม่นึกถึงผู้หญิงสวยอะไรเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขานึกถึงแต่น้ำแข็งไสราดน้ำแดงเท่านั้น แค่คิดก็อร่อยแล้ว...

       

      "ทำไมต้องน้ำแข็งไส? จับมาทำเมียดีกว่าฮ่าๆ" อาโอมิเนะหัวเราะด้วยความนึกสนุก ทั้งตัวนั้นมีแต่ลูกตากับฟันที่โผล่ออกมาเท่านั้นที่เห็นว่าอาโอมิเนะยังคงนั่งอยู่

       

      คุโรโกะที่นั่งอยู่ในความมืดแอบนั่งสั่นด้วยความกลัว ทำไมมนุษย์เหล่านี้ความคิดช่างน่ากลัวถึงแม้รู้ว่าพูดเล่นๆ แต่ก็ดูเหมือนจริงจังกันเกินไป...

       

      "เท็ตสึยะ ออกไปเดินเล่นข้างนอกไหม" เสียงทุ้มกระซิบดังขึ้นข้างตัว แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่คำขอร้อง มันดูเหมือนคำขอร้องแกมบังคับซะมากกว่า แต่คุโรโกะก็ไม่ปฎิเสธ

       

      ทั้งสองคนแอบย่องในความมืดก่อนจะค่อยๆเปิดประตูเดินออกจากห้อง ทั้งคู่แอบหัวเราะด้วยความรู้สึกนึกสนุกก่อนจะรีบเดินให้พ้นเขตห้องที่เพื่อนๆของอาคาชิอยู่

       

      "ฉันคิดว่าพานายไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่ามานั่งฟังเพื่อนๆฉันเล่าเรื่องไร้สาระน่ะ" อาคาชิทำการใส่เสื้อหนาวตัวหนา ถุงมือ และหมวกไหมพรมเพื่อปกป้องความหนาวข้างนอก คุโรโกะที่เห็นอีกฝ่ายใส่แบบนั้นก็เลยทำตามบ้าง

       

      "แล้วคุณคิดว่าเจ้าหญิงหิมะมีจริงหรือเปล่าครับ?"

       

      "......" สายตาคมกริบมองที่ตัวคุโรโกะอย่างนึกสงสัย ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กๆขึ้นมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ "มีสิ ฉันเชื่อว่ามี แล้วก็คิดว่าคงไม่เลวร้ายอะไร"

       

      คุโรโกะพยักหน้าน้อยๆด้วยความรู้สึกแอบดีใจที่อีกฝ่ายไม่คิดว่าพวกคุโรโกะไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี อย่างนี้ก็โล่งอกไปนิดหน่อยล่ะนะ

       

      เมื่อเปิดประตูที่ออกสู่ข้างนอก ลมหนาวก็ปะทะกับผู้มาเยือนข้างนอกทันที หิมะสีขาวที่มีอยู่เต็มทั่วทั้งสองฝั่งจนขาวโพลนไปทั่วตัดกับท้องฟ้าตอนค่ำที่มีดวงดาวประกายวิบวับ ดวงจันทร์เสี้ยวสีขาวนวลฉายแสงจันทร์จนสว่างไปทั่วรอบบริเวณ

       

      "ถ้าฉันใส่ถุงมือพวกเราคงจับมือกันได้นะ" อาคาชิหันหลังยื่นมือมาให้จับ ร่างเล็กมองมือนั้นด้วยความสงสัยก่อนจะยื่นมือไปจับกับอีกฝ่าย

       

      คำพูดแปลกๆนี่มันอะไร.....ทำไมพูดเหมือนรู้....

       

      "อาคาชิคุง....คือว่า...."

       

      "ชู่ว........" ริมฝีบางของอีกฝ่ายคลี่ยิ้มน้อยๆ นิ้วมือที่ถูกสวมถุงมือยกขึ้นวางไว้ที่ริมฝีปากสีแดงกุหลาบของร่างเล็ก ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

       

      มือที่ว่างอยู่จับเอวบางของร่างเล็กไว้ ก่อนจะค่อยๆโน้มเข้าหาตัวของอีกฝ่าย ลมหายใจร้อนนั้นเป่ารดหน้าขาวจนริมฝีปากใกล้จะแตะกันทุกที ตัวคุโรโกะนั้นรู้ดีว่าจะต้องรีบผลักอีกฝ่ายออกในตอนนี้ แต่ใจนั้นกลับอยากที่จะยืนอยู่ตรงนี้

       

      มนุษย์นั้นเรียกความรู้นี้ว่ายังไงกันนะ?

       

      แล้วคนตรงหน้าเขาล่ะ คิดเหมือนกันกับเขาหรือเปล่า?

       

      "ออกมาจากน้องของข้าเดี๋ยวนี้เจ้ามนุษย์!!" เสียงทุ้มดังกึกก้องไปทั่วจนรอบบริเวณที่หนาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับหนาวจับใจยิ่งขึ้นไปอีก ร่างเล็กใจหล่นหายวาบ เขาได้ยินเสียงก็รับรู้ได้แล้วว่า.... "ทะ....ท่านพี่"

       

      "เจ้าน้องไม่รักดี!! ทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนี้!!" ดวงตาคมกริบสีเทามองไปที่ทั้งสองคนด้วยความโมโห บรรยากาศรอบข้างก็ยิ่งเย็นเข้าไปอีกตามความรู้สึกของมายุสึมิ

       

      เพราะเขาจะแช่แข็งมนุษย์คนนั้นให้ตายทั้งเป็น!!

       

      "ไม่นะท่านพี่ ห้ามฆ่าเขานะ!" ร่างเล็กเดินมาบังตัวอาคาชิไว้ข้างหลัง แขนทั้งสองข้างกางออกถึงแม้จะรู้ว่าคงทำอะไรไม่ค่อยได้นัก...แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้คนที่แสนดีคนนี้ตายไป "มนุษย์คนนี้เขาช่างเป็นคนดีเหลือเกิน เขาช่วยเหลือข้าทั้งที่ข้าโกหกเรื่องแบบนั้นไป เขามีเสื้อผ้าให้ข้าใส่ เขามอบรอยยิ้มให้ข้า!"

       

      "มนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย! ที่เจ้าเห็นมันก็แค่ฉาบหน้าเท่านั้น!"

       

      "ไม่! มนุษย์คนนี้เขา......"

       

      "เจ้าพูดเหมือนชอบคนๆนี้....." มายุสึมิหรี่ตาเล็กน้อย อารมณ์ครุกกรุ่นที่อยู่ภายในนั้นพร้อมที่จะปะทุออกมาข้างนอกมาทุกที "ช่างใจง่ายอะไรแบบนี้"

       

      "....!!" ดวงตากลมโตสีฟ้าแสดงความเจ็บปวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พี่ชายคนตรงหน้าเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน...เจ็บ....เจ็บเหลือเกิน....

       

      "ท่านพูดแบบนี้ก็เหมือนว่าฉันอีกคนนะ" หนุ่มผมแดงยื่นมือมาจับไหล่เล็กก่อนจะยกยิ้มขึ้นเบาๆ "เพราะฉันก็ชอบน้องของท่านเหมือนกัน"

       

      "สามหาว! อย่าเอามือสกปรกมาแตะตัวน้องข้า!" ดาบสีฟ้าที่ถูกหล่อหลอมจากน้ำแข็งปรากฎขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที ซึ่งอาคาชิก็ที่ไม่ได้ทันตั้งตัวนั้น ก็ถูกอีกฝ่ายแช่แข็งที่เท้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งคุโรโกะก็โดนแบบนั้นเช่นกันทำให้ทั้งคู่ขยับตัวไม่ได้

       

      แย่ล่ะเซย์จูโร่...

       

      แต่คงไม่เป็นไร....ถ้าคนรักของเขาปลอดภัย แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว...ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่วันเดียวที่ได้เจอกัน แต่ก็รู้สึกเต็มอิ่มอย่างบอกไม่ถูก

       

      ถ้าเขาตายไปก็อยากไปเป็นวิญญาณหิมะก็ดีนะ จะได้อยู่เคียงข้างกับเท็ตสึยะตลอดไป

       

      ฉัวะ....

       

      เสียงเสียบเนื้อจนดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่อาคาชิก็แอบนึกสงสัยว่าโดนแทงแล้วทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บกันนะ

       

      "ท่านพี่ ท่านแช่แข็งข้าไม่ได้หรอกนะ อึ่ก....."

       

      ดวงตาสีแดงและสีเหลืองที่แตกต่างค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็ต้องเป็นอันพูดไม่ออกกับภาพตรงหน้าเขา ที่ตามจริงอาคาชิต้องโดนแทง แต่ทำไมถึง.... "เท็ตสึยะ!!"

       

      เคร้ง...

       

      นี่เขา....แทงน้องของตัวเองงั้นเหรอ

       

      มือที่อ่อนตัวทำให้ดาบนั่นตกลงพื้นเหมือนกับหัวใจของผู้เป็นพี่และอาคาชิใจสลาย เลือดสีขาวเหมือนหิมะไหลรินออกจากแผลที่โดนแทงที่หน้าท้อง ร่างเล็กค่อยๆล้มลงทำให้อาคาชิรีบเข้าไปรับทันที "เท็ตสึยะ...ทำไมนายถึง..."

       

      "ผมไม่อยากให้มนุษย์ดีๆอย่างคุณต้องตายไป...อีกทั้ง....." ปากเล็กยิ้มน้อยๆให้คนตรงหน้า ดวงตากลมโตมีน้ำตาที่ไหลรินออกเป็นเกล็ดน้ำแข็งร่วงโรยสู่ยังบนพื้นหิมะ มือหนานั้นสั่นไปตามร่างกายที่ใจสลายกำลังบรรจงเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย "ผมก็ชอบคุณไปแล้ว....อึ่ก"

       

      "ไม่นะเท็ตสึยะ! นายจะมาทิ้งฉันไม่ได้นะ....ฮึ่ก...." น้ำตาหล่อหลอมไปทั่วทั้งดวงตาสองสีจนหยดลงสู่เบื้องล่าง เขาเคยสูญเสียคุณแม่ผู้เป็นที่รักไปแล้ว เขาจะไม่ให้คนรักของเขามาตายแบบนี้อีกไม่ได้!

       

      ร่างสูงผมสีเทาจ้องมองใบหน้าขาวของผู้เป็นน้องที่หันมายิ้มให้ เปลือกตานั้นค่อยๆขยับปิดลงจนไม่เห็นดวงตาสีฟ้าที่แสนสดใสนั้นอีกแล้ว...

       

      "เท็ตสึยะ!!" ทั้งอาคาชิและมายุสึมิตะโกนเรียกขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงรีบเดินเข้าไปหาน้องชายของตัวเองทันที มือหนาแตะบนใบหน้าขาวด้วยความอ่อนโยนก่อนจะเกลี่ยเกล็ดน้ำแข็งที่ยังคงไหลรินออกจากเปลือกตานั้น

       

      "นายชนะแล้วเจ้ามนุษย์" มายุสึมิยันตัวลุกขึ้นจนเต็มความสูงก่อนจะมองมนุษย์ผมสีแดงที่มีน้ำตาเปรอะเปื้อนบนหน้าด้วยความไม่เข้าใจ "น้องข้าเลือกเจ้า อีกทั้งเจ้าก็ยังเป็น.....เนื้อคู่ของน้องข้าด้วย"

       

      ใช่ฟังไม่ผิดหรอก ตัวมายุสึมินั้นรู้แก่ใจตัวเองว่าน้องของเขาช่างแตกต่างกับคนอื่น วิญญาณหิมะแต่ล่ะตนจะมีเนื้อคู่เป็นของตัวเอง แต่น้องของเขากลับมีเนื้อคู่เป็นมนุษย์ ซึ่งตัวเขานั้นรับไม่ได้....เลยไม่อยากที่จะให้น้องของตัวเองลงไปในโลกมนุษย์  แต่ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ...

       

      "ข้าคงต้องไปก่อนที่น้องข้าจะตื่น...เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร?" มายุสึมิมองหน้าผู้เป็นน้องก่อนที่จะหันหลังเดินไปยังพื้นที่ว่างเปล่า "ถ้าเกิดเจ้าทำให้น้องข้าร้องไห้ ฉันจะมาฆ่าเจ้า จำไว้"

       

      อ่า...ถ้าเขาทำแบบนี้แล้วทำให้น้องของตนมีความสุข ตัวเขาก็มีความสุขไปด้วยน่ะนะ...

       

      เจ้าจะเป็นน้องรักของข้าตลอดไป...เท็ตสึยะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่วิญญาณหิมะแล้วก็ตาม..

       

      อาคาชิจ้องมองใบหน้าขาวที่ยังคงยิ้มประดับบนใบหน้าน้อยๆนั่น มือหนาสัมผัสใบหน้านั้นด้วยความทะนุถนอมให้มากที่สุด ริมฝีปากร้อนค่อยๆประทับลงไปบนริมฝีปากบางแดงด้วยความบางเบา รสชาติจูบนั้นถึงจะมีแต่ความเย็นที่แผ่ออกมาแต่ก็ไม่สามารถลบความหวานจากปากของร่างเล็กได้ ถึงแม้จะไม่ใช่จูบที่เร่าร้อน แต่ก็เป็นจูบที่มีความหมายและลึกซึ้งสำหรับพวกเขาทั้งสอง

       

      ใบหน้าขาวเหมือนหิมะค่อยๆมีเลือดฝาดขึ้นมาบนใบหน้า มือเล็กที่อาคาชิจับอยู่นั้นก็เริ่มรู้สึกอุ่นขึ้น เปลือกตาค่อยๆสั่นก่อนจะเผยดวงตากลมโตสีฟ้าที่ยังคงสดใสไม่เคยเปลี่ยน ริมฝีปากสีแดงค่อยๆคลี่ยิ้มบางเบา ลมหายใจรินร้อนที่ออกมาจากร่างเล็กบ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์อย่างชัดเจน "อาคาชิคุง..."

       

      "ยินดีต้อนรับสู่การเป็นมนุษย์นะ เท็ตสึยะ..." อาคาชิเกลี่ยน้ำตาของตัวเองออกก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความดีใจ ดีใจที่ไม่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไป

       

      "ท่านพี่ล่ะครับ..." ดวงตากลมโตกวาดมองรอบตัวก็ไม่พบวี่แววของพี่ชายตนเองแม้แต่น้อย

       

      "ถ้านายอยากเจอก็ร้องไห้ดูสิ พี่ของนายจะมาฆ่าฉันโดยทันทีเลยล่ะฮ่ะๆ" อาคาชิพูดติดตลก นั่นทำให้คุโรกะหัวเราะตามไปด้วย

       

      ช่างเป็นพี่ชายที่รักน้องสุดหัวใจ....น่านับถือ

       

      "จะว่าไป....ตอนนี้ก็เริ่มหนาวแล้วล่ะครับ...บรื๋อ..." มือขาวถูมือของตัวเองด้วยความหนาว ก็ก่อนหน้านี้เขาไม่หนาวนี่นาเลยไม่ใส่ถุงมือ ก็ไม่ผิดนี่...

       

      "ตอนนี้....นายจับมือฉันได้แล้วใช่ไหม" อาคาชิถอดถุงมือที่ใส่อยู่ก่อนจะยัดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง มือหนายื่นไปยังร่างเล็ก "ไงล่ะ?"

       

      "อาคาชิคุงขี้โกงครับ....รู้อยู่แล้วสินะว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ใช่มนุษย์น่ะ" คุโรโกะพองลมจนแก้มขาวป่องเป็นซาลาเปาสองลูก อาคาชิหัวเราะเล็กน้อย อีก่ายทำหน้าแบบนี้เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปจิ้มแก้มเนียนๆนั่นให้แตก

       

      "ถ้าไม่รู้แล้วฉันจะเป็นเนื้อคู่นายไหมล่ะ หือ?" หนุ่มผมแดงยิ้มน้อยๆด้วยความสุข มือหนาจับมือเล็กด้วยความอบอุ่น สัมผัสที่กุมมือกันและกันนั่นไม่ใช่อบอุ่นเพียงร่างกายแต่จนไปถึงหัวใจของทั้งสอง

       

      "บ้าที่สุดครับ ////" ใบหน้าขาวเริ่มร้อนจนปรากฎสีแดงจางๆด้วยความเขิน

       

      ถึงแม้บรรยากาศรอบข้างจะหนาวจับใจ แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาทำลายความอบอุ่นของทั้งสองได้...

       

      "บ้าแต่นายก็รักใช่ไหมล่ะ" อาคาชิหันมายิ้มให้อีกครั้ง ตอนนี้หนุ่มผมแดงมีความสุขมาก ความน่าเบื่อที่มีอยู่ก่อนหน้านี้สลายหายไปทันทีเมื่อมาพบเจอคนๆนี้

       

      ต้องขอบคุณท้องฟ้า ขอบคุณดวงดาว ขอบคุณโชคชะตา ขอบคุณความรัก...

       

      ที่ทำให้คนอย่างอาคาชิ เซย์จูโร่ พบเจอ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ซึ่งทำให้ชีวิตของเขามีความสุข

       

      "ครับ....บ้าที่สุดเลย แต่ผม....ก็รักไปแล้วนี่"

       

      และนี่คือตำนานจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของความรักทั้งสอง :)

       

      ----------------------------------------------------------------------------------------------------

      และนี่ก็คือฟิคฮัลโลวีนย้อนหลังของไรท์ค่ะ (....) ไรท์แต่งไปด้วยความมึนของตัวเองล้วนๆไม่มีอะไรผสม เห็นคนอื่นเขาแต่งแวมไพร์หมาป่ากันเยอะแยะ ก็ไม่รู้จะแต่งเป็นอะไรเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นข้างบนนั่นแหละค่ะ5555 บางคนอ่านอาจจะคิดว่านี่ 'คริสต์มาส' หรือเปล่า .____. ไม่ใช่นะคะนี่ฮัลโลวีนค่ะ ;3;

      อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆก็ติได้นะคะ เพราะว่าแต่งด้วยความมึนจริงๆค่ะ TwT

      แล้วเจอกันฟิคมิราจนะคะ~~ บ๊ายบาย วันนี้ก็ฝันดีล่วงหน้าค่ะ ห่มผ้าดีๆนะคะ ระวังจ๊ะเอ๋กับเจ้าชายหิมะตัวน้อยล่ะ :)

      ปล.ไรท์มีทวิตแล้วเน้อ~ มาเม้าท์มอยกับไรท์ได้นะ @bam14894

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×