ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF One Shot : WonKyu

    ลำดับตอนที่ #4 : Sweet in Cup : SF for WK's Day (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 58




    Sweet in Cup : For WonKyu’s Day

     

     

                ผมชอบกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ โดยเฉพาะเมื่อเสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกห้อยไว้ที่หน้าประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ด้านนอกเข้ามากับเจ้าตัวด้วย

    “สวัสดีครับ...คือ...ผมจะมาสมัครเป็นพ่อครัวขนม ตามป้ายที่ติดไว้ด้านหน้าน่ะครับ”

                .

                .

                .

                เอ...หรือว่าจะเป็นกลิ่นหอมของขนมที่มาจากคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมกันแน่นะ

     

    +++++++++++++++++++++++

     

                “ลองทำขนมให้ผมชิมสักอย่างได้มั้ยครับ ขนมอะไรก็ได้ ใช้ของในครัวได้หมดเลยนะครับ”

                เขาพยักหน้าแล้วก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตเข้าไปสำรวจในครัว ผมเดินตามเข้าไปช้า ๆ มองดูเขาคนนั้นที่กำลังกวาดตามองไปทั่วห้อง เดินไปเปิดตู้เย็นและตู้ติดผนังแล้วหยิบวัตถุดิบที่ต้องการออกมา เมื่อเห็นว่าเขาได้ของครบแล้ว ผมจึงถอยออกมาเพื่อเฝ้าหน้าร้านตามหน้าที่ ไม่นานนัก กลิ่นขนมอบหอม ๆ ก็ลอยออกมาจากครัว ทำเอาผมและลูกค้าที่เข้ามาซื้อกาแฟถึงกับสูดลมหายใจรับกลิ่นหอมนั้นเข้าไปพร้อม ๆ กัน

                “หอมจัง ขนมอะไรน่ะคะ มาสเตอร์”

                ผมได้แต่ส่ายหน้าส่งไปให้

                “ผมกำลังทดสอบเชฟขนมคนใหม่น่ะครับ ผมเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำอะไร”

                “ท่าทางจะอร่อยนะคะ แค่กลิ่นยังหอมขนาดนี้ แต่ฉันต้องรีบไปทำงานแล้วนี่สิ ถ้าตอนเย็นแวะมาอีกรอบจะยังเหลือถึงฉันมั้ยนะ”

                “ลองแวะมาดูนะครับ เผื่อได้ขนมกลับไปฝากน้องกาอึน” ผมส่งยิ้มพลางยื่นเงินทอนให้ลูกค้าประจำของผม

                เมื่อส่งลูกค้าคนสุดท้ายของช่วงเช้าไปพร้อมกับกาแฟถ้วยโปรดของเธอแล้ว ผมก็เริ่มมีเวลาว่างเพราะเข้าสู่ช่วงสายของวันที่คนส่วนใหญ่อยู่ในที่ทำงานหรือโรงเรียน เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายก่อนที่จะรับศึกหนักในช่วงกลางวันและเย็น

                เสียงประตูครัวเรียกให้ผมเงยหน้าจากบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้หันไปมองคนที่กำลังถือถาดใบใหญ่ออกมา อันที่จริงผมตั้งใจจะเดินเข้าไปดูเขาทำขนมตั้งแต่ช่วงที่ไม่มีลูกค้าแล้ว แต่สุดท้ายก็นั่งทำบัญชีเพลินจนขนมอบพร้อมเสริฟเสียก่อน ผมมองเขาที่วางถาดลงบนเคาน์เตอร์ด้านหลังตู้ขนมก่อนที่มือขาวนั้นจะหยิบขนมในถ้วยกระดาษยื่นมาตรงหน้า

                “คาเฟ่โอเล่คัพเค้กครับ ส่วนอีกแบบนึงเป็นไวท์ช็อคคัพเค้ก”

                ผมรับคัพเค้กสีน้ำตาลสวยที่มีครีมสีขาวโรยผงสีน้ำตาลเข้มที่ผมมารู้ตอนที่กัดเข้าปากว่ามันคือผงกาแฟโรยอยู่ด้านบน เนื้อเค้กรสชาติออกขมนิด ๆ แต่ถูกตัดด้วยรสหวานมันของครีมสีขาวด้านบนทำให้รู้สึกถึงรสที่นุ่มนวล ผมวางคัพเค้กที่กัดไปเพียงคำเดียวลงแล้วลุกขึ้นยืน ผมเห็นความวูบไหวปรากฏขึ้นในแววตาเจ้าของคัพเค้กชั่ววูบหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็ยังควบคุมมันไว้ใต้ท่าทีที่นิ่งสงบได้อย่างรวดเร็ว ผมอมยิ้มน้อย ๆ พลางเดินไปหยิบกาน้ำชาและแก้วเซรามิกส์รูปหัวใจสีขาว สกรีนชื่อร้านมาวางบนเคาน์เตอร์ชงกาแฟ หยิบกาน้ำชามาเปิดน้ำร้อนใส่ ส่ายกาให้น้ำร้อนวอร์มจนกาอุ่นดีแล้วจึงเททิ้งไปแล้วเปิดน้ำร้อนใส่ลงไปอีกครั้ง ผมเอื้อมไปหยิบกล่องชาสีขาวออกมาเปิด หย่อนถุงชาลงไปแล้วปิดฝา วางกาน้ำชาและแก้วชาอีกสองใบลงในถาดเงิน ผมส่งยิ้มให้อีกคนที่ยืนนิ่งอยู่เล็กน้อย

                “ออกไปดื่มชาแล้วนั่งคุยเรื่องเวลาทำงานของคุณกันเถอะครับ”

     

    ++++++++++++++++++++++

                 

                เราย้ายตัวเองออกมานั่งที่โต๊ะสีขาวด้านนอกเคาน์เตอร์ ช่วงเวลาสายแบบนี้คงไม่มีลูกค้าให้ต้องกังวลมากนัก ผมผายมือให้เขานั่งรอก่อน ส่วนตัวเองเดินเข้าไปจัดคัพเค้กและชาออกมาเสริฟให้เราทั้งคู่

                “ขอโทษที่ตัดสินใจเลือกชาเองนะครับ แต่ผมชิมแล้ว คิดว่าชาขาวรสชาติเบา ๆ น่าจะเหมาะกับคัพเค้กกาแฟมากกว่าอย่างอื่น” ผมเห็นเขาพยักหน้าเบา ๆ เมื่อได้ชิมทั้งสองอย่างคู่กันแล้ว

                “ทำไมคุณถึงเลือกทำคัพเค้กละครับ”

                “ผมได้ไอเดียมาจากชื่อร้านน่ะครับ”

                ผมอมยิ้ม พยักหน้าเข้าใจเมื่อมองชื่อร้าน “SWEET IN CUP” บนแก้วชา

                “ก็อย่างที่คุณเข้าใจแหละครับ ผมชอบคัพเค้ก ขื่อร้านก็มาจากคัพเค้กนี่แหละ แต่ผมก็ยังอยากให้มีขนมอย่างอื่นด้วย อย่างพวกขนมปังหรือแซนวิชสำหรับมื้อเช้า เพราะลูกค้าของผมส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาทานมื้อเช้ากันมากนัก บ่าย ๆ อาจจะมีเค้กอื่นซัก 2 อย่าง สำหรับนักเรียน ม.ปลายกับเด็กมหาลัยที่จะแวะมาหลังเลิกเรียน”

                ผมพูดพลางมองตากลมโตที่ตั้งอกตั้งใจฟังอยู่

                “ร้านปิดวันอาทิตย์ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องลา ผมอนุญาตให้ทำขนมไว้ตั้งแต่เย็นวันก่อนหน้า วันที่คุณลาผมจะได้ไม่โดนลูกค้าโวยวายเอา”

    ผมเห็นเขาแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยกับมุกอะไรก็ไม่รู้ของผม เขาคงไม่รู้หรอกว่านั่นให้ความรู้สึกสว่างไสวขนาดไหน

    เขาลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ผมรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ

    “ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ ผม...โจคยูฮยอนขอฝากตัวด้วยนะครับ”

    .

    .

    .

    พระเจ้าครับ...ตาผมคงจะไม่บอดใช่ไหม :)

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    ผมชอบพูดคุยกับผู้คน โดยเฉพาะกับคนที่มีบรรยากาศคล้าย ๆ กัน ที่ผมมาเปิดร้านกาแฟ นอกจากเพราะกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟ รสชาติหวาน ๆ ของขนมแล้ว การได้พูดคุยกับผู้คนที่หลากหลายก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน

     

    “เค้กของรอบบ่ายเสร็จแล้วครับ”

    ผมหันไปมองคนที่เพิ่งใช้หลังดันประตูครัวออกมาพร้อมถาดคัพเค้กในมือ เชฟขนมหวานของผมค่อย ๆ เรียงคัพเค้กชิ้นเล็กสีสวยอย่างปราณีต เขาเป็นคนที่ทำขนมอร่อยมากจริง ๆ แถมยังคิดออกแบบขนมใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ จนตอนนี้ยอดขายขนมแทบจะแซงยอดขายกาแฟของผมอยู่แล้ว ผมรอจนเขาเรียงขนมเรียบร้อยถึงได้เอ่ยปากชวนให้นั่งพักกินกาแฟด้วยกัน

    “ทำไมคุณถึงมาเป็นเชฟขนมหวานละครับ”

    “มันเริ่มมาจากชอบกินน่ะครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และผมก็คิดว่ามันทำให้เขายิ่งดูน่ามองขึ้นไปอีก

    “แล้วผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่าขนมแต่ละอย่างก็มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจในตัวเอง ผมเลยอยากทำความรู้จักพวกมันให้มากขึ้น”

    “ขนมพวกนั้นน่าอิจฉานะครับ”

    “ห้ะ! น่าอิจฉายังไงเหรอครับ”

    “ก็มันถูกพูดถึงด้วยความรู้สึกรักมาก ๆ เลยนี่ครับ คุณคงไม่รู้ตัวว่าหน้าของคุณดูมีความสุขมากแค่ไหนตอนที่พูดถึงสิ่งที่รัก”

    “เหมือนเวลาที่คุณพูดถึงร้านนี้น่ะเหรอครับ” ผมเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อได้ฟัง ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ผมที่สังเกตอีกฝ่ายหนึ่ง

    “ไม่ได้มีแค่ตอนที่พูดถึงร้านนี้หรอกนะครับ” ผมพูดขึ้น และก็เป็นเขาบ้างที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    “เวลาผมพูดถึงเพื่อนร่วมงาน ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

    .

    .

    .

    ผมว่าผมเห็นเขาแอบยิ้มตอนที่หลบตาผมนะ :)

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    ผมชอบฟังบรรยากาศในร้านกาแฟยามเช้า โดยเฉพาะเมื่อผมกำลังสูดกลิ่นหอมของขนมอยู่ในครัวด้วยแล้ว มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนอยากล้มตัวลงนอน แต่เพียงแค่คิดเตาอบขนาดไม่ใหญ่นักก็ส่งเสียงเรียกให้ผมไปยกขนมออกจากตัวมันได้แล้ว

    ผมดึงถาดขนมออกมาแล้วใช้ไม้แหลมเล็กจิ้มลงไปในเนื้อเค้ก เมื่อเห็นว่าสุกดีแล้วก็ยกออกมาวางพักไว้บนตะแกรงรอเวลาที่จะแต่งด้วยครีมสีต่าง ๆ ระหว่างที่ผมกำลังตีครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เสียงประตูก็ดึงความสนใจของผมไปหา

    “คยูฮยอน! แซนวิชตัวใหม่เป็นที่นิยมมากจริง ๆ วันนี้หมดตั้งแต่ยังไม่แปดโมงแน่ะ ลูกค้าบ่นกันใหญ่เลยว่ามาซื้อไม่ทัน”

    “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ผมจะทำเพิ่มอีกแถวนึงแล้วกันนะครับ คุณซีวอนอยากให้ผมลดจำนวนขนมปังอย่างอื่นลงมั้ยครับ” แต่อีกฝ่ายกลับรีบโบกมือห้ามไว้

    “คุณออกไปดูเองแล้วกัน” ฟังได้แค่นั้นมือหนาของอีกคนก็คว้ามือของผมออกไปด้านนอก

     

    ตู้วางขนมดูว่างเปล่าเหมือนเป็นช่วงเวลาหลังปิดร้าน ทั้ง ๆ ที่ผมเพิ่งยกแซนวิช 2-3 ชนิด และขนมปังอีกหลายอย่างมาวางไว้เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง

    “ไม่น่าเชื่อเลย”

    “เชื่อเถอะว่าพวกเค้าต้องมนตร์ของนายเหมือนที่ฉันเคยโดนมาแล้ว”

    อีกคนพูดพลางยกมือขึ้นถูจมูก ๆ พลอยทำให้มือของผมที่ถูกเขาจับอยู่ต้องโดนดึงตามไปด้วย แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เห็นว่านิ้วของเราสอดประสานกันอยู่ คุณซีวอนลดมือลงมาไว้ข้างตัวแล้วแต่แรงที่จับก็ไม่ได้คลายออก

    .

    .

    .

    และผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันอึดอัดอะไร :)

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    ผมชอบทะเลยามเย็น โดยเฉพาะเมื่อมีใครอีกคนที่ทำให้เรารู้สึกดีอยู่ข้าง ๆ เรานั่งข้างกันอยู่ริมชายหาดที่สงบเงียบ มีเพียงคนที่เล่นน้ำอยู่ห่างออกไป และดูเหมือนว่าเขาจะพอใจที่จะนั่งกันอยู่เงียบ ๆ แบบนี้อย่างนี้มากกว่า แต่ไม่ใช่สำหรับผม

    “คยูฮยอน”

    เจ้าของชื่อเอียงหน้ามาหาทั้งที่ยังซบหน้าอยู่กับเข่า ดวงตากลมโตมองมาที่ผมด้วยความสงสัยและวูบไหวเล็กน้อยตอนที่ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปสอดประสานนิ้วเข้ากับมือของเขา

    “ผมไม่รู้ว่าคุณจะคิดเหมือนผมไหม แต่ผมก็จะถามคุณ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง “เป็นแฟนกันนะ”

     

    ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า แต่แรงกระชับที่มือและนิ้วที่ประสานกันแน่นขึ้นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา ผมเอื้อมมือข้างที่ว่างไปไล้บนแก้มขาวเบา ๆ ก่อนที่จะขยับหน้าเข้าไปหาและสร้างจูบแรกของเรา

    .

    .

    .

    ตอนนี้เราเป็นเจ้าของประกายตาที่มีความสุขของกันและกันแล้ว :)

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    ผมชอบการทำขนม โดยเฉพาะเมื่อได้ฝึกทำขนมที่ประเทศต้นกำเนิดของมัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนที่ผมไม่อยากละทิ้งบางคนที่เป็นเจ้าของประกายตาที่มีความสุขของผมไป

    “คยูฮยอน คยูฮยอน คยูฮยอนครับ”

    ผมสะดุ้งนิด ๆ ตอนที่รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ ก่อนที่จะหันไปเจอคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่เมื่อกี้

    “มีอะไรเหรอครับซีวอน”

    “เหม่ออะไรหื้ม ผมเรียกตั้งนานยังไม่ได้ยิน”

    “ผมคงคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ผมตอบแล้วเอื้อมมือไปกอดรอบเอวเขาพลางซบหน้าลงกับหน้าท้องอุ่น

    “ทำไมวันนี้อ้อนผิดปกติ” เขาลูบหัวผมเบา ๆ และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

    “ตกลงมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเงยหน้ามาถามเขาอีกครั้ง

    “น้องสาวผมจะแต่งงานตอนเดือนพฤษภา ผมเลยจะชวนคุณไปด้วยกัน”

    ผมนิ่งไปเมื่อคิดว่าตอนนั้นผมน่าจะอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่

    “คยูฮยอน ถ้าคุณลำบากใจที่จะไป...”

    ผมส่ายหน้า ผมต้องอธิบายว่าผมไม่เคยลำบากใจกับเรื่องของเขาเลย แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงดี

    “คยูฮยอนเกิดอะไรขึ้น”

    ผมกลืนน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาลงไป เอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับมือของอีกคนไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาที่มองลงมาอย่างห่วงใย

    “ซีวอน ผมได้ทุนไปเรียนทำขนมที่ฝรั่งเศสสองปี”

    เขาดูอึ้งไปในตอนแรกที่ได้ยินตามมาด้วยอาการหมดแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้

    “นานนะ” เขายกมือของเราที่จับกันอยู่ไปวางไว้บนตักของเขาแล้วไล้นิ้วเล่นบนหลังมือของผม

    “ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องเหงาขนาดไหนถ้าไม่มีคุณอยู่ในร้านด้วยกันอย่างทุกวัน... มีบางคนบอกว่าก่อนที่เราจะมีใครบางคนในชีวิตเราก็อยู่ของเราได้ ถ้าขาดคนนั้นไปก็แค่กลับไปเป็นแบบเดิม”

    ผมนั่งก้มหน้านิ่ง สายตาจับจ้องอยู่ที่มือทั้งสองที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ของอีกคน

    “แต่ในความเป็นจริง มันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมมองว่า...เมื่อมีคนเข้ามาในชีวิตของกันและกัน ก็เหมือนการแลกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ของเรากับอีกฝ่าย ความสัมพันธ์ของคนก็เหมือนการปลูกต้นไม้ไว้ในหัวใจ ไม่ว่ามันจะเติบโตมาเป็นต้นที่สวยงามหรือน่าเกลียด แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่ทิ้งไว้ที่เราเสมอ”

    ซีวอนจับมือของผมขึ้นไปแนบกับริมฝีปากอุ่นของเขา

    You’re the most beautiful tree of my life”

    ผมเอนตัวเข้าไปซบกับบ่ากว้างแล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู

    .

    .

    .

                “You, too”

     

    ++++++++++++++++++++++

     

                ผมชอบกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ โดยเฉพาะเมื่อเสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกห้อยไว้ที่หน้าประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ด้านนอกเข้ามากับเจ้าตัวด้วย

    “สวัสดีครับ...คือ...ผมอยากสมัครเป็นพ่อครัวขนม ช่วยติดป้ายรับสมัครหน่อยได้มั้ยครับ”

                .

                .

                .

                เจ้าของความสุขในประกายตาของผม เค้ากลับมาแล้ว :)

     

    +++++++++++++++++++++++

     

     

    Talk เบา ๆ

     

                มาต่อที่เหลือแล้วค่ะ สำหรับฟิครับ #WONKYUDAY ที่ติดค้างมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว สาระไม่มี แค่อยากแต่งฟิคที่เค้ารักกันละมุนๆ จริงๆ ควรเป็นน้องที่ต้องรอพี่ แต่ก็นะ...พล็อตมันมาแบบนี้ไปแล้ว แบบว่า...มาคิดได้ทีหลัง แหะๆ

                ฝากคอมเม้นต์ติชมในนี้ หรือแท็ก #sweetincupWK หน่อยนะคะ รักคนอ่านและชิปเปอร์วอนคยู จุ๊บๆ



    HAPPY WONKYU'S DAY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×