คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Sweet in Cup : SF for WK's Day (100%)
Sweet in Cup : For WonKyu’s Day
ผมชอบกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้
โดยเฉพาะเมื่อเสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกห้อยไว้ที่หน้าประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบา
ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ด้านนอกเข้ามากับเจ้าตัวด้วย
“สวัสดีครับ...คือ...ผมจะมาสมัครเป็นพ่อครัวขนม
ตามป้ายที่ติดไว้ด้านหน้าน่ะครับ”
.
.
.
เอ...หรือว่าจะเป็นกลิ่นหอมของขนมที่มาจากคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมกันแน่นะ
+++++++++++++++++++++++
“ลองทำขนมให้ผมชิมสักอย่างได้มั้ยครับ
ขนมอะไรก็ได้ ใช้ของในครัวได้หมดเลยนะครับ”
เขาพยักหน้าแล้วก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตเข้าไปสำรวจในครัว
ผมเดินตามเข้าไปช้า ๆ มองดูเขาคนนั้นที่กำลังกวาดตามองไปทั่วห้อง
เดินไปเปิดตู้เย็นและตู้ติดผนังแล้วหยิบวัตถุดิบที่ต้องการออกมา
เมื่อเห็นว่าเขาได้ของครบแล้ว ผมจึงถอยออกมาเพื่อเฝ้าหน้าร้านตามหน้าที่ ไม่นานนัก
กลิ่นขนมอบหอม ๆ ก็ลอยออกมาจากครัว ทำเอาผมและลูกค้าที่เข้ามาซื้อกาแฟถึงกับสูดลมหายใจรับกลิ่นหอมนั้นเข้าไปพร้อม
ๆ กัน
“หอมจัง
ขนมอะไรน่ะคะ มาสเตอร์”
ผมได้แต่ส่ายหน้าส่งไปให้
“ผมกำลังทดสอบเชฟขนมคนใหม่น่ะครับ
ผมเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำอะไร”
“ท่าทางจะอร่อยนะคะ
แค่กลิ่นยังหอมขนาดนี้ แต่ฉันต้องรีบไปทำงานแล้วนี่สิ
ถ้าตอนเย็นแวะมาอีกรอบจะยังเหลือถึงฉันมั้ยนะ”
“ลองแวะมาดูนะครับ
เผื่อได้ขนมกลับไปฝากน้องกาอึน” ผมส่งยิ้มพลางยื่นเงินทอนให้ลูกค้าประจำของผม
เมื่อส่งลูกค้าคนสุดท้ายของช่วงเช้าไปพร้อมกับกาแฟถ้วยโปรดของเธอแล้ว
ผมก็เริ่มมีเวลาว่างเพราะเข้าสู่ช่วงสายของวันที่คนส่วนใหญ่อยู่ในที่ทำงานหรือโรงเรียน
เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายก่อนที่จะรับศึกหนักในช่วงกลางวันและเย็น
เสียงประตูครัวเรียกให้ผมเงยหน้าจากบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้หันไปมองคนที่กำลังถือถาดใบใหญ่ออกมา
อันที่จริงผมตั้งใจจะเดินเข้าไปดูเขาทำขนมตั้งแต่ช่วงที่ไม่มีลูกค้าแล้ว
แต่สุดท้ายก็นั่งทำบัญชีเพลินจนขนมอบพร้อมเสริฟเสียก่อน
ผมมองเขาที่วางถาดลงบนเคาน์เตอร์ด้านหลังตู้ขนมก่อนที่มือขาวนั้นจะหยิบขนมในถ้วยกระดาษยื่นมาตรงหน้า
“คาเฟ่โอเล่คัพเค้กครับ
ส่วนอีกแบบนึงเป็นไวท์ช็อคคัพเค้ก”
ผมรับคัพเค้กสีน้ำตาลสวยที่มีครีมสีขาวโรยผงสีน้ำตาลเข้มที่ผมมารู้ตอนที่กัดเข้าปากว่ามันคือผงกาแฟโรยอยู่ด้านบน
เนื้อเค้กรสชาติออกขมนิด ๆ
แต่ถูกตัดด้วยรสหวานมันของครีมสีขาวด้านบนทำให้รู้สึกถึงรสที่นุ่มนวล ผมวางคัพเค้กที่กัดไปเพียงคำเดียวลงแล้วลุกขึ้นยืน
ผมเห็นความวูบไหวปรากฏขึ้นในแววตาเจ้าของคัพเค้กชั่ววูบหนึ่ง
แต่เจ้าตัวก็ยังควบคุมมันไว้ใต้ท่าทีที่นิ่งสงบได้อย่างรวดเร็ว ผมอมยิ้มน้อย ๆ
พลางเดินไปหยิบกาน้ำชาและแก้วเซรามิกส์รูปหัวใจสีขาว สกรีนชื่อร้านมาวางบนเคาน์เตอร์ชงกาแฟ
หยิบกาน้ำชามาเปิดน้ำร้อนใส่ ส่ายกาให้น้ำร้อนวอร์มจนกาอุ่นดีแล้วจึงเททิ้งไปแล้วเปิดน้ำร้อนใส่ลงไปอีกครั้ง
ผมเอื้อมไปหยิบกล่องชาสีขาวออกมาเปิด หย่อนถุงชาลงไปแล้วปิดฝา
วางกาน้ำชาและแก้วชาอีกสองใบลงในถาดเงิน ผมส่งยิ้มให้อีกคนที่ยืนนิ่งอยู่เล็กน้อย
“ออกไปดื่มชาแล้วนั่งคุยเรื่องเวลาทำงานของคุณกันเถอะครับ”
++++++++++++++++++++++
เราย้ายตัวเองออกมานั่งที่โต๊ะสีขาวด้านนอกเคาน์เตอร์
ช่วงเวลาสายแบบนี้คงไม่มีลูกค้าให้ต้องกังวลมากนัก ผมผายมือให้เขานั่งรอก่อน
ส่วนตัวเองเดินเข้าไปจัดคัพเค้กและชาออกมาเสริฟให้เราทั้งคู่
“ขอโทษที่ตัดสินใจเลือกชาเองนะครับ
แต่ผมชิมแล้ว คิดว่าชาขาวรสชาติเบา ๆ น่าจะเหมาะกับคัพเค้กกาแฟมากกว่าอย่างอื่น”
ผมเห็นเขาพยักหน้าเบา ๆ เมื่อได้ชิมทั้งสองอย่างคู่กันแล้ว
“ทำไมคุณถึงเลือกทำคัพเค้กละครับ”
“ผมได้ไอเดียมาจากชื่อร้านน่ะครับ”
ผมอมยิ้ม
พยักหน้าเข้าใจเมื่อมองชื่อร้าน “SWEET IN CUP” บนแก้วชา
“ก็อย่างที่คุณเข้าใจแหละครับ
ผมชอบคัพเค้ก ขื่อร้านก็มาจากคัพเค้กนี่แหละ แต่ผมก็ยังอยากให้มีขนมอย่างอื่นด้วย
อย่างพวกขนมปังหรือแซนวิชสำหรับมื้อเช้า
เพราะลูกค้าของผมส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาทานมื้อเช้ากันมากนัก บ่าย ๆ
อาจจะมีเค้กอื่นซัก 2 อย่าง สำหรับนักเรียน
ม.ปลายกับเด็กมหาลัยที่จะแวะมาหลังเลิกเรียน”
ผมพูดพลางมองตากลมโตที่ตั้งอกตั้งใจฟังอยู่
“ร้านปิดวันอาทิตย์
แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องลา ผมอนุญาตให้ทำขนมไว้ตั้งแต่เย็นวันก่อนหน้า
วันที่คุณลาผมจะได้ไม่โดนลูกค้าโวยวายเอา”
ผมเห็นเขาแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยกับมุกอะไรก็ไม่รู้ของผม
เขาคงไม่รู้หรอกว่านั่นให้ความรู้สึกสว่างไสวขนาดไหน
เขาลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ผมรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ
ผม...โจคยูฮยอนขอฝากตัวด้วยนะครับ”
.
.
.
พระเจ้าครับ...ตาผมคงจะไม่บอดใช่ไหม
:)
++++++++++++++++++++++
ผมชอบพูดคุยกับผู้คน
โดยเฉพาะกับคนที่มีบรรยากาศคล้าย ๆ กัน ที่ผมมาเปิดร้านกาแฟ นอกจากเพราะกลิ่นหอม ๆ
ของกาแฟ รสชาติหวาน ๆ ของขนมแล้ว การได้พูดคุยกับผู้คนที่หลากหลายก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน
“เค้กของรอบบ่ายเสร็จแล้วครับ”
ผมหันไปมองคนที่เพิ่งใช้หลังดันประตูครัวออกมาพร้อมถาดคัพเค้กในมือ
เชฟขนมหวานของผมค่อย ๆ เรียงคัพเค้กชิ้นเล็กสีสวยอย่างปราณีต เขาเป็นคนที่ทำขนมอร่อยมากจริง
ๆ แถมยังคิดออกแบบขนมใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ
จนตอนนี้ยอดขายขนมแทบจะแซงยอดขายกาแฟของผมอยู่แล้ว ผมรอจนเขาเรียงขนมเรียบร้อยถึงได้เอ่ยปากชวนให้นั่งพักกินกาแฟด้วยกัน
“ทำไมคุณถึงมาเป็นเชฟขนมหวานละครับ”
“มันเริ่มมาจากชอบกินน่ะครับ”
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และผมก็คิดว่ามันทำให้เขายิ่งดูน่ามองขึ้นไปอีก
“แล้วผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่าขนมแต่ละอย่างก็มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจในตัวเอง
ผมเลยอยากทำความรู้จักพวกมันให้มากขึ้น”
“ขนมพวกนั้นน่าอิจฉานะครับ”
“ห้ะ!
น่าอิจฉายังไงเหรอครับ”
“ก็มันถูกพูดถึงด้วยความรู้สึกรักมาก
ๆ เลยนี่ครับ คุณคงไม่รู้ตัวว่าหน้าของคุณดูมีความสุขมากแค่ไหนตอนที่พูดถึงสิ่งที่รัก”
“เหมือนเวลาที่คุณพูดถึงร้านนี้น่ะเหรอครับ”
ผมเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อได้ฟัง ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ผมที่สังเกตอีกฝ่ายหนึ่ง
“ไม่ได้มีแค่ตอนที่พูดถึงร้านนี้หรอกนะครับ”
ผมพูดขึ้น และก็เป็นเขาบ้างที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เวลาผมพูดถึงเพื่อนร่วมงาน
ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
.
.
.
ผมว่าผมเห็นเขาแอบยิ้มตอนที่หลบตาผมนะ
:)
++++++++++++++++++++++
ผมชอบฟังบรรยากาศในร้านกาแฟยามเช้า
โดยเฉพาะเมื่อผมกำลังสูดกลิ่นหอมของขนมอยู่ในครัวด้วยแล้ว มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนอยากล้มตัวลงนอน
แต่เพียงแค่คิดเตาอบขนาดไม่ใหญ่นักก็ส่งเสียงเรียกให้ผมไปยกขนมออกจากตัวมันได้แล้ว
ผมดึงถาดขนมออกมาแล้วใช้ไม้แหลมเล็กจิ้มลงไปในเนื้อเค้ก
เมื่อเห็นว่าสุกดีแล้วก็ยกออกมาวางพักไว้บนตะแกรงรอเวลาที่จะแต่งด้วยครีมสีต่าง ๆ
ระหว่างที่ผมกำลังตีครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เสียงประตูก็ดึงความสนใจของผมไปหา
“คยูฮยอน!
แซนวิชตัวใหม่เป็นที่นิยมมากจริง ๆ
วันนี้หมดตั้งแต่ยังไม่แปดโมงแน่ะ ลูกค้าบ่นกันใหญ่เลยว่ามาซื้อไม่ทัน”
“ถ้าอย่างนั้น
พรุ่งนี้ผมจะทำเพิ่มอีกแถวนึงแล้วกันนะครับ
คุณซีวอนอยากให้ผมลดจำนวนขนมปังอย่างอื่นลงมั้ยครับ” แต่อีกฝ่ายกลับรีบโบกมือห้ามไว้
“คุณออกไปดูเองแล้วกัน”
ฟังได้แค่นั้นมือหนาของอีกคนก็คว้ามือของผมออกไปด้านนอก
ตู้วางขนมดูว่างเปล่าเหมือนเป็นช่วงเวลาหลังปิดร้าน
ทั้ง ๆ ที่ผมเพิ่งยกแซนวิช 2-3 ชนิด และขนมปังอีกหลายอย่างมาวางไว้เมื่อ 2
ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง
“ไม่น่าเชื่อเลย”
“เชื่อเถอะว่าพวกเค้าต้องมนตร์ของนายเหมือนที่ฉันเคยโดนมาแล้ว”
อีกคนพูดพลางยกมือขึ้นถูจมูก
ๆ พลอยทำให้มือของผมที่ถูกเขาจับอยู่ต้องโดนดึงตามไปด้วย
แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เห็นว่านิ้วของเราสอดประสานกันอยู่ คุณซีวอนลดมือลงมาไว้ข้างตัวแล้วแต่แรงที่จับก็ไม่ได้คลายออก
.
.
.
และผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันอึดอัดอะไร
:)
++++++++++++++++++++++
ผมชอบทะเลยามเย็น
โดยเฉพาะเมื่อมีใครอีกคนที่ทำให้เรารู้สึกดีอยู่ข้าง ๆ
เรานั่งข้างกันอยู่ริมชายหาดที่สงบเงียบ มีเพียงคนที่เล่นน้ำอยู่ห่างออกไป
และดูเหมือนว่าเขาจะพอใจที่จะนั่งกันอยู่เงียบ ๆ แบบนี้อย่างนี้มากกว่า
แต่ไม่ใช่สำหรับผม
“คยูฮยอน”
เจ้าของชื่อเอียงหน้ามาหาทั้งที่ยังซบหน้าอยู่กับเข่า
ดวงตากลมโตมองมาที่ผมด้วยความสงสัยและวูบไหวเล็กน้อยตอนที่ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปสอดประสานนิ้วเข้ากับมือของเขา
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะคิดเหมือนผมไหม
แต่ผมก็จะถามคุณ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง “เป็นแฟนกันนะ”
ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า
แต่แรงกระชับที่มือและนิ้วที่ประสานกันแน่นขึ้นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา
ผมเอื้อมมือข้างที่ว่างไปไล้บนแก้มขาวเบา ๆ
ก่อนที่จะขยับหน้าเข้าไปหาและสร้างจูบแรกของเรา
.
.
.
ตอนนี้เราเป็นเจ้าของประกายตาที่มีความสุขของกันและกันแล้ว
:)
++++++++++++++++++++++
ผมชอบการทำขนม
โดยเฉพาะเมื่อได้ฝึกทำขนมที่ประเทศต้นกำเนิดของมัน
แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนที่ผมไม่อยากละทิ้งบางคนที่เป็นเจ้าของประกายตาที่มีความสุขของผมไป
“คยูฮยอน คยูฮยอน
คยูฮยอนครับ”
ผมสะดุ้งนิด ๆ
ตอนที่รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ ก่อนที่จะหันไปเจอคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่เมื่อกี้
“มีอะไรเหรอครับซีวอน”
“เหม่ออะไรหื้ม
ผมเรียกตั้งนานยังไม่ได้ยิน”
“ผมคงคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
ผมตอบแล้วเอื้อมมือไปกอดรอบเอวเขาพลางซบหน้าลงกับหน้าท้องอุ่น
“ทำไมวันนี้อ้อนผิดปกติ”
เขาลูบหัวผมเบา ๆ และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
“ตกลงมีอะไรหรือเปล่าครับ”
ผมเงยหน้ามาถามเขาอีกครั้ง
“น้องสาวผมจะแต่งงานตอนเดือนพฤษภา
ผมเลยจะชวนคุณไปด้วยกัน”
ผมนิ่งไปเมื่อคิดว่าตอนนั้นผมน่าจะอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่
“คยูฮยอน
ถ้าคุณลำบากใจที่จะไป...”
ผมส่ายหน้า
ผมต้องอธิบายว่าผมไม่เคยลำบากใจกับเรื่องของเขาเลย
แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงดี
“คยูฮยอนเกิดอะไรขึ้น”
ผมกลืนน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาลงไป
เอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับมือของอีกคนไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาที่มองลงมาอย่างห่วงใย
“ซีวอน
ผมได้ทุนไปเรียนทำขนมที่ฝรั่งเศสสองปี”
เขาดูอึ้งไปในตอนแรกที่ได้ยินตามมาด้วยอาการหมดแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้
“นานนะ” เขายกมือของเราที่จับกันอยู่ไปวางไว้บนตักของเขาแล้วไล้นิ้วเล่นบนหลังมือของผม
“ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องเหงาขนาดไหนถ้าไม่มีคุณอยู่ในร้านด้วยกันอย่างทุกวัน...
มีบางคนบอกว่าก่อนที่เราจะมีใครบางคนในชีวิตเราก็อยู่ของเราได้
ถ้าขาดคนนั้นไปก็แค่กลับไปเป็นแบบเดิม”
ผมนั่งก้มหน้านิ่ง
สายตาจับจ้องอยู่ที่มือทั้งสองที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ของอีกคน
“แต่ในความเป็นจริง
มันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมมองว่า...เมื่อมีคนเข้ามาในชีวิตของกันและกัน
ก็เหมือนการแลกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ของเรากับอีกฝ่าย
ความสัมพันธ์ของคนก็เหมือนการปลูกต้นไม้ไว้ในหัวใจ
ไม่ว่ามันจะเติบโตมาเป็นต้นที่สวยงามหรือน่าเกลียด แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่ทิ้งไว้ที่เราเสมอ”
ซีวอนจับมือของผมขึ้นไปแนบกับริมฝีปากอุ่นของเขา
“You’re
the most beautiful tree of my life”
ผมเอนตัวเข้าไปซบกับบ่ากว้างแล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
.
.
.
“You,
too”
++++++++++++++++++++++
ผมชอบกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้
โดยเฉพาะเมื่อเสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกห้อยไว้ที่หน้าประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบา
ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ด้านนอกเข้ามากับเจ้าตัวด้วย
“สวัสดีครับ...คือ...ผมอยากสมัครเป็นพ่อครัวขนม
ช่วยติดป้ายรับสมัครหน่อยได้มั้ยครับ”
.
.
.
เจ้าของความสุขในประกายตาของผม เค้ากลับมาแล้ว :)
+++++++++++++++++++++++
Talk เบา ๆ
มาต่อที่เหลือแล้วค่ะ
สำหรับฟิครับ #WONKYUDAY ที่ติดค้างมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
สาระไม่มี แค่อยากแต่งฟิคที่เค้ารักกันละมุนๆ จริงๆ ควรเป็นน้องที่ต้องรอพี่
แต่ก็นะ...พล็อตมันมาแบบนี้ไปแล้ว แบบว่า...มาคิดได้ทีหลัง แหะๆ
ฝากคอมเม้นต์ติชมในนี้
หรือแท็ก #sweetincupWK หน่อยนะคะ
รักคนอ่านและชิปเปอร์วอนคยู จุ๊บๆ
ความคิดเห็น