nanmeebook
ดู Blog ทั้งหมด

หนังสือชุดอัจฉริยะปั้นได้ - เขาวงกต

เขียนโดย nanmeebook

อัจฉริยะปั้นได้

คุณพ่อ คุณแม่ อยากให้ลูกเป็นเด็กฉลาดไหมค่ะ....? อยากให้เค้าเรียนเก่ง เล่นกีฬา และ ทำกิจกรรมเป็นเลิศด้วยหรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ล่ะก็ ทางนี้เลยเรามาปั้นเด็กอัจฉริยะกัน!!

           จากผลการวิจัยระบุว่า มนุษย์เราใช้พื้นที่สมองเพียงแค่ 5% - 10% คนส่วนใหญ่จะใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าสมองซีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเรียน การทำงาน ซึ่งยังมีพื้นที่สมองอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้งาน หรือใช้งานน้อยมาก ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นจึงได้ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย วิธีการดึงสมองส่วนนั้นมาใช้งานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น 
           
           จากการเปรียบเทียบหน้าที่ของสมองทั้งสองซีกจะเห็นว่า สมองซีกขวากับสมองซีกซ้ายทำหน้าที่แตกต่างกัน และมีลักษณะเด่นไม่เหมือนกัน เช่น เวลาเราอ่านหนังสือ สมองซีกซ้ายจะรับข้อมูลที่อ่านได้น้อย ช้า แต่มีข้อดีตรงที่รับอย่างเป็นขั้นตอน ในทางกลับกัน สมองซีกขวามีความสามารถในการรับข้อมูลได้ที่ละมากๆและเร็ว แต่ไม่เป็นขั้นตอน 

 ซึ่งหากเราดึงเอาจุดเด่นของสมองซีกขวาี มาใช้ร่วมกับซีกซ้ายในการอ่านหนังสือจะทำให้เพิ่มศักยภาพในการอ่านหนังสือให้เร็ว และเข้าใจได้มากขึ้น

           เรื่องการพัฒนาสมองทั้งสองซีกนั้นถ้าจะให้ได้ผลก็ต้องฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อย นานมีบุ๊คส์คำนึงถึงผลดีของการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กจึงได้คัดสรรหนังสือชุด "อัจฉริยะปั้นได้" มาจัดทำ โดยหนังสือชุดนี้มีทั้งหมด 6 เล่ม แบ่งเป็น สมองซีกขวา พัฒนาได้ไร้ขีดจำกัด สำหรับอายุ 3-4 ปี , 4-5 ปี , 5-6 ปี และ สมองซีกซ้าย พัฒนาได้ไร้ขีดจำกัด สำหรับอายุ 3-4 ปี , 4-5 ปี , 5-6 ปี

                           
                       อ่านตัวอย่าง         อ่านตัวอย่าง        อ่านตัวอย่าง             อ่านตัวอย่าง        อ่านตัวอย่าง        อ่านตัวอย่าง   

                             สมองซีกขวา พัฒนาได้ไร้ขีดจำกัด                          สมองซีกซ้าย พัฒนาได้ไร้ขีดจำกัด

 

ชุดใหม่ล่าสุด "อัจฉริยะปั้นได้ เขาวงกต"

                 เพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในรูปแบบการ์ตูนความรู้ผ่านตัวละครน่ารักๆอย่าง มินมิน หลินหลิน พิงกี้ โดยแต่ละตอน จะมีเกมเขาวงกตเป็นรูปต่างๆ ให้น้องๆ ได้ฝึกสมอง หนังสือชุดนี้มี 3 เล่ม ด้วยกัน คือ ผจญภัยในร่างกาย , ผจญภัยโลกไดโนเสาร์ , ผจญภัยในทะเล ฉะนั้นจึงได้ทั้งความสนุกสนาน และความรู้ อย่างลงตัวพอดิบพอดี ไม่ทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พร้อมกับพัฒนาสมองไปในตัว

 


 

 

         สถานีวิทยุท้องถิ่น ได้เสนองานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina  เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำ กับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง  คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้น ออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึงโต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์ จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน  เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน  ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า "ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว"

 

 

          Kim Ung-Yong : เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก  Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุด ที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

         คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี  เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่น แสดงสามารถทางภาษาจีน  สเปน เวียดนาม ตากาลอก  เยอรมัน อังกฤษ  ญี่ปุ่น และเกาหลี

         คิมเป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 - 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกา และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอด จนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ ไปเป็นวิศวกรรมโยธา และได้ศึกษาจนได้รับปริญญาเอกอีกเช่นกัน



         Akrit  Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า "เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก" เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่า เป็นคนที่ฉลาดที่สุด ในเด็กที่อายุเท่าๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากร นับพันล้านคน 

         Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรก ที่บ้านของเขาเอง เมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอ ที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวก ทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน  Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการ และยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถ ทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้ และใช้มือได้เป็นปกติอีกครั้ง  ขณะนี้ Akrit  กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุด ที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน 

 


              Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha  รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิต เมื่อตอนอยู่เกรด 4 พอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัส จนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา 

              Kripke เขียนบทความหลายชิ้น ทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้น ทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชาคณิตศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า "แม่ผมบอกว่า ให้ผมเรียนจบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า" และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูล เขาก็เลือกเรียนต่อที่ ฮาร์วาร์ด Kripke ได้รับรางวัล Schock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญา ที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ 


   ข้อมูล Dek-d และ speedreadingthai

 

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
ไปหาซื้อได้ที่ http://www.friendbookshop.com
ความคิดเห็นที่ 2
โอ้โฮ123456