คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : AFFECTIONATE START
START
6 เดือนแล้วสินะ
ทำไมนะ ... ทำไม
พี่ทิ้งผมไปเพราะอะไรหรอ ?
เพราะผม ... มันไม่ดี
หรือเพราะ
พี่มีคนใหม่ ?
ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่สมควรจะถาม แต่แทมินกลับไม่กล้าเอ่ยไปซักนิด อาจเป็นเพราะ กลัวว่าต้องรู้คำตอบที่มันทำร้ายหัวใจอันอ่อนไหวของตัวเอง
ปล่อยให้เขาจากไปเฉยๆอย่างที่เขาอยากไป
บางทีอาจจะดีเสียกว่าที่จะมานั่งฟังคำตอบที่เลวร้ายพวกนั้น
ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าอยากให้คนนี้เป็นคนรักคนสุดท้ายของชีวิต ทั้งๆที่วาดความฝันด้วยกันไว้แล้วหลายต่อหลายอย่าง
อยากจะสร้างอนาคตด้วยกัน
อยากจะประคับประคองกันไปตลอด
อยากจะดูแล
อยากจะมีความสุขด้วยกัน ... แต่แล้วทำไม ?
เพราะแทมินเป็นคนชอบต้นไม้ ...
เลยหวังว่าซักวัน อยากจะมีบ้านอยู่บนต้นไม้นั่น
บ้านต้นไม้ ที่มีเพียงเขาและคนคนนั้น
คนที่ทิ้งเขาไป…
ถ้อยคำลาต่างๆมากมาย ที่อีกคนสรรหามาเพื่อจะขอยุติความสัมพันธ์ เหตุการณ์ต่างๆถูกไหลรวมกันเป็นสิ่งที่อีกคนเรียกว่าเหตุผล เพื่อบอกลา แต่ ... รู้อะไรมั้ย ?
แทมินคนนี้น่ะ ... เสียใจมามากพอแล้ว
ความเสียใจที่ถูกสั่งสมมาเป็นเวลานาน ความเฉยชาที่อีกฝ่ายมอบให้ มันทำให้แทมิน
เจ็บ
เจ็บ
เจ็บ
และ
เจ็บ
แต่ด้วยความที่เตรียมใจไว้บ้างแล้ว ความเจ็บปวดครั้งนี้ถึงแม้จะหนักหนาเอาการ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แทมินดำเนินชีวิตต่อไปไม่ได้เสียหน่อย คำลามากมายนั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่แทมินอยากฟัง
ถ้าอยากจะไปก็รีบๆไปเลยดีกว่า
ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก
อาจไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตปกติ แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีผลต่อ หัวใจ ของคนตัวเล็กนี้มากแค่ไหน จากวันนั้นจนวันนี้แทมินไม่คิดที่จะรักใครอีก ... ไม่ใช่ว่ายังลืมคนที่ทิ้งเขาไปไม่ได้ สิ่งที่เขาลืมไม่ได้คือความเจ็บปวดในครั้งนั้นต่างหาก ความเจ็บปวดที่ทำให้หัวใจอันบริสุทธ์นั้นแข็งกระด้าง
แทมินไม่ได้เฝ้ารอ ...
เขาบอกได้เลยว่าตัวเขาไม่ได้เฝ้ารอ
ทั้งคนใหม่ที่จะเข้ามา
และคนเก่าที่ทิ้งไป ...
เพราะเขาไม่ได้ต้องการใครทั้งนั้น เขาไม่ต้องการความรักทุกรูปแบบที่จะมาทำให้เขาเสียใจ นอกจากความรักของคนในครอบครัว ความรักของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ ที่คอยเติมกำลังใจให้กับเจ้านายที่กำลังท้อแท้ของมัน
“แทมิน นายยังอยากทำงานที่สำนักพิมพ์นั่นอยู่หรือเปล่า ?” เสียงแหลมๆของพี่ชายหน้าสวยที่อายุห่างกัน 6 ปีเอ่ยขึ้น จะใครเสียอีกล่ะก็พี่คีย์ของน้องแทมินนั่นแหละ
“ผม ยังอยากเป็นนักเขียนอิสระอยู่นะฮะพี่คีย์” ใช่แล้วอาชีพสุดรักของแทมินก็คือนักเขียน สิ่งที่แทมินชอบทำและมีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก คือการบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างผ่านตัวอักษร ความกดดันทุกอย่างจะมลายหายไปเมื่อแทมินได้จรดปลายปากกาของตัวเอง แต่ถ้าจะพูดให้ถูกในยุคสมัยนี้ก็คงจะเป็นการรัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดละมั้ง
“ทำไมล่ะ กลัวไม่มีเวลาหรอ แต่นายไม่ต้องไปดูแลใครแล้วนี่ ไอ้บ้านั่นมันทิ้งนายไปตั้งนานแล้วนะ นายยังจะ...”
“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกฮะพี่คีย์ ผมไม่ได้รอให้เขากลับมาซักนิด” คนตัวเล็กรีบพูดสวนขึ้นมาทันที พร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆระบายอยู่ให้คนเป็นพี่เห็นว่าเขา... ไม่ได้เป็นอะไรแล้วจริงๆ
“พี่ขอโทษนะที่พูดถึงมัน พี่ก็แค่เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่นายจะได้ทำงานที่นายเคยอยากทำน่ะ”
“ผมเข้าใจพี่คีย์ฮะ เอาไว้ผมจะคิดดูอีกทีแล้วกัน” พี่น้องหันไปยิ้มให้กันด้วยความรัก นี่สิความรักของคนในครอบครัว ที่ไม่เคยเลยแม้ซักครั้งที่จะทำให้เสียใจ
“เอาล่ะพี่ต้องไปแล้วนัดเพื่อนไว้เดี๋ยวจะสาย อยู่บ้านดีๆล่ะแทมิน ให้อาหารเจ้ามินนี่ด้วยหรือถ้าจะออกไปหาพล็อตนิยายก็อย่าลืมล็อคบ้านล่ะ” คีย์เอ่ยกำชับแล้วก็เดินออกไปยังรถยุโรปของตัวเองก่อนจะสตาร์ทเครื่องและขับออกไป แทมินกลับมานั่งยังที่เดิมของตัวเอง ตรงหน้ามีแลปทอปสีขาวเครื่องเดิมตั้งอยู่ ... หาพล็อตนิยาย ใช่แล้ว
ขาเรียวก้าวไปตามถนนหนทางที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ผ่านถนนเส้นแล้วเส้นเล่า แต่พล็อตนิยายก็ยังไม่โผล่ขึ้นมาซักเรื่อง แทมินเลือกที่จะเดินแทนการนั่งรถถึงแม้หนทางมันจะไกล อาจต้องทำให้เหงื่อไหล สีผิวเข้มขึ้นเพราะแดดที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆตามสภาวะอากาศของโลก ... นั่นไม่ใช่สิ่งที่แทมินกลัว มันไม่สามารถทำให้แทมินเจ็บปวดได้ อาจเพราะเคยผ่านสิ่งที่น่ากลัว และทำให้เจ็บปวดมาแล้ว
ต้องขอบคุณคนนั้นสินะ ...
ที่ทำให้แทมินเข้มแข็งได้ขนาดนี้ ที่เคยได้ยินคนเขาพูดกันว่า เมื่อคนเราผ่านสิ่งที่แย่ที่สุดมาได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอะไรอีก ถ้าวัดจากเรื่องราวของแทมินล่ะก็ ... คงจะจริง ร่างบางหยุดเท้าของตัวเองลงที่หน้าสตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง รูปภาพมันก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆได้เหมือนกันนะ คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจพาตัวเองเดินเข้าไป
ผนังสีครีมที่มีรูปถ่ายมากมายประดับอยู่อย่างลงตัว ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นคนที่ชื่นชมศิลปะการถ่ายภาพซักเท่าไหร่ แต่ก็อดที่จะจดจ้องด้วยความทึ่งไม่ได้ เพราะแต่ละภาพมันแสดงอารมณ์ได้จริง
อย่างรูปภาพทุ่งดอกทิวลิปสีเหลืองสดที่อยู่ในกรอบสีขาวนั่น ... มันให้ความรู้สึกถึงความร่าเริงสดใสและบริสุทธ์ แทมินหลับตาและค่อยๆมโนภาพถึงทุ่งดอกทิวลิปนั่น ถ้าได้มีโอกาสสัมผัสมันซักครั้งคงจะดีแฮะ
“สวัสดีครับคุณ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเหมือนจะคุยกับเขาทำให้แทมินต้องหันไปมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอ่อ สวัสดีฮะ” แทมินโค้งทักทายอย่างมีมารยาท
“คุณเข้ามาติดต่อถ่ายภาพหรือเปล่าครับ ?” ผู้ชายตัวสูงตรงหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม วูบหนึ่งที่แทมินเกือบจะหวั่นไหวกับรอยยิ้มแบบนี้แต่ก็แค่เกือบล่ะ เพราะแทมินเคยหวั่นไหวกับรอยยิ้มลักษณะนี้มาก่อนและเขาก็รู้ดีว่าจุดจบของการเริ่มต้นรอยยิ้มที่น่าหลงใหลนี่มันเป็นยังไง
“เปล่าหรอกฮะ คือผมเข้ามาดูรูปเฉยๆ”
“อ่อหรอครับ ^^ ดูเหมือนคุณจะสนใจภาพทุ่งดอกทิวลิปนั่นนะฮะ” คนตัวสูงยังไม่เลิกยิ้ม แถมยังรู้เสียอีกด้วยว่าแทมินกำลังสนใจรูปภาพรูปนั้นอยู่
“ไม่แปลกหรอกว่าผมรู้ได้ยังไง ก็เพราะภาพนี้มันอยู่ในตำแหน่งที่เด่นที่สุดไงละครับ ใครที่เข้ามาที่นี่ก็สนใจภาพนี้กันทั้งนั้น ...” ร่างสูงยังคงเอ่ยต่อไปถึงแม้แทมินจะไม่ได้ถามก็ตามที ผู้ชายคนนี้หล่อมากในความคิดของแทมิน เขาเป็นเจ้าของสตูดิโอนี่หรือไงกันนะ นั่นก็แสดงว่าเขาคงเป็นคนถ่ายภาพนี้ด้วยน่ะสิ น่าตาของเขาเหมาะจะเป็นนายแบบมากกว่าช่างภาพอีกนะ แทมินคิดในใจ
“ผมชเวมินโฮครับ เป็นเจ้าของสตูดิโอนี้เองล่ะ ทุกภาพที่อยู่ที่นี่ผมเป็นคนถ่ายเองทั้งหมดเลยนะครับ^^” เหมือนกับคนตรงหน้านี่จะรู้ความคิดของแทมินทั้งหมด เพราะแทมินยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรด้วยซ้ำไปแค่คิดในใจ ผู้ชายที่ชื่อชเวมินโฮก็พูดแนะนำตัวออกมาซะหมด แทมินหันไปยิ้มน้อยๆให้มินโฮ
“ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”
“รู้จักอะไรกันผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลยนะ” หากแทมินต้องให้คำจำกัดความกับผู้ชายตรงหน้านี้ละก็คงจะเป็นคำว่าร่าเริง เพราะมันคงเหมาะสมกับบุคลิกของคนตรงหน้าที่สุดแล้ว
“อ่า ผมลีแทมินฮะ”
“คุณแทมินสนใจไปดูรูปด้านในมั้ยครับ มีอีกเยอะเลยนะครับ” คำชักชวนที่ร่าเริงของคนตรงหน้าทำให้ปฏิเสธไม่ลง ถึงแม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมาแล้วสิบปี อาจเป็นเพราะผู้ชายตัวสูงคนนี้คุยเก่ง แถมมีมุขตลกมาให้คนเฉยชาอย่างแทมินขำออกมาน้อยๆ ตลอดการสนทนาอีกด้วย
“คุณแทมินชอบอะไรหรอครับ ?”
“ชอบอะไร ...”
“ใช่ครับ อย่างผมเนี่ยชอบถ่ายภาพ ชอบกีฬา ชอบธรรมชาติ แล้วคุณแทมินล่ะครับ?”
“อ่อผมชอบต้นไม้ฮะ แล้วผมก็ชอบเขียนหนังสือด้วย”
“คุณพูดน้อยจัง ไม่อยากคุยกับผมหรือว่าพูดไม่เก่งครับ ฮ่าๆ” มินโฮเอ่ยออกมาติดตลก เพราะเขาคิดว่าคนตัวเล็กนี่พูดน้อยจริงๆ แทบไม่ได้ยินประโยคที่แทมินเป็นคนเริ่มพูดก่อนเลย แทมินจะค่อยพูดเมื่อตอนที่เขาถามเท่านั้น และรอยยิ้มน้อยๆ บวกกับแววตาที่มันไม่ร่าเริงนั้นอีก อาจเป็นเพราะเขาเป็นช่างภาพด้วยเลยทำให้สังเกตนู่นนี่จนเกินไป
“ผม ... พูดไม่ค่อยเก่งต่างหาก งั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะฮะ ขอบคุณคุณมินโฮมากฮะ ที่สละเวลาคุยกับผม”
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกฮะ คุณต่างหากล่ะที่สละเวลาคุยกับผมน่ะ ฮ่าๆ” แทมินขำออกมาเบาๆ ก่อนจะโบกมือลา และเดินไปตามทางเพื่อขึ้นรถกลับบ้าน เพราะนี่ก็เริ่มจะเย็นแล้วเดินกลับคงจะไม่เหมาะ ยังไงซะแทมินก็ยังห่วงสวัสดิภาพของตัวเอง
ณ ตอนนี้แทมินได้ตัวละครมา 1 ตัวแล้วในนิยายของเขา
ชเวมินโฮ ไงล่ะ
ผู้ชายที่สุดแสนจะร่าเริงคนนั้น ผู้ชายที่มีรอยยิ้มจริงใจและอบอุ่นดูใจดี แข็งแรงเพราะชอบเล่นกีฬา รักธรรมชาติ คงจะกลายเป็นพระเอกนิยายในฝันของหลายคนได้ไม่ยาก
แล้วนางเอกล่ะ ?
นางเอกในเรื่องจะต้องเป็นคนแบบไหนกันนะเพื่อให้เหมาะสมกับพระเอกดีๆแบบนี้ ?
คุณหนูเอาแต่ใจ ?
หรืออ่อนโยนใจดีเหมือนกับพระเอกดี ?
ฝ่ามือเล็กกดปิดแลปทอปของตัวเองก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แต่เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเสียหน่อยถึงจะยังหานางเอกนิยายที่ตรงใจไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นนักเขียนอิสระ อยากเขียนเมื่อไหร่ก็เขียน ไม่มีกำหนดเวลาที่จะต้องส่งต้นฉบับ ใช่ เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเหมือนทุกๆเรื่องที่เขาผ่านมา
_________________________________________________________________________________________________________________
เริ่มเรื่อง ดูเหมือนไม่มีอะไรเลยเนอะ
ยังไงช่วยติดตามและคอมเม้นท์หน่อยนะคะ
เจอกันตอนต่อไป ^^
ความคิดเห็น