ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทักษิณายัน [BAEKDO]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 54
      10
      24 ธ.ค. 62

    บทที่ 1

                ท่ามกลางไร่องุ่นกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาหลายร้อยไร่เบื้องหน้าของหนุ่มน้อยตัวขาว ดรีม ที่ถูกผีพี่สาวขอร้องแกมบังคับให้ช่วยมาสืบหาความจริงเรื่องสาเหตุการตายของเธอ โดยการปลอมตัวเป็นผู้หญิงมาอาศัยเป็นคนงานอยู่ในไร่แห่งนี้ เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนหรือว่าความลับเรื่องเขาปลอมตัวมาจะแตกก่อนได้รู้ความจริงว่าใครฆ่าที่สาวของเขารึเปล่า ไม่ลองก็คงไม่รู้  

    ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะไม่ช่วย แต่เขาคิดว่าให้ตำรวจสืบหาความจริงไปจะดีกว่า แต่ก็นั่นแหละจากที่คิดว่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจให้จัดการ แต่เป็นเพราะว่าตำรวจไม่มีความคืบหน้าใดๆในคดีนี้เลยแม้ว่าจะผ่านไป 1 เดือนแล้วก็ตาม เขาจึงตกลงยอมทำตามคำร้องขอของคนเป็นพี่  อีกทั้งผีพี่สาวเขาก็ขยันหาเพื่อนมาผีมาหาเขาทุกคืนจนแทบไม่เป็นอันทำงาน เขาทำงานเป็นคอลัมนิสต์ของวารสารสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง จึงไม่ลำบากมากเท่าไหร่แค่ต้องเขียนงานให้เสร็จในแต่ละวันส่งให้ตรงเวลา ไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักพิมพ์บ่อยๆในเวลากลางวัน

                “อิหนู มายืนทำอะไรลูกตรงนี้ลูก” เสียงร้องเรียกจากทางด้านหลังทำให้เขาที่กำลังคิดอะไรเพลินๆต้องหันกลับไปมอง

    “อิหนู...”

    “ใช่จ้ะ หนูนั่นแหละลูก มาทำอะไรที่ไร่ภูตะวัน” ถึงจะไม่ค่อยชินกับคำเรียกว่า อิหนู เพราะเขาเป็นผู้ชาย ส่วนคำเรียกนั้นใช้เรียกผู้หญิง แต่ดูจากการแต่งตัวของเขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะถูกเรียกว่าอิหนู กางเกงยีนเสื้อคอบัวกับผมที่ยาวประไหล่  เป็นวิกผมที่พี่สาวของเขาเป็นเลือกให้ ทีแรกพี่เลือกวิกผมที่ยาวเกือบกลางหลังจะได้เนียนๆเพราะผมพี่ยาวประมาณนั้น แต่ถูกเขาค้านหัวชนฝา ผมยาวๆน่ารำคาญจะตาย เขายอมให้ได้แค่ประไหล่เท่านั้น

    “เออ.. คือ” เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไรดี เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครจะใช่คนงานในไร่นี้รึเปล่า ถ้าใช่แล้วจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร

    “หนูน่าตาคุ้นๆนะ เดินเข้ามาใกล้ๆป้าหน่อย ป้าสายตาไม่ดี”

    “หนูดิว หนูดิวใช่มั้ยน่ะ” เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ป้าก็เอ่ยชื่อ พี่สาวของเขาออกมาทันที แสดงว่าการปลอมตัวไปได้สวย ท่าจะเนียนอยู่นะเนี่ย ดรีมคิด

    “สวัสดีค่ะป้า” ดรีมยกมือไหว้ทักทายอย่างน้อบน้อม

    “หนูดิวจริงๆด้วย ขึ้นรถมาเร็ว” ป้าพูดพร้อมกับกวักมือให้ไปนั่งบนรถสองแถวที่กำลังแล่นกลับเข้าไปในไร่ด้วยกัน

    “หนูดิวหายไปไหนมาเป็นเดือนลูก คนเขาเป็นห่วงกันใหญ่เลย”

    “คือดิวกลับบ้านไปเยี่ยมญาติจ้ะ พอดีแกไม่สบายหนูเลยรีบกลับไป โดยไม่ได้บอกใครเลย” ดรีมคิดหาข้ออ้างที่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

    “ตั้งหลายเดือนก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง แล้วญาติเป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ

    “หายดีแล้วจ้ะป้า แล้วป้าเป็นไงบ้างสบายดีมั้ย” ได้แต่ตีเนียนถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนคนคุ้นเคย จะให้โดนสงสัยไม่ได้

    “ป้าสบายดี”

    “แล้วตั้งแต่หนูไม่อยู่... คือเออ... มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ยจ้ะ” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มปฏิบัติการสืบหาข้อมูลจากป้าคนนี้เลยแล้วกันเผื่อได้อะไรบ้าง

    “ก็ตั้งแต่หนูไม่อยู่คุณราเชนทร์ก็ไปต่างประเทศ เห็นเล่าๆกันว่าแกไปช่วยงานพ่อทางนู้น” พี่ดิวได้เล่าให้เขาฟังว่าคุณราเชนทร์เป็นลูกชายคนกลางของบ้านนี้ พี่ชายคนโตคือคุณภูวไนย คนเล็กเชษฐา “แล้วจะให้คุณภูมาดูแลงานฝั่งทางนี้แทน” ภู ภูวไนยพี่ชายคนโตของบ้านสินะ ที่คุณราเชนทร์อะไรนั่นย้ายไปทำงานต่างประเทศกระทันหันจะมีความเกี่ยวข้องกับการตายของพี่ดิวหรือเปล่านะ

    หลังจากรถแล่นจอดมาถึงภายในที่พักคนงานของไร่ ก็เป็นเวลาพลบค่ำพระอาทิตย์ตกขอบฟ้าไปแล้วพอดี บริเวณนี้ทางฝั่งทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นไร้เมล็ดที่เพิ่งถูกนำมาทดลองปลูก ส่วนพื้นที่ในการปลูกองู่นของจริงคือเขาอีกลูกที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนฝั่งทางด้านทิศตะวันตกเป็นบริเวณบ้านพักคนงาน โรงเก็บของ และโรงครัวกลาง มีคนงานอาศัยอยู่ประมาณ 100 คน คนงานบางส่วนก็พักอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเวลาทำงานถึงจะเข้ามาในไร่

    สักพักดรีมก็มองเห็นวิญญาณของพี่สาวจึงทำทีเป็นขอตัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับเดินตามหลังวิญญาณของพี่สาวที่มาปรากฏตัวให้เห็นได้แล้วในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกดิน พี่สาวเขาเดินนำเขามาที่พักทางด้านหลังโรงครัว เขาเดินตามมาหวังว่าจะเข้าไปสังเกตดูห้องพักที่พี่สาวเคยพักดูสักหน่อย ว่าจะมีเบาะแกอะไรที่เขาบ้าง พอพ้นโรงครัว จะเห็นตึกสองชั้น ชั้นละ 10 ห้อง มีอยู่ 5 ตึก 2 ตึกทางฝั่งขวาเป็นที่พักของผู้หญิง ส่วนตึก 2 ตึกทางฝั่งซ้ายเป็นของผู้ชาย อีกตึกเป็นตึกพักรวมชายหญิงสำหรับคนงานที่มีครอบครัวแล้ว

    ก่อนจะเดินเลี้ยวพ้นมุมตึกตามพี่สาวเข้าไปในตัวตึก มีหญิงสาว 2 คนพอเห็นเขาแล้วพวกเธอรีบวิ่งเข้ามาหา หญิงสาวหน้าตาน่ารักอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา คนหนึ่งผมสั้นอีกคนถักเปียสองข้าง

    “ดิวหายไปไหนมารู้มั้ยเหมี่ยวเป็นห่วง” หญิงสาวถักเปียวิ่งมาอย่างรีบร้อนหน้าตาตื่นพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของเข้าไว้

    “เราก็เป็นห่วงดิวมากเลยนะ หายไปไม่บอกไม่กล่าวเลย” อีกคนที่ตัดผมสั้นโวยวาย

    “คือญาติป่วยกระทันหันน่ะ เลยกลับไปเยี่ยม” แม้จะไม่รู้จักทั้งสองคนอีกทั้งยังตกใจที่โดนคนแปลกหน้าเข้าประชิดตัว แต่ก็ต้องทำเป็นคุ้นชินเดี๋ยวความแตก

    “นี่เหมี่ยวกับเมย เพื่อนพี่ตอนอยู่ที่ไร่” ไม่รู้พี่ดิวเข้ามาอยู่ข้างๆเขาตอนไหน มาทันได้บอกให้เขารู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร ก่อนเขาจะงงหนักไปกว่านี้ นับว่าดีที่ค่ำแล้ว ถ้าเป็นตอนกลางวันก็จะลำบากเวลาที่คนเข้ามาทักทายเพราะเขาไม่รู้จักเลยว่าใครเป็นใคร

    “เหมี่ยวกับเมยเป็นไงบ้าง”

    “ก็สบายดีแหละ แต่ตั้งแต่คุณราเชนทร์ไม่อยู่ที่ไร่ก็วุ่นๆหน่อย นี่คุณภูตะวันสั่งให้คุณภูวไนยกลับมาช่วยดูงานที่ไร่ก็น่าจะดีขึ้นแหละ ไม่น่าจะวุ่นเหมือนเก่า”

    “คุณภูตะวันเป็นเจ้าของไร่ภูตะวัน เป็นพ่อของคุณราเชนทร์ คุณภูวไนย แล้วก็คุณเชษฐา” พอดิวเห็น น้องชายงงตอนเมยเอ่ยชื่อคุณภูตะวัน จึงได้บอกไขข้อสงสัย

    “ดิวกินข้าวมารึยัง เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องก่อนดีกว่านะจะได้ไปกินข้าวกัน”

    หลังจากเอาเข้ากระเป๋าไปเก็บในห้องเรียบร้อย เขาก็ออกมากินข้าวที่โรงอาหารมีคนงานหลายคนเข้ามาทักทาย พี่ดิวเป็นคนช่วยบอกอยู่ข้างๆว่าใครเป็นใคร ดูจากหลายๆคนที่เข้ามาทักทายเขาอยากเป็นมิตร แสดงว่าพี่ดิวคงเป็นที่รักของคนที่ไร่นี้ไม่น้อย ใครกันจะเป็นคนที่ฆ่าพี่สาวของเขา

     

    วันที่ 2 ของการอยู่ในไร่แห่งนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับการตายของพี่สาวของเขาเลย ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวในห้องพักห้องเดิมของพี่สาวถูกนำไปทิ้งหมด ทั้งๆที่พี่ดิวหายไปแค่เดือนเดียว ทำไมถึงได้รีบเก็บกวาดเหมือนรีบทำลายหลักฐานอย่างนั้นแหละ ตอนนี้เขารู้เพียงแค่คุณราเชนทร์หลังการหายตัวไปของพี่ดิวเพียงแค่ 1 สัปดาห์ เขาก็ไปต่างประเทศตรงจุดนี้ดรีมคิดว่ามันน่าสงสัยมาก เพราะฟังจากที่พี่เล่ามาคุณราเชนทร์ดูแลไร่นี้มาหลายปีตั้งแต่คุณพ่อไปดูแลธุรกิจไวน์ที่ต่างประเทศ แต่หลักจากที่พี่เขาหายไปเพียง 1 อาทิตย์เขาก็ไปต่างประเทศเหมือนหนีอะไรบางอย่าง

    “ดิว” เมยร้องเรียกคนตัวขาวที่เอาแต่เหม่อลอย

    “ดิว” เหมี่ยวร้องเรียกอีกคนแต่ยังนิ่งอยู่

    “ดิว”เมยกับเหมี่ยวเรียกพร้อมกันดังคนใจลอยจนสะดุ้ง

    “หามีอะไรเหรอ”

    “ข้าวไม่อร่อยเหรอ เห็นนั่งเขี่ยอยู่นานแล้ว” เมยถาม

    “เปล่าๆ เราคิดอะไรเพลินๆน่ะ”

    “รีบกินเถอะ เดี๋ยวบ่ายมีนัดรวมพลนะ” เหมี่ยวบอกเพราะบ่ายนี้มีนัดรวมพลคนงาน

    “ใช่ๆ คุณจอมพลนัดรวมตัวน่ะ จะแนะนำนายใหญ่ให้รู้จัก” เมยเสริม

    “นายใหญ่เหรอ” คุณจอมพลดรีมรู้จักเพราะพี่ดิวเล่าให้ฟังแล้ว่าเป็นผู้จัดการไร่ แต่นายใหญ่คือใคร

    “คุณภูไงล่ะ นายใหญ่คนใหม่ที่มาแทนคุณราเชนทร์น่ะ” เมยเล่า

    “อ่อ เรียกว่านายใหญ่เหรอ” ดรีมถามอย่างสงสัย

    “ใช่แล้วแหละ เพราะใหญ่สุดในไร่ไงล่ะ แต่ก่อนคนในไร่ก็เรียกคุณราเชนทร์ว่านายใหญ่ ตอนนี้พอคุณภูมาแทนก็คงต้องเรียกงั้นแหละ”

     

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเรียบร้อยแล้วคนงานในไล่ก็พากันร่วมพลใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้ๆกับโรงครัว เพื่อรอการมาของนายใหญ่คนใหม่ของไร่ภูตะวัน คนที่ทำงานอยู่ที่นี่มานานก็พากันเล่าว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ จนสาวๆที่มาไม่ทันเห็นนายใหญ่คนใหม่ถึงกับกระดี้กระด้าอยากเจอกันใจจะขนาด อยากรู้ว่าจะหล่อขนาดไหน แต่เชื้อคงไม่ทิ้งแถวเพราะคุณราเชนทร์คนน้อยก็หล่อคมสันออกขนาดนั้น คนพี่คงหล่อไม่แพ้คนน้องแน่นอน

    “เมื่อไหร่นายใหญ่จะมารอนานแล้วนะ”

    “นานอะไรล่ะแกเพิ่งผ่านมา 10 นาทีเอง”

    “อยากเห็นแล้วอะ ว่าจะหล่อขนาดไหน”

    “ทำอย่างกับไม่เคยเจอคนหล่อ คุณราเชนทร์ก็ออกจะหล่อ ยังไม่ชินอีกเหรอ”

    “ขึ้นชื่อว่าจะเจอคนหล่อ ก็ตื่นเต้นหมดแหละ”

    เสียงพูดคุยของสามสาวทางด้านหลังดังโหวกเหวกจนเรียกความสนใจ จนดรีมต้องหันไปมอง

    “นายคนใหม่นี่หล่อขนาดนั้นเลยเหรอเมยเหมี่ยว” ดรีมถามอย่างสงสัย

    “ก็น่าจะหล่อมากเลยนะ เห็นนังพวกที่ทำงานอยู่ในบ้านใหญ่บอกว่าหล่อมาก แต่หล่อคนละแบบกับคุณราเชนทร์นะ” เหมี่ยวว่า

    “แล้วคุณราเชนทร์หล่อแบบยังไงอะ” ดรีมยังไม่หายสงสัย เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคุณราเชนทร์อะไรนั่นหล่อยังไงไม่เคยรู้จักแม้หน้าตาก็ไม่เคยเห็น

    “คุณราเชนทร์น่ะจะหล่อคมสัน แต่ว่าน่ารักแกเป็นคนใจดี เป็นกันเอง” เหมี่ยวอธิบาย

    “ใช่ๆ แต่คุณภู นายใหญ่คนใหม่อะ จะหล่อตี๋ แต่ก็หล่อแบบหล่อมากๆเลยนะ เพราะบุคลิกเงียบๆขรึมๆทั้งเป็นพี่ชายคนโต ทำให้หล่อแบบกร้าวใจมากเลยอะ” เมยเสริมทัพอธิบายความหล่อของ 2 พี่น้องตระกูลวรโชติภาคิน

    “เมยพูดเหมือนเคยเห็นตัวจริงมาแล้วงั้นแหละ” ดรีมว่าเข้าให้ เพราะจากการบรรยายที่แสนจะโอเวอร์เหมือนเคยเจอตัวจริงของเมย

    “ก็คนที่บ้านใหญ่เขาว่ามานี่”

    “เดี๋ยวก็ได้รู้ๆ นู่นรถมานู่นแล้ว จะได้เจอตัวจริงวันนี้แหละ” เหมี่ยวบอกพร้อมกับบ่ายหน้าให้มองไปข้างหลัง ที่ตอนนี้มีรถ PPV สีดำแล่นเข้ามาจอด โดยมีจอมพลชายวัยกลางคนผู้เป็นผู้จัดการไร่ลงมาจากที่นั่งด้านข้างคนขับ ตามมาด้วยชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสันทัดออกมาจากที่นั่งคนขับ

    “หล่อมากเลยแก”

    “ฉันพูดผิดซะที่ไหน บอกแล้วว่าหล่อมาก”

    “คนพี่หล่อตี๋ คนน้องหล่อคมอะ หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลย”

    “ชู้วๆ มาแล้วเงียบๆ” หญิงสาวทางด้านหลังกลุ่มดรีมพากันกระซิบกระซาบถึงความหล่อของนายผู้มาใหม่ ถ้าฟังจากที่พี่ดิวเล่าให้ฟังผู้ชายคนนี้อายุน่าจะราวๆ 35 แล้วแต่ดูท่าทางเหมือนคนอายุยังไม่ถึง 30 อย่างไรอย่างนั้น อาจจะเพราะไปอยู่เมืองนอกมาเลยหน้าเด็ก กลับมาทำไร่นี่แหละเดี๋ยวรู้เรื่องเลย ดรีมคิด แต่ก็อย่างที่เมยว่าเอาไว้เขาเถียงไม่ออกสักคำผู้ชายคนนี้หล่อดูดีจริงๆ ถึงจะเด็กกว่าอายุไปสักหน่อยแต่บุคลิกการยืนการเดินทำให้ดูภูมิฐานเสริมความหน้าตาดีขึ้นไปอีก ดวงตาคมเรียวรีนั่นที่ดูลุ่มลึกกว่าคนอื่น อ่านไม่ออกเลยว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่

    “ทุกคนๆ เงียบๆกันหน่อย ผมจะแนะนำให้รู้จัก นายใหญ่คนใหม่” คุณจอมพลส่งเสียงเรียกให้ทุกคนหันมาสนใจ จากที่คุยกันเอ็ดตะโรเสียงดังพอรู้ว่านายใหญ่ที่รอคอยท่าอยู่ได้มาถึงแล้วก็พากันเงียบเสียงลง ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นายใหญ่คนใหม่ของพวกเขากันทั้งสิ้น

    “เชิญครับคุณภู” คุณจอมพลเชิญนายใหญ่คนใหม่ขึ้นไปบนเวทีก่อน เป็นเวทีเตี้ยๆทำจากไม้พอให้ยกสูงกว่าพื้นเล็กน้อยเท่านั้น

    “นี่คือคุณภูวไนย ลูกชายคนโตของคุณภูตะวัน เจ้าของไร่ภูตะวัน คุณภูวไนยจะมาเป็นนายใหญ่คนใหม่แทนคุณราเชนทร์ ตั้งแต่นี้ไปให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของคุณภูวไนย ในไร่แห่งนี้คุณภูวไนยมีอำนาจสูงสุด” หลังจากผู้จัดการไร่กล่าวเปิดชี้แจงถึงสถานะของชายผู้มาใหม่เสร็จ ก็ถึงคราวนายใหญ่คนใหม่กล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับคนงาน

    “เชิญครับคุณภูวไนย กล่าวอะไรสั้นๆกับคนงานหน่อยครับ”

    “ครับ ผมหวังว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามกฎและทำงานให้เต็มที่เหมือนที่ผ่านๆมา แม้ช่วงที่ราเชนทร์ไม่อยู่ผมได้ทราบข่าวว่าเกิดวุ่นวาย แต่ผมหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก ” กล่าวสั้นจริงอย่างที่คุณจอมพลบอกไม่ขาดไม่เกิน จบแต่เพียงเท่านั้น แล้วนายใหญ่คนใหม่ก็เดินลงจากเวทีไป คุณจอมพลได้แต่รีบเดินไปขึ้นรถตาม พร้อมทั้งตะโกนให้คนงานในไร่สลายตัวไปทำงานกันได้แล้ว

    “หล่อมากเลยอะเหมี่ยว” เมยพูดไปตีไหล่เหมี่ยวไปเพราะเขินกับความหล่อของนายใหญ่คนใหม่

    “รู้ว่าหล่อแต่อย่าตีได้มั้ย เหมี่ยวเจ็บนะ” เหมี่ยวพูดพลางทำหน้างออย่างล้อเล่นใส่

    “ขอโทษๆ ก็คนมันเขินอะ เป็นไงดิวหล่อเหมือนที่เมยบอกมั้ยล่ะ” เมยถาม

    “ก็หล่ออยู่หรอกไม่เถียง แต่ดูเข้าถึงยาก ดูเป็นคนไว้ตัวชะมัด”

    “เหมือนนายใหญ่มองดิวแวบนึงด้วยนะ เราเห็น”

    “จริงๆเราก็เห็น” เหมี่ยวสนับสนุน

    “มองไปงั้นๆแหละมั้ง แต่สายตาเขาดูดุๆน่ากลัวยังไงไม่รู้” ดรีมว่าเขาได้สบสายตากับผู้ชายคนนั้นจริง ช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนั้นมองมา เขาแทบอยากจะหลบไปอยู่หลังเหมี่ยว สายตาที่ดูทุกคนออกเหมือนรู้ทุกอย่าง อีกทั้งยังดูดุปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งคนมีความลับแบบเขาอีกพาให้เสียวสันหลัง

    “คงเพราะดูเป็นเงียบๆจริงจังเกินไปมั้ง เลยทำให้ดูน่ากลัว”เมยว่า

    “แต่หล่ออะ ชอบ ดุแค่ไหนเหมี่ยวก็ไม่กลัว”

    “แหม เหมี่ยวเอาใหญ่เลย” ดรีมได้แต่เอ่ยแซวเพื่อนใหม่

     

    “คุณจอมพล” หลังจากรถแล่นออกมาจากที่พักคนงานได้สักพัก กำลังมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมืองเพื่อนคุยธุระเกี่ยวกับองุ่นสายพันธุ์ใหม่ที่จะนำมาปลูกลงแปลง หลังจากที่ผ่านการทดลองแล้วว่าสามารถนำมาปลูกแล้วได้ผลผลิตที่ดี ชายหนุ่มผู้เป็นนายใหญ่คนใหม่ก็เอ่ยทำลายความเงียบภายในรถ

    “ครับคุณภู”

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มถาม

    “ผู้หญิงคนไหนครับ”ผู้จัดการไร่ถึงกับงง นายใหญ่ถามแบบนี้แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงคนไหนเป็นคนไหน

    “ผู้หญิงที่ใส่เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงยีน ผมยาวประไหล่ ที่ดูท่าทางยังไงก็ไม่เหมือนคนงานในไร่” ชายหนุ่มเพิ่มข้อบ่งชี้ลงไป แต่ผู้จัดการไร่ของเขาก็ยังดูงงอยู่ว่าคนนั้นน่ะคนไหน เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ เขาไม่ได้สนใจขนาดนั้นว่าใครใส่เสื้อผ้าสีอะไร คนที่ผมยาวประไหล่ก็มีตั้งเยอะ อยากจะบอกเจ้านายไปแบบนั้นแต่ก็กลัวจะโดนไล่ออก

    “น่าจะเป็นคุณดิวนะครับ แกไม่ใช่คนงานในไร่เราครับ แกเป็นนักเขียนมาขอศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำไวน์ไปเขียนหนังสือน่ะครับ อยู่มานาน 3 เดือนแล้วครับ แล้วก็หายไปพักหนึ่ง ผมก็เพิ่งรู้ว่าแกกลับมาแล้ว” เขาก็ไม่แต่ใจเท่าไหร่ว่าคนที่เจ้านายเขาถามถึงจะใช่คนนี้รึเปล่า แต่ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคนงาน ก็น่าจะเป็นคนนี้แหละเพราะไม่ใช่คนงานจริงๆนี่ ตอบอะไรได้ก็ตอบไปก่อน

    “ทำไมถึงอนุญาตให้เข้ามาศึกษาได้ล่ะ ใครอนุญาต”

    “คุณราเชนทร์ครับ แกใจดีมากเลยครับ ไม่ว่ากับนักศึกษาที่มาขอฝึกงานหรือเวลามีคนมาข้อศึกษาเอาความรู้แกไม่หวงเลยครับ ยินดีช่วยเหลือถ้าหากนั่นไม่ใช่ความลับหรือสูตรในการหมักที่สำคัญ เรื่องทั่วไปแกไม่หวงนะครับ”

    “ราเชนทร์เป็นแบบนั้น แต่ผมไม่ ถ้าหากมีใครยื่นเรื่องเข้ามาขอเข้ามาทำงานที่ไร่อย่างนี้อีกต้องผ่านผมก่อน เข้าใจนะครับ”

    “เข้าใจครับ ถ้าหากมีอะไรผมจะยื่นเรื่องไปให้คุณภูวไนยครับ ไม่ตัดสินใจเองแน่นอนครับแต่ปกติผมก็ยื่นเรื่องไปที่คุณราเชนทร์นะครับแต่คุณราเชนทร์น่ะแกใจดี”

    “คุณว่าผมใจร้ายเหรอ” ว่าพลาดหันไปถามผู้จัดการ

    “เปล่าๆ ครับ ผมเข้าใจว่าคุณภูวไนยไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวายในไร่ เพราะอาจจะเกิดความเสียหายได้ครับ” คุณผู้จัดการแก้ตัวเป็นพัลวันกลัวนายใหญ่เข้าใจผิดและไม่พอใจ

    “...” ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ในหัวของเขาแว่บภาพหญิงสาวคนนั้นเข้ามาคนที่มีรอยยิ้มรูปหัวใจ ยามที่สาวเจ้ายิ้มหัวเราะไปกับเพื่อนข้างตัว ทำไมถึงได้เป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสขนาดนั้นนะ อาจจะเพราะรอยยิ้มรูปหัวใจที่สดใสทำให้เขาเอาแต่นึกถึงเธอ



    ***ฝากด้วยนะคะ นี่เป็นเรื่องแรกของเราเลย จะพยายามตั้งใจแต่งให้จบค่ะ***

    ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะ คำผิดงี้เดี๋ยวว่างๆจะมาแก้น้า ขอโทษค้าบ ฝากติดตามด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×