คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
หยกใช้มือควานหาเสียงร้องที่กำลังทำลายความสุขบนที่นอนแสนนุ่ม ก่อนจะคว้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นกระทัดรัดจากโต๊ะข้างหัวเตียงค่อยๆขยับเปลือกตาหรี่มองหน้าจอ ก่อนจะกรอกเสียงกลับไป “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมชาติ ไม่ทราบว่าโทรมารบกวนคุณหยกเช้าไปหรือเปล่า” ชาติอมยิ้ม รับรู้ถึงน้ำเสียงในต้นประโยคของสาวสวยได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นการที่หญิงสาวปล่อยให้มือถือร้องดังเกินกว่าสามนาทีก็เป็นเครื่องยืนยันในข้อสรุปที่เขาต้องเอ่ยปากถามคำถามแบบนั้นออกไป
หยกหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง เข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขเก้า ส่วนเข็มยาวกำลังจะกระติกไปที่ตัวเลขตัวแรกของการหมุนวน โอ้แม่เจ้า เวลานอนของฉันหายไปเกือบชั่วโมง หยกนึกบ่นในใจ ก่อนจะเขยิบตัวไปหาที่พักพิงให้กับหัวและหลังที่กำลังอยู่ระหว่างปรับสภาพ
“ฉันเริ่มแก้ไขงานไปได้นิดเดียวเองค่ะ คงจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเสนอให้คุณพิจารณาวันพุธตามที่นัดไว้”
“ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้บอกกับคุณหยกว่าผมชอบสีขาวดำ” ชาติอมยิ้มนึกถึงใบหน้าของสาวสวยของเขาที่ชายหนุ่มเดาได้ไม่ยากว่าป่านนี้คงจะกำลังนั่งขมวดคิ้ว หงุดหงิดกับสิ่งที่เขาบอกเป็นแน่
“ค่ะ คนที่ชอบไตร์คลาสสิกส่วนใหญ่ก็จะชอบสีพื้นๆ แล้วคุณมีอะไรจะบอกเพิ่มเติมอีกไหมคะ” หยกอ้าปากกว้างรับอากาศในห้อง ก่อนจะนึกบ่นในใจอีกครั้ง จุกจิกเหมือนกันนะนี่ผู้ชายคนนี้
“ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออก ถ้าผมนึกอะไรออกได้เพิ่มเติม ผมโทรมาบอกคุณหยกอีกได้ไหมครับ” ชาติยิ้มกับมือถือ แค่เขาได้ยินเสียงเธอ ก็มีความสุขแล้ว แต่เขาไม่ได้ต้องการแค่นี้แน่
“ได้ค่ะ จนกว่าจะสรุปงาน หลังจากนั้นก็คงจะเปลี่ยนได้แต่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือถ้าเปลี่ยนเยอะ ฉันก็คงจะต้องคิดค่าใช้จ่าย”
“ครับ ผมทราบ ผมจะพยายามไม่ให้คุณหยกทำงานยาก ระหว่างที่คุณหยกกำลังสรุปรายละเอียดงาน ผมขอโทรมาคุยบอกรายละเอียด หรือความชอบของผมกับคุณหยกเท่าที่ผมนึกออกได้ไหมครับ จริงๆผมก็ไม่มีไอเดียเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอได้เห็นคุณหยกใส่ใจในรายละเอียดของงาน ผมก็อยากจะซึมซับกับมันบ้าง ผมอยากมีความสุขเวลาที่อยู่บ้านที่ผมได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ” ชาติถือโอกาสยกคำพูดของหญิงสาวที่เคยบอกกับเขาไว้มาพูดกับเธอ
“ได้ซิคะ หรือว่าคุณอยากจะเข้ามาคุยกับฉันใหม่อีกครั้งไหม เราเริ่มต้นกันที่ห้องว่างๆไม่ต้องใส่ความคิดหรือรูปแบบของคุณผิงเข้าไป เดี๋ยวฉันจะจับผสมผสานให้ลงตัวเอง” หยกเสนอขึ้นกับลูกค้า เพราะต้องการตัดปัญหา เมื่อวานเขาโทรมาคุยกับเธอเกือบครึ่งชั่วโมง แถมวันนี้ยังโทรมาอีก ถ้าขืนเธอปล่อยให้เขาโทรมาบอกไอเดียแบบนี้ทุกวันมีหวัง งานที่เธอคิดว่าจะสรุปได้ในวันพุธนี้คงจะต้องเลื่อนไปเป็นเดือนหน้าแน่
“ได้หรือครับ เป็นเย็นนี้เลยดีไหม” ชาติรีบตอบกลับด้วยเสียงกระตือรือร้น
********
“เก็บของเสร็จแล้วหรือ” หยกถามขึ้นกับแฟนหนุ่ม เธอโทรหาเขาระหว่างเวลาว่างในการรอลูกค้าอีกรายที่นัดไว้ตอนเย็น ด้วยความขี้เกียจขับรถไปๆมาๆเธอจึงหาเรื่องเดินช็อปปิ้งหลังจากคุยกับลูกค้าที่นัดไว้ในตอนบ่ายเสร็จ ที่จริงเธอตั้งใจจะนัดศรตอนหัวค่ำหลังจากคุยกับลูกค้าอีกรายเสร็จแล้ว แต่แฟนสุดหล่อกระตือรือร้นอยากมาพบเธอหลังจากวางสายเนื่องจากวันนี้เขาไม่ต้องเข้าออฟฟิต หยกจึงไม่คิดจะปฏิเสธเนื่องจากลึกๆแล้วเธอก็อยากจะพบและพูดคุยกับเขานานๆ เนื่องจากตั้งแต่เรียนจบทั้งสองมีโอกาสได้พบกันแค่อาทิตย์ละสองถึงสามครั้งเท่านั้น
“นี่ไง” ศรหันเป้ใบเล็กที่อยู่ด้านหลังให้หยกดู เขายังไม่ได้คุยกับเธอตั้งแต่ที่แยกกันวันพุธ เนื่องจากแฟนสาวและเขาต่างงานยุ่ง เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากหยกจึงรีบแต่งตัวออกจากบ้านมาหาเธอทันที
“อย่างนี้ซกมกแน่ๆ เครื่องออกกี่โมง” หยกนิ่วหน้ามองหน้าแฟนหนุ่ม พร้อมกับจูงมือให้เขาเดินตามเธอไปนั่งที่เก้าอี้ยาวติดระเบียงด้านขวามือของเธอ
“ไปรถทัวร์ รถออกห้าทุ่ม”
“แล้วพักที่ไหน เขามีที่พักให้หรือเปล่า” หยกถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“จองไว้แล้ว”
“โรงแรมอะไร หยิบ”
“ศรไม่ได้พักโรงแรมห้าดาว” ศรรีบพูดแทรกขึ้น เขารู้ว่าแฟนสาวคนสวยสะสมชุดเครื่องมือเย็บผ้าที่โรงแรมหรูๆมักจะจัดวางไว้ให้แขกในห้อง
ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินทางโดยรถทัวร์และพักโรงแรมจิ้งหรีดเพื่อเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้ บริษัทมีงบให้เขาไปกลับโดยเครื่องบินพร้อมกับค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักระดับสามดาว แต่ศรคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งจำเป็น
“บริษัทลงทุนจังเนอะ น่าทำงานด้วยซะไม่มี บอกให้ไปทำบริษัทเดียวกับพี่บิ๊กก็ไม่เชื่อ” สาวสวยทำเสียงประชดในสองประโยคแรก ก่อนจะบ่นตามไปอีกประโยค
“นัดลูกค้าไว้กี่โมง หาอะไรกินก่อนไหม หรืออยากจะเดินเล่น” ศรรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไปหาอะไรกินเล่นที่ฟู้ดคอร์ดก็ได้ จะได้นั่งคุยนานๆ ช่วงนี้ศรผอมไปหรือเปล่า งานหนักหรือ” หยกทักขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใยพร้อมกับยกมือขึ้นลูบข้างแก้มของแฟนหนุ่ม เมื่อวันพุธเธอมัวแต่คุยเล่นไม่ทันได้สังเกตแฟนสุดหล่อ
“กินข้าวไม่ค่อยลง คิดถึงหยก” ศรจับมือแฟนสาวมากุมไว้และถือโอกาสอ้อน
“คิดถึงก็ไปหาที่บ้านซิ หยกอยู่บ้านเกือบทุกวัน ศรก็รู้ถ้าไม่มีธุระ หยกขี้เกียจออกจากบ้าน ที่สำคัญข้าวบ้านหยกอร่อยกว่าข้างนอกตั้งเยอะ” หยกเอ่ยปากชวนแฟนเหมือนทุกครั้ง
“เปลี่ยนเป็นโทรคุยทุกวัน วันละชั่วโมงได้ไหม”
“ไม่เอาไม่อยากเป็นมะเร็งที่สมอง เอ้า หยกให้” หยกดึงมือกลับ ล้วงถุงออกจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ส่งให้แฟน
“เนื่องในโอกาสอะไร” ศรรับมาเปิดดูอย่างงงๆ
“ศรต้องไปอยู่ต่างจังหวัดคงไม่ได้เอานาฬิกาปลุกไปด้วย เรือนนี้เจ๋งมาก ฟังช์ชั่นเพียบ ปลุกได้ หน้าปัดเรืองแสง กันน้ำกันกระแทก โอ๊ย.......ดีสารพัด ศรลองไปอ่านคู่มือดูเอง” หยกเพิ่งไปเดินหาซื้อให้เขาเมื่อสักครู่นี้เอง แต่จำข้อดีร้อยแปดอย่างที่มีเพิ่มเติมจากวัตถุประสงค์หลักตามความต้องการของเธอที่พนักงานขายบอกมาได้ไม่หมด เพราะมัวแต่พยักหน้าพร้อมกับไล่ตามองหาตัวเลือกอื่นในตู้โชว์
“แล้วก็แพงสุดๆด้วยใช่ไหม ศรบอกแล้วไง ว่าไม่ให้หยกซื้อของแพงๆให้ศร” ศรตำหนิแฟนด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียด ครั้งล่าสุดแฟนสาวถอยโน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุดให้เขาเป็นของขวัญในวันสอบวิชาสุดท้ายของการเรียนจบ ขณะที่เขาไม่มีอะไรให้เธอสักอย่างเพราะไม่ได้คิดว่าจะต้องให้ของขวัญเนื่องในโอกาสนี้
“มันก็ดีสมราคานั่นแหละ ใส่เลยซิ ค่อยไปอ่านคู่มือบนรถก็ได้ เร็วเข้าจะได้ไปหาอะไรกิน”
ศรถอนหายใจยาว มองหน้าแฟนสาวที่นั่งส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะก้มหน้าถอดนาฬิกายี่ห้อฮิตที่เขากัดฟันเก็บเงินอยู่เกือบปีระหว่างเรียนอยู่มัธยมต้นเพื่อซื้อมัน ออกจากข้อมือของตัวเอง
“มา หยกช่วยนะ” หยกรีบหยิบนาฬิกาออกจากกล่องมาสวมให้แฟน “พอดีเลย แฟนใครไม่รู้กะเก่งจริงๆ”
ศรยิ้มยกมือขึ้นเขกหัวหยกเบาๆ ก่อนจะเก็บนาฬิกาเรือนเก่าใส่กล่องและเปิดเป้ยัดกล่องนาฬิกาเข้าไป
********
ศรลุกขึ้นยืนไหว้ลูกค้าหนุ่มคนเดียวกับที่เจอเมื่อรืนเมื่อเห็นเขาเปิดประตูห้องนั่งเล่นของห้างเข้ามา ก่อนจะย้ายไปนั่งโต๊ะอีกตัวปล่อยให้แฟนสาวยืนรอลูกค้าตามลำพัง
“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งค่ะ” หยกยกมือไหว้ชาติก่อนจะเชื้อเชิญให้เขานั่ง
“มานานแล้วหรือครับ” ชาติยิ้มให้มัณฑนากรคนสวยก่อนจะหันไปมองแฟนของเธออีกครั้ง
“ค่ะ คุณจะทานน้ำหรือกาแฟก่อนไหมคะ อยู่ตรงเคาร์เตอร์ด้านโน้น” หยกชี้มือให้ลูกค้าดู
“ไม่ครับ”
“งั้น เราเริ่มกันเลย” หยกขยับเก้าอี้เข้าใกล้ชายหนุ่มพร้อมกับเลื่อนโน๊ตบุ๊คไปไว้ด้านหน้าเขา
ศรขมวดคิ้ว มองตรงไปที่โต๊ะของแฟนสาว นิ้วชี้เคาะลงบนนิตยสารที่เปิดคาไว้ด้านหน้า อุณหภูมิในใจเพิ่มขึ้นเป็นระดับในขณะที่ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องยังอยู่ในระดับคงที่ อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับเขาเสมอตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เขาคบกับหยก แต่เขาก็ยังทำใจให้ชินกับมันไม่ได้สักครั้ง
ความสวยน่ารักและมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของแฟนสาวทำให้มีหมู่ภมรแวะเวียนเข้ามาเสมอ สิ่งที่ทำให้เขาสบายใจได้อย่างเดียวคือ หยกเปิดเผยและแนะนำกับทุกคนว่าเป็นเขาเป็นแฟนของเธอ แต่สิ่งที่ขัดใจเขาทุกครั้งคือ หยกไม่เคยหลีกหนีคนพวกนั้น และมักจะให้ความสนิทสนมเมื่อชอบนิสัยใจคอของอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเธอที่มีต่อเขาและคนพวกนั้นจะแตกต่างกัน แต่เขาก็อดที่จะหวั่นใจไม่ได้
หยกปฏิเสธการไปกินข้าวเย็นกับลูกค้า เพราะต้องการใช้เวลาอยู่กับแฟนหนุ่มตามลำพังก่อนที่เขาจะต้องไปอยู่เชียงใหม่เป็นอาทิตย์ คำพูดแสดงออกถึงความรู้สึกตรงไปตรงมาของลูกค้าหนุ่มที่มีต่อเธอระหว่างการคุยเรื่องงานไม่ได้ทำให้หยกรู้สึกหวั่นไหว หยกคิดว่า เขาเป็นแค่ผู้ชายอีกคนที่ชอบบริหารเสน่ห์ของตัวเอง บุคลิกภาพและหน้าตาที่ดูดีแต่ไม่ถึงกับหล่ออาจทำให้ผู้หญิงหลายคนหลงใหล แต่เธอไม่รู้สึกปิ๊งเขาเลย ใช่ว่าเธอจะหลงศรจนหัวปักหัวปำ มีอยู่หลายครั้งที่เธอแอบปันใจไปให้ชายอื่นก่อนจะวกกลับมาเดินตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกไว้
“ให้หยกไปส่งที่ท่ารถนะ” หยกบอกกับแฟน เมื่อทั้งสองแยกตัวมาจากชาติแล้ว
“รถเสร็จแล้วหรือ” ศรถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ยัง เอารถที่บ้านมาใช้ น่ารำคาญจะตาย ไม่รู้ทำไม ป๊ากับเจ๊เล้งถึงได้ชอบนัก คันก็ใหญ่ จะเลี้ยวจะจอดก็ลำบากน่าดู ตกลงให้หยกไปส่งนะ หยกอยากรู้ว่านางเอกจะรู้สึกอย่างไรเวลาไปส่งแฟนเดินทางไกล” หยกบ่นให้แฟนฟังก่อนจะตามด้วยเสียงอ้อน ขยับตัวใช้แขนทั้งสองเกาะแขนของศรพร้อมกับโยกหัวไปเคาะไหล่ของแฟนเบาๆก่อนจะยกหัวขึ้นหันไปส่งยิ้มและรอคำตอบ
ศรยิ้ม แฟนคนสวยของเขาไม่ได้บ้ายี่ห้อเหมือนพ่อและพี่สาว โรงรถที่บ้านของเธอมีรถไม่ต่ำกว่าสิบคันไม่นับรวมรถกระบะอีกหลายคันที่ไว้ส่งของ รถทุกคันล้วนแต่โอ่อ่า มียี่ห้อและราคาไม่ต่ำกว่าเลขเจ็ดหลักแสดงฐานะของเจ้าของ จะมีก็แต่รถของแฟนสาวเท่านั้น ที่เจ้าตัวบอกเล่าด้วยความภูมิใจว่าเลือกมาเองกับมือ ศรตั้งใจว่าถ้าเก็บเงินได้สักก้อนก็จะดาวน์รถรุ่นนี้และยี่ห้อนี้เพราะมันเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดในบรรดารถใหม่ทั้งหมด ถึงชายหนุ่มจะรู้ว่าซื้อรถมือสองถูกกว่า แต่เขาไม่อยากมีปัญหาเรื่องซ่อม ที่สำคัญมันดูไม่สมเกียรติแฟนคนสวย ถ้าคิดจะทำเพื่อเธอแล้วเขาก็อยากทำในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาสามารถจะทำได้
“ไม่เอา มันอันตราย ศรไปถึงท่ารถแล้วโทรหา”
“อันตรายยังไง ไหนบอกมาซิ” หยกยื่นหน้าเข้าหาแฟนหนุ่มพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียน
“หนึ่ง แฟนศรเป็นคนสวย” ศรอมยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
“อันนี้ยอมรับ” หยกยิ้มหน้าบานตอบรับแฟนหนุ่ม
“สองแฟนหยกเป็นคนหล่อ” ศรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขำๆ
“เกี่ยวตรงไหน” หยกยิ้ม แกล้งขมวดคิ้วมองหน้าแฟน
ศรหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ “สาม ภัยร้ายสำหรับผู้หญิงที่ไปไหนคนเดียวเวลากลางคืน”
“ก็ไปกับศร” หยกเถียงขึ้น
“ขากลับล่ะ”
“งั้นแวะไปรับคิมกับเคี้ยงที่บ้าน”
“เฮ้ย ทรมานเด็ก ห้าทุ่มนะ ไม่ใช่ห้าโมงเย็น”
“ไม่เป็นไร คิมกับเคี้ยงนอนดึกบ่อยๆเวลาดูบอล แถมพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์”
“สี่ ศรจะไม่สบายใจตลอดเวลาที่นั่งรถไปเชียงใหม่ อาจจะทำให้นอนไม่หลับ ไม่มีกะจิตกะใจติดต่อลูกค้าในวันรุ่งขึ้นเพราะอดนอน”
“อ้าว ไปถึงไม่ได้พักหรือ”
“ลูกค้าว่างวันเสาร์อาทิตย์ วันอื่นเขาจะให้ลูกน้องพาตระเวนดูที่ที่จะให้ตกแต่ง 3 ที่ เห็นบอกจะให้ปรับปรุงร้านที่เปิดอยู่ให้ด้วยถ้าตกลงกันได้”
“อืม โปรเจคใหญ่ ถ้าเขาเปิดสปาอยู่แล้ว ศรก็ลองไปขัดผิวกับเขาดูซิ ช่วงนี้ศรดำขึ้นนะ” หยกยกแขนแฟนขึ้นให้เขาดูประกอบคำพูด
“คิดว่าแฟนเป็นเจ้าเงาะถอดรูปได้หรือไง นี่ดำแท้ของจริง” ศรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขำๆ
หยกเงียบ เธอไม่ได้บอกเล่ากับศรว่าพ่อแม่ พี่สาวและพี่เขยไม่ชอบเขาเพราะอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เธอพยายามเอ่ยปากชวนแฟนหนุ่มให้ไปบ้านเพื่อพิสูจน์ตัวเองทุกครั้งที่มีโอกาส แต่คำตอบที่ได้จากเขาก็คือการหลีกเลี่ยง หรือเปลี่ยนเรื่องคุยทุกครั้ง
ความคิดเห็น