คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
“รอสักห้านาที เดี๋ยวผมไปส่ง ผมให้เขายกรถคุณไปซ่อมที่อู่แล้ว อีกสองสามวันเขาคงเอาไปส่งที่คอนโดให้” สดายุสั่งพร้อมกับลุกเดินไปที่ประตู
“ไม่ต้อง ฉันเรียกรถแท็กซี่ไปเองได้” ชนิตาลุกขึ้นยืนทันทีที่รู้ว่าเขาพูดจบ งานที่เขาขอความช่วยเหลือไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่แอบเอาเอกสารบางอย่างมาให้เขาเหมือนที่ดูในหนัง แต่ นั่นหมายถึงเจ้านายเธอจะต้องไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เธอทำ ไม่งั้นเธออาจจะถูกจับไปฆ่าเหมือนในหนังก็ได้ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว ชีวิตสงบสุขที่เธอแสนหวงแหน กำลังจะหายไปในเร็วๆนี้ เธอไม่ใช่สาวเปรี้ยวที่ชอบความท้าทาย เรื่องตื่นเต้นเก็บไว้ใช้ในการมีส่วนร่วมกับคนอื่นก็พอแล้ว แค่ลุ้นไม่ให้สายลับในหนังถูกจับได้ก็เล่นเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นท่า ไม่อยากคิดเลยว่า ชะตากรรมอันแสนรันทดจะต้องเกิดขึ้นกับตัวเอง
“ผมสั่งอะไรก็ให้ทำตาม รอที่นี่ถ้าผมกลับมาแล้วไม่เห็นคุณในห้อง เราจะได้เห็นดีกัน” สดายุเดินยิ้ม ผิวปากออกไปนอกห้อง ปล่อยให้ชนิตากระแทกตัวทดสอบความนุ่มของเก้าอี้บนโรงพัก
ชนิตาชำเลืองมองหนุ่มหล่อที่ใช้เวลาลอกคราบไม่ถึงห้านาที เออแฮะ หล่อของจริง ไม่ใช่เครื่องแบบช่วย
“ไปได้แล้ว” สดายุร้องเรียกขึ้นเมื่อไม่เห็นหญิงสาวมีทีท่าว่าจะขยับลุกจากที่นั่ง
อีตานี่ บ้าอำนาจ โหด หื่น ยังดีนะที่หล่อ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าฉันจะยอม ชนิตาบ่นพึมพำในใจ ก่อนจะลุกเดินตามหลังตำรวจโฉด พร้อมกับส่งค้อนไปให้ด้านหลังของชายหนุ่ม
“อ้อ แล้วห้ามบอกใครว่าผมเป็นตำรวจ” สดายุหันมาสั่งหญิงสาว ก่อนจะหัวเราะฮึๆในลำคอเพราะทันได้เห็นปลายวงค้อนของเธอ
ชนิตาหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่ถอยมาเดินคู่กับเธอด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับพึมพำในใจ วันหยุดนี้สงสัยต้องชวนพี่เก่งไปทำบุญล้างซวยซะหน่อย ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยเรา รู้งี้ทำงานที่เก่าดีกว่า เงินเดือนน้อย แต่เจ้านายใจดี เฮ้อ จะว่าไปท่าทางคุณศักดิ์ชัยก็ใจดี แต่ไหงกลับมาเป็นผู้ร้ายไปได้ กลุ้มชะมัด
“จิ๊กกี๋ได้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่บ้างหรือเปล่า” สดายุชวนสาวสวยคุยขณะขับรถออกจากโรงพัก
ชนิตาหันควับ เพ่งมองตำรวจโฉด ตามสืบประวัติถึงบ้านเลยหรือนี่ รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรู้ แต่จะมาถามถึงบุคคลไม่พึงประสงค์หาอะไรไม่ทราบ และไอ้ชื่อเล่นที่เรียกนี่ มันเป็นชื่อเรียกเฉพาะในหมู่ญาติเท่านั้น เพื่อนๆที่โรงเรียนหรือที่ทำงานต่างเรียกเธอว่า ตา อย่านะ อย่ามาทำเป็นสนิทสนมกับฉัน ฉันกลัว หญิงสาวอุทธรณ์ขึ้นในใจ
“ว่าไง พี่ถามทำไมไม่ตอบ” สดายุละสายตาจากท้องถนนมามองหญิงสาวที่นั่งคู่กับเขา
“คุณคุยกับฉันแค่เรื่องงานก็พอ แล้วก็ช่วยขับให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม ฉันสายแล้ว” ชนิตาพูดตัดบทขึ้นด้วยความรำคาญ
“เมื่อเดือนที่แล้วกลับบ้านไปกับคุณเก่งไม่ใช่หรือ ทำไมไม่แวะไปหาแม่ แม่ไม่ค่อยสบาย ถ้าว่างก็แวะไปเยี่ยมท่านบ้างนะจิ๊กกี๋” สดายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ชนิตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ครั้งล่าสุดที่เธอไปหาแม่คือตอนที่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐในกรุงเทพและกำลังจะย้ายจากสระบุรีเข้ามาอยู่ในกรุงเทพอย่างถาวร ลุงบังคับให้พี่เก่งพาเธอไปหาแม่เพื่อบอกลา และนั่นมันผ่านมาได้สี่ปีเศษแล้ว
การพบกันครั้งสุดท้าย หญิงสาวเพียงแต่ยกมือไหว้ลามารดาตามคำสั่งของพี่ชาย ปล่อยให้พี่เก่งทำหน้าที่ล่ามแทนลุง
เด็กร่าเริงอย่างชนิตาไม่เคยมีปัญหากับการกำพร้าพ่อ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เจ้าตัวยอมรับได้ แต่การกำพร้าแม่โดยความจงใจของมารดา เป็นเรื่องที่กัดกร่อนความรู้สึกของหญิงสาวมาตั้งแต่เล็กจนโต ชนิตาก้มหน้ายอมรับกับคำสัญญาที่ถูกละทิ้งจากมารดา พยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตา ยาย ลุงและพี่เก่ง
“ว่าไงทำไมเงียบไป พี่บอกว่าแม่ไม่สบายได้ยินหรือเปล่า” สดายุหันมามองหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ
“จอดที่หน้าตึกตรงนั้นก็ได้” ชนิตาชี้ที่จอดรถให้กับสดายุ
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับ” สดายุเอ่ยปากขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูลงจากรถ
“ไม่ต้อง”
สดายุมองตามสาวสวยที่กำลังเดินจ้ำเข้าตึก ดูจากดวงตาเศร้าและเจ็บปวดของเธอ ความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับแม่เลี้ยงของเขาคงจะเป็นไปในทางที่เลวร้าย ภาพเด็กสาววัยแปดขวบเกาะติดอยู่ด้านหลังพี่ชาย โผล่เพียงใบหน้าและดวงตาคู่สวยมาจับจ้องแม่ของตัวเองขณะที่พ่อของเขากำลังทำพิธีสู่ขอเมียใหม่ ไม่ได้ชวนให้จดจำเท่าดวงตาคู่สวยที่จ้องหน้าพ่อของเขาอยู่เกือบห้านาที โดยไม่ยอมปริปากพูดอะไรขณะที่เขาและพ่อเดินเข้าไปทักทายเธอ
********
“พี่เก่งรอกี๋นานไหม” จิ๊กกี๋รีบวิ่งขึ้นรถพร้อมกับร้องทักพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่นานหรอก ว่าแต่รถจะเสร็จเมื่อไหร่”
“เขาบอกว่าอีกสองสามวัน”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าพี่ไปรับที่คอนโด”
“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว พี่เก่งคงไม่ใจดำ ทิ้งให้กี๋ขึ้นรถเมล์หรอก จริงไหม”
“เอ..... หรือว่าจะให้ขึ้นรถเมล์ดีนะ พี่ว่าพี่ก็ขี้เกียจตื่นเช้าเหมือนกัน”
“ได้ กี๋จะโทรไปฟ้องลุงว่าพี่เก่งไม่ดูแลกี๋”
“อย่านะกี๋ พี่ขี้เกียจฟังพ่อบ่น เอาเป็นว่าช่วงนี้พี่เป็นโชเฟอร์ให้เราสักสองสามวันก็ได้” เก่งรีบร้องห้าม
จิ๊กกี๋เขยิบไปนั่งติดกับพี่ชาย ใช้แขนทั้งสองข้างเกาะแขนอันล่ำสันของเขาพร้อมกับเอาหัวซบลงบนไหล่กว้าง
“จะมาอ้อนเอาอะไรจากพี่หรือเปล่านี่” เก่งอมยิ้ม หันมามองน้องสาวก่อนจะหันกลับไปมองถนนอีกครั้ง
“พี่เก่งแม่ไม่สบายเหรอ”
“อือ เห็นพ่อบอกอยู่เหมือนกัน เป็นห่วงล่ะซิ ไปเยี่ยมไหม เดื๋ยวเสาร์นี้พี่ขับรถพาไป”
“ไม่ แม่ยังไม่เห็นจะเป็นห่วงกี๋เลย ทำไมกี๋จะต้องเป็นห่วงแม่ด้วย” จิ๊กกี๋ปฏิเสธเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งตัวตรง แม่ทิ้งเธอไปโดยไม่คิดจะมาเยี่ยมเยียนหรือโทรหาหลังจากแต่งงานใหม่ ทั้งๆที่บ้านใหม่ของแม่กับนายอำเภอก็อยู่แค่ในตัวเมือง คำสัญญาที่แม่เคยให้ไว้ว่าถ้าเธอไม่ร้องไห้หรือโวยวายเรื่องการแต่งงานใหม่ของแม่ แม่จะกลับมาเยี่ยมเธอทุกอาทิตย์มันเลือนหายไปหลังจากการเดินออกจากบ้านของแม่พร้อมกับผู้ชายแปลกหน้า
“ใครบอกว่าอาแจนไม่เป็นห่วงกี๋ล่ะ อาเขาก็โทรมาถามข่าวกี๋กับพ่อ”
“พี่เก่งอย่ามาหลอกให้กี๋ดีใจหน่อยเลย แม่เขามีลูกใหม่กับนายอำเภอแล้ว เขาคงจะมาสนใจกี๋หรอก เย็นนี้เรากินอะไรกันดี ซื้อกับข้าวไปทำที่คอนโดกี๋ดีไหม” จิ๊กกี๋รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ตามใจ งั้นก็แวะซุปเปอร์ซื้อของสด”
********
“กี๋ไม่ต้องเกาะแขนพี่ขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่ก็หาแฟนไม่ได้กันพอดี” เก่งใช้มือที่ว่างแกะแขนของจิ๊กกี่ที่กำลังควงแขนของเขาที่หิ้วตะกร้าอยู่
“ก็ดีนะซิ” จิ๊กกี๋ไม่สนใจคำเตือนของพี่ชาย ใช้มือที่ว่างเลือกของสดในตู้แช่
“โตเป็นสาวแล้วนะเรา ยังทำตัวเป็นเด็กๆอีก แล้วตกลงจะกินอะไร” เก่งบ่นขึ้น ขณะเอื้อมมือที่ว่างไปหยิบเนื้อไก่บนชั้น
“ตามใจพี่เก่ง อ้อเอาไข่เจียวทรงเครื่องอย่างหนึ่ง”
“กี๋ปีหน้าพี่จะย้ายไปเป็นปลัดที่บ้านเราแล้วนะ” เก่งหันมาบอกน้องสาว
“ว้า จริงเหรอ งั้นกี๋ก็ต้องไปบอกเจ้านายใหม่ให้เตรียมหาเลขาใหม่ด้วยซิ”
เก่งหันมามองหน้าน้องสาว “กี๋จะลาออกทำไม ทำงานอยู่ที่กรุงเทพก็ดีแล้ว”
“แต่กรุงเทพไม่มีพี่เก่งแล้วนี่ ถ้ารถเสียกี๋จะโทรหาใคร ไฟเสียอีก ก็อกน้ำแตก โทรทัศน์เสีย โอ๊ยไม่เอา พี่เก่งไม่ต้องกลับไปหรอก อยู่กรุงเทพกับกี๋เถอะ”
เก่งหัวเราะ “ก็เก็บไว้ แล้วโทรบอกพี่ พี่จะมาซ่อมให้”
หญิงสาวมองหน้าพี่ชาย เขาจะรู้ไหมว่าที่เธอขวนขวายอยากเข้ามากรุงเทพก็เพราะเขา ถ้าไม่มีเขา เธอก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในเมืองอันแสนวุ่นวายนี้ไปทำไม
“เสาร์นี้พี่เก่งว่างไหมไปเที่ยวกัน”
“เสาร์เหรอ พี่ไม่ว่างเป็นวันอาทิตย์ได้ไหม”
“พี่เก่งทำอะไรเหรอ กี๋ชวนพี่เก่งไปไหนวันเสาร์พี่เก่งไม่เคยว่างสักที” จิ๊กกี๋ถามขึ้นด้วยความสงสัย พี่ชายของเธอไม่เคยว่างวันเสาร์ยกเว้นอาทิตย์ไหนที่เขาชวนเธอกลับบ้านที่สระบุรี
“พี่ก็ต้องมีธุระบ้างซิ ว่าแต่จะไปเที่ยวไหน”
“กี๋อยากชวนพี่เก่งไปเที่ยวค้างคืนที่ทะเล แต่ไม่เป็นไร ไว้พี่เก่งว่างแล้วค่อยไปกัน”
“เสาร์หน้าพี่จะกลับบ้าน จะกลับกับพี่หรือเปล่า”
“กลับซิ พี่เก่งไปไหนกี๋ไปด้วยอยู่แล้ว”
เก่งแอบถอนหายใจเบาๆ เขาได้รับหน้าที่ดูแลน้องสาวคนนี้ตั้งแต่แม่ของจิ๊กกี๋ย้ายกลับมาอยู่บ้าน หลังจากที่พ่อของเด็กสาวตาย และดูเหมือนหน้าที่นี้จะหนักหน่วงขึ้นเมื่ออาหม้ายแต่งงานใหม่
ปู่ ย่าและพ่อทั้งรักและตามใจจิ๊กกี๋จนเขาไม่สามารถขัดใจอะไรน้องสาวคนนี้ได้เลย โดยเฉพาะพ่อของเขาที่เอียงซ้ายจัด รักหลานสาวเสียจนไม่สนใจว่าลูกชายโตเป็นหนุ่ม ต้องการอิสรภาพและเวลาส่วนตัว
********
เก่งรับหน้าที่ทำกับข้าว ขณะที่จิ๊กกี๋คอยเป็นลูกมือช่วย เมื่อทั้งสองกินข้าว และช่วยกันล้างจานเสร็จ จึงเดินมานั่งดูทีวีด้วยกันที่โซฟายาว
“เรานี่ชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อย” เก่งเอากำปั้นมาทุบลงบนหน้าผากน้องสาวเบาๆ เมื่อจิ๊กกี๋ล้มตัวลงนอนบนตักของเขา
จิ๊กกี๋ส่งยิ้มให้พี่ชาย พร้อมกับนอนมองหน้าเขาอย่างมีความสุข
“กี๋ กี๋” เก่งจับแขนน้องสาวเขย่าเบาๆปลุกให้ตื่น
จิ๊กกี๋ลืมตาขึ้นมองพี่ชาย
“พี่จะกลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นเช้ามารับเราด้วย ลุกเร็วเข้า”
จิ๊กกี๋หันไปดูนาฬิกา “แค่สองทุ่มเอง พี่เก่งจะรีบไปไหน”
“กี๋ง่วงแล้วไม่ใช่หรือ เห็นหลับ ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้นอน”
“อือ” จิ๊กกี๋บิดขี้เกียจบนตักของพี่ชายก่อนจะบ่นขึ้น “กำลังสบาย พี่เก่งไม่น่าปลุกเลย”
“กี๋สบาย แต่พี่ไม่สบายด้วย ไปรีบลุกได้แล้ว พี่จะกลับบ้าน”
“พี่เก่งอ่ะ ลุกก็ได้”
“พรุ่งนี้จะให้พี่มารับกี่โมง”
“สัก 7 โมงครึ่งก็ได้ พี่เก่งไปทำงานทันหรือเปล่า”
“เป็น 7 โมงรักกัน เดี๋ยวพี่จะไปทำงานไม่ทัน”
“ก็ได้ค่ะ” จิ๊กกี๋เดินไปส่งพี่ชายถึงหน้าประตู ใช้มือทั้งสองล็อกคอเก่งไว้ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วหอมแก้มเขาเหมือนทุกครั้ง “กู๊ดไนท์ค่ะ”
เก่งยิ้ม ยกมือขึ้นขยี้หัวน้องสาว “ล็อกประตู แล้วไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”
เสียงออดดังขึ้น ขณะที่จิ๊กกี๋กำลังหมุนตัวอยู่หน้ากระจกอย่างมีความสุข ถ้าเป็นไปได้เธออยากให้พี่ชายคอยมารับส่งเธอทุกวัน แต่ลุงกลับเลือกซื้อคอนโดให้เธอไกลจากคอนโดของพี่เก่งทำให้พี่เก่งไม่ยอมมารับส่งเธอแถมยังไม่อนุญาตให้เธอไปหาเขาที่คอนโดด้วย หญิงสาวทำได้แค่โทรคุยกับเขาทุกคืน และรอให้เขามาอยู่กับเธอทุกวันอาทิตย์
“วันนี้คุณตาออกจากบ้านแต่เช้าเลยนะคะ” สุภายิ้มให้เก่งและชนิตาพร้อมกับเอ่ยปากทักเพื่อนบ้านรุ่นน้อง หญิงสาวสนิทสนมกับเพื่อนบ้านทั้งคู่เป็นอย่างดีเนื่องจากทั้งสองมักมีน้ำใจเอาของฝากมาให้เสมอเมื่อกลับจากสระบุรี และมักมีอาหารมาแบ่งปันให้ที่ห้องเธอเกือบทุกวันอาทิตย์ที่พี่ชายมาขลุกอยู่กับน้องสาว
“ค่ะพี่ภา พอดีรถของตาถูกชน ก็เลยให้พี่เก่งมารับ พี่ภาออกจากบ้านเช้าอย่างนี้ทุกวันเลยหรือ”
“ที่ทำงานพี่ไกล ก็เลยต้องรีบออกหน่อย ไปค่ะลิฟมาแล้ว” เดินนำสองพี่น้องเข้าลิฟ ก่อนจะชวนชนิตาคุยต่อ “พี่ชายน้องตาน่ารักจังนะคะ พอรู้ว่าน้องไม่มีรถก็คอยมารับมาส่งให้ทุกครั้ง” สุภาเอ่ยปากชมเก่งด้วยความจริงใจ รู้สึกชื่นชมชายหนุ่มที่ดูแลเอาใจใส่น้องสาวเสมอต้นเสมอปลาย
“ค่ะ พี่เก่งของตาเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก” ชนิตาเอาหัวซบลงบนไหล่ของเก่ง ขณะที่แขนทั้งสองยังเกาะอยู่ที่แขนของเขาไม่ปล่อยตั้งแต่เดินออกจากห้อง
เก่งยิ้มเขินกับเพื่อนบ้านของน้องสาว ที่ยืนส่งยิ้มมาให้ เพื่อนบ้านคงจะชินกับการกระทำที่น้องสาวใช้กับเขาเหมือนกับที่เขาชิน แต่สิ่งที่เขาไม่ชินคือสายตาคนอื่นที่มองมา
“เย็นนี้พี่มารับเวลาเดิมนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” จิ๊กกี๋เขยิบเข้าไปหอมแก้มเก่ง
“เฮ้ย เดี๋ยวแก้มพี่เลอะลิปติก ครั้งที่แล้วโดนเพื่อนล้อไปทั้งวัน” เก่งเงยหน้าขึ้นส่องกระจก
“ดี ที่ทำงานพี่เก่งจะได้รู้ว่าพี่เก่งมีเจ้าของแล้ว เจอกันเย็นนี้” จิ๊กกี๋เดินยิ้มลงจากรถอย่างมีความสุข
เก่งส่ายหัวระอากับพฤติกรรมของน้องสาว
********
“วันนี้กี๋ซื้อข้าวไปกินเองที่คอนโดนะ พี่มีธุระต้องไปทำต่อ” เก่งเอ่ยปากขึ้นขณะเลี้ยวรถเข้าซอยคอนโดของน้องสาว
“อ้าวแล้วพี่เก่งไม่อยู่กินข้าวกับกี๋เหรอ”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่จอดแวะให้กี๋ลงไปซื้อ อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่แวะให้ หรือจะสั่งจากร้านใต้ตึก”
“ร้านหน้าปากทางเข้าคอนโดก็ได้ พี่เก่งจะไปไหนหรือ กี๋ไปด้วยได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้ พี่ไปธุระ”
จิ๊กกี๋เขยิบไปนั่งใกล้ๆเก่งและซบหัวลงบนไหล่เขาเหมือนทุกครั้ง พร้อมกับถามเสียงเศร้า “ทำไมพี่เก่งธุระเยอะจัง ดีนะที่กี๋ไม่เรียนเหมือนพี่เก่ง แล้วพี่เก่งต้องย้ายไปอยู่บ้านเมื่อไหร่”
“ต้นเดือนกุมภา”
“อีกแค่ 4 เดือนเองเหรอ กี๋กลับไปช่วยลุงทำสวนดีกว่า”
“อะไรกันเรา อุตส่าห์เรียนมาซะสูง จะกลับไปทำสวนซะแล้ว” เก่งหันมายิ้มล้อ มองหน้าน้องสาวที่เอาหัวซบอยู่บนไหล่ของเขา
จิ๊กกี๋นิ่งคิด เมื่อคืนเธอยังคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไงดี แต่ใจของเธออยากตามพี่ชายกลับไปอยู่สระบุรีมากกว่า
“พี่จะคอยแวะมาเยี่ยม”
เก่งวนเวียนคิดถึงอิสรภาพอันหอมหวาน การเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยและทำงานในกรุงเทพทำให้ชายหนุ่มได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นวัยรุ่นทั่วๆไป ดื่ม เที่ยว จีบผู้หญิงเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยได้ทำขณะเรียนอยู่ที่สระบุรี จิ๊กกี๋เกาะติดเขาเหมือนลูกเจี๊ยบเดินตามแม่ไก่ เขาจึงต้องละเว้นกิจกรรมและสถานที่ต้องห้ามสำหรับเด็ก และถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะไม่ขี้เหล่ แต่เขาก็ไม่เคยได้มีโอกาสคบผู้หญิงคนไหนเป็นแฟนเลย เนื่องจากไม่มีผู้หญิงคนไหนทนรับกับการกลั่นแกล้งของน้องสาวเขาได้
“ขนาดอยู่กรุงเทพด้วยกัน พี่เก่งยังไม่มาหากี๋ทุกอาทิตย์” จิ๊กกี๋บ่นขึ้นด้วยความน้อยใจ
“เอาน่า แล้วพี่จะพยายามมาให้ได้ทุกอาทิตย์ เอ้าลงไปซื้อได้แล้ว” เก่งจอดรถให้น้องสาวหน้าร้าน
เก่งอมยิ้ม มองน้องสาวเดินหน้าบูดเดินลงไปซื้อข้าว เขาไม่ได้ตั้งใจย้ายหนีน้องสาว ที่เขาทำเรื่องขอย้ายก็เพราะอยากไปช่วยพ่อดูแลสวน แต่ผลพลอยได้มันก็คุ้มค่า อีกหน่อยเขาคงไม่สามารถดูแลจิ๊กกี๋ได้เหมือนเดิม และมันถึงเวลาแล้วที่น้องสาวต้องปรับตัว
“อ้าว เขาเอารถมาส่งให้แล้วนี่ งั้นพรุ่งนี้พี่ไม่มารับแล้วนะ”
“ว้า มารับอีกวันไม่ได้เหรอ” จิ๊กกี๋นั่งมองรถของตัวเองที่มาจอดอยู่ที่จอดรถอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก เธอโตพอที่จะไม่ทำเรื่องให้พี่ชายต้องเดือดร้อนและลำบาก ถึงแม้หญิงสาวจะอยากให้พี่ชายมาคอยดูแลเอาใจใส่เธอ แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะสร้างเรื่องโกหก ดังนั้นโอกาสที่รถจะเสีย เข้าอู่มันไม่ได้มีบ่อยนัก ยิ่งเรื่องโดนชน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทำไมอู่ตำรวจถึงได้ทำงานเร็วนักนะ จิ๊กกี๋นึกบ่นในใจ
“พี่ขี้เกียจตื่น ลงไปได้แล้ว แล้ววันอาทิตย์พี่มาหา”
“คืนนี้กี๋โทรหาพี่เก่งนะ บ๊าย บาย” จิ๊กกี๋เข้าไปหอมแก้มพี่ชาย ก่อนจะหยิบถุงข้าวกับกระเป๋าสะพายลงจากรถ
หญิงสาวยืนโบกมือส่งพี่ชาย ก่อนจะเดินไปดูท้ายรถและไขกุญแจเข้าไปตรวจดูในตัวรถ เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินขึ้นห้อง
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกดรับสายทันทีที่มือถือดังขึ้น
“เห็นรถแล้วใช่ไหม จิ๊กกี๋”
“ค่ะ คุณเรียกฉันว่าชนิตาก็ได้ ชื่อเล่นของฉันใช้เฉพาะในหมู่ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้น”
“งั้นพี่ก็เรียกได้ซินะ เพราะพี่ก็เป็นญาติกับจิ๊กกี๋”
ชนิตานิ่งเงียบ เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น คิดทบทวนหลายตลบแล้วก็มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักชายหนุ่มหน้าตาเหมือนตำรวจโฉดคนนี้แน่ เธอเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรกเมื่อสองวันที่แล้ว
“คุณเป็นญาติฝ่ายไหนกับฉันไม่ทราบ”
“ฝ่ายพ่อคุณไง” สดายุอมยิ้ม สาวสวยคงจะไม่รู้จักเขา และไม่คิดอยากจะรู้จักด้วย เพราะเขาเป็นลูกชายของพ่อเลี้ยงเธอ แม่เลี้ยงไม่เคยพาลูกสาวมาที่บ้าน เขาได้พบเธอครั้งแรกในวันที่พ่อไปสู่ขอและรับแม่เลี้ยงมาอยู่ด้วย ดวงตาคมหวานที่จับจ้องอยู่ที่หน้าพ่อเขาอย่างไร้เดียงสาทำให้เขาเทใจไปให้กับเด็กน้อยตั้งแต่วันนั้น
สดายุเฝ้าติดตามข่าวคราวของน้องสาวคนสวยมาตลอดระยะเวลาสิบสี่ปี ทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือพักร้อน เขาจะแวะไปอยู่บ้านเพื่อนสนิทที่มีสวนอยู่ติดกับสวนของบ้านจิ๊กกี๋ เพื่อเฝ้ามองเธอเติบโตเป็นสาวและสวยขึ้นทุกปี
จริงๆแล้วหน่วยงานของเขายังมีอีกหลายวิธีที่จะเอาข้อมูลลับจากนายศักดิ์ชัย แต่เขาเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ให้กับหัวหน้าทันทีที่เขาได้เห็นรูปและประวัติเลขาคนใหม่ของนายศักดิ์ชัย
“ขอโทษ พ่อของฉันไม่มีญาติที่ไหน แค่นี้ใช่ไหม ฉันจะวางสายแล้ว”
“เดี๋ยว พี่จะไปรับจิ๊กกี๋ไปกินข้าวเย็นข้างนอกด้วยกัน”
“อีกต้องนานกว่าฉันจะไปเริ่มงานกับคุณศักดิ์ชัย คุณยังไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันตอนนี้ได้ไหม ไว้ถึงเวลาต้องทำงานแล้วคุณค่อยโทรมาบอกว่าจะให้ฉันทำอะไรบ้าง แค่นี้นะ” ชนิตากดวางสายด้วยความรำคาญ
จิ๊กกี๋เทข้าวใส่จานยกมานั่งกินหน้าทีวีเหมือนทุกวัน ชีวิตโดดเดี่ยวในกรุงเทพ มีดีอย่างเดียวคืออยู่เมืองเดียวกับพี่เก่ง นอกนั้นหญิงสาวแทบจะหาข้อดีไม่พบ
“ว่าไงจ๊ะ ยายแมว วันนี้ทำไมลุกขึ้นมาโทรหาฉันได้” จิ๊กกี๋วางช้อนเอื้อมมือไปหยิบมือถือมากดรับทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา
“ฉันน่าจะถามเธอมากกว่า ไม่คิดจะโทรหาเพื่อนบ้างเลยหรือไง ถ้าเพื่อนไม่โทรมาเคยคิดจะโทรหาเพื่อนบ้างไหมยายตา” แมวเพื่อนสนิทของชนิตาบ่นขึ้น
“ก็ฉันรู้ว่า ถ้าเธอคิดถึงฉัน เธอก็โทรมาหาฉันเอง แล้วฉันจะโทรให้เสียเงินทำไม”
“ยายงก”
“แถวบ้านฉันเขาเรียกประหยัด ว่าแต่โทรมามีอะไรหรือเปล่า”
“เพื่อนๆจะนัดเจอกันวันอาทิตย์นี้ ก็เลยให้ฉันโทรมาชวนเธอ”
“เป็นวันเสาร์ได้ไหม วันอาทิตย์ฉันไม่ว่าง”
“ไม่เจอกับพี่เก่งแค่อาทิตย์เดียวไม่ถึงตายหรอก คนอื่นเขาไม่ว่างวันเสาร์กัน” แมวรับรู้ว่าวันอาทิตย์เป็นวันของครอบครัวที่เพื่อนรักให้ความสำคัญมากกว่าวันใดๆ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและอยู่หอด้วยกันมาสี่ปี ไม่มีวันอาทิตย์ไหนที่เพื่อนจะยอมยกเลิกนัดกับพี่ชายเพื่อไปไหนกับเพื่อนๆ ยกเว้นอาทิตย์ไหนที่พี่ชายไม่ว่าง
“ฮึ งั้นฝากบอกเพื่อนๆด้วยนะว่าฉันไม่ว่าง”
“งั้นเธอก็ชวนพี่เก่งไปด้วยก็ได้นี่”
“ไม่เอาหรอก พวกเธอไปกันเถอะ ไว้คราวหน้านะ”
“ทำไม กลัวเพื่อนๆจะจีบพี่ชายเธอหรือไง ทุกคนเขารู้หรอกว่าเธอหวงพี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีใครกล้าแหยม ว่าแต่หวงอย่างนี้ระวังนะพี่เก่งจะหาแฟนไม่ได้” แมวเตือนขึ้น ใช่ว่าพี่เก่งของเพื่อนรักจะหน้าตาหล่อเหลาเสียมากมาย ดีที่เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ หุ่นดี หน้าตาหรือก็พอจะพาไปวัดได้ในตอนสายๆ จะว่าไปพ่อของพี่เก่งยังดูหล่อกว่าลูกชายซะอีก
“ดีออก พี่เก่งจะได้อยู่กับฉันตลอดไป”
“จะบ้าเหรอ พี่เขาแก่แล้วนะตา จะให้พี่เขาคอยมาดูแลเธอ ไม่ต้องแต่งงานแต่งการเลยหรือไง” แมวรีบท้วงขึ้น พี่ชายเพื่อนอายุพอๆกับแฟนของเธอ ซึ่งนั่นหมายถึงใกล้จะมีเลขสามนำหน้าในอีกไม่ช้า
“ถ้าพี่เก่งอยากแต่งงาน ฉันจะแต่งกับพี่เก่งเอง”
“เอาเข้าไปนั่น ท่าจะเป็นเอามากเพื่อนเรา ตกลงไม่ไปใช่ไหม”
“ไม่ดีกว่า วันเสาร์ถ้าเธอว่างก็มาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยซิ”
“ได้ แล้วจะไป งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปนัดเพื่อนๆคนอื่นก่อนนะ แล้ววันเสาร์จะไปหาที่คอนโด”
ความคิดเห็น