คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ตึ้ง!!
“โอ๊ย สายแน่ฉัน ซวยจริง” ชนิตาบ่นขึ้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับมองกระจกหลังรถ
รถคู่ชีพซึ่งนอนตัวอยู่หลังเส้นสัญญานจราจรถูกจูบท้ายเข้าอย่างจัง ทำให้ทั้งคนและรถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวหมุนข้อมือดูเวลาบนหน้าปัด ก่อนจะตัดสินใจดับเครื่อง เดินลงไปสำรวจบั้นท้ายของลูกรักที่เธอมั่นใจว่าคงจะสาหัสพอควร โชคดีที่เธอเข้าป้ายเป็นคันแรก ไม่งั้นคงจะมีขบวนรถไฟให้รถที่ขนาบอยู่สองข้างได้ดูเล่นแก้เหงาในช่วงวิกฤตจราจรยามเช้า
“คุณมีประกันหรือเปล่า” ชนิตาก้มลงสำรวจกันชนท้ายรถที่บุบจนถึงกระโปรงหลัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีที่มายืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ใกล้ๆ
“ไม่มีครับ”
“เฮ้อ....เดี๋ยวรอฉันเรียกประกันก่อน รถก็ไม่เก่ามาก ทำไมไม่ทำประกันล่ะคุณ” ชนิตาถอนหายใจยาวมองหน้าลุงคู่กรณีที่ยืนยิ้มแหยๆส่งมาให้เธอ ก่อนจะเดินกลับไปที่หน้ารถเพื่อหยิบมือถือบนคอนโซล
“คุณครับ ช่วยย้ายรถไปจอดในสถานีตำรวจได้ไหมครับ ตรงนี้มันกีดขวางทางจราจร” ตำรวจจราจรเดินเข้ามาตะเบะทักทายหญิงสาวพร้อมกับออกปากไล่
“ได้ค่ะ ได้ สักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันขอโทรหาประกันก่อน พอดีรถที่ชนฉันเขาไม่มีประกัน” ชนิตาหันไปบอกกับตำรวจจราจรผู้เคร่งครัด รู้อยู่หรอกว่ารถติด แล้วจะให้ฉันทำไง ประกันก็ไม่รู้จักทำ อีตาลุงนี่ไปอยู่โลกไหนมา ชนิตานึกค่อนขอดคนขับรถกระบะในใจ ถ้าไม่เห็นว่าหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม จะอาละวาดให้สักยก ขับยังไง รถก็ออกจะเยอะ ดันเหยียบมาเหมือนไม่มีเบรกซะงั้น
ตำรวจจราจรหันไปสบตากับคู่กรณีของหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้น “ผมว่าคุณสองคนขับไปจอดในสถานีตำรวจก่อน แล้วค่อยโทรตามประกันมาตกลงกันจะดีกว่านะครับ”
“ได้ค่ะ” ชนิตารับคำตำรวจ รีบเดินไปที่ท้ายรถมองทะเบียนรถของคู่กรณี ก่อนจะหันไปขอหลักประกัน “คุณมีใบขับขี่หรือเปล่า ฉันขอเก็บไว้ก่อน เผื่อคุณขับหนี”
“นี่ครับ” ชายวัยห้าสิบกว่า ร่างท้วมหยิบใบขับขี่ออกจากกระเป๋าธนบัตรส่งให้สาวสวยอ่อนวัยตรงหน้า
“เป็นตำรวจด้วยหรือคะ” ชนิตาเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีอีกครั้ง เมื่อเห็นคำหน้าหน้าในใบขับขี่
“คุณครับ ช่วยเลื่อนรถและไปคุยกันในสถานีตำรวจได้ไหมครับ รถติดยาวหลายร้อยเมตรแล้วคุณ” ตำรวจจราจรคนเดิมเดินเข้ามาเร่ง
“ค่ะ ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ชนิตารีบวิ่งขึ้นรถโดยมีตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกในการขับขวางเลน เพื่อให้หญิงสาวนำรถเข้าไปจอดในสถานีตำรวจที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าทางซ้ายไม่ถึงสามร้อยเมตร
“ประกันกำลังมาค่ะ” ชนิตาลงจากรถ เดินไปหาคู่กรณี ที่จอดรถอยู่ข้างๆรถเธอ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ เดี๋ยวคุณรอคุยกับประกันของฉันสักครู่ ฉันขอตัวโทรเข้าบริษัทก่อน” ชนิตาส่งยิ้มแหยๆกัดฟันบอกกับจ่านอกเครื่องแบบที่กำลังยืนทำหน้าสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะยกมือถือขึ้นโทรหาเพื่อนที่กำลังมาฝึกงานแทนที่ตำแหน่งของเธอ
หญิงสาวทำเรื่องลาออกจากบริษัทแล้วเนื่องจากได้งานใหม่ แต่เธอยังต้องอยู่ช่วยสอนงานเพื่อนต่ออีกครึ่งเดือนตามกฏของบริษัท
“ขึ้นไปนั่งรอบนโรงพักก่อนไหมครับ กว่าประกันจะมาคงอีกนาน” จ่าสุภาพ คู่กรณีเดินเข้ามาพูดกับหญิงสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณทำงานอยู่โรงพักนี้หรือ” ชนิตามองหน้าจ่านอกเครื่องแบบอีกครั้ง พร้อมกับนึกสงสัยในใจ ขับรถไม่ทำประกันไม่ผิดกฏหมายหรือ อือ คงไม่มั้ง เป็นตำรวจคงไม่ทำเรื่องผิดกฏหมาย
“เปล่าครับ ผมอยู่ส่วนกลาง”
ชนิตาส่งยิ้มกลับไปให้พร้อมกับพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู “สงสัยคงต้องโทรตามอีกครั้ง ไม่รู้ถึงไหนแล้ว” ชนิตาพูดเปรยๆกับคู่กรณี ก่อนจะโทรตามประกันอีกครั้ง
“ไม่ทราบว่าถึงไหนแล้วคะ”
“อีกสิบนาทีครับ”
ไม่ถึงสามนาทีดี บุคคลที่ชนิตาเฝ้ารออยู่ ก็ขับมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่ท้ายรถของเธอ ชนิตาจึงรีบเดินเข้าไปทัก
“สวัสดีค่ะ พอดีรถดิฉันถูกชนท้าย แต่คู่กรณีไม่มีประกัน” ชนิตารีบบอกกับพนักงานประกัน
“ครับ” พนักงานประกันจำเป็น แกล้งก้มลงดูท้ายรถของหญิงสาว หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้กับจ่าสุภาพ แล้วเดินไปที่หน้ารถกระบะโดยมีจ่าสุภาพเดินตามไปด้วย
“ผู้กองสดายุมาถึงหรือยังจ่า ทำไมไม่พาคุณชนิตาขึ้นไปนั่งรอในห้องตามที่ผู้กองสั่งล่ะ” หมวดธนาธรผู้ร่วมงานของจ่าสุภาพต่อว่า พร้อมกับหันไปมองสาวสวยที่กำลังยืนขมวดคิ้วมองเขากับจ่าสุภาพคุยกัน
“โธ่หมวด ผมชวนแล้วแต่คุณชนิตาบอกว่าไม่เป็นไร จะให้ผมบังคับเธอได้อย่างไรล่ะ”
“แล้วทำไมต้องชนจนบุบขนาดนั้นด้วยล่ะจ่า ผู้กองบอกให้ชนเบาๆแค่เป็นรอยถลอกก็พอไม่ใช่หรือ ค่าซ่อมหลายพันเลยนะนั่น”
“ผมดูหน้าแล้ว ท่าทางชนเบาๆคุณชนิตาเขาจะไม่เอาเรื่อง ขนาดผมชนแรงขนาดนี้ลงจากรถมายังไม่ว่าอะไรผมสักคำเลย หมวดจะเอาอย่างไรก็รีบๆคิด เธอมองเราอยู่” จ่าสุภาพหันไปยิ้มแหยๆให้กับสาวสวย หน้าตาใจดีที่กำลังยืนมองเขากับหมวดธนาธรเจรจากันอยู่
“ตกลงจ่าหรือผมเป็นหัวหน้ากันแน่” หมวดธนาธรส่ายหัวระอาลูกน้องสูงวัย ก่อนจะเดินนำจ่าสุภาพมาหาสาวสวยหน้าหวาน
“พอดีจ่าสุภาพ เขาไม่มีประกัน แล้วก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหาย เราคงต้องแจ้งความครับ” พนักงานประกันกำมะลอบอกกับหญิงสาว
ชนิตาหันไปมองหน้าจ่าสุภาพด้วยความสงสารแต่จะให้เธอจ่ายค่าซ่อมเองคงไม่ไหวแน่ ถึงเดือนหน้าเธอจะได้รับเงินเดือนเป็นสองเท่าจากเดิม แต่มันก็เป็นเดือนหน้า เงินยังมาไม่ถึง เดือนนี้เธอยังต้องเก็บเงินไว้ซื้อของฝากตา ยาย และลุง หญิงสาวจึงหันกลับมาคุยกับพนักงานประกันอีกครั้ง “ได้ค่ะ แล้วเสียเวลามากหรือเปล่า ฉันต้องรีบไปทำงาน คุณช่วยจัดการทุกอย่างให้ได้ไหม ฉันทำประกันชั้นหนึ่งอยู่แล้ว น่าจะเคลมได้ทุกอย่าง”
“ครับ แต่ต้องรบกวนคุณขึ้นไปบนโรงพักกับผมสักครู่” หมวดธนาธรพูดพร้อมกับผายมือเชิญหญิงสาว
หน่วยงานที่เขาสังกัดต้องการความช่วยเหลือจากสาวสวย เพื่อปูทางเข้าไปหาหลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวเอเยนต์ยาเสพติดรายหนึ่งที่รอดพ้นจากมือกฏหมายมากว่าสิบปี หัวหน้าหน่วยของเขาเพียรพยายามส่งสายลับเข้าไปสมัครเป็นเลขาของนายศักดิ์ชัยอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่สาวสวยที่ถูกส่งเข้าไปจะผ่านการสัมภาษณ์ ทั้งๆที่นายศักดิ์ชัยขยันเปลี่ยนเลขาเกือบทุกปี ส่วนพนักงานในตำแหน่งอื่นก็เป็นพนักงานเก่าแก่ที่อยู่กันมาไม่ต่ำกว่าสามปีและไม่มีใครทำท่าจะออก
“ได้ค่ะ” ชนิตารับคำก่อนจะหันไปยิ้มปลอบใจคู่กรณี
“เดี๋ยวเชิญคุณเข้าไปนั่งรอด้านในสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจัดการตกลงกับจ่าสุภาพก่อนแล้วจะเอาเอกสารมาให้คุณเซ็น” พนักงานประกันกำมะลอบอกกับชนิตา
“ค่ะ” ชนิตารับคำอย่างงงๆ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมจะต้องให้เธอมานั่งรอในห้อง ในเมื่อด้านนอกก็มีเก้าอี้ให้นั่งรออยู่มากมาย แต่ก็ยอมเดินเข้าไป
********
ชนิตามองนายตำรวจหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา หุ่นล่ำเหมือนนายแบบ เดินยิ้มเข้ามาด้วยเครื่องแบบเต็มยศ พร้อมกับตะเบะทักทาย
“สวัสดีค่ะ” ชนิตาลุกขึ้นยืนยกมือไหว้กลับพร้อมกับกล่าวคำทักทาย
“เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
สดายุมองดวงตาสวยหวานที่กำลังจ้องมองเขา ก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้
อะไรล่ะนี่ อยู่ๆก็เดินเข้ามานั่งทำหน้าหล่อ ไม่พูดไม่จา แล้วอีตาประกัน หายหัวไปไหนนี่ รู้อย่างนี้บอกให้ปลอมลายเซ็นไปเลยดีกว่า ช้าชะมัด ชนิตานึกบ่นในใจ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ คุณตำรวจทราบใช่ไหมคะว่าฉันมานั่งรอประกันคุยเรื่องรถถูกชน ไม่ทราบว่าอีกนานไหม ฉันต้องไปทำงานต่อ” ชนิตาตัดสินใจถามขึ้นกับตำรวจหนุ่มหล่อ
“ผมทราบมาว่าคุณชนิตากำลังจะไปทำงานที่บริษัทของคุณศักดิ์ชัยในต้นเดือนหน้าใช่ไหมครับ”
ชนิตามองหน้าตำรวจหนุ่มด้วยความแปลกใจก่อนจะตอบออกไป “ใช่ค่ะ”
“ผมร้อยตำรวจเอกสดายุ อยู่กองสืบสวนสอบสวนพิเศษ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชนิตายิ้มและตอบรับแบบงงๆก่อนจะถามขึ้น “ว่าแต่ ตกลงว่าพนักงานประกันเขาแจ้งความเสร็จเรียบร้อยหรือยังคะ ฉันจะได้ไปสักที”
“เรื่องรถไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่ผมมีเรื่องสำคัญจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“ค่ะ ฉันไม่เอาเรื่องจ่าสุภาพหรอก ฉันว่าท่าทางจ่าเขาก็เป็นคนดีมีความรับผิดชอบ แต่ที่ฉันต้องแจ้งความเพราะต้องทำตามที่พนักงานประกันบอก ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องจ่ายค่าซ่อมเอง” ชนิตามองหน้าตำรวจหนุ่มก่อนจะเหลือบตาไปมองดาวบนบ่า โอ้โฮแฮะ นอกจากจะหล่อแล้วยังเป็นหัวหน้าที่ดีอีกต่างหาก
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ เรื่องของราชการและเป็นความลับสุดยอด”
สดายุเห็นสาวสวยนั่งขมวดคิ้ว มองหน้าเขาจึงพูดต่อ “ทางราชการอยากให้คุณเป็นสายลับให้กับเรา”
“สายลับ” ชนิตาทวนคำเสียงสูง
“ครับ ทางเราสืบมาได้ว่าคุณศักดิ์ชัยแอบทำธุรกิจที่ผิดกฏหมาย โดยเปิดบริษัทบังหน้า”
“เฮ้ย” ชนิตาสะดุ้งพร้อมกับหลุดเสียงอุทานออกมา
“เราทราบมาว่าคุณเพิ่งจะรับงานเป็นเลขาส่วนตัวของคุณศักดิ์ชัยก็เลยอยากขอความช่วยเหลือจากคุณให้ช่วยสืบหาข้อมูลให้ระหว่างที่ไปทำงานกับพวกมัน” สดายุยิ้มและบอกกับชนิตา
ชนิตานิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “คือ ฉันว่าฉันคงโทรไปยกเลิก ไม่ทำงานกับเขาแล้ว จะให้ดีคุณให้ตำรวจนอกเครื่องแบบไปสมัครตำแหน่งของฉันจะดีกว่า”
สดายุยิ้ม “ผมส่งไปหลายคนแล้ว แต่ไม่มีสักคนที่ผ่านการสัมภาษณ์จากคุณศักดิ์ชัย งานที่จะให้คุณทำไม่ได้ยากอะไร ไม่ต้องมีการต่อสู้ แค่คุณคอยเป็นหูเป็นตาจับผิด และตรวจตราเอกสารต่างๆแล้วคอยโทรมาแจ้งให้ผมทราบ ผมจะเป็นคนไปตรวจสอบเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าฉันคงไม่ถนัด และก็ไม่คิดที่จะทำด้วย” ชนิตายกมือทั้งสองขึ้นโบกปฏิเสธพร้อมกับทำหน้าแหยใส่ตำรวจ
“ถือว่าช่วยชาตินะครับ คุณชนิตา”
“ฉันว่าฉันมีวิธีที่จะช่วยชาติได้หลายทาง คุณไปหาคนอื่นเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรไปลาออกให้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องรีบไปทำงาน” ชนิตารีบลุกเดินไปที่ประตู
สดายุรีบวิ่งมายืนขวางประตูไว้ “คุณชนิตาครับ เชิญนั่งก่อน”
“ฉันไม่รับงานนี้จริงๆ ขอโทษนะคะ” ชนิตายืนยันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ถ้าคุณไม่ช่วยเรา เราก็ไม่รู้จะไปหาใครมาช่วยแล้ว” สดายุหาข้ออ้าง
“ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวฉันโทรไปลาออกให้ แล้วคุณก็ส่งคนของคุณไปสมัคร ฉันว่าส่งไปเยอะๆคงจะได้สักคน คุณช่วยหลีกทางให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันรีบ” ชนิตารีบพูดปัด
“ไม่ได้ คุณรู้เรื่องของเราแล้ว คุณต้องช่วยเรา ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ยอมปล่อยคุณกลับออกไป” สดายุบอกกับสาวสวยเสียเข้ม
“นี่คุณจะบ้าหรือเปล่า ฉันเป็นประชาชนธรรมดาๆคนหนึ่ง คุณไม่มีสิทธิมาบังคับ หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังฉันไว้ ฉันจะโทรไปลาออกให้ ถ้าคุณไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันโทรให้ตอนนี้เลยก็ได้” ชนิตารีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋า
สดายุรีบเข้าไปคว้าและแย่งมือถือไปจากมือของหญิงสาว “คุณไม่มีสิทธิปฏิเสธ เพราะผมเป็นคนเลือกคุณ คุณต้องรับคำสั่งผมและทำตาม”
“นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ตกลงคุณเป็นตำรวจหรือมาเฟียกันแน่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ทำ” ชนิตาโวยวายอย่างเหลืออด
“ถ้าคุณไม่ทำ ผมก็ไม่ให้คุณไปไหน คุณต้องอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะรับปากรับงานที่ผมมอบหมายให้”
“ฉันจะแจ้งความ”
สดายุหัวเราะ “ว่ามา ผมกำลังฟังอยู่”
“นี่คุณ”
สดายุยืนอมยิ้ม มองสาวสวยชี้นิ้วที่สั่นเทามาที่หน้าของเขา “ผมไม่ได้ให้คุณทำฟรีๆหรอก รับรองผมมีค่าจ้างให้”
“ฉันไม่ได้อยากได้ค่าจ้างอะไรของคุณ ฉันอยากทำงานตามปกติของฉัน” ชนิตาพูดความจริงเธอไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ที่สำคัญเรื่องแบบนี้ มันเป็นการหาเหาใส่หัวชัดๆ
“ตอนนี้คงจะไม่ได้ เพราะคุณถูกผมเลือกให้รับงานนี้” สดายุยิ้มมองใบหน้ารูปไข่สวยใส ดวงตาหวานคม ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับได้รูปของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันจะฟ้องนายคุณ ว่าคุณบังคับขืนใจให้ประชาชนทำงานโดยไม่เต็มใจ”
“ขืนใจเลยเหรอ” สดายุยิ้มทะเล้น มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความพึงใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างช้าๆ
“นี่คุณคิดจะทำอะไร นี่มันบนโรงพักนะ ดีล่ะ เราจะได้เห็นดีกัน” ชนิตารีบถอยหลังหนี มองหน้าตำรวจหนุ่มกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะร้องตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“เฮ้ย!” สดายุรีบเข้ามาคว้าตัวและปิดปากของชนิตาไว้
หญิงสาวดิ้นสุดแรง อ้าปากกัดมือที่กำลังปิดปากของเธออยู่ ก่อนจะร้องตะโกนต่อ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วย โอ๊ย”
สดายุใช้เวลากอดปล้ำสาวสวยอยู่เกือบห้านาที กว่าหญิงสาวจะหมดฤกธ์ก็ทำเอาแขนกับมือของเขาเป็นรอยฟันไปหลายจุด
ชนิตานั่งหอบ ตอนนี้สภาพของเธอเหมือนโจรที่โดนตำรวจจับไม่มีผิด มือสองข้างถูกกุญแจมือคล้องไพล่หลังอยู่ ขณะที่ปากถูกมัดด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ ที่สำคัญไอ้ทรชนในคราบตำรวจกำลังใช้ขาข้างหนึ่งกดทับน่องทั้งสองของเธอไว้ พร้อมกับใช้ตัวคล่อมอยู่บนร่างอันแสนบอบบางของเธอ
สดายุอมยิ้ม มองสาวสวยที่กำลังพยายามเอนตัวไปด้านหลังเบาะ นี่เธอจะรู้ไหมว่าถ้าเขาไม่ได้ใช้มือกดไว้ที่ที่ท้าวแขนและไม่ได้ใช้ขากดไว้ที่น่องของเธอ ป่านนี้เธอคงจะได้ไปนอนหงายวัดพื้นไปแล้ว
“ตกลงจะคุยกันดีๆได้หรือยัง”
ชนิตาพยักหน้ารับ เมื่อชายตรงหน้าถอยกลับไปยืนปกติ จึงยกขาขึ้นถีบเต็มแรง
“ขาของคุณนี่มันขาวน่าดูเลยนะ” สดายุยกมือขึ้นกันไว้ทัน ก่อนที่จะถูกทำร้าย ทำให้กระโปรงบานพริ้วของสาวสวยเลิกขึ้นไปเกินครึ่งน่อง เขาจึงถือโอกาสแกล้งเธอต่อ
ชนิตากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ซวยซับซวยซ้อนอย่างนี้ ตะกี้ไม่น่าชมว่าหล่อเลย หื่นชะมัด ตกลงฉันอยู่กับตำรวจหรือมาเฟียกันแน่ ดีนะที่วันนี้ใส่กางเกงแอโรบิคมาแต่เช้า
“คราวนี้จะคุยกันได้หรือยัง หรือจะต้องให้ผมทำอะไรมากไปกว่านี้” สดายุมองหน้าและแกล้งมองมาที่ขาของชนิตา
ชนิตารีบพยักหน้ารับ
“เอาล่ะผมจะแก้มัดผ้าที่ปากให้ แล้วห้ามร้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ผมไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น” สดายุมองหน้าแล้วแกล้งมองมาที่ขาของชนิตาอีกครั้ง
ชนิตารีบพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง
“ปล่อยมือฉันด้วย”
“ยังไม่ได้”
“แต่กระโปรงฉันเปิดอยู่”
“ไม่เป็นไรผมทนดูได้” สดายุยิ้มกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “คุณนี่ฤทธิ์เยอะน่าดูเลยนะ ตกลงรับปากจะช่วยราชการแล้วใช่ไหม”
“ฉันมีสิทธิปฏิเสธหรือเปล่าล่ะ” ชนิตาส่งเสียงกระแหนะกระแหนกลับไปพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ให้เขาหนึ่งวง
“ไม่”
“แล้วคุณจะถามทำไม จะให้ทำอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันจะรีบกลับไปทำงาน” ชนิตาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ มีด้วยหรือ บังคับให้เป็นสายลับ บ้าชัดๆ ตั้งแต่ดูหนังสายลับมาก็ไม่เคยมีสายลับคนไหนในความทรงจำที่ถูกบังคับแบบนี้
“เรื่องนี้ต้องเป็นความลับห้ามบอกใครทั้งนั้น แม้แต่พี่ชายของคุณ”
“ถ้าคุณกลัวคนอื่นจะรู้ ก็ไม่ต้องมาบอกฉัน ฉันไม่ได้อยากทำ” ชนิตากระแทกเสียงตอบสวนกลับไป
“คุณคงไม่อยากให้พี่ชายของคุณต้องเดือดร้อนไปด้วยอีกคนหรอก จริงไหม”
“มีอะไรก็รีบพูดมาได้แล้ว ฉันมาช่วยราชการ ไม่ได้เป็นนักโทษ เลิกข่มขู่ฉันสักที”
สดายุยิ้ม มองสาวสวยที่กำลังทำหน้าหงิกใส่เขา นิสัยของเธอเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เฉกเช่นความสวยของเธอที่โดนใจเขาไม่เปลี่ยนเหมือนกัน
ความคิดเห็น