คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 ชีวิตที่สงบสุข
ตอนนี้เป็น ปี 1970 ที่ทุกอย่างกำลังลำบากเป็นอย่างมาก แต่เขานั้นเพิ่งจะอายุได้แค่ 13 ปีเท่านั้น รออีกสิบปีก็ไม่สายที่จะสร้างบริษัทขึ้นมา แต่เขาก็ไม่คิดจะรอนานขนาดนั้นเช่นกัน ในตอนนี้นั้นจะอยู่อย่างเงียบสะสมแนวทางและวางแผนทที่รัดกุม รออีก 5 ปี จะเริ่มมีการปฎิวัติ ในตอนนั้นเขาถึงจะเริ่มดำเนินแผนการของกิจการของเขา ตอนนี้คงทำได้แค่หลบๆซ่อนๆไปก่อน สำหรับเขาแล้ว แค่มีน้ำดื่ม มีอาหารให้กินให้อิ่มท้องก็เพียงพอแล้วนั่นเอง
ทั้งสองคน เดินหน้าเข้าป่าด้านหลังทันที ก่อนที่ตะวันจะตกดินไปเสียก่อน ตั้งใจว่าจะเก็บเห็ดมาทำเป็นอาหารเย็น แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่จะเข้าไปเก็บกับดักที่ดักไว้ตอยเช้าด้วยเช่นกัน
เขาสร้างกับดักไว้ประมาณสิบอัน วางไว้ตสมทางเดินของสัตว์เล็กๆ อย่างพวก กระต่ายป่า ไก่ป่า หรือ แม้แต่หมูป่าเอง ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากกับดักของเขาไปได้แน่นอน
เมิ่งเหลียงนั้นขุดเห็ดที่เธอรู้จักใส่ตระกร้ามาได้กว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะเลือกที่เป็นแต่ดอกใหญ่ๆ เท่านั้น เหยียนจิ้งก็เก็บกับดักเเรกได้ ไก่ป่ามาหนึ่งตัว รู้สึกว่าจะเป็นไก่ตัวเมีย เขาจึงเกิดความคิดที่จะเลี้ยงมันเอาไว้ กินไข่แทน แต่อาจจะต้องหาตัวผู้มาเพื่อผสมพันธุ์ เพื่อให้มีลูกไก่ออกมาเยอะๆ เสียก่อน แล้วจึงแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน เพราะจะได้ไข่ที่ไม่มีตัวอ่อนอยู่ในฟอง เขามัดไก่เอาไว้เพื่อที่มันจะได้ไม่หนีไปไหน และเดินตรงเข้าป่าไปพร้อมกับเมิ่งเหลียงที่ขุดเห็ดในจุดแรกเสร็จพอดี
ทั้งสองคนทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเหยียนจิ้งเก็บกัลดักสัตว์ทั้งสิบอันได้ โชคดีมากวางโง่มาติดกับดักของเขา เป็นถึงตัวผู้ที่แข็งแรงแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สามารถสลัดออกจากกับดักได้ แต่ไม่ว่าอย่างไงก็ถือเป็นโชคดีของเขา
ได้ไก้ป่าตัวผู้มาเพิ่ม 2 ตัว ตัวเมียอีก 1 ตัว ซึ่งเพียงพอที่จะเลี้ยงพวกมัน หมู่ป่าตัวผู้ 1 ตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก หากนำไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อย แต่เพราะว่า เขามีความคิดที่จะกักตุนอาหาร หากเหลือเยอะ แล้วเอาไว้ ขายในตอนหน้าหยาว อาจจะได้เงินเยอะกว่าตอนนี้แน่นอน เพราะการทานเนื้อหน้าหนาวนั้นหาได้ยากมาก แม้กระทั่งกับคนร่ำรวยในเมืองเองก็หาไม่ได้ง่ายเช่นกัน
นอกจากนั้น ยังได้กระต่ายป่า มามากถึง 4 ตัว
กับดักทั้งสิบอันสามารถดักสัตว์ได้ทุกอันเลยทีเดียว
เมื่อไรก็ตามที่หน้าหนาวมาถึง เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง
"กลับกันเถอะ" เหยียนจิ้งบอกกล่าวกับแม่เลี้ยงเมื่อเห็นว่าตระกร้าสะพายหลังของเธอเต็มไปด้วยเห็ดและกระต่ายป่าที่ตายแล้ว อยู่เต็มหลัง เขาเองก็อยากจะช่วย แต่เขาเองก็มีทั้งหมูป่า กวางป่า ที่ต้องลากกลับบ้านเช่นกัน อีกทั้งหมูป่า ก็น่าจะมีน้ำหนักมากกว่า 20 จิน (1จิน ~ 500 กรัม) เลยทีเดียว เขาทำให้มันตาย เช่นเดียวกับกวางป่า ผูกเชือกที่ขาและตัวของมัน เอาไม้ไผ่ที่ทำให้เป็นแผ่น มาวางไว้ด้านล่างทำให้เหมือนกับรางลาก เพื่อทุ่นแรง เขาแทบจะไม่ได้ออกแรงมากในกาาลาดนักเพราะเป็นทางลาดชัน ลงเขา จึงทุ่นแรงของเขาไปเยอะ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนั้น ำก่ป่าทั้ง 4 ตัวก็ถูกวางไว้ที่รางลากเช่นกัน
ตั้งใจว่าจะทำ ที่ดีกว่าเดิมสำหรับการขึ้นเขาครั้งหน้า เผื่อเหตุการ์ณเช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะมืดค่ำแล้ว เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ให้บรรยากาศที่สงบทางใจแก่เขามากนัก เป็นช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุด คือการดูดวงอาทิตย์ตกดินนั่นเอง ท้องฟ้าสีแดง ส้มชมพฟุนั้น จะสามารถมองเห็นได้ยามเช้ากับยามเย็น คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดวงอาทิตย์ เช่นนั้นแต่เมื่อเข้าหน้าหนาวมากขึ้นเท่าไร ยามกลางคืนก็ยิ่งยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาที่สมดุลที่สุดของการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์เลยก็ว่า
เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้ว เมิ่งเหลียงก็จุดไฟ เพื่อที่จะต้มน้ำสำหรับลวกหนังหมู และกระต่ายสำหรับเอาขนออก และจะนำเอาเนื้อหมูส่วนน่องและขา ไปลมควันเอาไว้เพื่อเก็บให้นานขึ้น โดยที่เขาได้สร้างที่สำหรับลมควันไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน ส่วนพวกไก่ที่ได้ เขาจะเลี้ยงเอาไว้กินไข่ ซึ่งเขานั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า เพราะไก่ป่าไม่เหมือนไก่ อาจจะต้องลองดูก่อน ถ้าได้ก็เลี้ยงต่อไป แต่ถ้าไม่ได้ก็แค่นำมาเป็นอาหารเท่านั้น
และเมื่อทำการเตรียมไฟ วัดความแรงของไฟ จนเข้าที่แล้ว กิจวัติประจำตอนเย็นก็เป็นไปตลอดเหมือนเดิมในแบบที่ผ่านพ้นไป
ทั้งสองคนพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ มากมายที่จะทำในอนาคตเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ ในระหว่างที่นั่งทานข้าวด้วยกัน
วันต่อมา เมิ่งเหลียงก็เข้าเมืองติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องแยกครอบครัว และจะมาทำการรับคูปอง แยกต่างหากจากครอบครัวเดิม ในเดือนถัดไป
เหยียนจิ้งก็ไปยังตลาดมืดอีกครั้ง คราวนี้เขานำสิ่งที่กรองน้ำให้สะอาดมาให้ได้เพิ่งอีกจำนวน สี่ชิ้น แน่นอนว่าราคาของมันก็สูงขึ้นเพราะพวกเจ้าหน้าที่ที่ต้องการนั้น ได้ติดต่อเอาไว้ แน่นอนว่าเขานั้นขายให้คนที่เสนอราคามาสูงที่สุดอยู่แล้ว
ไม่น่่าแปลกใจเลยที่ว่าเพราะเหตุใด ตลาดมืดถึงไม่ถูกทางการจับได้แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงช่วงที่มีอิสระในการค้าขายมากขึ้น นั่นก็เพราะว่า ไม่ใช่แค่ชาวบ้านที่มีเส้นสายเท่านั้นที่ได้เข้ามา แต่ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทางการอีกหลายกลุ่มที่มีส่วนร่วม หรืออาจจะเป็นผู้ดำเนินการเองเลยก็มิอาจทราบได้
สิ่งกรองน้ำให้สะอาดนั้น ขายได้ในราคา 2000 หยวน และ คูปองที่ราคาเท่าเทียม แน่นอนว่า ทั้งคูปองอาหาร คูปองอุตสาหกรรม และสิ่งทอผ้า เขาก็รับทั้งหมด ที่สำคัญคือคูปองเครื่องเทศ จะมีค่ามากกว่า คูปองอาหารทั่วไปถึงสองใบเลยทีเดียว เพราะสำหรับเหยียนจิ้งนั้นต้องการเครื่องเทศมากกว่า เพื่อนำมาปรุงอาหารให้ได้รสชาติ เพราะอาหารของเขานั้นสามารถหาได้ในป่า ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเพิ่ม แน่นอนว่า ข้าวสารนั้นก็ใช้คูปองอาหาร แต่นั่นก็เพราะเขามีสมาชิกเพียงแค่สองคนเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
และเขาเองก็หาพืชที่ทานแทนข้าวได้ อย่างมันป่า ที่เป็นแหล่งคาโบไฮเดรตให้กับเขาแทนข้าว
เมื่อทำการขายทั้งสี่เครื่องออกไปได้แล้ว ก็ทำให้เขาได้เงินมามากกว่า 4000 หยวน คูปอง อาหาร กว่า 20 ใบ คูปองเครื่องเทศ 15 ใบ คูปองอุตสาหกรรม กว่า 25 ใบ คูปองสิ่งทอผ้า กว่า 40 ใบ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม คนพวกนั้นถึงได้มีเงินเช่นนี้แต่เขาก็ไม่สนใจ ขอเพียงคูปองทั้งหมดเป็นของแท้ ก็พอแล้ว
เมื่อรับส่งมอบเรียบร้อยแล้ว เหยียนจิ้งก็มารอพบ มารดาอยู่ด้านหน้า ตลาดเกวียนของทางการ
"แม่ นำเงินไปซื้อ เกวียนเทียมวัว กับลา มาให้ข้าอย่างละหนึ่งคันนะ เราจะได้ไม่ต้องลำบากเดินเข้าเมืองให้เหนื่อย หลังจากเสร็จจากตรงนี้แล้วเราไปซื้อ พวกข้าวสารเก็บทยอยเก็บเอาไว้ กัน" เหยียนจิ้งบอกสิ่งที่เขาต้องการจะทำให้กับมารดาเลี้ยงของตน
เมื่อเข้าใจแล้ว เธอก็ทำตามที่ลูกเลี้ยงบอกให้ทำ
เธอไปซื้อเกวียนเทียมลาและวัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางไปยังที่ทำการแลกข้าวสาร และเมล็ดพันธ์ต่างๆ ทันที
เธอนำคูปองที่ใช้แลกข้าวสารนำไปแลกสองใบ ได้มา 10 เท่านั้น จำนวนนี้สามารถใช้ได้นานแค่เดือนกว่าเท่านั้น แต่หากใช้อย่างประหยัดก็จะใช้ได้นาน ถึงสองเดือนเท่านั้น เธอคิดว่่าจะมาแลกอีกครั้งในวันหน้า เมล็ดพันธ์ผักใบเขียวต่างๆ ก็ได้มาไม่น้อย เครื่องมือทำการเกษตรอีกด้วยเช่นกัน ส่วนเครื่องครัวอื่นๆ นั้นก็ใช้เงินซื้อที่สหกรณ์ประจำหมู่บ้านเอาได้นั่นเอง พวกผ้าแพรก็แลกเอาด้วยคูปองรวมกับเงินอีกนิดหน่อย
เหยียนจิ้งพอใจกับสิ่งที่แลกมาในครั้งนี้มากนัก อีกไม่กี่ปีจะมีการเก็บคะแนนแทนในการแลกคูปอง และเงินที่จะได้จากทางการ เพราะงั้นตอนนี้เขาจึงต้องเตรียมการหลายๆ อย่างเอาไว้ให้พร้อมกับการใช้ชีวิตไปอีก สี่ถึงห้าปีก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ทุกอย่างยังคงหละหลวมอยู่ หากผ่านไปถึงปีกว่า ทางการจะเข้มงวดมากขึ้นกว่า การกระทำเช่นนี้อาจจะถูกตรวจสอบได้
ขอโทษนะคะที่นานมากแล้วกว่าจะมาต่อ ไรท์ฝึกงานหนักมากช่วงนี้ ตามที่แจ้งไว้ในอีกเรื่องหนึ่ง ไรท์พยายามเขียนให้มันน่าจะยาวพอแล้ว สะสมเรื่อยๆ เมื่อมีเวลา
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
ความคิดเห็น