คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 4 - วันแรก และ แรกเริ่ม
ผมกอดเจ้าฮยอกกี้เน่าๆ เปื้อนน้ำลายด้วยดวงตาเหม่อลอย
ผมว่าสภาพผมตอนนี้คงดูแย่มาก ขนาดดงเฮที่นั่งอยู่ตรงข้ามยังขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย
“เจ้าไก่ซีด ทำไมนายโทรมขนาดนี้เนี่ย?” ผมตวัดมองคนถามอย่างเบลอๆ หนังตาเหมือนจะปิดให้ได้
“เมื่อคืนนอนไม่หลับ” ผมตอบเรียบๆ ง่ายๆ ไม่ชวนทะเลาะเหมือนทุกครั้งเพราะสมองประมวลคำด่าไม่ทันเล่นเอาเจ้าปลาทำตาตื่น มองหน้าผมเหมือนเห็นผี
อย่างว่าล่ะครับ...ตอนนี้ผมกำลังเบลอสุดขีด ผมไม่รู้ว่านอนถึงชั่วโมงรึเปล่า จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้หลับเลยด้วยซ้ำ สาเหตุเหรอครับ? เหอะๆ ก็สุดหล่อ หน้าตาดี ลักยิ้มมีเสน่ห์ แถมนิสัยดีอย่างกับหลุดมากจานิยายที่นอนเตียงข้างๆ ผมไงครับ หมอนั่นล่ะที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ...
“ซีวอน เอากาแฟไหม?” คยูฮยอนที่ชงกาแฟอยู่ตรงเคาท์เตอร์ถามคนที่เพิ่งเดินออกจากห้อง ซีวอนพยักหน้าก่อนจะแจกรอยยิ้มหวานจนทำเอาผมสำลักนมรสสตรอเบอร์รี่พรวดใหญ่
“สกปรก” ดงเฮติง แต่ซีวอนไม่ได้พูดอะไรนอกจากยื่นทิชชู่ส่งมาให้ผมซึ่งรับมาก่อนจะเช็ดหัวเจ้าฮยอกกี้ที่ด่างเป็นรอยนม ผมชะงัก...เพิ่งสังเกตว่านอกจากรอยนมแล้วหัวเจ้าฮยอกกี้ของผมมันยังมีรอยด่างสีแดงๆ เป็นปื้นน่าเกลียดเห็นชัดบนหัวสีขาวขมุกขมัวของมัน
ไม่ต้องสืบเลย เมื่อความทรงจำเมื่อคืนแล่นวูบหน้าผมก็แดงจัดทันควัน!
“ฉ ฉันไปเรียนก่อนนะ!” ผมตอบเร็วจี๋ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปนอกห้อง แต่ผมยังไม่ได้ไปเรียนหรอกครับ ผมแค่มาขอหลบภัยที่ห้องของเยซองชั่วคราว!
ตอนผมเข้าไปในห้องนั้นก็เห็นว่าคิบอมกำลังนั่งหน้ามึนอยู่โซฟา ชินดงกับเยซองกำลังง่วนทำอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ใส่ใจแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆ คิบอม กอดเจ้าฮยอกกี้ที่ติดมือมาด้วยแน่นขึ้น
ผมบ้าไปแล้ว! ผมโมโหตัวเองชะมัดแต่ไม่รู้จะไปลงเอากับใครเลยงับหงอนเจ้าฮยอกกี้ไปหนึ่งที ฮือๆๆ ทำยังไงดีครับ ผมไม่กล้าสู้หน้าชเวซีวอนเลย ผมทำไปได้ยังไง! ผมเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมครับ?! ทำไม...ทำไม! ทำไมผมถึงได้ทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าหมอนั่นขนาดนั้น!
เล่าย้อนไปเมื่อคืน...หลังจากที่กลับมาถึงห้องผมก็อาบน้ำแต่งตัว ปะแป้งเอี่ยมอ่องเตรียมไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เต็มที่ แต่...ผมว่าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นตอนที่ผมนอนหลับช้าเกินไป! ผมควรจะหลับก่อนที่คุณชายชเวสุดหล่อจะเดินออกมาจากห้องน้ำ หรือผมควรจะกำชับพ่อคุณให้แต่งตัวเสียให้เรียบร้อยก่อนจะออกมา เพราะทันทีที่สายตาของผมกระแทกเข้ากับซิกแพกและกล้ามอกสวยๆ นั่น ผมก็อ้าปากค้าง... ทำหน้าเอ๋อ แต่นั่นมันไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดหรอกครับ...หลายคนเดาได้แล้วใช่ไหมครับ? นั่นล่ะครับ สาเหตุของรอยเลือดบนหัวเจ้าฮยอกกี้ ‘ผมเลือดกำเดาไหล’ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าน้ำลายไหลด้วยรึเปล่าเพราะเจ้าฮยอกกี้มันมีรอยน้ำลายเปื้อนเป็นปกติอยู่แล้ว และผมคงไม่รู้สึกตัวไปตลอดคืนถ้าชเวซีวอนไม่ยื่นทิชชู่มาให้ผมพร้อมกับเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่าผมคงจะแพ้อากาศร้อน
น่าสมเพชที่สุดในโลก!!
“ฮยอกแจ...นายจะแบกไอ้ตุ๊กตาเน่าๆ นี่ไปเรียนด้วยรึไง?” เยซองที่เตรียมตัวพร้อมเรียนถามผมที่ยัดเจ้าฮยอกกี้ใส่เป้ ผมพยักหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้อยากแบกหรอกครับแต่ไม่กล้าเอาไปเก็บในห้อง
แล้วพวกเราสี่สหายดูโอ้ก็เดินลงไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารของหอ แต่พระเจ้า...ผมตาแตกมองราคาอาหารเช้าแล้วเกิดพะอืดพะอมกินไม่ลงขึ้นมากะทันหัน
นี่มันราคาอาหารหรือราคาที่ดินปลูกข้าวครับ! อะไรมันจะแพงเว่อร์ขนาดนี้เนี่ย!
เห็นเลขศูนย์ที่พ่วงท้ายค่าอาหารผมก็เกิดอาการอิ่มทิพย์ แม้คุณลุงจะให้บัตรเครดิตผมมาแต่ผมก็เกรงใจท่านอยู่เหมือนกัน แถมถ้าจะให้ใช้เงินรายเดือนไปกับค่าอาหารผมก็เสียดายขึ้นมาติดหมัด...สุดท้าย ผมเลยตัดใจเดินไปที่ซูเปอร์มาเก็ตใต้หอ โชคดีที่ราคาในนี้เท่ากับร้านค้าทั่วไป ผมที่ความงก เอ้ย! ความประหยัดเข้าครอบงำเลยซื้อนมสตรอเบอรร์รี่กับขนมปังมากินประทังชีวิต
“เห็นเขาว่าที่ซูเปอร์นั่นมีขายทุกอย่าง” ชินดงบอกผมตอนที่เราเดินออกมาจากหอ ระยะทางจากตึกเรียนกับหอค่อนข้างไกล...เอ่อ ผมพูดผิดไปหน่อย มัน ‘ไกล’ เลยล่ะ ยังดีที่มีรถรางและรถกอล์ฟคอยรับส่ง แต่ผมว่า...ถ้าได้จักรยานขี่ไปเรียนสักคันมันคงจะไม่เลว
พวกเราถึงตึกเรียนหลังจากนั้นไม่นาน ชินดงที่ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาพวกเราเบียดแทรกฝูงชนเข้าไปดูห้องเรียน ผมพยายามจะเบียดแทรกเข้าไปดูด้วย แม้จะถูกเบียดไปซ้ายทีขวาทีแต่ในที่สุดผมก็ถึงป้ายประกาศ ตาของผมกวาดมองหารายชื่อคุ้นๆ ไล่ไปตั้งแต่ห้อง A-C แต่ชื่อที่ผมสังเกตเห็นเป็นชื่อแรกไม่ใช่ตัวเอง... แต่กลับเป็น ‘ชเว ซีวอน’
ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว ผมกวาดตามองไปทั่วห้อง B พยายามหารายชื่อ อีฮยอคแจ อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเห็นชื่อ คิมคิบอม แต่ว่า...ชื่อผมอยู่ไหนล่ะ!
“ฮยอกแจ นายกับเยซองอยู่ห้องC เหมือนฉันเลย” เสียงร่างเริงของชินดงฮีลอยแว่วมากระทบหู ผมหันขวับไปมอง ความผิดหวังพุ่งวูบแต่ผมก็ยังดึงดันกวาดหาชื่อที่ห้องบีอย่างเอาเป็นเอาตายเผื่อชินดงจะดูผิด
แล้วผมก็ต้องผิดหวัง...ผมเดินคอตกกลับมารวมกับกลุ่ม คิบอมจ้องมองผมนิ่ง แต่มุมปากกลับกระตุกยิ้มนิดๆ
“เฮ้ย ฮยอกแจ พวกเราได้อยู่ห้องเดียวกันด้วย” เยซองพูดอย่างร่าเริง ก่อนจะขมวดคิ้วมองผมที่ทำหน้าซึมเหมือนลิงปวดฟัน “เป็นอะไร นายไม่ดีใจเหรอ?”
“เปล่า” ผมตอบเสียงอ่อย ก่อนจะตวัดค้อนคิบอมอย่างแค้นเคือง ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่ใช่ความผิดของหมอนั่น แต่มันหมั่นไส้น่ะเข้าใจไหม!
“นายอยากอยู่ห้องBเหรอ?” คิบอมเอ่ยถามเรียบๆ เล่นเอาผมตาตื่น
“เปล่าสักหน่อย!” ผมรีบพูด ผมไม่ได้อยากอยู่ห้องเดียวกับซีวอนสักหน่อย! ไม่ใช่จริงๆ นะเชื่อผมสิ!
“อืม ก็นึกว่าอยากอยู่ห้องเดียวกับฉันซะอีก” เป็นข้อสรุปจากคิบอมที่เล่นเอาผมอึ้ง
ผมเริ่มจะชอบเจ้าคิบอมที่เงียบไม่ต้องพูดแล้วสิ เพราะทุกครั้งที่หมอนี่อ้าปากคุยกับผม...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหมอนั่นกำลังยิงจุดอ่อนผมอยู่ก็ไม่รู้!
ผมที่อารมณ์กลับมาคงที่เดินตามเยซองเข้าหอประชุมด้วยความง่วงงุน วันแรกของการเรียนไม่มีอะไรมาก เราแค่ต้องมานั่งฟังปฐมนิเทศที่ผมฟังแล้วเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา สิ่งที่ผมได้หลังจากจบประชุมคือ ประธานนักเรียนตาสวยดี กับรองประธานนักเรียนทั้งสองคนหล่อทั้งคู่ หลังจากนั้นผมก็ไม่มีอะไรในหัวอีกเลย แล้วก็ไม่รู้จะหวังพึ่งเยซองได้ไหม เพราะหมอนั่นก็นอนหลับหัวโขกกับผมโป๊กๆ ให้สะดุ้งตื่นกันเป็นพักๆ
ผมตื่นอีกทีก็ตอนประชุมเสร็จและเที่ยงวันเข้าไปแล้ว คนเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมที่แน่นขนัดพลางพูดคุยกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น ผมที่กอดเจ้าฮยอกกี้ทำราวกับนอนอยู่บนเตียงขยี้ตาง่วงๆ
“งืม...เลิกแล้วเหรอ?”
“อืม เขาปล่อยให้เราไปสมัครเข้าชมรมน่ะ” ชินดงเป็นคนตอบก่อนจะผลักหัวเยซองที่โงนเงนเหมือนไม่ตื่นดี “พวกเราก็ต้องไปเหมือนกัน เร็วเข้าเถอะ”
“ตุ๊กตานายน่ารักดีนะ” คิบอมมองเจ้าฮยอกกี้ที่โดนผมยัดเข้าไปในเป้แล้วอมยิ้ม “แบบนี้คงหาซื้อไม่ได้หรอก”
ผมฟังไม่ออกว่าชมหรือด่าเลยได้แต่ยักไหล่ตอบ อ้าปากหาวหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแบบไม่แคร์สื่อ “ว่าแต่มันมีชมรมอะไรบ้างล่ะ?”
“มีไม่เยอะ อย่างที่รู้ที่นี่นักเรียนน้อย มีแค่ชมรมศิลปะการต่อสู้ ชมรมกีฬา ชมรมดนตรี ชมรมศิลปะ แล้วก็ชมรมทำอาหารแค่นั้น”
“แล้วนายจะเข้าชมรมไหน?” ผมเลิ่กคิ้วถามคิบอม แต่หมอนั่นยังไม่ทันได้ตอบแรงตบหนักๆ ที่ไหล่จนสะบ้าผมเกือบหลุดก็เรียกให้ผมร้องลั่น
“สะกิดแค่นี้ทำเป็นร้องเสียงดังนะเจ้าเกย์เสื่อม!”
สาบานว่าสะกิด?! ถ้าตั้งใจตบผมคงไหล่หลุดไปแล้ว!
ผมหมุนตัวเตรียมหันไปเช่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าปากหาเรื่องแบบนี้น่ะใคร ตอนนี้สมองผมแจ่มใสแล้ว คำด่าพรั่งพรูมาเต็มสมอง!
“นายนั่นล่ะ! ไอ้ป...ว่าไงดงเฮ นายมีอะไรเหรอ?” คำด่าของผมสลายไม่เหลือซากทันทีที่สบเข้ากับใบหน้าหล่อจนผิดกฎหมายที่ยืนเป็นแบคกราวด์เบื้องหลังเจ้าปลาเน่า ผมตบท้ายด้วยยิ้มพิมพ์ใจให้ดงเฮที่อ้าปากค้าง หน้าตามึนงงเหมือนโดนหินทุ่มใส
“ไอ้ไก่ซีด...นายอดนอนจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” โหยยยย เดี๋ยวปั๊ดหลังมือ!
ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้โบกเจ้าปลาปากเสีย “ก็ไม่ได้เป็นอะไร ตกลงนายมีอะไร?”
หมอนั่นทำหน้าเคลือบแคลงอยู่พักหนึ่งก่อนจะเหลือบหางตาไปทางคิบอมด้วยความเร็วแสง แล้วก็กลายเป็นผมที่ตกใจเสียเองเมื่อดงเฮยิ้มกว้างให้ผม พร้อมทั้งเปล่งออร่าที่เหมือนจะมีคำว่า ‘เป็นมิตรโคตรๆ’ ผุดออกมาด้วย
“เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่านายจะเข้าชมรมอะไรน่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานทำให้ผมขนลุก น่ากลัวซะยิ่งกว่าเห็นหมอนั่นถือขวานวิ่งเข้าใส่ซะอีก ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างแต่พูดไม่ออก
“อ๊ะ! ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อดงเฮนะ เป็นญาติแล้วก็รูมเมทของฮยอกแจ” ระหว่างที่ผมกำลังตะลึงพรึงเพริดอยู่ดงเฮที่ก่อนหน้านี้ย้ำกับผมนักหนาว่าห้ามบอกใครว่ารู้จักกัน...ก็ฉวยโอกาสแนะนำตัวกับทุกคนด้วยท่าทางเป็นมิตร ‘โดยเฉพาะกับคิบอม’ ผมว่าผมดูไม่ผิดหรอก หมอนั่นพยายามส่งสายตาหยาดเยิ้มให้คิบอมที่ทำท่าเย็นชาตอบ ...แต่คิบอมมันก็เย็นชาใส่ทุกคนนั่นล่ะ
“นายจะเข้าชมรมอะไรเหรอฮยอกแจ” ระหว่างที่ผมกำลังยุ่งเรื่องชาวบ้านพ่อเทพบุตรก็เอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้ม โอยยยย เล่นเอาผมแสบตา หล่อมีออร่าขนาดนี้กินอะไรถึงโตมาได้ครับเนี่ย!
“นายล่ะ?” ผมถามไปยิ้มไป ซีวอนยังคงประดับรอยยิ้มสวยๆ ไม่เสื่อมคลายก่อนตอบกลับ
“คิดว่าคงเป็นชมรมดนตรีน่ะ ฉันชอบไปเล่นเปียโนที่โบสถ์บ่อยๆ”
“เก่งจัง” ผมชมไปตามความรู้สึกจริงๆ เพราะสำหรับผมขนาดตีกลองผมยังตีไม่ตรงจังหวะเลย เรียนเป่าขลุ่ยตอน ป.4 ผมก็จะตกไม่ตกแหล่
ผมนิ่งไปสักพัก กัดปากอย่างใช้ความคิด “ฉันก็อยากลองเข้าชมรมดนตรีเหมือนกัน แต่ฉันเล่นอะไรไม่ค่อยเป็นหรอกนะ” พูดให้ถูกคือไม่เป็นเลยสักอย่างมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก ของมันฝึกกันได้”
ผมยิ้มตอบแก้มตุ่ย รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า “งั้นนายต้องสอนฉันด้วยล่ะ” พูดจบก็แอ๊บแบ้วใส่ไปซะเลย ปล่อยรังสีโมเอะให้ดูน่ารักเข้าไว้!
แต่คราวนี้ซีวอนยังไม่ทันตอบเสียงกระแอมกระไอเหมือนอะไรติดคอก็ดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน ผมหันไปมองต้นเสียง ตอนแรกนึกว่าเป็นใครสักคนในกลุ่มเพื่อน กะจะเหวี่ยงให้หาทางกลับไม่เจอฐานที่ทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของผม
“ชเวซีวอนใช่ไหม?” แว่บแรกที่มองผมนึกว่าคนมาใหม่เป็นผู้หญิง แต่พอมองดีๆ ก็พบว่าไม่ใช่ ผมรู้สึกคุ้นๆ ตาคนๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก “ฉันฮีซอล อยู่ปีสาม ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
ซีวอนทำหน้างงก่อนจะพยักหน้ารับ “มีอะไรเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ฉันอยากให้เธอมาเป็นคณะกรรมการนักเรียนน่ะ ไปคุยกันทางนู้นดีกว่า” พูดจบฮีซอลก็ชี้ไปทางที่มีคนอีกสองคนยืนรออยู่ “ฉันต้องขอตัวเพื่อนเธอไปก่อนนะ แล้วเจอกันเด็กๆ” พูดจบก็ขยิบตาให้พวกผมก่อนจะเดินนำซีวอนจากไป
“โห กรรมการนักเรียนเหรอ งั้นซีวอนมันก็คงไม่ได้เข้าชมรมแล้วล่ะ” คยูฮยอนผิวปากขณะมองซีวอนเดินออกไปจากหอประชุม “น่าสงสารเป็นบ้า”
ผมว่าประโยคแรกกับประโยคหลังของคยูฮยอนมันไม่ค่อยเชื่อมกันนะ? “ทำไม?” ผมได้แต่งุนงงมองซีวอนเดินออกไปจากประตูด้วยอารมณ์หงุดหงิดขัดใจเล็กๆ
“ก็เห็นเขาว่ากรรมการนักเรียนทำงานกันหนัก ที่สำคัญ...ลองรุ่นพี่หมายตาเองแบบนี้ซีวอนมันปฏิเสธไม่ลงหรอก”
ฟังแล้วผมยิ่งโมโห หน้าผมคงจะบึ้งจริงๆ คยูฮยอนมันถึงได้หุบปาก คิ้วของหมอนั่นขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “นายเป็นอะไรเหรอฮยอกแจ?”
“อยากเตะคน” ผมเหวี่ยงทันทีก่อนจะเดินปึงปังออกไปจากหอประชุม มีเสียงหัวเราะตามหลังที่ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่เดาว่าเป็นเสียงของคิบอมเพราะหมอนั่นก้าวพรวดๆ มากอดคอผม ผมเตรียมสลัดออก แต่คำพูดของหมอนั่นทำให้ผมเปลี่ยนความคิด
“นอกจากอยากอยู่ห้องB นายก็อยากเป็นกรรมการนักเรียนด้วยรึไง?”
“อย่ายุ่งน่ะ!” จริงๆ ผมอยากบอกว่า อย่าเสือก แต่ดูจะรุนแรงไปหน่อย “ไม่เกี่ยวกับนาย เอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าอยากอยู่ชมรมอะไร”
“ก็คิดได้แล้ว...แล้วนายล่ะ?”
“คนละชมรมกับนายมั้ง” ผมตีรวนเต็มขั้น หางตาลอบมองคิบอมที่ยังกอดคอผมแน่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ทำหน้านิ่งๆ เหมือนเป็นตะคริวที่หน้าแล้วเหรอ หรือมีใครเอาเท้านวดแล้ว?”
ฟังจบคิบอมก็หัวเราะ ผมเลยค้อนปะหลับปะเหลือกอย่างหงุดหงิด อะไรของมันวะ! เดี๋ยวก็ทำหน้านิ่ง เดี๋ยวก็กวนตีนผม ไอ้นี่ท่าจะบ้า
“พวกนายจะเข้าชมรมอะไรกันเหรอ?” พอจบเสียงนั้นเท่านั้นใครบางคนก็มุดเข้ามาแยกร่างของผมกับคิบอมออกจากกัน ผมอึ้งไปพักหนึ่ง มองหน้าดงเฮที่ผุดขึ้นมาจากไหนไม่รู้แล้วมาแทรกกลางระหว่างผมสองคน เจ้าปลาทำหน้าแบ้ว แอ๊บโง่นิดๆ ขณะเอ่ยอีกครั้ง “ฉันยังเลือกไม่ถูกเลย นายล่ะคิบอม?”
“ศิลปะการต่อสู้” คิบอมตอบเรียบๆ ผมเห็นว่าหมอนั่นมองผมกับดงเฮสลับกันครั้งหนึ่งก่อนประกายตาจะไหวระริกเหมือนกำลังกลั้นขำ “นายล่ะ?”
“เราใจตรงกันจังเลย ฉันก็ว่าจะเข้าชมรมนี้เหมือนกัน” อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของดงเฮเล่นเอาผมขนลุกจนตัดสินใจจะเดินเลี่ยงออกมาสมทบกับเยซองที่คุยอยู่กับคยูฮยอน
“คยูฮยอน เพื่อนนายเมาอากาศรึเปล่า?” ผมเรียกเจ้าหน้าหล่อที่เลิ่กคิ้วนิดๆ พลางบุ้ยใบ้ไปทางดงเฮที่กำลังดี๊ด๊าตีครีบอยู่กับคิบอม “ทำไมมันพูดกับฉันดีจัง”
คยูฮยอนทำท่าคิด นิ่งไปสักพักก่อนตอบ “ก็นายเป็นญาติกันนี่”
แต่ผมว่ามันไม่ใช่ประเด็นนั้นนะ...สภาพการณ์เหมือนมันพยายามสร้างภาพยังไงชอบกล แต่มันจะสร้างทำไมล่ะ?
ผมตัดสินใจเลิกคิดให้ปวดหัว เพราะแค่เรื่องของผมก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว พูดตรงๆ ผมกำลังสับสนกับตัวเองอย่างมาก ผมมั่นใจมาตลอดว่าผมชอบผู้หญิง จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่สำหรับซีวอน...สำหรับคนๆ นี้เท่านั้นที่ต่างออกไป ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ความรู้สึกที่น่าหงุดหงิดปนๆ กับความสุขอย่างแยกไม่ออก ผมรู้สึกอึดอัดที่เจอหน้าแต่ในใจกลับเริงโลดด้วยความยินดี ผมรู้สึกขัดเขินที่อยู่ใกล้แต่ในใจกลับแสนสุข
มันงี่เง่า ผมรู้ตัว แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าซีวอนเป็นผู้หญิงผมคงจีบแบบไม่ลังเล แต่ซีวอนเป็นผู้ชาย แถมยังตัวใหญ่กว่าผมเกือบเท่า หล่อกว่าผมมาก ดีพร้อมทุกอย่าง คนแบบนี้...ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่คู่ควรกับเขาเลย
ที่เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเพราะผมมัวแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าควรจะจัดการกับความรู้สึกยังไง แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด ผมสับสน...ผมคิดว่าผมชอบซีวอนนะ ชอบมากๆ แต่ถ้าจะต้องถลำลึกไปมากกว่านี้ผมก็กลัว...แต่ถ้าจะถอยออกมาผมก็...
“เฮ้อ...” ผมขยี้หัวอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจเลิกคิด ผมว่ามันต้องหาทางออกได้สิ ผมต้องลองคิดดูดีๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป
ในที่สุดผมก็ถูกลากไปเข้าชมรมกีฬาเป็นเพื่อนเยซอง เนื่องจากคนน้อย ชมรมฟุตบอล บาสเกตบอล และกีฬาอื่นๆ จึงถูกยุบรวมเป็นชมรมเดียวกันหมด ส่วนชินดงไปเข้าชมรมทำอาหาร หมอนั่นบอกว่าอยากจะลองทำอาหารเองดูเพราะมาอยู่หอจะออกไปหาอะไรกินก็ไม่สะดวก ซึ่งพวกผมสนับสนุนความคิดนี้เต็มที่
คิบอมก็เข้าชมรมศิลปะการต่อสู้เหมือนที่เคยบอกก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าหมอนี่เคยชกมวยมาก่อน แต่ที่ผิดคาดคือดงเฮไปเข้าชมรมศิลปะการต่อสู้ด้วยอีกคน เล่นเอาผมงง จำได้ว่าตอนต่อยกันก่อนหน้านี้หมอนั่นยังเอาแต่หลบกลัวหน้าเสียโฉมอยู่เลย แล้วไปเข้าชมรมนี้เนี่ยนะ? สมองหมอนี่ต้องกระทบกระเทือนไปแล้วแหงๆ
แต่ที่พลิกโพลไปที่สุดคือคยูฮยอน จำได้ว่าก่อนหน้านี้หมอนั่นบอกจะเข้าชมรมดนตรี แต่ไปๆ มาๆ พอถึงโต๊ะลงทะเบียน ทันทีที่เห็นหน้ารุ่นพี่ซองมินที่เป็นประธานชมรมศิลปะการต่อสู้ หมอนั่นก็เปลี่ยนใจทันควันแล้ววิ่งโร่ไปเข้าชมรมศิลปะการต่อสู้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด!
ผมเดินโสลเสลกลับห้องพักก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนกลับห้องพวกผมไปสั่งซื้อจักรยานที่ร้านค้าข้างล่าง เจ้าของร้านแงะแคทตาล็อกออกมาให้พวกผมเลือก แถมยังทิ้งท้ายอีกว่าอยากได้อะไรก็บอกได้ สั่งวันนี้รับรองได้พรุ่งนี้ เล่นเอาผมทั้งประทับใจทั้งอึ้งไปหมด ผมที่ทำใจกับราคาอาหารไม่ได้เลยตัดใจสั่งซื้อหนังสือทำอาหาร(ที่อ่านรายละเอียดมาจากในอินเตอร์เน็ท) พร้อมด้วยอุปกรณ์ทำอาหารครบชุด ก่อนจะกวาดรามยอนสารพัดรสพร้อมทั้งเครื่องปรุงหอบใหญ่ขึ้นมาด้วย ต่อให้ผมต้องกินรามยอนจนหน้าเป็นเส้นผมก็จะไม่มีทางซื้ออาหารราคานรกพวกนั้นเด็ดขาด!
“นี่ เจ้าไก่...” เสียงคุ้นหูปลุกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากโซฟาก่อนจะปรือตามองเจ้าของคำพูด พอเห็นว่าเป็นดงเฮผมก็ทำหน้าเมื่อย ตัดสินใจลุกขึ้นนั่งเผื่อแผ่ให้คนที่ยืนค้ำหัวผมให้นั่งบ้าง
“มีอะไร?” ในเมื่อวันนี้หมอนี่พูดดีกับผมทั้งวันผมก็จะถือว่าเป้นหนังสือสงบศึกล่ะนะ
“นายสนิทกับคิบอมเหรอ?”
หา? ผมงง เอาอะไรมาพูดว่าผมสนิทกับหมอนั่น? “ก็ไม่นี่...เพิ่งเจอกันเมื่อวานจะสนิทกันได้ไง” กับเยซองผมยังสนิทซะกว่า
ดงเฮทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะยื่นหน้าปลาทิ่มพรวดเข้ามาใกล้ผมที่สะดุ้งถอยหลัง “งั้นนายรู้ไหมว่าคิบอมมีแฟนรึยัง?”
อึ้ง...อึ้งครับ ผมอึ้งจนอ้าปากค้าง “น...นาย อย่าบอกนะว่านาย ช...”
“ฉันชอบคิบอม แล้วทำไม?” ดงเฮตอบกลับด้วยท่าทางปกตินิ่งเรียบ ไม่มีแววว่าจะเขินเลยสักนิด เล่นเอาผมอึ้งกว่าเดิม ไม่รู้ดงเฮไปเอาความมั่นใจมาจากไหนสิน่า...
ผมพยายามปรับสติ นึกเรียบเรียงคำพูดในสมองก่อนตอบ “ก็เปล่า ฉันแค่คิดว่านายนี่มั่นใจในตัวเองจริงๆ เรื่องแบบนี้ก็กล้าพูด”
“นายจะหาเรื่องเหรอไง?” ดงเฮเหวี่ยงผมทันทีที่พูดจบ ผมถึงรู้ตัวว่าคำพูดก็ออกจะหาเรื่องจริงๆ นั่นล่ะ
“เปล่าน่า...ฉันว่าเรามาสงบศึกกันดีกว่า ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกตั้งสามปี ฉันไม่อยากจะทะเลาะกับนายนักหรอก” ผมทิ้งช่วง มองใบหน้าชั่งใจของดงเฮก่อนจะอมยิ้ม “ใจจริงฉันก็ไม่ได้รังเกียจนายหรอกน่า แต่นายชอบหาเรื่องฉันอยู่เรื่อย เอาเป็นว่าถอยคนละก้าว มาเป็นเพื่อนกันดีกว่า ...ดีไหม ดงเฮ?”
ผมยิ้มกว้าง ดงเฮที่ตอนแรกจ้องผมอย่างไม่ค่อยไว้ใจกลับหน้าแดงแจ๋ สะบัดหน้าหนีแล้วบ่นอะไรงุบงิบในคอที่ผมไม่ได้ยิน แล้วก่อนที่ผมจะทันพูดอะไรหมอนั่นก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องทิ้งให้ผมนั่งอึ้ง
แค่พูดว่าจะเป็นเพื่อนกันมันมีอะไรนักหนาวะ!!
“ดงเฮเป็นอะไรน่ะ?” คยูฮยอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทันเห็นฉากนี้พอดี ผมได้แต่ยักไหล่ ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหัวเสียเล็กๆ
“ไม่รู้ ปวดอึมั้ง” ผมตอบฉุนๆ มองคยูฮยอนที่นั่งข้างผม
แล้วหัวสมองผมก็แล่นเร็วจี๋ จำได้ว่าซีวอน ดงเฮ และคยูฮยอนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อยากรู้อะไรเกี่ยวกับซีวอนก็ต้องถามสองคนนี้ ในเมื่อเจ้าปลาเป็นบ้าไปแล้ว ก็เหลือแค่คยูฮยอนนี่ล่ะ...
“แล้วซีวอนล่ะ?” ผมหยั่งเชิง ซึ่งอีกฝ่ายที่ไม่ได้เอะใจอะไรสักนิดยักไหล่
“ไปหาแฟนน่ะ เมื่อกี้โทรไปหามันแล้วมันบอกว่าเพิ่งประชุมเสร็จ แล้วก็ว่าจะแวะไปหาแฟนมันหน่อย”
ผมช็อค...คำพูดต่อจากนั้นของคยูฮยอนไม่เข้าหูเลยสักนิด ซีวอนมีแฟนแล้ว...
เหมือนโดนทุบหัวจนมึนงง ผมที่ลอยคว้างลุกพรวดเดินเข้าห้องก่อนจะปิดประตูลั่น ปวดที่หัวใจเหมือนถูกบีบ ผมทิ้งตัวลงบนเตียง คว้าเจ้าฮยอกกี้ที่อยู่ในกระเป๋ามากอดแน่น
ผมอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม...ยังไม่ทันได้ไตร่ตรงอว่าจะทำอะไรต่อไปทางเดินก็ถูกหักขวาง ผมยิ้มขื่น ซุกหน้ากับหัวเน่าๆ ของเจ้าฮยอกกี้ แม้จะไม่ได้ร้องไห้แต่ความรู้สึกก็ตีตื้นจนแน่นไปทั้งอก
ผมคงไม่มีทางเลือกนอกจากตัดใจ...คงไม่มีทางไหนแล้วจริงๆ
TBC
สวัสดีค่ะ^^ กลับมาอีกที คราวนี้เริ่มมีปม เมื่อพระเอกมีแฟนแล้ว!!! 555+ มันต้องดราม่าบ้างเล็กน้อย จะไร้สาระอย่างเดียวก็ดูไม่ควรเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ไม่ค่อยมีสาระอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ หุหุ
ตอนนี้ด๊องยังของแรงต่อเนื่อง แอบถูกใจหนุ่มแก้มป่องที่อ่านยาก จริงๆแล้วที่สนุกที่สุดของเรื่องนอกจากตอนแต่งฮยอกแล้วก็ฮากับด๊องนี่ล่ะค่ะ บทของด๊องเยอะกว่าพระเอกอย่างซีวอนซะอีก 555+ แต่ยังคงเป็นวอนฮยอกนะคะ(สะกดจิตตัวเอง) แต่ช่วงนี้อึนเฮเขาเยอะกันเหลือเกิน ไรท์เตอร์ก็โดนชักจูงไปตามกระแสอย่างง่ายดาย...
ตอนหน้ามาดูกันว่าฮยอกของเราจะเอายังไงต่อ มาดุระบบความคิดไก่ๆของฮยอกกันดีกว่า^^
ต่อไปก็ตอบเม้นท์จ้ะ
| ||||
| ||||
Name : tamarine [ IP : 137.205.109.10 ] |
| ||||
| ||||
Name : nana [ IP : 58.147.122.150 ] |
| ||||
| ||||
Name : Bïngchá~< My.iD > [ IP : 118.172.249.155 ] |
| ||||
| ||||
Name : sline< My.iD > [ IP : 124.120.0.112 ] |
| ||||
| ||||
Name : SumMer Cool [ IP : 58.9.225.226 ] |
| ||||
| ||||
Name : mee [ IP : 125.24.61.32 ] |
| ||||
| ||||
Name : กูไม่รู้...กูเมา< My.iD > [ IP : 183.89.95.141 ] |
ความคิดเห็น