ลำดับตอนที่ #41
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : Nor like 29 - Get even...[B]
Nor like [29]
Get even...[B]
เสียงปิดประตูห้องเรียกให้โทชิเบิกตาโพลง...
นัยน์ตาคมกระพริบเร็วๆเพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่าง รอยยิ้มน้อยๆประดับบนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆผสานกับจังหวะหายใจสม่ำเสมอจากข้างกาย เขาเหลียวไปทางต้นเสียง ยันกายขึ้นช้าๆพยายามเพ่งมองใบหน้านั้นให้ชัดๆ...
ยุทธการลอบเข้าบ้านของเขาสำเร็จอย่างงดงาม... อีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวว่าเขาวางแผนนี้ไว้นานแค่ไหน ความจริงไอ้การจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรมน่ะมันง่ายแสนง่าย แต่มันก็จะจบแค่ภายในคืนเดียว... สิ่งที่เขาต้องการน่ะไม่ใช่ตัว หัวใจต่างหาก... รู้จักบ้านก็เหมือนย่นระยะห่างไปถึงครึ่งต่อครึ่ง และโอกาสที่จะสานต่อความสัมพันธ์มันก็ง่ายนิดเดียว เหลือแค่สึโยชิเชื่อใจเขาเท่านั้น...
“ไม่ได้ระวังตัวเลยนะ...” โทชิก้มลงประทับจุมพิตพลางไล้เส้นผมนุ่มมืออย่างทะนุถนอม ปลายจมูกโน้มลงสัมผัสเรือนแก้มแล้วไล่ไปยังหน้าผาก แตะเพียงเบาๆหัวใจก็เต้นแรง...
“หลับอย่างนี้แล้วก็ดูน่ารักดี” เสียงครางประท้วงงึมงำเรียกให้เด็กหนุ่มหลุดขำ ไล้มือไปแตะเรือนแก้มแล้วหยิกเบาๆอย่างหยอกล้อ “วันหลังน่ะหัดระวังตัวซะบ้าง!”
พูดเสร็จเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นนั่ง เขาล้วงกระเป๋ากางเกงตนเองและควักมือถือออกมา หลังจากเพ่งมองในความมืดว่าใช้เครื่องเป้าหมายเขาจึงเปิดเครื่อง...
Miscall 25 ครั้งเด้งพรวดขึ้นมาในทีเดียว รายชื่อ “ไอ้เลวนารุมิ” เด้งลงเป็นลิสต์ยาวเฟื้อยเรียกรอยยิ้มของโทชิให้กว้างขึ้น
“ไม่ต้องห่วงสึโยสึโยของฉัน...เดี๋ยวฉันแก้แค้นให้เองนะจ้ะ...”
RRRRR .
หลังจากเปิดเครื่องได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตามคาด โทชิมองชื่อคนโทรเข้า...เป็นคนที่เขาคิดไว้จริงๆ...
“ฮัลโหล...” โทชิทำเสียงงัวเงียแม้รอยยิ้มกว้างจะประดับบนใบหน้า
“....” อีกฝากสายเงียบกริบ แต่เขาก็นึกออกว่าหมอนั่นต้องทำหน้าเหมือนโดนรถบรรทุกอัดเข้ากลางหลัง
“มีอะไรไว้ค่อยโทรมาพรุ่งนี้...”
“หมอนั่นยังอยู่กับนายอีกเหรอ!” เสียงนั้นเย็นเยียบ แต่ดูเหมือนจะเป็นหิมะที่ปกคลุมภูเขาไฟเสียล่ะมากกว่า...
“หมอไหน?...อ๋อ...สึโยตันน่ะเหรอ อ่า... นี่มือถือสึโยตันนี่” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่องราวพร้อมกับหาวสำทับ “เขาหลับอยู่น่ะ นายมีอะไรค่อยโทรมาพรุ่งนี้เช้าละกัน ”
“เรียกเขามาคุยกับฉัน...”
“มีธุระอะไรสำคัญรึเปล่า? เขาเหนื่อยมากต้องการพักผ่อน”
ใช่... เขาไม่ได้โกหกสักหน่อยวันนี้สึโยชิซ้อมคาราเต้มาทั้งวันต้องการพักผ่อนแน่นอน...
“นายเป็นใคร!” นั่น... เมื่อไม่ได้ดั่งใจคุณชายน้ำแข็งก็เปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว แถมความเยือกเย็นหายเกลี้ยงอีกต่างหาก “หมอนั่นลืมมือถือไว้กับนายใช่ไหม?”
“นายพูดเหมือนสามีกำลังนอกใจงั้นล่ะ” เขายิงสวนด้วยใบหน้าประดับยิ้ม “เขาอยู่กับฉันจริงๆ จะฟังเสียงใช่ไหม? จัดให้”
“สึโยชิ...ตื่น” โทชิก้มลงไปข้างกายพลางกระซิบข้างหู ร่างที่นอนหลับสนิทไม่เพียงไม่ตื่นยังงัวเงียประท้วงก่อนจะพลิกตะแคงไปอีกข้าง ...แน่นอน... เสียงนั้นลอดเข้าโทรศัพท์เต็มๆ
“ฉันบอกแล้ว...เขาเหนื่อยมากต้องการพัก...อ้าว...วางสายไปซะแล้ว” โทชิเอามือถืออกมาดูด้วยรอยยิ้ม เด็กหนุ่มจัดการลบ miss call และสายที่รับของนารุมิทั้งหมดแล้วเอนกายลงนอน
เขารู้ดีว่าที่ทำลงไปทั้งหมดนี่มันไม่ดี... แต่หมอนั่นเริ่มก่อน... สึโยชิของเขาไม่ใช่คนที่จะทิ้งก็ทิ้งจะรับก็รับ หมอนั่นเป็นของสำคัญ...อย่างน้อยก็สำหรับเขา...
โทชิมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับตาพริ้ม ใบหน้านั้นดูเหนื่อยล้าจนเขาอดไม่ได้ที่จะดึงร่างนั้นเข้ามากอด ใบหน้าซุกลงกับกลุ่มผมนุ่ม พลางจุมพิตแผ่วเบาอย่างโหยหา
“ตัดใจจากหมอนั่นแล้วมารักฉันเถอะ...” เขากระซิบอ้อนวอน เปลือกตาค่อยๆปิดลงก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราและหลับฝันดียิ่งกว่าคืนไหนๆ...
“อือ...” สึโยชิงึมงำก่อนจะพลิกตัวหลบแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายใน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่ออาการปวดหัวแล่นจี๊ดไปทั่วร่าง พยายามข่มความรู้สึกอย่างยากเย็นขณะฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ...
“ปวดหัวชะมัด” เด็กหนุ่มบ่นพำพลางพยายามนวดขมับตนเอง นัยน์ตาเล็กยิบหยีกระพริบช้าๆจ้องมองเพดานห้อง และเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ คิ้วก็พลันขมวดมุ่นขึ้น “กลับมาห้องตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
ความทรงจำค่อยๆ ก่อตัวบางๆ.... ภาพนั้นหมุนเป็นวงหลากสีก่อนจะค่อยๆรวมตัวกัน...
เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาไปเที่ยวผับกับนากาโอะ แล้ว...
“เฮ้ย!” เด็กหนุ่มเด้งพรวดขึ้นจากเตียงจนอาการปวดหัวลามไปจนถึงปลายเท้า สึโยชิข่มความเจ็บก่อนจะกระชากผ้าห่มออกแล้วสำรวจร่างตนเองอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าทุกตัวอยู่ครบ... ใต้เสื้อ...ไม่มีรอย...เอว...ไม่ปวด...
เขาค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก พลางนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อคืนที่ดูเลือนรางเหมือนความฝันจนเขาไม่แน่ใจว่าเจอหมอนั่นจริงรึเปล่า... หรือจะเป็นภาพหลอน?
“งั้นก็ต้องหลอนเป็นบ้า...” เขาถอนหายใจเฮือกก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่หัวยังปวดแปลบ หมอนั่นน่ะมันยิ่งกว่าฝันร้าย... เลวร้ายยิ่งกว่าไอ้คุณชายน้ำแข็งนั่นเสียอีก ไม่ใช่สิ...
อาจจะเลวร้ายพอๆกัน
“สึโบมิ หยิบยาแก้ปวดหัวให้ทีสิ” สึโยชิเดินก้มตาก้มตาเข้ามาในห้องครัวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยลอยแตะจมูกเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงานหนัก “ข้าวต้มจีนเหรอ? แปลกดีนะที่เธอทำอย่างอื่นที่มันไม่ใช่ข้าวกับซุปเต้าเจี้ยว”
“ใครว่าหนูทำล่ะ!” สึโบมิกระแทกเสียงหนักๆมาจากอีกฝากโต๊ะ เด็กหนุ่มเอียงคอมองอย่างแปลกใจก่อนจะเห็นว่าเด็กสาวพยักเพยิดมายังข้างกายเขา
ชามใส่ข้าวต้มหอมฟุ้งถูกเสิร์ฟพร้อมน้ำและยาเม็ดกลมๆตามที่เขาร้องขอ สึโยชิกระพริบตาปริบๆขณะเหลียวไปยังเจ้าของมืออย่างใจคอไม่ค่อยดี...
“แก! มาที่นี่ได้ไงวะ!”
สึโยชิตะโกนลั่น กระเด้งลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วถอยไปซ่อนหลังน้องสาวอย่างไม่สมศักดิ์ศรี เขาขู่ฟอดเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้
“ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย...ไม่เห็นต้องรังเกียจขนาดนั้น” โทชิตีหน้าสลด เขามองสึโบมิสลับกับสึโยชิก่อนจะถอนหายใจช้าๆ “ถ้าไม่อยากเห็นหน้าขนาดนั้นฉันกลับก็ได้ ไปก่อนนะสึโบมิจัง...”
“ไม่ส่งนะ!”
“พี่สึโยชิ!” เด็กสาวตวาดแว้ดใส่พี่ชายก่อนจะรีบไปคว้ามือของคนที่ตั้งท่าจะเดินออกไปกลับมา “โทชิซังอย่าไปสนใจพี่เลยค่ะ เมื่อคืนอุตส่าห์มาส่งพี่แท้ๆ ยังไม่ได้ตอบแทนเลย” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปทิ้งเสียงใส่สึโยชิที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ด้านหลัง
“ไม่เป็นไรหรอกสึโบมิจัง...”
“ไม่ได้ค่ะ โอ๊ย จะดึงทำไมเนี่ยพี่ เจ็บนะ” เด็กสาวโวยลั่นเมื่อผู้เป็นพี่ดึงเธอให้เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูก่อนที่เด็กสาวจะเบิกตาโพลง มองโทชิเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา
“จริงอ่ะพี่? คนนี้แน่เหรอ ก็ว่าหน้าคุ้นๆ” เธอก้มลงกระซิบอ้อมแอ้มกับพี่ชายที่รีบพยักหน้ารับ
“ก็เออสิ นี่ถ้าเธอยังเห็นแก้ความบริสุทธิ์ของพี่ชายล่ะก็รีบไล่มันออกจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
สึโบมินิ่งนึกอยู่ครู่ก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะจับที่มุมปาก “ไม่ล่ะ...” เธอลากเสียงและเรียกให้คนฟังเบิกตากว้าง “อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์อยู่แล้วนี่”
“ยัยตัวแสบ!”
“เอ้า เร็ว กินข้าว” ไม่พูดเปล่า เธอลากพี่ชายที่ยังตะลึงงันโยนโครมไว้บนเก้าอี้ข้างโทชิก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม “เนี่ย...โทชิซังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำให้เลยนะ อร่อยกว่าที่ภัตตาคารที่เคยไปกินซะอีก!”
คำโฆษณาที่คนฟังสรรพคุณยิ้มฝืดๆก่อนจะถอยห่างจากพ่อครัวไป 2 กระดึ๊บ
“ลองกินดูสิ” โทชิเท้าคางมองพลางส่งยิ้มหวานให้สึโยชิที่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กลืนยาขม “ไม่กล้ารึไง?”
“อีโธ่! ของแค่นี้ ถ้าไม่อร่อยสมคำคุยล่ะก็เป็นเรื่องแน่” สึโยชิกระแทกช้อนลงในชามก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากด้วยท่าทางเอาเรื่อง
...
เด็กหนุ่มนิ่งสนิทก่อนจะรีบตักคำต่อไปขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ข้าวต้มในชามพร่องไปเหมือนถูกดูดจนหยดสุดท้าย เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนมอง
“เอาอีกชามไหม?” โทชิเอียงคอถามคนที่รีบพยักหน้าพลางไสชามมาไว้ข้างๆ “อร่อยมั้ยล่ะ?”
“ก็งั้นๆ” สึโยชิตอบแบบขอไปทีจนอีกสองคนที่ฟังอยู่หลุดขำ
ไอ้ท่าทางดื้อแพ่งแบบนี้อาจจะเป็นข้อน่ารักของหมอนี่ก็ได้ล่ะมั้ง....
“เตือนไว้ก่อน อย่าเข้ามาใกล้ฉันเกิน 2 เมตร!” สึโยชิกระแทกเสียงเข้มแม้ตนเองจะนั่งตัวแข็งทื่อบนรถของฝ่ายตรงข้าม “แล้วห้ามคุยกับใครที่รู้จักฉันเด็ดขาด ห้ามพูดเรื่องแปลกๆด้วย!”
“แปลกแค่ไหน?” อีกฝ่ายถามเสียงยียวนขณะเร่งเครื่องรถ
“ใช้สมองคิดดูไม่เป็นรึไงวะ! ถ้าไม่ติดที่ว่าสึโบมิ...”
“ให้ฉันดูแลนายตลอดทั้งวันไม่งั้นนายก็คงไม่มา... นายย้ำมาเกือบ 10 รอบแล้ว ไม่ต้องกลัวน่า ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“ไม่ได้กลัวโว้ย!!”
สึโยชิกระฟัดกระเฟียดพลางสะบัดหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ...ข้อคิดของเขาที่ว่าผู้หญิงทุกคนแพ้ความหล่อช่างประจักษ์ชัดเจนเสียจริง... ทั้งๆที่รู้ว่าหมอนี่เป็นใครแต่ยัยน้องสาวตัวดีของเขาก็ยังยัดเยียดให้เขามาอยู่ในความดูแลของหมอนี่ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ หนีก็เดี๋ยวหาว่ากลัวอีก...
ไม่รู้ว่าสึโบมิไปถูกใจอะไรหมอนี่หนักหนาถึงทำท่ากระตือรือร้นเหมือนอยากจะส่งพี่ชายสุดหล่ออย่างเขาเข้าปากเสือเสียเหลือเก ิน... หรือคิดอีกที...ยัยบ้านั่นอาจจะแค่อยากให้พี่ชายมีแฟนที่เป็น “ผู้ชาย” และ “หล่อ” ไม่จำกัดว่าเป็นใครก็ได้...
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ!” เขาคาดโทษตัวต้นเรื่องก่อนจะแทบหัวทิ่มเมื่อรถเบรกเอี๊ยดไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไรวะ จะหยุดก็ไม่มีบอกกันก่อน”
“ถึงแล้ว... นายจะเลิกกี่โมง” สึโยชิมองไปยังประตูโรงเรียนก่อนจะตวัดกลับมายังคนพูด
“ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องยุ่ง!”
“คงไม่ได้...เลิกกี่โมง”
“บอกว่าจะกลับเองหูแตกไงวะ!”
“ฉันรู้จักร้านโอโคโนมิยากิที่อร่อยจนเป็นตำนานเลยนะ...”
สึโยชิเงียบกริบ... สมองสะดุดอยู่ตรงคำว่า “โอโคโนมิยากิในตำนาน” และพยายามประมวลผลอย่างรวดเร็ว ว่าระหว่างของโปรดรสเลิศกับการที่ต้องติดแหงกอยู่กับหมอนี่อะไรจะคุ้มกว่ากัน... ความเสี่ยงที่จะเสียตัวมีสูงทะลุเพดานแต่ว่า... ลองมาคิดดีๆสึโบมิก็บอกว่าหมอนี่นอนเตียงเดียวกับเขาทั้งคืนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ไม่ได้สิ... นั่นอาจจะเป็นกับดัก แต่ว่า...
“5 โมงเย็นห้ามเลทแม้แต่นาทีเดียว!” สึโยชิกระโดดลงหลุมพรางอย่างเต็มใจเป็นที่สุด...
“โธ่ โอโคโนมิยากิที่รัก อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะลูก” สึโยชิวิ่งกระหืดกระหอบพลางดูนาฬิกาข้อมืออย่างเร่งร้อน นี่ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว... เขาปลีกตัวออกมาไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เป็นวันแข่ง รุ่นพี่มัตซึริเหมือนจะสู้แค่ตาย กว่าเขาจะหาช่องชิ่งออกมาได้ก็เหนื่อยเป็นบ้า...สงสัยหมอนั่นกลับไปแล้วแหงๆ บ้าชะมัด! ดันลืมเอามือถือมาจากบ้านอีก!
“โอ๊ย! เดินระวังหน่อยสิวะ!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆใครก็ไม่รู้โผล่มาขวางทางเดิน เขาเงยหน้ามองอย่างเอาเรื่องก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นชัดๆว่าเป็น... “แก...”
“วันหลังเรียกว่าโทชิจะดีกว่าแกนะ...หรือจะเรียกที่รักก็ไม่ว่า”
“ใครจะเรียกแกอย่างนั้นวะ!”
อีกฝ่ายยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะผายมือเป็นเชิงให้เขานำหน้าไปก่อนเล่นเอาเด็กหนุ่มพูดไม่ออก... นอกจากจะไม่ได้ต่อว่าแล้วหมอนั่นยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งทำให้สึโยชิรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ...เดี๋ยว... เขาไม่ผิดสักหน่อยในเมื่อหมอนั่นเป็นคนบังคับเขามาเองแท้ๆ แต่ว่า...
“แล้วรถนาย?” ร่างโปร่งเหลียวไปรอบๆพยายามมองหารถที่นั่งมาเมื่อเช้า โทชิหัวเราะก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“ฉันเอาไปจอดไว้ที่บ้าน พอดีที่ๆเราจะไปมันหาที่จอดรถลำบากหน่อย แล้วโรงเรียนนายก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟอยู่แล้วนี่?”
สึโยชิได้แต่พยักหน้ารับอย่างงุนงงเมื่ออีกคนเดินลิ่วนำหน้าจนเขาต้องรีบวิ่งตาม...
พวกเขาลงรถที่สถานีชินจูกุก่อนจะเดินออกไปฝ่าฝูงชนเบื้องนอก ถนนสายนี้มีผู้คนสัญจรไปมาคับคั่งเป็นปกติ สึโยชิเหลียวมองร้านรวงสองข้างทางด้วยใจระทึก สายตาของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งยังร้านซูชิเวียนแล้วไล่ไปยังร้านราเม็งข้างๆกัน... กระเพาะส่งเสียงร้องประท้วงราวรู้ใจ...
“ร้านที่นายว่ายังอีกไกลมั้ย” เขาเร่งฝีเท้าตามคนที่จ้ำพรวดๆไปเบื้องหน้า สึโยชิต้องเพ่งสมาธิไปยังหลังหัวของหมอนั่นพลางเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด
ไอ้บ้าเอ๊ย! ควายหายรึไงวะเดินช้าๆไม่เป็นรึไง ชวนคนอื่นมาแท้เดินไม่มีรอกันเลย ไอ้...
คำด่ากลืนหายไปกับฝูงชนทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามคว้ามือของเขาก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากไปตามทาง สึโยชิร้องประท้วงลั่นแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยมือแล้วยังกระชับฝ่ามือแน่นขึ้นจนเด็กหนุ่มได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะความอยา กกินมันดันมีมากกว่า...
หลังจากเดินมาเกือบ 10 นาทีโทชิก็พาเขาเลี้ยวเข้าไปยังตรอกๆหนึ่ง ผู้คนบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด สึโยชิรีบสะบัดมือทิ้งและเดินเข้าไปใกล้ๆ กันหลงแทน
“ถ้าไม่อร่อยจริงแกตายแน่!” เด็กหนุ่มคาดโทษซึ่งคนฟังแย้มรอยยิ้มรับก่อนจะเดินนำเลี้ยวไปยังอีกทางที่คนบางตากว่าเก่า...
ทั้งคู่เดินต่อมาอีก 10 นาที หักเลี้ยวหลายครั้งจนทางเดินรอบด้านเหมือนจะมีแต่พวกเขาสองคน สึโยชิรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดมาอีกมิติหนึ่งจนไม่แน่ใจว่าไอ้บ้าข้างๆหลอกเขามาทำมิดีมิร้ายรึเปล่า
ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะชิ่งไม่ชิ่งดีโทชิก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน สึโยชิหยุดตามอย่างุนงง เขาลองมองไปรอบๆพยายามหาไอ้ร้านที่ว่าแต่ก็พบเพียงบ้านเรือนที่ปิดสนิทกับ...เพิงเก่าๆ...
“ที่นี่ล่ะ”
“ที่นี่เนี่ยนะ!”
แม้เขาจะไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากแต่ไอ้นี่ก็ยังเป็นอะไรที่ไกลเกินกว่าจะจินตนาการ... มันดูเหมือนเพิงไม้เก่าๆ ที่เอาเศษไม้มาต่อๆกัน ป้ายหน้าร้านห้อยต่องแต่งอยู่อีกฝั่งสีซีดจางจนอ่านไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร หลอดไฟสีส้มหน้าร้านกระพริบว่อบแว่บชวนให้นึกถึงบ้านร้างอย่างไรชอบกล...
“เร็วเข้า” โทชิหันไปเร่งร่างโปร่งที่ส่ายหัววืด ใบหน้าไม่ศรัทธาเอาเสียเลย
“ฉันคิดว่าไอ้เพิงเก่าๆอย่างนี้ไม่น่ามีร้านโอโคโนมิยากิอร่อยๆหรอกนะ...”
“อะไรกัน? ไม่เชื่อใจฉันรึไง”
“ก็ไม่เชื่อน่ะสิ” สึโยชิตอบตรงๆ เขากำลังจะหมุนตัววิ่งหนีแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูเลื่อนเปิดออก... และสาวสวยในชุดทะมัดทะแมงสวมผ้ากันเปื้อนมองมาทางพวกเขาและยิ้มกว้างต้อนรับ
“โทชิจัง รออยู่พอดีเชียว”
สึโยชิหันขวับมองสลับคนข้างตัวกับสาวสวยตรงหน้าไปมา สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว...
ออ... มันเป็นกิ๊กกะเจ้าของร้านนี่เอง
“ตามสบายนะจ้ะ ไม่กวนล่ะ” เจ้าของร้านคนสวยวางชามใส่เครื่องปรุงลงตรงหน้าก่อนจะโปรยยิ้มที่เรียกให้สึโยชิยิ้มกว้างตอบ เขามองคนตรงข้ามที่พยักหน้าให้เธอแล้วหันไปสนใจกับกะหล่ำปลีตรงหน้า
ภายในร้านมีลูกค้าอยู่ 2-3 คนแถมยังดูแปลกๆ หลายคนก้มลงจดอะไรขยุกขยิกขณะที่อีกคนพึมพำอะไรลงในโทรศัพท์ซึ่งเขาจับใจความไม่ได้ สึโยชิเลิกที่จะให้ความสนใจ... เขาก้มลงจัดการทำโอโคโนมิยากิรวดเร็วโดยการสาดกระหล่ำปลีลงไปจนพูน...
“นายกินได้ดูสมชายชาตรีมากๆ” ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามันชมหรือด่าแต่เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก กระเพาะส่งเสียงโครกครากขณะรอให้อาหารเบื้องหน้าได้ที่
สึโยชิตัดแบ่งครึ่งโอโคโนมิยากิอย่างไม่เป็นธรรมที่สุด เขาตัดแบ่ง ‘ซาก’ โอโนมิยากิใส่จานของโทชิขณะที่กว่า 9 ใน 10 โกยใส่จานตัวเองหน้าตาเฉย
“อร่อย!” สึโยชิตาใส่ปิ๊งขณะอ้าปากงับโอโคโนมิยากิไปเกือบครึ่ง ท่าทางการกินห่างไกลจากคำว่าสุภาพเรียบร้อยไปไกลโข “เถ้าแก่ อร่อยมากๆเลยครับ”
เขาปั้นยิ้มให้สาวสวยเจ้าของร้านที่เดินเข้ามาใกล้ เธอยิ้มกว้างตอบ
“ได้ฟังอย่างนี้ฉันดีใจนะเนี่ย ซอสของที่นี่เป็นสูตรลับสืบทอดกันมาหลายรุ่นเชียวนะ”
“แถมเจ้าของร้านยังสวยด้วยนะครับ”
“ปากหวานจริงเชียว” เธอหัวเราะร่าขณะยกเครื่องปรุงชุดใหม่มาให้ “กินเข้าไปเยอะๆเลยนะจ้ะ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน” เธอพูดพลางหายไปหลังร้านปล่อยให้สึโยชิที่หน้าบานพอๆกับแผ่นโอโคโนมิยากิเบื้องหน้าสาดกะหล่ำปลีอย่างมีความสุข
“ฉันบอกแล้ว อร่อยใช่ไหมล่ะ” โทชิยิ้มกว้างขณะมองหน้าคนที่ตั้งอกตั้งใจทำโอโคโนมิยากิ “เดี๋ยวถ้าไม่อิ่มฉันจะพาไปกินซูชิต่อ ร้านแถวนี้อร่อยๆเยอะ”
“อายไอ่อ้องเอาอองอินอาอ่อเอย” สึโยชิพูดขณะที่โอโคโนมิยากิต็มปาก เขาพยายามกลืนมันอย่างยากเย็น “นายไม่ต้องเอาของกินมาล่อเลย”
“นายก็ติดกับดีไม่ใช่เหรอ?”
ใช่...
สึโยชิเห็นด้วยในใจ
“กินไปเยอะๆ พรุ่งนี้นายมีแข่งนี่”
“แล้วนาย?”
“ความลับ” คำพูดที่คนฟังเบ้หน้าก่อนจะสายหัวเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสึโยชิถึงจะวางตะเกียบลงได้ เด็กหนุ่มเอนกายพิงพนักพลางลูบพุงของตนเอง ก่อนจะส่งเสียงเรอยาวแบบไม่เกรงอกเกรงใจใครทั้งสิ้น
“อิ่มกันแล้วรึจ้ะหนุ่มๆ” เถ้าแก่ร้านคนสวยเดินเข้ามาอีกครั้ง เธอส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะไล่ไปยังโทชิ ดวงหน้าอ่อนหวานนั้นยิ่งหวานละมุนกว่าเดิม
“อร่อยเหมือนเคยเลย โยโกะซัง” โทชิขยับที่ให้เธอนั่งได้สะดวก “ใครได้ไปเป็นภรรยามีความสุขตาย”
ออ...ที่แท้มันพาเขามากะจีบเจ้าของร้าน...
สึโยชิยิ้มกริ่มในใจ โล่งอกไปเปลาะหนึ่งเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้กะจีบเขาแค่อยากจะหาเรื่องมาจีบสาว...
“ว่าแต่...ไม่คิดเลยนะว่าคนที่โทชิจังชอบจะเป็นเด็กผู้ชาย”
พรวด!
ร่างโปร่งสำลักน้ำจนออกจมูก เขาไอค่อกแค่กแต่ก็ยังพยายามจะอธิบายกับคนตรงหน้า
“ผมไม่...”
“น่ารักรึเปล่าล่ะครับ”
“น่ารักจ้ะ น่ารักมากเลย” หญิงสาวหัวเราะคิกคักขณะยื่นทิชชู่ให้เด็กหนุ่มที่หน้าเปลี่ยนสีจากแดงไปเขียวคล้ำ “รู้ไหมจ้ะ ว่าโทชิจังน่ะ เขามาตามหาร้านฉันแล้วบอกว่าฝีมือของฉันจะใช้ล่อ...”
“โยโกะซัง” โทชิว่าพลางหัวเราะ เธอยิ้มตาม
“เขาเล่าเรื่องเธอหลายเรื่องเชียว”
“ผมกลับล่ะครับ” สึโยชิรีบตัดบท เขาผุดลุกขึ้น ปั้นหน้าไม่ถูกว่าควรจะยิ้มหรือร้องไห้ดี
ถ้าเกิดไอ้โทชิบ้านี่มันเปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิงเขาคงจะดีใจอยู่หรอก แต่นี่... ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาทำเวรทำกรรมอะไรมานักหนา!
“นายจะรีบเดินไปไหนล่ะ!” โทชิรีบวิ่งตามคนที่จ้ำพรวดๆออกจากร้าน ใบหน้านั้นยังเปื้อนรอยยิ้ม “ออกมาโดยไม่จ่ายตังค์อย่างนี้เขาเรียกชักดาบนะ”
“แกจ่ายไม่ใช่ฉัน!” เขาเอ่ยปัดหน้าด้านๆ แต่อีกคนยังยิ้มรับ
“แล้วนายเดินออกถูก?”
“แกก็นำสิวะ!”
“ไม่...” คนตอบลากเสียงยาวพลางหยุดฝีเท้าเอาดื้อๆ เล่นเอาต่อมโมโหของอีกคนพุ่งจี๊ด
“เออ งั้นฉันไปเอง!”
หลงทาง...
ไม่ได้แกล้งหลงทางแต่หลงทางจริงๆอย่างน่าสมเพช เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาพยายามยอมมองหาเส้นทางที่มันคุ้นตา ...ก็ใครใช้ให้ไอ้ทางที่หมอนั่นพามาซับซ้อนอย่างกับเขาวงกตเล่าวะ!
“เฮ้ย” ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆของอะไรบางอย่างในตรอกด้านหน้า ใบหน้าขาวยิ่งเผือดซีดเมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าเขาอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยวมืดสนิท..
.
นี่มันกลางโตเกียว จะไปมีอะไรได้ไง... เขาพยายามปลอบตัวเองทั้งๆที่ใจจริงไม่ได้ไปตามสักนิด ไฟแถวนี้ก็ไม่มืดไปซะทีเดียว แต่ว่า... พอมันติดๆดับอย่างนี้สู้ให้มันมืดไปเลยดีกว่า...
“ว้ากกก!” สึโยชิกระเด้งพรวดเมื่อได้ยินเสียงกุกกักเบื้องหลัง แลเมื่อสบสายตาเข้ากับเจ้าหมาน้อยที่เดินตาแป๋วออกมาจากตรอก เขาก็สบถพรืดด้วยความหงุดหงิด “โธ่ หมานี่เอ อ๊ากกกกกกก!!!!”
สึโยชิร้องลั่นเมื่ออะไรบางอย่างตะปบหมับเข้าที่ไหล่ของเขา ใบหน้านั้นซีดเผือด และก่อนที่จะทันได้วิ่งหนี เสียงหัวเราะขำๆก็ดังหยุดไว้...
“นายนี่ น่ารักเป็นบ้า”
“แก!”เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อเห็นไอ้คนที่มาด้วยกันขำจนท้องขัดท้องแข็ง เรียกสีเลือดให้ฉาบบนใบหน้าของเขา “หัวเราะหาสวรรค์อะไรวะ”
ไม่ว่าเปล่า สึโยชิเสยเท้าเตะพรวดแต่อีกคนกลับหลบวูบได้ทันท่วงที
“โอเค ไม่ล้อแล้วๆ” โทชิพยายามข่มอาการขำก่อนจะเดินไปตบไหล่อีก
ฝ่าย “กลับบ้านๆ เดี๋ยวสึโบมิจังจะเป็นห่วง”
“ฉันกลับเองได้โว้ยยยย”
“จะเอางั้น?”
“เออ!”
“เอาน่า ฉันง้อแล้ว กลับด้วยกันนะ” หลังจากเล่นตัวพอเป็นพิธีสึโยชิก็รีบพยักหน้ารับ เพราะอย่างน้อยไปกับไอ้บ้านี่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยว...รึเปล่าวะ...
หมอนั่นมาส่งถึงบ้าน...
สึโยชิแทบจะยันไอ้คนหน้าด้านนี่ออกประตูไปกว่าที่มันจะยอมไปได้ รอยยิ้มหล่อเหลายังคงประดับบนใบหน้าขณะที่มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้เขาที่ใช้เท้ารับ
“พรุ่งนี้เจอกันนะ...” คำพูดที่สึโยชิเหยียดมุมปาก ขนลุกเกรียวตั้งแต่หัวจรดเท้า...
ไอ้บ้านี่มันต้องแข่งแหง...
“ไม่ต้องห่วง คราวนี้ฉันใช้ชื่อจริง เป็นตัวจริงลง...ไม่ต้องเสียเวลาให้นายสืบหาหรอก...”
คำพูดสั้นๆกลับทำให้ร่างโปร่งหน้าแดงก่ำ ยิ่งนึกย้อนยิ่งเจ็บใจจนต้องปล่อยหมัดสวนเข้าไปเต็มรัก อีกฝ่ายเบี่ยงหลบอย่างอารมณ์ดี
“ฝันดีนะ สึโยตันที่รัก”
“ฉันเกลียดแก ไอ้เลวเอ๊ย!!”
“คำว่าเกลียดถือว่าเป็นคำบอกรักนะ” โทชิตะโกนส่งท้ายขณะเดินไกลออกไปทิ้งให้สึโยชิกระฟัดกระเฟียดเพียงลำพัง
คอยดูเหอะ! คราวนี้ฉันจะเล่นงานแกให้อ่วมเชียว ไอ้บ้าเอ๊ย!!!!
TBC
มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะมาแจ้งค่ะ เอาข่าวดีก่อนแล้วกัน^^
สำหรับคนที่รอรีปริ้น ติดตามข่าวดีมากๆ ในเร็วๆนี้ค่ะ ไม่นานเกินอาทิตย์แน่นอน จะได้เปิดจองกันแล้ว ฮิ้วววววววววว
ส่วนข่าวร้ายเรา "หยุดลงที่นี่" แล้วนะคะ เรื่องหลักจะไม่ลงต่อที่นี่แล้ว ส่วนตอนพิเศษจะลงให้อีก 2-3 ตอนก็จะหยุดเหมือนกัน ไม่ลงต่อให้จนจบ สำหรับคนที่ไม่ซื้อก็ไม่ต้องกลัวว่าจะค้างนะคะ ตามไปอ่านได้ที่นี่
http://nabu.gooboards.com/forum.htm
เราลงจนจบไปแล้วค่ะ^^ วิธีสมัครก็อ่านได้ตามนี้ http://nabu.gooboards.com/forum-f6/topic-t33.htm อ่านให้ละเอียดนะคะ วิธีเขาบอกละเอียดพอควร
แล้วเจอกันที่บอร์ดนั้นนะคะ คราวนี้เราลงให้จุใจเลย อย่าว่ากันนะ>< ตอนนี้ก็ไม่ค่อยค้างด้วยนะ อยากอ่านก็ตามไปนะจ้ะ หุหุ
ปล. ขอกรี๊ดหน่อยค่ะ ข้าน้อยเริ่มเทใจเยร์โทชิแล้วค่ะ อร้างงงงง น่ารัก กลัวใจจริงๆว่าพอมีบทของโทชิเพิ่มจะเกิดม๊อบเปลี่ยนพระเอก 555+
Get even...[B]
เสียงปิดประตูห้องเรียกให้โทชิเบิกตาโพลง...
นัยน์ตาคมกระพริบเร็วๆเพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่าง รอยยิ้มน้อยๆประดับบนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆผสานกับจังหวะหายใจสม่ำเสมอจากข้างกาย เขาเหลียวไปทางต้นเสียง ยันกายขึ้นช้าๆพยายามเพ่งมองใบหน้านั้นให้ชัดๆ...
ยุทธการลอบเข้าบ้านของเขาสำเร็จอย่างงดงาม... อีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวว่าเขาวางแผนนี้ไว้นานแค่ไหน ความจริงไอ้การจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรมน่ะมันง่ายแสนง่าย แต่มันก็จะจบแค่ภายในคืนเดียว... สิ่งที่เขาต้องการน่ะไม่ใช่ตัว หัวใจต่างหาก... รู้จักบ้านก็เหมือนย่นระยะห่างไปถึงครึ่งต่อครึ่ง และโอกาสที่จะสานต่อความสัมพันธ์มันก็ง่ายนิดเดียว เหลือแค่สึโยชิเชื่อใจเขาเท่านั้น...
“ไม่ได้ระวังตัวเลยนะ...” โทชิก้มลงประทับจุมพิตพลางไล้เส้นผมนุ่มมืออย่างทะนุถนอม ปลายจมูกโน้มลงสัมผัสเรือนแก้มแล้วไล่ไปยังหน้าผาก แตะเพียงเบาๆหัวใจก็เต้นแรง...
“หลับอย่างนี้แล้วก็ดูน่ารักดี” เสียงครางประท้วงงึมงำเรียกให้เด็กหนุ่มหลุดขำ ไล้มือไปแตะเรือนแก้มแล้วหยิกเบาๆอย่างหยอกล้อ “วันหลังน่ะหัดระวังตัวซะบ้าง!”
พูดเสร็จเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นนั่ง เขาล้วงกระเป๋ากางเกงตนเองและควักมือถือออกมา หลังจากเพ่งมองในความมืดว่าใช้เครื่องเป้าหมายเขาจึงเปิดเครื่อง...
Miscall 25 ครั้งเด้งพรวดขึ้นมาในทีเดียว รายชื่อ “ไอ้เลวนารุมิ” เด้งลงเป็นลิสต์ยาวเฟื้อยเรียกรอยยิ้มของโทชิให้กว้างขึ้น
“ไม่ต้องห่วงสึโยสึโยของฉัน...เดี๋ยวฉันแก้แค้นให้เองนะจ้ะ...”
RRRRR .
หลังจากเปิดเครื่องได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตามคาด โทชิมองชื่อคนโทรเข้า...เป็นคนที่เขาคิดไว้จริงๆ...
“ฮัลโหล...” โทชิทำเสียงงัวเงียแม้รอยยิ้มกว้างจะประดับบนใบหน้า
“....” อีกฝากสายเงียบกริบ แต่เขาก็นึกออกว่าหมอนั่นต้องทำหน้าเหมือนโดนรถบรรทุกอัดเข้ากลางหลัง
“มีอะไรไว้ค่อยโทรมาพรุ่งนี้...”
“หมอนั่นยังอยู่กับนายอีกเหรอ!” เสียงนั้นเย็นเยียบ แต่ดูเหมือนจะเป็นหิมะที่ปกคลุมภูเขาไฟเสียล่ะมากกว่า...
“หมอไหน?...อ๋อ...สึโยตันน่ะเหรอ อ่า... นี่มือถือสึโยตันนี่” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่องราวพร้อมกับหาวสำทับ “เขาหลับอยู่น่ะ นายมีอะไรค่อยโทรมาพรุ่งนี้เช้าละกัน ”
“เรียกเขามาคุยกับฉัน...”
“มีธุระอะไรสำคัญรึเปล่า? เขาเหนื่อยมากต้องการพักผ่อน”
ใช่... เขาไม่ได้โกหกสักหน่อยวันนี้สึโยชิซ้อมคาราเต้มาทั้งวันต้องการพักผ่อนแน่นอน...
“นายเป็นใคร!” นั่น... เมื่อไม่ได้ดั่งใจคุณชายน้ำแข็งก็เปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว แถมความเยือกเย็นหายเกลี้ยงอีกต่างหาก “หมอนั่นลืมมือถือไว้กับนายใช่ไหม?”
“นายพูดเหมือนสามีกำลังนอกใจงั้นล่ะ” เขายิงสวนด้วยใบหน้าประดับยิ้ม “เขาอยู่กับฉันจริงๆ จะฟังเสียงใช่ไหม? จัดให้”
“สึโยชิ...ตื่น” โทชิก้มลงไปข้างกายพลางกระซิบข้างหู ร่างที่นอนหลับสนิทไม่เพียงไม่ตื่นยังงัวเงียประท้วงก่อนจะพลิกตะแคงไปอีกข้าง ...แน่นอน... เสียงนั้นลอดเข้าโทรศัพท์เต็มๆ
“ฉันบอกแล้ว...เขาเหนื่อยมากต้องการพัก...อ้าว...วางสายไปซะแล้ว” โทชิเอามือถืออกมาดูด้วยรอยยิ้ม เด็กหนุ่มจัดการลบ miss call และสายที่รับของนารุมิทั้งหมดแล้วเอนกายลงนอน
เขารู้ดีว่าที่ทำลงไปทั้งหมดนี่มันไม่ดี... แต่หมอนั่นเริ่มก่อน... สึโยชิของเขาไม่ใช่คนที่จะทิ้งก็ทิ้งจะรับก็รับ หมอนั่นเป็นของสำคัญ...อย่างน้อยก็สำหรับเขา...
โทชิมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับตาพริ้ม ใบหน้านั้นดูเหนื่อยล้าจนเขาอดไม่ได้ที่จะดึงร่างนั้นเข้ามากอด ใบหน้าซุกลงกับกลุ่มผมนุ่ม พลางจุมพิตแผ่วเบาอย่างโหยหา
“ตัดใจจากหมอนั่นแล้วมารักฉันเถอะ...” เขากระซิบอ้อนวอน เปลือกตาค่อยๆปิดลงก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราและหลับฝันดียิ่งกว่าคืนไหนๆ...
“อือ...” สึโยชิงึมงำก่อนจะพลิกตัวหลบแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายใน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่ออาการปวดหัวแล่นจี๊ดไปทั่วร่าง พยายามข่มความรู้สึกอย่างยากเย็นขณะฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ...
“ปวดหัวชะมัด” เด็กหนุ่มบ่นพำพลางพยายามนวดขมับตนเอง นัยน์ตาเล็กยิบหยีกระพริบช้าๆจ้องมองเพดานห้อง และเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ คิ้วก็พลันขมวดมุ่นขึ้น “กลับมาห้องตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
ความทรงจำค่อยๆ ก่อตัวบางๆ.... ภาพนั้นหมุนเป็นวงหลากสีก่อนจะค่อยๆรวมตัวกัน...
เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาไปเที่ยวผับกับนากาโอะ แล้ว...
“เฮ้ย!” เด็กหนุ่มเด้งพรวดขึ้นจากเตียงจนอาการปวดหัวลามไปจนถึงปลายเท้า สึโยชิข่มความเจ็บก่อนจะกระชากผ้าห่มออกแล้วสำรวจร่างตนเองอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าทุกตัวอยู่ครบ... ใต้เสื้อ...ไม่มีรอย...เอว...ไม่ปวด...
เขาค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก พลางนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อคืนที่ดูเลือนรางเหมือนความฝันจนเขาไม่แน่ใจว่าเจอหมอนั่นจริงรึเปล่า... หรือจะเป็นภาพหลอน?
“งั้นก็ต้องหลอนเป็นบ้า...” เขาถอนหายใจเฮือกก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่หัวยังปวดแปลบ หมอนั่นน่ะมันยิ่งกว่าฝันร้าย... เลวร้ายยิ่งกว่าไอ้คุณชายน้ำแข็งนั่นเสียอีก ไม่ใช่สิ...
อาจจะเลวร้ายพอๆกัน
“สึโบมิ หยิบยาแก้ปวดหัวให้ทีสิ” สึโยชิเดินก้มตาก้มตาเข้ามาในห้องครัวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยลอยแตะจมูกเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงานหนัก “ข้าวต้มจีนเหรอ? แปลกดีนะที่เธอทำอย่างอื่นที่มันไม่ใช่ข้าวกับซุปเต้าเจี้ยว”
“ใครว่าหนูทำล่ะ!” สึโบมิกระแทกเสียงหนักๆมาจากอีกฝากโต๊ะ เด็กหนุ่มเอียงคอมองอย่างแปลกใจก่อนจะเห็นว่าเด็กสาวพยักเพยิดมายังข้างกายเขา
ชามใส่ข้าวต้มหอมฟุ้งถูกเสิร์ฟพร้อมน้ำและยาเม็ดกลมๆตามที่เขาร้องขอ สึโยชิกระพริบตาปริบๆขณะเหลียวไปยังเจ้าของมืออย่างใจคอไม่ค่อยดี...
“แก! มาที่นี่ได้ไงวะ!”
สึโยชิตะโกนลั่น กระเด้งลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วถอยไปซ่อนหลังน้องสาวอย่างไม่สมศักดิ์ศรี เขาขู่ฟอดเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้
“ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย...ไม่เห็นต้องรังเกียจขนาดนั้น” โทชิตีหน้าสลด เขามองสึโบมิสลับกับสึโยชิก่อนจะถอนหายใจช้าๆ “ถ้าไม่อยากเห็นหน้าขนาดนั้นฉันกลับก็ได้ ไปก่อนนะสึโบมิจัง...”
“ไม่ส่งนะ!”
“พี่สึโยชิ!” เด็กสาวตวาดแว้ดใส่พี่ชายก่อนจะรีบไปคว้ามือของคนที่ตั้งท่าจะเดินออกไปกลับมา “โทชิซังอย่าไปสนใจพี่เลยค่ะ เมื่อคืนอุตส่าห์มาส่งพี่แท้ๆ ยังไม่ได้ตอบแทนเลย” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปทิ้งเสียงใส่สึโยชิที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ด้านหลัง
“ไม่เป็นไรหรอกสึโบมิจัง...”
“ไม่ได้ค่ะ โอ๊ย จะดึงทำไมเนี่ยพี่ เจ็บนะ” เด็กสาวโวยลั่นเมื่อผู้เป็นพี่ดึงเธอให้เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูก่อนที่เด็กสาวจะเบิกตาโพลง มองโทชิเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา
“จริงอ่ะพี่? คนนี้แน่เหรอ ก็ว่าหน้าคุ้นๆ” เธอก้มลงกระซิบอ้อมแอ้มกับพี่ชายที่รีบพยักหน้ารับ
“ก็เออสิ นี่ถ้าเธอยังเห็นแก้ความบริสุทธิ์ของพี่ชายล่ะก็รีบไล่มันออกจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
สึโบมินิ่งนึกอยู่ครู่ก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะจับที่มุมปาก “ไม่ล่ะ...” เธอลากเสียงและเรียกให้คนฟังเบิกตากว้าง “อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์อยู่แล้วนี่”
“ยัยตัวแสบ!”
“เอ้า เร็ว กินข้าว” ไม่พูดเปล่า เธอลากพี่ชายที่ยังตะลึงงันโยนโครมไว้บนเก้าอี้ข้างโทชิก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม “เนี่ย...โทชิซังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำให้เลยนะ อร่อยกว่าที่ภัตตาคารที่เคยไปกินซะอีก!”
คำโฆษณาที่คนฟังสรรพคุณยิ้มฝืดๆก่อนจะถอยห่างจากพ่อครัวไป 2 กระดึ๊บ
“ลองกินดูสิ” โทชิเท้าคางมองพลางส่งยิ้มหวานให้สึโยชิที่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กลืนยาขม “ไม่กล้ารึไง?”
“อีโธ่! ของแค่นี้ ถ้าไม่อร่อยสมคำคุยล่ะก็เป็นเรื่องแน่” สึโยชิกระแทกช้อนลงในชามก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากด้วยท่าทางเอาเรื่อง
...
เด็กหนุ่มนิ่งสนิทก่อนจะรีบตักคำต่อไปขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ข้าวต้มในชามพร่องไปเหมือนถูกดูดจนหยดสุดท้าย เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนมอง
“เอาอีกชามไหม?” โทชิเอียงคอถามคนที่รีบพยักหน้าพลางไสชามมาไว้ข้างๆ “อร่อยมั้ยล่ะ?”
“ก็งั้นๆ” สึโยชิตอบแบบขอไปทีจนอีกสองคนที่ฟังอยู่หลุดขำ
ไอ้ท่าทางดื้อแพ่งแบบนี้อาจจะเป็นข้อน่ารักของหมอนี่ก็ได้ล่ะมั้ง....
“เตือนไว้ก่อน อย่าเข้ามาใกล้ฉันเกิน 2 เมตร!” สึโยชิกระแทกเสียงเข้มแม้ตนเองจะนั่งตัวแข็งทื่อบนรถของฝ่ายตรงข้าม “แล้วห้ามคุยกับใครที่รู้จักฉันเด็ดขาด ห้ามพูดเรื่องแปลกๆด้วย!”
“แปลกแค่ไหน?” อีกฝ่ายถามเสียงยียวนขณะเร่งเครื่องรถ
“ใช้สมองคิดดูไม่เป็นรึไงวะ! ถ้าไม่ติดที่ว่าสึโบมิ...”
“ให้ฉันดูแลนายตลอดทั้งวันไม่งั้นนายก็คงไม่มา... นายย้ำมาเกือบ 10 รอบแล้ว ไม่ต้องกลัวน่า ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“ไม่ได้กลัวโว้ย!!”
สึโยชิกระฟัดกระเฟียดพลางสะบัดหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ...ข้อคิดของเขาที่ว่าผู้หญิงทุกคนแพ้ความหล่อช่างประจักษ์ชัดเจนเสียจริง... ทั้งๆที่รู้ว่าหมอนี่เป็นใครแต่ยัยน้องสาวตัวดีของเขาก็ยังยัดเยียดให้เขามาอยู่ในความดูแลของหมอนี่ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ หนีก็เดี๋ยวหาว่ากลัวอีก...
ไม่รู้ว่าสึโบมิไปถูกใจอะไรหมอนี่หนักหนาถึงทำท่ากระตือรือร้นเหมือนอยากจะส่งพี่ชายสุดหล่ออย่างเขาเข้าปากเสือเสียเหลือเก ิน... หรือคิดอีกที...ยัยบ้านั่นอาจจะแค่อยากให้พี่ชายมีแฟนที่เป็น “ผู้ชาย” และ “หล่อ” ไม่จำกัดว่าเป็นใครก็ได้...
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ!” เขาคาดโทษตัวต้นเรื่องก่อนจะแทบหัวทิ่มเมื่อรถเบรกเอี๊ยดไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไรวะ จะหยุดก็ไม่มีบอกกันก่อน”
“ถึงแล้ว... นายจะเลิกกี่โมง” สึโยชิมองไปยังประตูโรงเรียนก่อนจะตวัดกลับมายังคนพูด
“ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องยุ่ง!”
“คงไม่ได้...เลิกกี่โมง”
“บอกว่าจะกลับเองหูแตกไงวะ!”
“ฉันรู้จักร้านโอโคโนมิยากิที่อร่อยจนเป็นตำนานเลยนะ...”
สึโยชิเงียบกริบ... สมองสะดุดอยู่ตรงคำว่า “โอโคโนมิยากิในตำนาน” และพยายามประมวลผลอย่างรวดเร็ว ว่าระหว่างของโปรดรสเลิศกับการที่ต้องติดแหงกอยู่กับหมอนี่อะไรจะคุ้มกว่ากัน... ความเสี่ยงที่จะเสียตัวมีสูงทะลุเพดานแต่ว่า... ลองมาคิดดีๆสึโบมิก็บอกว่าหมอนี่นอนเตียงเดียวกับเขาทั้งคืนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ไม่ได้สิ... นั่นอาจจะเป็นกับดัก แต่ว่า...
“5 โมงเย็นห้ามเลทแม้แต่นาทีเดียว!” สึโยชิกระโดดลงหลุมพรางอย่างเต็มใจเป็นที่สุด...
“โธ่ โอโคโนมิยากิที่รัก อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะลูก” สึโยชิวิ่งกระหืดกระหอบพลางดูนาฬิกาข้อมืออย่างเร่งร้อน นี่ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว... เขาปลีกตัวออกมาไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เป็นวันแข่ง รุ่นพี่มัตซึริเหมือนจะสู้แค่ตาย กว่าเขาจะหาช่องชิ่งออกมาได้ก็เหนื่อยเป็นบ้า...สงสัยหมอนั่นกลับไปแล้วแหงๆ บ้าชะมัด! ดันลืมเอามือถือมาจากบ้านอีก!
“โอ๊ย! เดินระวังหน่อยสิวะ!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆใครก็ไม่รู้โผล่มาขวางทางเดิน เขาเงยหน้ามองอย่างเอาเรื่องก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นชัดๆว่าเป็น... “แก...”
“วันหลังเรียกว่าโทชิจะดีกว่าแกนะ...หรือจะเรียกที่รักก็ไม่ว่า”
“ใครจะเรียกแกอย่างนั้นวะ!”
อีกฝ่ายยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะผายมือเป็นเชิงให้เขานำหน้าไปก่อนเล่นเอาเด็กหนุ่มพูดไม่ออก... นอกจากจะไม่ได้ต่อว่าแล้วหมอนั่นยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งทำให้สึโยชิรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ...เดี๋ยว... เขาไม่ผิดสักหน่อยในเมื่อหมอนั่นเป็นคนบังคับเขามาเองแท้ๆ แต่ว่า...
“แล้วรถนาย?” ร่างโปร่งเหลียวไปรอบๆพยายามมองหารถที่นั่งมาเมื่อเช้า โทชิหัวเราะก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“ฉันเอาไปจอดไว้ที่บ้าน พอดีที่ๆเราจะไปมันหาที่จอดรถลำบากหน่อย แล้วโรงเรียนนายก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟอยู่แล้วนี่?”
สึโยชิได้แต่พยักหน้ารับอย่างงุนงงเมื่ออีกคนเดินลิ่วนำหน้าจนเขาต้องรีบวิ่งตาม...
พวกเขาลงรถที่สถานีชินจูกุก่อนจะเดินออกไปฝ่าฝูงชนเบื้องนอก ถนนสายนี้มีผู้คนสัญจรไปมาคับคั่งเป็นปกติ สึโยชิเหลียวมองร้านรวงสองข้างทางด้วยใจระทึก สายตาของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งยังร้านซูชิเวียนแล้วไล่ไปยังร้านราเม็งข้างๆกัน... กระเพาะส่งเสียงร้องประท้วงราวรู้ใจ...
“ร้านที่นายว่ายังอีกไกลมั้ย” เขาเร่งฝีเท้าตามคนที่จ้ำพรวดๆไปเบื้องหน้า สึโยชิต้องเพ่งสมาธิไปยังหลังหัวของหมอนั่นพลางเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด
ไอ้บ้าเอ๊ย! ควายหายรึไงวะเดินช้าๆไม่เป็นรึไง ชวนคนอื่นมาแท้เดินไม่มีรอกันเลย ไอ้...
คำด่ากลืนหายไปกับฝูงชนทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามคว้ามือของเขาก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากไปตามทาง สึโยชิร้องประท้วงลั่นแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยมือแล้วยังกระชับฝ่ามือแน่นขึ้นจนเด็กหนุ่มได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะความอยา กกินมันดันมีมากกว่า...
หลังจากเดินมาเกือบ 10 นาทีโทชิก็พาเขาเลี้ยวเข้าไปยังตรอกๆหนึ่ง ผู้คนบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด สึโยชิรีบสะบัดมือทิ้งและเดินเข้าไปใกล้ๆ กันหลงแทน
“ถ้าไม่อร่อยจริงแกตายแน่!” เด็กหนุ่มคาดโทษซึ่งคนฟังแย้มรอยยิ้มรับก่อนจะเดินนำเลี้ยวไปยังอีกทางที่คนบางตากว่าเก่า...
ทั้งคู่เดินต่อมาอีก 10 นาที หักเลี้ยวหลายครั้งจนทางเดินรอบด้านเหมือนจะมีแต่พวกเขาสองคน สึโยชิรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดมาอีกมิติหนึ่งจนไม่แน่ใจว่าไอ้บ้าข้างๆหลอกเขามาทำมิดีมิร้ายรึเปล่า
ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะชิ่งไม่ชิ่งดีโทชิก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน สึโยชิหยุดตามอย่างุนงง เขาลองมองไปรอบๆพยายามหาไอ้ร้านที่ว่าแต่ก็พบเพียงบ้านเรือนที่ปิดสนิทกับ...เพิงเก่าๆ...
“ที่นี่ล่ะ”
“ที่นี่เนี่ยนะ!”
แม้เขาจะไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากแต่ไอ้นี่ก็ยังเป็นอะไรที่ไกลเกินกว่าจะจินตนาการ... มันดูเหมือนเพิงไม้เก่าๆ ที่เอาเศษไม้มาต่อๆกัน ป้ายหน้าร้านห้อยต่องแต่งอยู่อีกฝั่งสีซีดจางจนอ่านไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร หลอดไฟสีส้มหน้าร้านกระพริบว่อบแว่บชวนให้นึกถึงบ้านร้างอย่างไรชอบกล...
“เร็วเข้า” โทชิหันไปเร่งร่างโปร่งที่ส่ายหัววืด ใบหน้าไม่ศรัทธาเอาเสียเลย
“ฉันคิดว่าไอ้เพิงเก่าๆอย่างนี้ไม่น่ามีร้านโอโคโนมิยากิอร่อยๆหรอกนะ...”
“อะไรกัน? ไม่เชื่อใจฉันรึไง”
“ก็ไม่เชื่อน่ะสิ” สึโยชิตอบตรงๆ เขากำลังจะหมุนตัววิ่งหนีแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูเลื่อนเปิดออก... และสาวสวยในชุดทะมัดทะแมงสวมผ้ากันเปื้อนมองมาทางพวกเขาและยิ้มกว้างต้อนรับ
“โทชิจัง รออยู่พอดีเชียว”
สึโยชิหันขวับมองสลับคนข้างตัวกับสาวสวยตรงหน้าไปมา สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว...
ออ... มันเป็นกิ๊กกะเจ้าของร้านนี่เอง
“ตามสบายนะจ้ะ ไม่กวนล่ะ” เจ้าของร้านคนสวยวางชามใส่เครื่องปรุงลงตรงหน้าก่อนจะโปรยยิ้มที่เรียกให้สึโยชิยิ้มกว้างตอบ เขามองคนตรงข้ามที่พยักหน้าให้เธอแล้วหันไปสนใจกับกะหล่ำปลีตรงหน้า
ภายในร้านมีลูกค้าอยู่ 2-3 คนแถมยังดูแปลกๆ หลายคนก้มลงจดอะไรขยุกขยิกขณะที่อีกคนพึมพำอะไรลงในโทรศัพท์ซึ่งเขาจับใจความไม่ได้ สึโยชิเลิกที่จะให้ความสนใจ... เขาก้มลงจัดการทำโอโคโนมิยากิรวดเร็วโดยการสาดกระหล่ำปลีลงไปจนพูน...
“นายกินได้ดูสมชายชาตรีมากๆ” ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามันชมหรือด่าแต่เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก กระเพาะส่งเสียงโครกครากขณะรอให้อาหารเบื้องหน้าได้ที่
สึโยชิตัดแบ่งครึ่งโอโคโนมิยากิอย่างไม่เป็นธรรมที่สุด เขาตัดแบ่ง ‘ซาก’ โอโนมิยากิใส่จานของโทชิขณะที่กว่า 9 ใน 10 โกยใส่จานตัวเองหน้าตาเฉย
“อร่อย!” สึโยชิตาใส่ปิ๊งขณะอ้าปากงับโอโคโนมิยากิไปเกือบครึ่ง ท่าทางการกินห่างไกลจากคำว่าสุภาพเรียบร้อยไปไกลโข “เถ้าแก่ อร่อยมากๆเลยครับ”
เขาปั้นยิ้มให้สาวสวยเจ้าของร้านที่เดินเข้ามาใกล้ เธอยิ้มกว้างตอบ
“ได้ฟังอย่างนี้ฉันดีใจนะเนี่ย ซอสของที่นี่เป็นสูตรลับสืบทอดกันมาหลายรุ่นเชียวนะ”
“แถมเจ้าของร้านยังสวยด้วยนะครับ”
“ปากหวานจริงเชียว” เธอหัวเราะร่าขณะยกเครื่องปรุงชุดใหม่มาให้ “กินเข้าไปเยอะๆเลยนะจ้ะ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน” เธอพูดพลางหายไปหลังร้านปล่อยให้สึโยชิที่หน้าบานพอๆกับแผ่นโอโคโนมิยากิเบื้องหน้าสาดกะหล่ำปลีอย่างมีความสุข
“ฉันบอกแล้ว อร่อยใช่ไหมล่ะ” โทชิยิ้มกว้างขณะมองหน้าคนที่ตั้งอกตั้งใจทำโอโคโนมิยากิ “เดี๋ยวถ้าไม่อิ่มฉันจะพาไปกินซูชิต่อ ร้านแถวนี้อร่อยๆเยอะ”
“อายไอ่อ้องเอาอองอินอาอ่อเอย” สึโยชิพูดขณะที่โอโคโนมิยากิต็มปาก เขาพยายามกลืนมันอย่างยากเย็น “นายไม่ต้องเอาของกินมาล่อเลย”
“นายก็ติดกับดีไม่ใช่เหรอ?”
ใช่...
สึโยชิเห็นด้วยในใจ
“กินไปเยอะๆ พรุ่งนี้นายมีแข่งนี่”
“แล้วนาย?”
“ความลับ” คำพูดที่คนฟังเบ้หน้าก่อนจะสายหัวเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสึโยชิถึงจะวางตะเกียบลงได้ เด็กหนุ่มเอนกายพิงพนักพลางลูบพุงของตนเอง ก่อนจะส่งเสียงเรอยาวแบบไม่เกรงอกเกรงใจใครทั้งสิ้น
“อิ่มกันแล้วรึจ้ะหนุ่มๆ” เถ้าแก่ร้านคนสวยเดินเข้ามาอีกครั้ง เธอส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะไล่ไปยังโทชิ ดวงหน้าอ่อนหวานนั้นยิ่งหวานละมุนกว่าเดิม
“อร่อยเหมือนเคยเลย โยโกะซัง” โทชิขยับที่ให้เธอนั่งได้สะดวก “ใครได้ไปเป็นภรรยามีความสุขตาย”
ออ...ที่แท้มันพาเขามากะจีบเจ้าของร้าน...
สึโยชิยิ้มกริ่มในใจ โล่งอกไปเปลาะหนึ่งเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้กะจีบเขาแค่อยากจะหาเรื่องมาจีบสาว...
“ว่าแต่...ไม่คิดเลยนะว่าคนที่โทชิจังชอบจะเป็นเด็กผู้ชาย”
พรวด!
ร่างโปร่งสำลักน้ำจนออกจมูก เขาไอค่อกแค่กแต่ก็ยังพยายามจะอธิบายกับคนตรงหน้า
“ผมไม่...”
“น่ารักรึเปล่าล่ะครับ”
“น่ารักจ้ะ น่ารักมากเลย” หญิงสาวหัวเราะคิกคักขณะยื่นทิชชู่ให้เด็กหนุ่มที่หน้าเปลี่ยนสีจากแดงไปเขียวคล้ำ “รู้ไหมจ้ะ ว่าโทชิจังน่ะ เขามาตามหาร้านฉันแล้วบอกว่าฝีมือของฉันจะใช้ล่อ...”
“โยโกะซัง” โทชิว่าพลางหัวเราะ เธอยิ้มตาม
“เขาเล่าเรื่องเธอหลายเรื่องเชียว”
“ผมกลับล่ะครับ” สึโยชิรีบตัดบท เขาผุดลุกขึ้น ปั้นหน้าไม่ถูกว่าควรจะยิ้มหรือร้องไห้ดี
ถ้าเกิดไอ้โทชิบ้านี่มันเปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิงเขาคงจะดีใจอยู่หรอก แต่นี่... ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาทำเวรทำกรรมอะไรมานักหนา!
“นายจะรีบเดินไปไหนล่ะ!” โทชิรีบวิ่งตามคนที่จ้ำพรวดๆออกจากร้าน ใบหน้านั้นยังเปื้อนรอยยิ้ม “ออกมาโดยไม่จ่ายตังค์อย่างนี้เขาเรียกชักดาบนะ”
“แกจ่ายไม่ใช่ฉัน!” เขาเอ่ยปัดหน้าด้านๆ แต่อีกคนยังยิ้มรับ
“แล้วนายเดินออกถูก?”
“แกก็นำสิวะ!”
“ไม่...” คนตอบลากเสียงยาวพลางหยุดฝีเท้าเอาดื้อๆ เล่นเอาต่อมโมโหของอีกคนพุ่งจี๊ด
“เออ งั้นฉันไปเอง!”
หลงทาง...
ไม่ได้แกล้งหลงทางแต่หลงทางจริงๆอย่างน่าสมเพช เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาพยายามยอมมองหาเส้นทางที่มันคุ้นตา ...ก็ใครใช้ให้ไอ้ทางที่หมอนั่นพามาซับซ้อนอย่างกับเขาวงกตเล่าวะ!
“เฮ้ย” ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆของอะไรบางอย่างในตรอกด้านหน้า ใบหน้าขาวยิ่งเผือดซีดเมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าเขาอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยวมืดสนิท..
.
นี่มันกลางโตเกียว จะไปมีอะไรได้ไง... เขาพยายามปลอบตัวเองทั้งๆที่ใจจริงไม่ได้ไปตามสักนิด ไฟแถวนี้ก็ไม่มืดไปซะทีเดียว แต่ว่า... พอมันติดๆดับอย่างนี้สู้ให้มันมืดไปเลยดีกว่า...
“ว้ากกก!” สึโยชิกระเด้งพรวดเมื่อได้ยินเสียงกุกกักเบื้องหลัง แลเมื่อสบสายตาเข้ากับเจ้าหมาน้อยที่เดินตาแป๋วออกมาจากตรอก เขาก็สบถพรืดด้วยความหงุดหงิด “โธ่ หมานี่เอ อ๊ากกกกกกก!!!!”
สึโยชิร้องลั่นเมื่ออะไรบางอย่างตะปบหมับเข้าที่ไหล่ของเขา ใบหน้านั้นซีดเผือด และก่อนที่จะทันได้วิ่งหนี เสียงหัวเราะขำๆก็ดังหยุดไว้...
“นายนี่ น่ารักเป็นบ้า”
“แก!”เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อเห็นไอ้คนที่มาด้วยกันขำจนท้องขัดท้องแข็ง เรียกสีเลือดให้ฉาบบนใบหน้าของเขา “หัวเราะหาสวรรค์อะไรวะ”
ไม่ว่าเปล่า สึโยชิเสยเท้าเตะพรวดแต่อีกคนกลับหลบวูบได้ทันท่วงที
“โอเค ไม่ล้อแล้วๆ” โทชิพยายามข่มอาการขำก่อนจะเดินไปตบไหล่อีก
ฝ่าย “กลับบ้านๆ เดี๋ยวสึโบมิจังจะเป็นห่วง”
“ฉันกลับเองได้โว้ยยยย”
“จะเอางั้น?”
“เออ!”
“เอาน่า ฉันง้อแล้ว กลับด้วยกันนะ” หลังจากเล่นตัวพอเป็นพิธีสึโยชิก็รีบพยักหน้ารับ เพราะอย่างน้อยไปกับไอ้บ้านี่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยว...รึเปล่าวะ...
หมอนั่นมาส่งถึงบ้าน...
สึโยชิแทบจะยันไอ้คนหน้าด้านนี่ออกประตูไปกว่าที่มันจะยอมไปได้ รอยยิ้มหล่อเหลายังคงประดับบนใบหน้าขณะที่มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้เขาที่ใช้เท้ารับ
“พรุ่งนี้เจอกันนะ...” คำพูดที่สึโยชิเหยียดมุมปาก ขนลุกเกรียวตั้งแต่หัวจรดเท้า...
ไอ้บ้านี่มันต้องแข่งแหง...
“ไม่ต้องห่วง คราวนี้ฉันใช้ชื่อจริง เป็นตัวจริงลง...ไม่ต้องเสียเวลาให้นายสืบหาหรอก...”
คำพูดสั้นๆกลับทำให้ร่างโปร่งหน้าแดงก่ำ ยิ่งนึกย้อนยิ่งเจ็บใจจนต้องปล่อยหมัดสวนเข้าไปเต็มรัก อีกฝ่ายเบี่ยงหลบอย่างอารมณ์ดี
“ฝันดีนะ สึโยตันที่รัก”
“ฉันเกลียดแก ไอ้เลวเอ๊ย!!”
“คำว่าเกลียดถือว่าเป็นคำบอกรักนะ” โทชิตะโกนส่งท้ายขณะเดินไกลออกไปทิ้งให้สึโยชิกระฟัดกระเฟียดเพียงลำพัง
คอยดูเหอะ! คราวนี้ฉันจะเล่นงานแกให้อ่วมเชียว ไอ้บ้าเอ๊ย!!!!
TBC
มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะมาแจ้งค่ะ เอาข่าวดีก่อนแล้วกัน^^
สำหรับคนที่รอรีปริ้น ติดตามข่าวดีมากๆ ในเร็วๆนี้ค่ะ ไม่นานเกินอาทิตย์แน่นอน จะได้เปิดจองกันแล้ว ฮิ้วววววววววว
ส่วนข่าวร้ายเรา "หยุดลงที่นี่" แล้วนะคะ เรื่องหลักจะไม่ลงต่อที่นี่แล้ว ส่วนตอนพิเศษจะลงให้อีก 2-3 ตอนก็จะหยุดเหมือนกัน ไม่ลงต่อให้จนจบ สำหรับคนที่ไม่ซื้อก็ไม่ต้องกลัวว่าจะค้างนะคะ ตามไปอ่านได้ที่นี่
http://nabu.gooboards.com/forum.htm
เราลงจนจบไปแล้วค่ะ^^ วิธีสมัครก็อ่านได้ตามนี้ http://nabu.gooboards.com/forum-f6/topic-t33.htm อ่านให้ละเอียดนะคะ วิธีเขาบอกละเอียดพอควร
แล้วเจอกันที่บอร์ดนั้นนะคะ คราวนี้เราลงให้จุใจเลย อย่าว่ากันนะ>< ตอนนี้ก็ไม่ค่อยค้างด้วยนะ อยากอ่านก็ตามไปนะจ้ะ หุหุ
ปล. ขอกรี๊ดหน่อยค่ะ ข้าน้อยเริ่มเทใจเยร์โทชิแล้วค่ะ อร้างงงงง น่ารัก กลัวใจจริงๆว่าพอมีบทของโทชิเพิ่มจะเกิดม๊อบเปลี่ยนพระเอก 555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น