ลำดับตอนที่ #32
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : Nor Like 26 - Go!Go! Fuji Q Highland![B]
Nor Like
26 Go!Go! Fuji Q Highland![B]
แสงสีส้มอ่อนจากลำไฟฉายสาดส่องในความมืดสลัว มันพอแค่ให้เห็นทางเบื้องหน้าได้เพียงเลือนราง และสามารถทำให้หลายๆคนจินตนาการเตลิดไปไกล...
นารุมิเป็นคนถือไฟฉาย... หลังจากที่ต้องแย่งกับไอ้เจ้าคนที่ท่าจะกลัวจนประสาทกลับเขาก็ได้มันมาไว้ในมือ เพราะขืนให้สึโยชิถือสิ... รับรอง... ไม่มีทางจะเดินได้เกินสิบก้าวก็ต้องวิ่งป่าราบไปก่อนแล้ว
ร่างสูงสบถเป็นรอบที่สิบประสาทใกล้จะเสียเต็มทน ...เหตุก็เพราะ มี ‘แมวขนาดยักษ์’ ตัวซีดๆเกาะหนึบเขาไม่ยอมปล่อย... ตอนแรกๆก็เดินห่างเขาเป็นโยชน์ทั้งๆที่ข้อมือก็ถูกผูกเข้าด้วยกัน แต่ไปๆมาๆหมอนั่นกลับเบียดเขาจนแทบจะขึ้นมาขี่คออยู่รอมร่อ
“นารุมิๆ...นั่นอะไรวะ”สึโยชิกระตุกแขนนารุมิพลางมองไปทางด้านขวา ใบหน้านั้นซีดจนไร้สีเลือด...
“ไม่เห็นมีอะไร”นารุมิตอบทั้งๆที่ยังไม่ยอมมองตามก่อนจะกึ่งกระชากให้อีกฝ่ายเดินต่อ
เสียง แกรบ เบาๆเรียกให้สึโยชิสะดุ้ง เบียดกายเข้าใกล้ขึ้นอีกจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน นารุมิรู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่เกาะแขนของเขาแน่น แถมยังบีบแรงๆจนเด็กหนุ่มเริ่มเจ็บ
ในชั่ววินาทีที่นารุมิกำลังจะหันไปด่า นัยน์ตาคมก็สะดุดอยู่ที่ร่างๆหนึ่งซึ่งโผล่มาในทางไฟฉาย... ร่างๆนั้นอยู่ในชุดคนไข้...ที่เลือดโชกเต็มตัว...
“อะ...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”เสียงกรีดร้องมาจากคนข้างๆตัวของนารุมิก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงแรงกระชากที่ข้อมือขวา ร่างสูงสะดุดเท้าตัวเองเมื่อโดนบังคับให้วิ่งโดยคนที่ท่าจะสติแตกไปเรียบร้อย...
หลังจากที่วิ่งมาได้พักหนึ่งจนนารุมิรู้สึกว่าไม่มีอะไรแล้วเขาจึงพยายามหยุดวิ่ง แต่อีกคนกลับไม่ยอมทำตาม ...เด็กหนุ่มเพียงถอนหายใจเบาๆ... ก่อนจะผ่อนฝีเท้าแล้วกระชากข้อมือข้างที่ถูกผูกเข้าหาตัว
“ใจเย็น... สึโยชิ...”นารุมิรั้งแขนอีกฝ่ายไม่ให้วิ่งต่อแต่ก็ทำได้ยากเต็มที เพราะท่าทางสึโยชิจะกลัวจัดจนขี้ขึ้นสมอง หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดจัดเหมือนจะช็อคได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
“ผีๆๆ”คำพรั่งพรูออกจากริมฝีปากสั่นระริกนั้นแทบจะจับใจความไม่ได้ เหงื่อไหลย้อยลงมาตามขมับ มือไม้เย็นเฉียบแบบคนใกล้จะเป็นลม
“เฮ้ย...ตั้งสติหน่อย... นั่นมันแค่คนแต่งเป็นผี”แต่ท่าทางคำพูดของนารุมิจะสื่อสารกับอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง เมื่อจู่ๆผีตนใหม่ก็โผล่เข้ามาในคลองสายตาและสึโยชิก็เปิดยุทธการวิ่งป่าราบภาคสอง!
ทางเดินคดเคี้ยวขึ้นๆลงระยะทางสามชั้นที่สึโยชิภาวนาให้สิ้นสุดลงเร็วๆ...
ตัวเขาเองเกาะนารุมิหนึบเป็นตุ๊กแกและพยายามไม่เหลียวซ้ายแลขวาเผื่อจะเจอของดีที่อาจจะโผล่พรวดมาได้ทุกเมื่อ
“หลับตา...”นารุมิเอ่ยเรียบๆและเป็นอันรู้กันว่าหมายถึงอะไร...
สึโยชิหลับตาแน่นปล่อยให้อีกฝ่ายจูงเดินเร็วๆผ่านสถานที่นั้น ...แต่ยังไม่ทันพ้นเขาก็รู้สึกว่ามีมือมาแตะที่หลัง... ซึ่งสึโยชิก็รีบเบี่ยงเข้าหานารุมิทันควัน
ใช่... นารุมิเสนอกับเขาว่าถ้าเจอผีจะบอกให้หลับตาแล้วจะพาเดินผ่าน...
ท่าทางหมอนั่นจะหงุดหงิดเต็มทนหลังจากโดนพาวิ่งหลายสิบรอบทั้งๆที่ยังไม่เจออะไร ...แต่ก็ดี... ยังไงเขาก็ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
“ลืมตาได้แล้ว”คำสั่งที่ร่างโปร่งปรือตาขึ้นช้าๆ กระพริบสองสามครั้งให้ชินกับแสงไฟลางๆเบื้องหน้า
...ฝีเท้าของคนข้างๆยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคง... เด็กหนุ่มลอบมองคนถือไฟฉายที่ยังคงหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ...จิตหมอนี่มันแข็งน่าดู...
“นายไม่กลัวมั่งเหรอวะนารุมิ?”เขาถามเบาๆเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบเกินไปนัก อีกฝ่ายเพียงเหลือบตามองเล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่ของจริงจะกลัวทำไม?”ร่างสูงตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติจนสึโยชิเกือบจะเผลอชื่นชม ...ถ้าไม่ติดไอ้ประโยคต่อมาที่ว่า...
“ฉันไม่ปอดแหกแบบนายหรอกน่ะ...”
เท่านั้นล่ะ... คนชอบเอาชนะถึงได้อารมณ์ขึ้น ตวัดเสียงแบบลืมสถานการณ์ปัจจุบันไปเสียสนิท
“ขนาดไม่ปอดแหกแต่ขึ้นรถไฟเหาะยังแทบอ้วกนี่นะ หมายความว่าไง?”
ได้ผล...
แต่ได้ผลร้ายมาเต็มๆ...
เมื่อฝีเท้าของนารุมิชะงักทันควัน นัยน์ตาคู่สวยกลับไปมีประกายกล้าแบบที่สึโยชิเริ่มรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมารำไร
“ในเมื่อนายเก่งนัก...”นารุมิเว้นช่วงไปนิดก่อนขยับยิ้มหวาน...ที่สึโยชิบอกได้เลยว่าชวนสยองกว่าไอ้ตัวที่เจอมาตลอดทางรวมกันเ สียอีก
“นายก็คงไม่ต้องใช้มัน...”
คำพูดที่ครั้งแรกสึโยชิก็ไม่เข้าใจความหมาย...
แสงจากไฟฉายดับวูบลงรวดเร็วจนสึโยชิสะดุ้ง เขามองตามมือนารุมิที่ทิ้งไฟฉายลงในกล่องด้วยอาการอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกโตด้วยความช็อคสุดขีด
“นายทำบ้าอะไรวะ!!”เขาร้องเสียงหลงแต่อีกฝ่ายเพียงขยับยิ้ม ก่อนจะชี้ไปที่ป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘คืนไฟฉาย’ ให้สึโยชิมองแล้วใจตุ้มๆต่อมๆ
“ทำตามกติกาหน่อยสึโยชิ...คนกล้าหาญอย่างนายน่ะไม่ต้องใช้ก็ผ่านฉลุย...”น้ำเสียงกวนประสาทของนารุมิเรียกให้เขาอ้าปากพะงาบๆนึ กคำด่าไม่ออก ความโมโหพุ่งปรี๊ดจนอดรนทนไม่ได้เลยกระทืบเท้า(ของนารุมิ)สุดแรง ส่งผลให้ร่างสูงกระโดดเหยงด้วยความเจ็บ
“ใช่...คนกล้าหาญอย่างฉันน่ะ ยังไงก็ผ่านได้อยู่แล้ว...”สึโยชิพยายามทำเสียงให้ฟังดูกล้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาฝืนจ้องตากับนารุมิที่เป็นประกายวาวด้วยแรงอารมณ์
“ได้...แล้วฉันจะรอดูว่านายจะกล้าไปได้ไกลแค่ไหน”ว่าเสร็จร่างสูงก็เริ่มออกเดินไปในความมืดมิดโดยไม่ยอมเหลียวไปมองข้างๆอีกเล ย...
เขากำลังจะตาย...
นั่นเป็นคำที่บรรยายความรู้สึกตอนนี้ของสึโยชิได้ดีที่สุดแล้ว และคนที่ฆ่าเขาไม่ใช่ใครอื่นคือไอ้คุณชายคาวามูระตัวแสบนั่นล่ะ! เพราะพอถึงตอนผีมาทีไร เขาจะวิ่งก็วิ่งไม่ได้เพราะหมอนั่นคอยดึงแขนอยู่ ...แถมบางทียังคว้าแขนผีแล้วให้ยื่นหน้ามาใกล้ๆเขาเสียอีก!
“ไม่เก่งให้ตลอดล่ะ?”นารุมิขยับยิ้มบางๆเมื่อเห็นเขาหอบหายใจหนักๆหลังจากวิ่งออกมาจากห้องๆหนึ่งที่เจอผีในชุดกาวน์โผล่ออกมาห ลอก
สึโยชิใช้แขนยันไว้กับเข่าพยายามสูดลมหายใจลึกๆ เด็กหนุ่มเหนื่อยแทบขาดใจเพราะนอกจากจะต้องวิ่งเอาตัวเองให้รอดแล้วยังต้องพยายามลากไอ้เจ้าคนที่แกล้งเดินเอื่อยเฉื่อยไปด้วยอ ีกคน
คิดแล้วก็ตวัดมองด้วยความแค้น... เขาต้องเดินอยู่ในความมืดจนแทบจะช็อคตายหลายต่อหลายครั้ง แค้นแสนแค้นแต่นึกไม่ออกว่าจะเอาคืนยังไงดี และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้แกวความคิดเขา... ใบหน้าได้รูปนั้นจึงยื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบต่ำที่ฟังดูหลอนประสาทอย่างน่ากลัว
“เหนื่อยเหรอ...”ฟังแล้วสึโยชิหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ มองนารุมิตาขวางแต่คนโดนมองกลับยังยิ้มเฉย
“ไม่รีบเดินเดี๋ยวก็ไม่ได้ออกไปหรอก...”
“โว้ยยยย อย่าทำเสียงอย่างนั้นได้ไหมวะ!”สึโยชิตะโกนอย่างคนประสาทใกล้เสีย ก่อนจะเริ่มเดินเร็วๆอีกครั้ง ...เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆที่ข้างหู
“นายนี่กลัวได้จริงจังมาก”นารุมิพูดกลั้วหัวเราะ ...ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากนักและถ้าเกิดในเวลาปกติก็คงดูดีไม่เบา...แต่เวลาแบบนี้... เขาบอกได้คำเดียวว่าขำไม่ออก
“ฉันเกลียดนายชิบเป๋ง”เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบแต่ก็เพียงพอให้อีกคนได้ยินเต็มๆหู...
รอยยิ้มคลายไปจากใบหน้าได้รูป... นารุมิหรี่ตามองร่างที่เดินเคียงข้าง... ทั้งๆที่ใกล้กันแค่นี้...แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังยืนอยู่เพียงลำพัง...
“ฉันก็เกลียดนายเหมือนกัน...”คำพูดเรียบๆแบบที่เคยแต่กลับสะท้อนไปมาอย่างประหลาด... และสะท้อนซ้ำไปซ้ำมาในหูของสึโยชิ...
ฝีเท้าของเด็กหนุ่มชะงักลง ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้... นัยน์ตาเบิกกว้างพยายามประมวลคำพูดที่ได้ยิน... เกลียด... เกลียด... เขาพยายามหันไปค้นหาคำตอบในดวงตาอีกฝ่ายแต่คำตอบที่ได้กลับยิ่งทำให้ใจแป้วยิ่งกว่าเดิม...เมื่อดวงตานั้น...กลับว่างเปล่า...
จู่ๆสึโยชิก็รู้สึกหายใจไม่ออก ก้อนบางอย่างพุ่งขึ้นมาจุกที่คอแต่เขาก็ฝืนกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น เด็กหนุ่มหัวเราะแค่นๆกับตัวเองเมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า
...เขาก็เป็นได้แค่คนที่นารุมิเกลียด...
“นาย...พูดจริงรึเปล่า...”ฝืนพูดทั้งที่กำลังจะยืนต่อไปไม่ไหว มือของเขากำลังเย็นขึ้นเรื่อยๆ รวดเร็วกว่าตอนที่เจอในบ้านผีสิง
...และเขาก็ได้เพียงความเงียบมาเป็นคำตอบ...
“ฉันนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก”ว่าแล้วสึโยชิก็หัวเราะกับตัวเองด้วยความสมเพช เขาไปมีความคิดที่ว่าจะเป็นเพื่อนกันคุณชายคาวามูระได้ยังไงนะ... โง่เป็นบ้า... อย่างหมอนั่น...
พลันความคิดของเขาก็สะดุดค้างเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆบริเวณฝ่ามือ เด็กหนุ่
มก้มลงไปมองอย่างรวดเร็วและพบว่ามือข้างที่ถูกผูกติดเอาไว้มีมือเรียวยาวเอื้อมมาเกาะกุม...
ความร้อนพุ่งวาบไปทั้งใบหน้าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มมาให้... รอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...
“ไอ้บ้า...”นารุมิพูดเบาๆพลางดันหน้าผากของเขาจนแทบหงายหลัง
แม้คำพูดจะระคายหูไปบ้างแต่สึโยชิกลับยิ้มกว้าง ในอกกลับมาพองโตหลังจากถูกบีบเหลือเล็กฟีบ เขาแสร้งเบ้หน้าให้ไอ้คุณชายตัวดีก่อนจะแลบลิ้นใส่
“แกสิบ้า”
“แต่คนที่นายหาว่าบ้า นายก็อยากเป็นเพื่อนด้วยไม่ใช่รึไง?”
“ใครวะ!”สึโยชิร้องเสียงหลง หน้ายิ่งแดงจัดเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อกี้ตนเองพูดอะไรออกไป
แต่ประโยคสนทนาที่ดูท่าจะยาวกลับถูกขัดเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง...
...ร่างๆหนึ่งค่อยๆคืบกายเข้ามาใกล้...
สึโยชิเผลอถอยเท้าก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เขาเพ่งมองร่างที่เคลื่อนที่เร็วขึ้น...เร็วขึ้น...เร็ว...
“เฮ้ย!!!”สึโยชิตะโกนลั่นเมื่อร่างนั้นเริ่มวิ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วสูง ไม่ต้องคิดอะไรอีกต่อไป สึโยชิใส่เกียร์หมาโกยเต็มเหยียดโดยไม่เหลียวหลัง
เขาเห็นแสงไฟอยู่ลิบๆที่อีกฝั่งทางออก... เด็กหนุ่มวิ่งลิ่วโดยไม่หยุดคิดและพุ่งออกมาข้างๆแถวคนรอเข้าทั้งๆที่ยังแหกปากลั่น ซี่งทำให้บรรดาผู้ที่ต่อแถวอยู่หัวเราะกันเสียยกใหญ่
“นี่ขนาดนายไม่กลัวนะเนี่ย”นารุมิพูดกลั้วหัวเราะหลังจากที่สึโยชิลากเขาวิ่งออกมาไกลจากประตูเกือบสิบเมตร
ใบหน้าของสึโยชิเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ทั้งอายทั้งเคืองเลยได้แต่สบถอะไรในลำคอแล้วเดินกลับไปที่ร้านขายของๆบ้านผีสิงแก้เก้อ...
สินค้าแปลกๆหลายชนิดถูกจัดวางภายใน มีทั้งดินสอกดกรุ๊ปเลือด ที่ห้อยมือถือ เครื่องลาง หูฟังหมอ ฯลฯ ดูลานตาจนเขาเลือกไม่ถูก ...แต่ไอ้ที่สะดุดตาที่สุดเนี่ย... เห็นจะไม่พ้นรูปถ่ายที่วางแปะเรียงรายกันอยู่ไปได้... มันคือรูปภาพที่พวกเขาถ่ายตอนก่อนเข้าบ้านผีสิง ตรงห้องเอ็กซ์เรย์ แต่ตอนถ่ายเก้าอี้จะยุบลงไปพอดี เล่นเอาเหวอไปตามๆกัน
สึโยชิพยายามเพ่งหารูปตนเองสุดความสามารถ เขาไล่สายตาไปทีละรูปอย่างพินิจตั้งแต่รูปแรกยันรูปสุดท้าย...แต่แปลก...กลับไม่มีวี่แววรูปถ่ายของเขา...
“หานี่อยู่เหรอ?”คำถามเบาๆที่สึโยชิหันตามเสียงและประสานสายตาเข้ากับนารุมิ เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณชายคาวามูระแล้วตวัดลงมองที่มือ...ตามคาด...รูปถ่ายใบนั้น...อยู่ในมือของนารุมิ...
“หน้านายตลกเป็นบ้า”ว่าพลางนารุมิก็ยื่นรูปถ่ายในมือมาให้เขาดูใกล้ๆ...
หน้าของเขาดูเหมือนกำลังกลัวสุดขีด... นัยน์ตาเบิกโตขณะที่ปากก็บิดเป็นรูปแปลกๆ แต่ไอ้คุณชายที่นั่งข้างๆ...กลับนิ่ง...นิ่งจนน่าหมั่นไส้!
แต่ดูได้เพียงไม่นานนารุมิก็ดึงรูปกลับก่อนจะทิ้งลงไปในกระเป๋า ร่างโปร่งมองตามอ้าปากค้าง เอ่ยอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“อย่าบอกนะ...ว่านายซื้อ”
“ใช่...ก็หน้านายมันตลกดี”เหตุผลที่ฟังแล้วหงุดหงิดจนเขาคันปากอยากด่า... แต่ขณะที่กำลังร้อยเรียงคำด่าในใจ...เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังกระตุกกางเกงของเขาจากด้านล่าง...
สึโยชิก้มลงมองด้วยความงุนงงก่อนจะชะงัก... เมื่อพบว่าคนที่กระตุกเรียกเขาเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 4-5 ขวบ... เธอสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูอ่อน เรือนผมยาวถักเปียไว้สองข้างดูน่ารักน่าเอ็นดูสมวัย แต่นัยน์ตากลมโตของเด็กหญิงกลับรื้นไปด้วยเอ่อคลอ ...แล้วเพียงสบตาเขา... เสียงร้องไห้จ้าก็ดังลั่นจนสึโยชิแทบสะดุ้ง!
“มายุจัง!”นารุมิกับสึโยชิประสานเสียงกันทันทีที่ได้สติ มองเด็กผู้หญิงที่ยังไม่หยุดร้องไห้สลับกับอีกฝ่ายไปมา...
คล้ายกับจะถามอีกคนว่า...จะทำยังไงกับระเบิดกองโตตรงหน้าดี?
TBC
อย่าตกใจที่คราวนี้อัพเร็ว เพราะอาจจะมีเหตุฉุกเฉินให้มาอัพไม่ได้เนื่องจากใกล้สอบ(อีกแล้ว)
พระเจ้าช่วย ทำไมคณะดิฉันมันสอบเดือนเว้นเดือ จะบ้าตาย เฮ้อ เครียด
26 Go!Go! Fuji Q Highland![B]
แสงสีส้มอ่อนจากลำไฟฉายสาดส่องในความมืดสลัว มันพอแค่ให้เห็นทางเบื้องหน้าได้เพียงเลือนราง และสามารถทำให้หลายๆคนจินตนาการเตลิดไปไกล...
นารุมิเป็นคนถือไฟฉาย... หลังจากที่ต้องแย่งกับไอ้เจ้าคนที่ท่าจะกลัวจนประสาทกลับเขาก็ได้มันมาไว้ในมือ เพราะขืนให้สึโยชิถือสิ... รับรอง... ไม่มีทางจะเดินได้เกินสิบก้าวก็ต้องวิ่งป่าราบไปก่อนแล้ว
ร่างสูงสบถเป็นรอบที่สิบประสาทใกล้จะเสียเต็มทน ...เหตุก็เพราะ มี ‘แมวขนาดยักษ์’ ตัวซีดๆเกาะหนึบเขาไม่ยอมปล่อย... ตอนแรกๆก็เดินห่างเขาเป็นโยชน์ทั้งๆที่ข้อมือก็ถูกผูกเข้าด้วยกัน แต่ไปๆมาๆหมอนั่นกลับเบียดเขาจนแทบจะขึ้นมาขี่คออยู่รอมร่อ
“นารุมิๆ...นั่นอะไรวะ”สึโยชิกระตุกแขนนารุมิพลางมองไปทางด้านขวา ใบหน้านั้นซีดจนไร้สีเลือด...
“ไม่เห็นมีอะไร”นารุมิตอบทั้งๆที่ยังไม่ยอมมองตามก่อนจะกึ่งกระชากให้อีกฝ่ายเดินต่อ
เสียง แกรบ เบาๆเรียกให้สึโยชิสะดุ้ง เบียดกายเข้าใกล้ขึ้นอีกจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน นารุมิรู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่เกาะแขนของเขาแน่น แถมยังบีบแรงๆจนเด็กหนุ่มเริ่มเจ็บ
ในชั่ววินาทีที่นารุมิกำลังจะหันไปด่า นัยน์ตาคมก็สะดุดอยู่ที่ร่างๆหนึ่งซึ่งโผล่มาในทางไฟฉาย... ร่างๆนั้นอยู่ในชุดคนไข้...ที่เลือดโชกเต็มตัว...
“อะ...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”เสียงกรีดร้องมาจากคนข้างๆตัวของนารุมิก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงแรงกระชากที่ข้อมือขวา ร่างสูงสะดุดเท้าตัวเองเมื่อโดนบังคับให้วิ่งโดยคนที่ท่าจะสติแตกไปเรียบร้อย...
หลังจากที่วิ่งมาได้พักหนึ่งจนนารุมิรู้สึกว่าไม่มีอะไรแล้วเขาจึงพยายามหยุดวิ่ง แต่อีกคนกลับไม่ยอมทำตาม ...เด็กหนุ่มเพียงถอนหายใจเบาๆ... ก่อนจะผ่อนฝีเท้าแล้วกระชากข้อมือข้างที่ถูกผูกเข้าหาตัว
“ใจเย็น... สึโยชิ...”นารุมิรั้งแขนอีกฝ่ายไม่ให้วิ่งต่อแต่ก็ทำได้ยากเต็มที เพราะท่าทางสึโยชิจะกลัวจัดจนขี้ขึ้นสมอง หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดจัดเหมือนจะช็อคได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
“ผีๆๆ”คำพรั่งพรูออกจากริมฝีปากสั่นระริกนั้นแทบจะจับใจความไม่ได้ เหงื่อไหลย้อยลงมาตามขมับ มือไม้เย็นเฉียบแบบคนใกล้จะเป็นลม
“เฮ้ย...ตั้งสติหน่อย... นั่นมันแค่คนแต่งเป็นผี”แต่ท่าทางคำพูดของนารุมิจะสื่อสารกับอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง เมื่อจู่ๆผีตนใหม่ก็โผล่เข้ามาในคลองสายตาและสึโยชิก็เปิดยุทธการวิ่งป่าราบภาคสอง!
ทางเดินคดเคี้ยวขึ้นๆลงระยะทางสามชั้นที่สึโยชิภาวนาให้สิ้นสุดลงเร็วๆ...
ตัวเขาเองเกาะนารุมิหนึบเป็นตุ๊กแกและพยายามไม่เหลียวซ้ายแลขวาเผื่อจะเจอของดีที่อาจจะโผล่พรวดมาได้ทุกเมื่อ
“หลับตา...”นารุมิเอ่ยเรียบๆและเป็นอันรู้กันว่าหมายถึงอะไร...
สึโยชิหลับตาแน่นปล่อยให้อีกฝ่ายจูงเดินเร็วๆผ่านสถานที่นั้น ...แต่ยังไม่ทันพ้นเขาก็รู้สึกว่ามีมือมาแตะที่หลัง... ซึ่งสึโยชิก็รีบเบี่ยงเข้าหานารุมิทันควัน
ใช่... นารุมิเสนอกับเขาว่าถ้าเจอผีจะบอกให้หลับตาแล้วจะพาเดินผ่าน...
ท่าทางหมอนั่นจะหงุดหงิดเต็มทนหลังจากโดนพาวิ่งหลายสิบรอบทั้งๆที่ยังไม่เจออะไร ...แต่ก็ดี... ยังไงเขาก็ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
“ลืมตาได้แล้ว”คำสั่งที่ร่างโปร่งปรือตาขึ้นช้าๆ กระพริบสองสามครั้งให้ชินกับแสงไฟลางๆเบื้องหน้า
...ฝีเท้าของคนข้างๆยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคง... เด็กหนุ่มลอบมองคนถือไฟฉายที่ยังคงหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ...จิตหมอนี่มันแข็งน่าดู...
“นายไม่กลัวมั่งเหรอวะนารุมิ?”เขาถามเบาๆเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบเกินไปนัก อีกฝ่ายเพียงเหลือบตามองเล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่ของจริงจะกลัวทำไม?”ร่างสูงตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติจนสึโยชิเกือบจะเผลอชื่นชม ...ถ้าไม่ติดไอ้ประโยคต่อมาที่ว่า...
“ฉันไม่ปอดแหกแบบนายหรอกน่ะ...”
เท่านั้นล่ะ... คนชอบเอาชนะถึงได้อารมณ์ขึ้น ตวัดเสียงแบบลืมสถานการณ์ปัจจุบันไปเสียสนิท
“ขนาดไม่ปอดแหกแต่ขึ้นรถไฟเหาะยังแทบอ้วกนี่นะ หมายความว่าไง?”
ได้ผล...
แต่ได้ผลร้ายมาเต็มๆ...
เมื่อฝีเท้าของนารุมิชะงักทันควัน นัยน์ตาคู่สวยกลับไปมีประกายกล้าแบบที่สึโยชิเริ่มรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมารำไร
“ในเมื่อนายเก่งนัก...”นารุมิเว้นช่วงไปนิดก่อนขยับยิ้มหวาน...ที่สึโยชิบอกได้เลยว่าชวนสยองกว่าไอ้ตัวที่เจอมาตลอดทางรวมกันเ สียอีก
“นายก็คงไม่ต้องใช้มัน...”
คำพูดที่ครั้งแรกสึโยชิก็ไม่เข้าใจความหมาย...
แสงจากไฟฉายดับวูบลงรวดเร็วจนสึโยชิสะดุ้ง เขามองตามมือนารุมิที่ทิ้งไฟฉายลงในกล่องด้วยอาการอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกโตด้วยความช็อคสุดขีด
“นายทำบ้าอะไรวะ!!”เขาร้องเสียงหลงแต่อีกฝ่ายเพียงขยับยิ้ม ก่อนจะชี้ไปที่ป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘คืนไฟฉาย’ ให้สึโยชิมองแล้วใจตุ้มๆต่อมๆ
“ทำตามกติกาหน่อยสึโยชิ...คนกล้าหาญอย่างนายน่ะไม่ต้องใช้ก็ผ่านฉลุย...”น้ำเสียงกวนประสาทของนารุมิเรียกให้เขาอ้าปากพะงาบๆนึ กคำด่าไม่ออก ความโมโหพุ่งปรี๊ดจนอดรนทนไม่ได้เลยกระทืบเท้า(ของนารุมิ)สุดแรง ส่งผลให้ร่างสูงกระโดดเหยงด้วยความเจ็บ
“ใช่...คนกล้าหาญอย่างฉันน่ะ ยังไงก็ผ่านได้อยู่แล้ว...”สึโยชิพยายามทำเสียงให้ฟังดูกล้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาฝืนจ้องตากับนารุมิที่เป็นประกายวาวด้วยแรงอารมณ์
“ได้...แล้วฉันจะรอดูว่านายจะกล้าไปได้ไกลแค่ไหน”ว่าเสร็จร่างสูงก็เริ่มออกเดินไปในความมืดมิดโดยไม่ยอมเหลียวไปมองข้างๆอีกเล ย...
เขากำลังจะตาย...
นั่นเป็นคำที่บรรยายความรู้สึกตอนนี้ของสึโยชิได้ดีที่สุดแล้ว และคนที่ฆ่าเขาไม่ใช่ใครอื่นคือไอ้คุณชายคาวามูระตัวแสบนั่นล่ะ! เพราะพอถึงตอนผีมาทีไร เขาจะวิ่งก็วิ่งไม่ได้เพราะหมอนั่นคอยดึงแขนอยู่ ...แถมบางทียังคว้าแขนผีแล้วให้ยื่นหน้ามาใกล้ๆเขาเสียอีก!
“ไม่เก่งให้ตลอดล่ะ?”นารุมิขยับยิ้มบางๆเมื่อเห็นเขาหอบหายใจหนักๆหลังจากวิ่งออกมาจากห้องๆหนึ่งที่เจอผีในชุดกาวน์โผล่ออกมาห ลอก
สึโยชิใช้แขนยันไว้กับเข่าพยายามสูดลมหายใจลึกๆ เด็กหนุ่มเหนื่อยแทบขาดใจเพราะนอกจากจะต้องวิ่งเอาตัวเองให้รอดแล้วยังต้องพยายามลากไอ้เจ้าคนที่แกล้งเดินเอื่อยเฉื่อยไปด้วยอ ีกคน
คิดแล้วก็ตวัดมองด้วยความแค้น... เขาต้องเดินอยู่ในความมืดจนแทบจะช็อคตายหลายต่อหลายครั้ง แค้นแสนแค้นแต่นึกไม่ออกว่าจะเอาคืนยังไงดี และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้แกวความคิดเขา... ใบหน้าได้รูปนั้นจึงยื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบต่ำที่ฟังดูหลอนประสาทอย่างน่ากลัว
“เหนื่อยเหรอ...”ฟังแล้วสึโยชิหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ มองนารุมิตาขวางแต่คนโดนมองกลับยังยิ้มเฉย
“ไม่รีบเดินเดี๋ยวก็ไม่ได้ออกไปหรอก...”
“โว้ยยยย อย่าทำเสียงอย่างนั้นได้ไหมวะ!”สึโยชิตะโกนอย่างคนประสาทใกล้เสีย ก่อนจะเริ่มเดินเร็วๆอีกครั้ง ...เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆที่ข้างหู
“นายนี่กลัวได้จริงจังมาก”นารุมิพูดกลั้วหัวเราะ ...ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากนักและถ้าเกิดในเวลาปกติก็คงดูดีไม่เบา...แต่เวลาแบบนี้... เขาบอกได้คำเดียวว่าขำไม่ออก
“ฉันเกลียดนายชิบเป๋ง”เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบแต่ก็เพียงพอให้อีกคนได้ยินเต็มๆหู...
รอยยิ้มคลายไปจากใบหน้าได้รูป... นารุมิหรี่ตามองร่างที่เดินเคียงข้าง... ทั้งๆที่ใกล้กันแค่นี้...แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังยืนอยู่เพียงลำพัง...
“ฉันก็เกลียดนายเหมือนกัน...”คำพูดเรียบๆแบบที่เคยแต่กลับสะท้อนไปมาอย่างประหลาด... และสะท้อนซ้ำไปซ้ำมาในหูของสึโยชิ...
ฝีเท้าของเด็กหนุ่มชะงักลง ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้... นัยน์ตาเบิกกว้างพยายามประมวลคำพูดที่ได้ยิน... เกลียด... เกลียด... เขาพยายามหันไปค้นหาคำตอบในดวงตาอีกฝ่ายแต่คำตอบที่ได้กลับยิ่งทำให้ใจแป้วยิ่งกว่าเดิม...เมื่อดวงตานั้น...กลับว่างเปล่า...
จู่ๆสึโยชิก็รู้สึกหายใจไม่ออก ก้อนบางอย่างพุ่งขึ้นมาจุกที่คอแต่เขาก็ฝืนกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น เด็กหนุ่มหัวเราะแค่นๆกับตัวเองเมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า
...เขาก็เป็นได้แค่คนที่นารุมิเกลียด...
“นาย...พูดจริงรึเปล่า...”ฝืนพูดทั้งที่กำลังจะยืนต่อไปไม่ไหว มือของเขากำลังเย็นขึ้นเรื่อยๆ รวดเร็วกว่าตอนที่เจอในบ้านผีสิง
...และเขาก็ได้เพียงความเงียบมาเป็นคำตอบ...
“ฉันนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก”ว่าแล้วสึโยชิก็หัวเราะกับตัวเองด้วยความสมเพช เขาไปมีความคิดที่ว่าจะเป็นเพื่อนกันคุณชายคาวามูระได้ยังไงนะ... โง่เป็นบ้า... อย่างหมอนั่น...
พลันความคิดของเขาก็สะดุดค้างเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆบริเวณฝ่ามือ เด็กหนุ่
มก้มลงไปมองอย่างรวดเร็วและพบว่ามือข้างที่ถูกผูกติดเอาไว้มีมือเรียวยาวเอื้อมมาเกาะกุม...
ความร้อนพุ่งวาบไปทั้งใบหน้าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มมาให้... รอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...
“ไอ้บ้า...”นารุมิพูดเบาๆพลางดันหน้าผากของเขาจนแทบหงายหลัง
แม้คำพูดจะระคายหูไปบ้างแต่สึโยชิกลับยิ้มกว้าง ในอกกลับมาพองโตหลังจากถูกบีบเหลือเล็กฟีบ เขาแสร้งเบ้หน้าให้ไอ้คุณชายตัวดีก่อนจะแลบลิ้นใส่
“แกสิบ้า”
“แต่คนที่นายหาว่าบ้า นายก็อยากเป็นเพื่อนด้วยไม่ใช่รึไง?”
“ใครวะ!”สึโยชิร้องเสียงหลง หน้ายิ่งแดงจัดเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อกี้ตนเองพูดอะไรออกไป
แต่ประโยคสนทนาที่ดูท่าจะยาวกลับถูกขัดเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง...
...ร่างๆหนึ่งค่อยๆคืบกายเข้ามาใกล้...
สึโยชิเผลอถอยเท้าก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เขาเพ่งมองร่างที่เคลื่อนที่เร็วขึ้น...เร็วขึ้น...เร็ว...
“เฮ้ย!!!”สึโยชิตะโกนลั่นเมื่อร่างนั้นเริ่มวิ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วสูง ไม่ต้องคิดอะไรอีกต่อไป สึโยชิใส่เกียร์หมาโกยเต็มเหยียดโดยไม่เหลียวหลัง
เขาเห็นแสงไฟอยู่ลิบๆที่อีกฝั่งทางออก... เด็กหนุ่มวิ่งลิ่วโดยไม่หยุดคิดและพุ่งออกมาข้างๆแถวคนรอเข้าทั้งๆที่ยังแหกปากลั่น ซี่งทำให้บรรดาผู้ที่ต่อแถวอยู่หัวเราะกันเสียยกใหญ่
“นี่ขนาดนายไม่กลัวนะเนี่ย”นารุมิพูดกลั้วหัวเราะหลังจากที่สึโยชิลากเขาวิ่งออกมาไกลจากประตูเกือบสิบเมตร
ใบหน้าของสึโยชิเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ทั้งอายทั้งเคืองเลยได้แต่สบถอะไรในลำคอแล้วเดินกลับไปที่ร้านขายของๆบ้านผีสิงแก้เก้อ...
สินค้าแปลกๆหลายชนิดถูกจัดวางภายใน มีทั้งดินสอกดกรุ๊ปเลือด ที่ห้อยมือถือ เครื่องลาง หูฟังหมอ ฯลฯ ดูลานตาจนเขาเลือกไม่ถูก ...แต่ไอ้ที่สะดุดตาที่สุดเนี่ย... เห็นจะไม่พ้นรูปถ่ายที่วางแปะเรียงรายกันอยู่ไปได้... มันคือรูปภาพที่พวกเขาถ่ายตอนก่อนเข้าบ้านผีสิง ตรงห้องเอ็กซ์เรย์ แต่ตอนถ่ายเก้าอี้จะยุบลงไปพอดี เล่นเอาเหวอไปตามๆกัน
สึโยชิพยายามเพ่งหารูปตนเองสุดความสามารถ เขาไล่สายตาไปทีละรูปอย่างพินิจตั้งแต่รูปแรกยันรูปสุดท้าย...แต่แปลก...กลับไม่มีวี่แววรูปถ่ายของเขา...
“หานี่อยู่เหรอ?”คำถามเบาๆที่สึโยชิหันตามเสียงและประสานสายตาเข้ากับนารุมิ เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณชายคาวามูระแล้วตวัดลงมองที่มือ...ตามคาด...รูปถ่ายใบนั้น...อยู่ในมือของนารุมิ...
“หน้านายตลกเป็นบ้า”ว่าพลางนารุมิก็ยื่นรูปถ่ายในมือมาให้เขาดูใกล้ๆ...
หน้าของเขาดูเหมือนกำลังกลัวสุดขีด... นัยน์ตาเบิกโตขณะที่ปากก็บิดเป็นรูปแปลกๆ แต่ไอ้คุณชายที่นั่งข้างๆ...กลับนิ่ง...นิ่งจนน่าหมั่นไส้!
แต่ดูได้เพียงไม่นานนารุมิก็ดึงรูปกลับก่อนจะทิ้งลงไปในกระเป๋า ร่างโปร่งมองตามอ้าปากค้าง เอ่ยอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“อย่าบอกนะ...ว่านายซื้อ”
“ใช่...ก็หน้านายมันตลกดี”เหตุผลที่ฟังแล้วหงุดหงิดจนเขาคันปากอยากด่า... แต่ขณะที่กำลังร้อยเรียงคำด่าในใจ...เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังกระตุกกางเกงของเขาจากด้านล่าง...
สึโยชิก้มลงมองด้วยความงุนงงก่อนจะชะงัก... เมื่อพบว่าคนที่กระตุกเรียกเขาเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 4-5 ขวบ... เธอสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูอ่อน เรือนผมยาวถักเปียไว้สองข้างดูน่ารักน่าเอ็นดูสมวัย แต่นัยน์ตากลมโตของเด็กหญิงกลับรื้นไปด้วยเอ่อคลอ ...แล้วเพียงสบตาเขา... เสียงร้องไห้จ้าก็ดังลั่นจนสึโยชิแทบสะดุ้ง!
“มายุจัง!”นารุมิกับสึโยชิประสานเสียงกันทันทีที่ได้สติ มองเด็กผู้หญิงที่ยังไม่หยุดร้องไห้สลับกับอีกฝ่ายไปมา...
คล้ายกับจะถามอีกคนว่า...จะทำยังไงกับระเบิดกองโตตรงหน้าดี?
TBC
อย่าตกใจที่คราวนี้อัพเร็ว เพราะอาจจะมีเหตุฉุกเฉินให้มาอัพไม่ได้เนื่องจากใกล้สอบ(อีกแล้ว)
พระเจ้าช่วย ทำไมคณะดิฉันมันสอบเดือนเว้นเดือ จะบ้าตาย เฮ้อ เครียด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น