คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Fate chain 1.1- ผู้ช่วยเหลือ?
Fate chain 1
นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนเพ่งมองซองเงินในมือ... ริมฝีปากบางเม้มแน่นขณะเหลียวไปรอบด้านพร้อมกับซุกซองนั้นลงในกระเป๋ากางเกง เขายกมือขึ้นขยี้ผมย้อมสีแดงเพลิงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูโรงรถออกไปยังเบื้องนอก
“เรียวจัง มืดขนาดจะไปไหนอีกเหรอจ้ะ” คุณป้าร่างท้วมทักเขาอย่างใจดี เด็กหนุ่มขยับยิ้มตอบ
“เดี๋ยวผมไปเยี่ยมแม่ก่อนครับ อีกสักพักคงกลับ คุณป้าอย่าเพิ่งล็อคห้องนะครับ”
“ได้จ้ะ แต่อย่าดึกนักนะเดี๋ยวตาแก่จะโวยวายเอา”
เขาโค้งให้หญิงที่เป็นทั้งนายจ้างและเจ้าของที่ซุกหัวนอนอย่างนอบน้อม รอยยิ้มบางๆ ซึ่งประดับบนเรียวปากสวยของเด็กหนุ่มชวนให้คนมองนึกเอ็นดู...
เรียวกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามทาง เขายกมือขึ้นมองนาฬิกาด้วยความเคยชินและลืมไปสนิทว่าเขาเพิ่งเอามันไปจำนำเมื่อวันก่อน เด็กหนุ่มย้ายไปล้วงกระเป๋ากางเกงและคว้าโทรศัพท์มือถือเก่าคร่ำคร่าจนไม่น่าเชื่อว่าจะยังใช้ได้อยู่
“เกือบ 6 โมงแล้ว” เขาพึมพำเบาๆ เร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มเกือบหงายท้องเมื่อชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าจังเบ้อเร่อ เรียวเงยหน้าขึ้น แต่เมื่อพบคู่กรณี ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว
“เรียว! มิจจี้บอกฉันว่านายเอามอเตอร์ไซค์ไปขายเป็นความจริงเหรอ” เสียงนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดและแผดลงกลางใจของเด็กหนุ่มที่ฝืนยิ้มฝืดเฝื่อน
เพียงเขาพยักหน้าเบาๆ อีกคนก็เหมือนพองลมขึ้น 2-3 เท่า ใบหน้าของหมอนั่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับซีดดูน่าตลก...แต่เขาก็ขำไม่ออก
“รถนั่นมันเป็นชีวิตจิตใจของนายไม่ใช่เหรอ! แล้วนาย...”
“พูดหยั่งกับฉันมีทางเลือกอื่น นายก็รู้นี่หว่าโย...กำหนดจ่ายของโรงพยาบาลใกล้จะมาถึงแล้ว”
“แต่ถึงอย่างนั้น...”
“ฉันไม่มีทางเลือก แต่ถึงให้เลือกอีกครั้งฉันก็จะทำ แม่ของฉันสำคัญกว่า...นายก็รู้...ฉันเหลือแม่แค่คนเดียว”
ใช่... ชีวิตเขามันเหมือนละครน้ำเน่าไม่มีผิด!
ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อแม่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลเมื่อ 1 ปีก่อน แม่ที่เสมือนหลักยึดของบ้านล้มลงเหลือเพียงเขาที่เป็นเด็ก ม. ต้น เพียงคนเดียว พวกเขาต้องขายบ้านมาจ่ายค่าโรงพยาบาล ย้ายไปอยู่ อพาร์ทเมนต์เล็กๆ ขายเครื่องเรือนเกือบทุกชิ้นจนไม่มีเหลือ ท้ายสุด... เขาต้องย้ายจากที่นั่นไปอยู่ที่ห้องเช่าเก่าซอมซ่อและแคบเท่ารูหนูที่มีคนใจบุญอุทิศให้ โดยเขาต้องทำงานในอู่ซ่อมรถเป็นการตอบแทน
แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เพราะตั้งแต่ ม.ต้น เขาก็อุทิศชีวิตให้กับเครื่องยนต์กลไกพวกนี้มาตลอด เขาหลงรักเจ้าเครื่อง 2 ล้อนี่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เรียวยังจำได้ดีเมื่อตอน ม.ต้น ปี 2 เงินเก็บเขารวมกับเงินที่แม่ช่วยเหลือนิดหน่อยสามารถถอยเจ้ามอเตอร์ไซค์คันงามสุดที่รักของเขาออกมาได้ เกือบทุกคืนเขาจะขับมันออกไปร่อนพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์โดยไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไง แต่โชคชะตาก็ตลกร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ...เพราะเขาจะต้องเสียมันไปภายในระยะเวลาแค่ปีเดียว
“ฉันได้ยินมาอีกว่านายจะไม่เรียน ม.ปลาย” น้ำเสียงของโยเรียกให้เขาถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ
“ฉันไม่มีเงิน อีกอย่าง ตัวฉันก็หัวไม่ดีอยู่แล้ว นายอย่าพูดอีกเลยว่ะโย ฉันตัดสินใจแล้ว หลีกทางฉันรีบ”
“เรียว!”
และไม่ว่าอีกฝ่ายจะเรียกยังไงเขาก็ไม่หันกลับไปอีก...
ร่างสูง 173 ซม. ของเรียวเคลื่อนที่ไปบนทางเดินโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วแม้จะพยายามถนอมดอกไม้ในมือสุดความสามารถ เขาแย้มรอยยิ้มให้พยาบาลหน้าห้องเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนเปิดประตู
“แม่! ดูสิผมมีอะไรมาฝาก”
หญิงบนเตียงปรายตามามองทางเรียว เธอยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียกเขาที่ยืนมองรอบด้านปริบๆ
ชายในชุดสูทสีดำซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงขยับกรอบแว่นตาดันขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลมองเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่เดิม
“งั้นผมขอตัว” เขาโค้งอย่างสุภาพและเดินสวนเรียวออกไปจากห้อง เด็กหนุ่มกระพริบตางุนงง
“ใครครับแม่?” เจ้าหนี้รึเปล่านะ...
อีกฝ่ายเลี่ยงคำถามด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มหวานที่ดูสดใสเสมอแบบที่กาลเวลาไม่อาจพรากความอ่อนละมุนไปจากใบหน้านั้น เรียวระบายลมหายใจหนักๆ เขาตัดใจว่าคงไม่ได้คำตอบจึงเดินไปเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันแทน
“ผอมลงไปนะ ...กินข้าวครบรึเปล่า?”
เรียวฝืนไม่สบตาขณะพยักหน้ารับทั้งๆ ที่กระเพาะกำลังส่งเสียงประท้วง “แม่ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ รักษาตัวให้หายเถอะ”
“เรียว...”เสียงนั้นเจือแววกังวล ปลายนิ้วสวยเอื้อมจับมือลูกชายรั้งให้หันมาสบตา
ดวงตาของเธอวูบไหวราวกับแสงเทียน ความหมายหลากหลายถ่ายทอดผ่านแววตาอบอุ่นห่วงหา เด็กหนุ่มบีบกระชับมืออ่อนนุ่มของมารดาก่อนจะยิ้มหวานสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่าย “ผมสบายดีครับแม่...ไม่ต้องห่วงนะ”
มารดาหลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนมองอีกครั้ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น
“เรียว...ไปอยู่กับเพื่อนแม่เถอะลูก”
“เพื่อนแม่?” เขาทวนคำ มารดาหยักหน้ารับ
“ลูกเห็นคนเมื่อกี้แล้วใช่ไหม เขาเป็นพ่อบ้านของเพื่อนแม่”
“ผมไม่ยักเคยรู้ว่าแม่มีเพื่อนแบบนั้น” เรียวประชดเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าโกหก แต่เมื่อสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายประกายจริงจังก็ชักเริ่มไม่แน่ใจ
“เรารู้จักกันตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย...ก่อนจะมาแต่งงานกับพ่อ” เธอเว้นช่วง อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มสนใจ “ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของทาคาซึกิกรุ๊ป ทาคาซึกิ ฮิโรเสะ”
“ไม่ยักรู้จัก”
“ก็เราน่ะอ่านข่าวกับเขาที่ไหนล่ะ” เรียวยิ้มเผล่รับ พลางยักไหล่ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
“ผมก็ไม่ยักรู้ว่าแม่เริ่มอ่านนิยาย ไม่ต้องมาหลอกให้ผมดีใจหรอกครับ ผมดูแลค่าใช้จ่ายไหวน่า”
“แม่พูดเรื่องจริงอยู่เรียว” น้ำเสียงนั้นเริ่มดุ
ดวงตากลมโตงดงามไล่มองลูกชายเพียงคนเดียวนิ่งอยู่เช่นนั้น เธอระบายลมหายใจหนักๆ “แม่ไม่น่าล้มป่วย...”
“เราห้ามไม่ให้ป่วยได้หรือไงกันครับ?”
“ถ้าแม่ไม่ป่วยลูกคงไม่ต้องลำบาก...ไปอยู่กับทาคาซึกิซังสักพักนะเรียว เขาสัญญากับแม่ว่าจะช่วยลูก”
“ผมไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่รู้จักหรอกครับ”เด็กหนุ่มตอบตรงๆ จริงอยู่ที่ว่าเป็นเพื่อนแม่...แต่ยังไงก็ไม่ใช่คนที่เขารู้จักคุ้นเคย จะให้ไปอยู่ด้วยมันก็ไม่สนิทใจ
“แม่รู้เรื่องมาจากโยว่าลูกจะไม่เรียน ม.ปลาย”
มือที่กำลังจะคลุมผ้าห่มให้มารดาชะงักค้าง สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนรวดเร็วจนไม่อาจกลบเกลื่อนได้ทัน
ไอ้เพื่อนปากสว่าง!
“เชื่อแม่เรียว...แม่คิดดีแล้ว”
“แต่ผม...”
“ไม่มีแต่...วันนี้เตรียมตัวกลับไปขนของ พ่อบ้านเขายืนคอยลูกอยู่หน้าห้อง”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
*************
เรียวหยุดยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังงามด้วยความงุนงงอย่างถึงที่สุด 5 ชั่วโมงที่ผ่านมาสร้างความประหลาดใจให้เขาได้มากพอๆ กับความดีใจ
ราวกับนิยาย...ที่จู่ๆ ก็มีเศรษฐีจากที่ไหนก็ไม่รู้มารับอุปการะทั้งเขาและแม่ ฟังจากที่แม่เล่าความสัมพันธ์ของแม่กับเพื่อนของแม่คนนี้คงจะสนิทสนมกันมาก แล้วทำไมเขาไม่ยักเคยได้ยินมาก่อน?
แต่อะไรก็ช่าง ตอนนี้เขาโล่งใจหนักหนาที่ตัดค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลไปได้ แถมเขาก็จะได้กลับไปเรียน ถ้าตบท้ายด้วยการได้รักกับคุณหนูคนสวยของบ้านคงจะเหมือนพล็อตน้ำเน่าตามตลาด
เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่าๆ โทรมๆ ข้าวของของเขาไม่มีอะไรมากนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น ของมีราคาทั้งหลายเขาเอาไปจำนำจนหมดแล้ว เรียวหันรีหันขวางไปรอบๆ ตัว
บ้านตรงหน้าไม่ผิดไปจากบ้านคนรวยที่มีอยู่ในละคร บ้านใหญ่โตโอ่อ่า เขากำลังคะเนในใจว่าตัวเองจะมาอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ ระหว่างแขกหรือคนรับใช้
“เชิญ คุณชายรออยู่แล้ว”เสียงของพ่อบ้านบอก ห้วนสั้นได้ใจความ
เรียวขมวดคิ้วนิดหนึ่งแต่ก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ เหตุการณ์หลายๆ อย่างในชีวิตสอนเขาให้ใจเย็น ถ้าไม่งั้นเขาคงจะตั๊นหน้าพ่อบ้านคนนี้ไปแล้วหลังจากมองเขาด้วยหางตาเป็นครั้งที่สาม
มาเป็นคนใช้แน่ๆ ลองมาอีหรอบนี้...
เรียวสรุปกับตนเองขณะเดินตามชายหนุ่มตรงหน้าไปเงียบๆ
นอกตัวบ้านเทียบไม่ได้กับภายใน เด็กหนุ่มลืมความหงุดหงิดไปจนหมดเมื่อมองเห็นระเบียงทางเดินปูด้วยพรมสีน้ำเงินทอดยาวไปยังประตูต่างๆ สาวใช้หลายคนอยู่ในชุดเมทเหมือนแต่งคอสเพลย์ หลายคนก้มลงทักทายพ่อบ้านก่อนจะผละจากไป ไม่วายส่งสายตาเป็นเชิงคำถามมายังเรียวซึ่งเดิมตามต๊อกๆ มาเบื้องหลัง
“ก่อนอื่นฉันขอเตือนเธอก่อนว่าอย่าทำอะไรเป็นการเสียมรรยาทต่อคุณชายโดยเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหม?”นากาโนะ พ่อบ้านที่นำเขาไปเบื้องหน้ากล่าวด้วยเสียงเข้มๆ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ
ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าประตุไม้แกะสลักบานสวย เรียวเผลอประเมินราคามันในใจอย่างเผลอไผล แต่นิ้วที่ยื่นมาด้านหน้าพลางกระดิกดิ๊กๆ กลับเรียกให้เขากลับมาสนใจอีกครั้ง
“เอากระเป๋ามาให้ฉัน แล้วเข้าไปมือเปล่า”
เรียวปลดกระเป๋าให้อย่างไม่ลังเล เขาเห็นคิ้วของนากาโนะเลิ่กขึ้นด้วยความหงุดหงิดก่อนจะปล่อยผ่านไป ชายหนุ่มบิดลูกบิดก่อนจะเปิดแง้มเล็กน้อย
“เชิญ อย่าลืมที่สั่งไว้”
เรียวพยักหน้าครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปภายในประตูที่เปิดแง้มไว้
ดวงตาสีน้ำตาลกวาดไปรอบๆ อย่างค้นหา...ส่วนที่เขาเข้ามาคือห้องสมุด หนังสือนับพันวางเรียงอยู่ตามชั้นต่างๆ แน่นขนัดไม่ผิดไปจากห้องสมุดประจำเมือง เด็กหนุ่มมองมันอย่างตื่นตาก่อนจะสะดุดลงยังโซฟาสีครีมอ่อนนุ่มใกล้กับหน้าต่างบานใหญ่
...ร่างๆ หนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น
“เอ่อ...ขอโทษครับ”เขาเอ่ยเรียกความสนใจ ร่างนั้นชะงัก เงยหน้าขึ้นจากหนังสือและเรียวก็เห็นใบหน้านั้นเต็มตา
ไม่มีทางที่คนๆ นี้จะเป็นเพื่อนแม่เขาได้เลย...
คะเนจากสายตาคนตรงหน้าของเขาอายุคงประมาณเขา หรือไม่ก็แก่กว่า 2-3 ปี ใบหน้าได้รูปหลังกรอบแว่นนั้นดูดีจนพูดได้เต็มปากว่าหล่อเอาการ ผิวขาวสะอาดผิดกับผิวกระด่างกระดำของเรียว อีกทั้งสีผมกับดวงตาสีดำสนิทส่งให้ใบหน้านั้นนุ่มละมุนแต่ก็เคร่งขรึมอยู่ในที
ริมฝีปากบางเฉียบนั้นกระตุกยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “สวัสดี วาคาบะ เรียว”
คนโดนทักสะดุ้งคล้ายหลุดจากภวังค์ เขาหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ...”
“ทาคาซึกิ ทาคาโตะ”
ไม่ใช่ทาคาซึกิ ฮิโรเสะจริงๆ แต่ดูจากนามสกุลถ้าไม่ใช่ลูกก็คงเป็นหลาน
ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นนั่นเป็นประกายวับ “นั่งลงสิ”
เรียวเกาหัวแก้เก้อ เขานั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ พลางหัวเราะแห้งๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี “เอ่อ...บ้านสวยดีนะครับ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ตอบ แต่รอยยิ้มน้อยๆ ที่ประดับมุมปากกลับทำให้เขายิ่งประหม่า
ทาคาโตะเคาะปลายนิ้วบนพนักวางแขน ดวงตารียวรีเป็นประกาย “วาคาบะ เรียว...”เสียงเปรยนุ่มนวลเรียกดวงตาของเรียวให้จ้องมอง “เธอไม่นึกสงสัยบ้างรึไง เรื่องของ...เพื่อนของแม่”
หางเสียงนั้นมีแววเยาะเย้ยตรงข้ามกับใบหน้าท่าทางที่ดูเป็นมิตรโดยสิ้นเชิง เรียวกระพริบตาถี่ๆ หัวเราะแหะ กลบเกลื่อนอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
ทาคาซึกิ ทาคาโตะ ขยับแว่นตา มุมปากขยับยิ้มหวาน “ไม่แปลกหรอกที่นายจะไม่รู้ ในเมื่อเรื่องของแม่ของนาย...กับพ่อของฉัน เป็นเรื่องที่ ‘น่ารังเกียจ’ เกินกว่าที่แม่นายจะกล้าบอก”
“หมายความว่ายังไงน่ารังเกียจ!”เรียวตวัดเสียงถาม
เขาเริ่มไม่ชอบหน้าทาคาซึกิ ทาคาโตะมากขึ้นทุกที ใบหน้าใจดีเป็นมิตรไม่เข้ากับคำพูดเชือดเฉือน ยิ่งทำให้คนฟังโมโหมากขึ้นไปอีก
“แม่นาย...เป็นชู้กับพ่อของฉัน ถ้านายอยากรู้นักล่ะก็”
“ตอแหล!”วาคาบะ เรียว ผุดลุกรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มลงกับพื้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดยิ่งกว่าเรือนผมสีแดงของเจ้าตัว “แม่ฉันไม่มีทางทำแบบนั้น แกเป็นใครวะ! มีสิทธิ์อะไรมาด่าแม่ฉัน!”
“สิทธิ์?”คนถูกถาม เอ่ยทวนเหมือนเป็นเรื่องขำเสียเต็มประดา “สิทธิ์ของผู้เสียหายที่ถูกแม่ของนาย...ทำลายครอบครับจนย่อยยับยังไงล่ะ”
ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นนั้นวาวโรจน์ รอยยิ้มหวานเปลี่ยนเป็นแสยะ “แล้วเป็นยังไง แม่ของนายก็ต้องชดใช้กรรมโดยการเป็นมะเร็ง...น่าสมเพชจริงๆ”
เรียวพุ่งเข้าไปหมายคว้าคอคุณชายที่นั่งพล่ามอยู่ตรงหน้า กองหนังสือบนโต๊ะร่วงลงบนพื้นเสียงดังสนั่น แต่เด็กหนุ่มกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า แขนของเขาถูกจับล็อคไพล่หลังในชั่วเสี้ยววินาที ใบหน้าถูกกระแทกลงกับพื้น แก้มขาวเบียดแน่นกับพื้นไม้เย็นชืดหากในใขจองเด็กหนุ่มกลับร้อนยิ่งกว่าไฟ
“ปล่อยฉันนะ!”เขาคำราม และคำตอบที่ได้คืออาการล็อคที่แน่นขึ้น
“ไม่ต้องดิ้นรนไป นับตั้งแต่วินาทีที่นายก้าวเข้ามาในบ้านนี้...นายก็กลายเป็นเหยื่อของฉันแล้ว”
“แก!”
“เคยเห็นนรกบนดินรึเปล่า?”ทาคาโตะถามเรื่อยเฉื่อย พลางเพิ่มแรงกดอัดใบหน้าของเรียวให้บดเบียดกับพื้นแน่นสนิท
“ถ้ายังไม่เคยล่ะก็...นายจะได้รู้จักนับแต่นี้เป็นต้นไป”
TBC
สวัสดีค่ะทุกท่าน^^
มาพบกับเองใหม่หลังจาก Nor like มันจะจบแว้ววววว
คราวนี้ก็จะมีเวลามาต่อเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ อยากแต่งแนนตบจูบมานานแล้ว พระเอกโหดๆ ทำร้ายร่างกายและจิตใจเนี่ย ชอบนักล่ะ!
แต่ว่าจะโหดก็ต้องโหดอย่างมีที่มาที่ไปค่ะ อ่านไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าทำไมพระเอกเราถึงได้ร้ายได้ขนาดนี้ ไปรู้กับพร้อมๆ นายเอกเราเลยดีกว่า
ต่อจากนี้ชีวิตของนายเอกเราจะได้ระทมยิ่งกว่าดาวพระศุกร์ โฮะๆๆๆๆ แต่อย่าหวังว่าจะแสนดีแบบนางเอก ใครเคยอ่านเรื่องที่เราแต่งก็คงจะรู้นะคะ โฮะๆๆๆๆ แต่คงจะร้ายไม่ได้มากเพราะพระเอกมันถือไพ่เหนือกว่าทุกอย่าง แล้วมันจะรักกันยังไงล่ะ?
อันนี้น่าคิดเพราะคนแต่งก็ยังคิดไม่ออก นายเอกเราก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยหน้าหวานน่ารักเสีนด้วย เป็นเด็กแว้นซ์บอยย้อมผมแดงแปร๊ดอย่าบอกใคร พระเอกก็คุณชายพันธุ์ดุ เหอๆ งานนี้ถ้านายเอกไม่ตายคนแต่งก็ม้วยล่ะค่ะ แหงะ!
พบกันตอนหน้ เรื่องใหม่นี้ก็ฝากตัวด้วยนะคะ เม้นท์กันเยอะๆนะจ้ะ^^ จะพยายามมาต่อให้เร็วๆ แบบอาทิตย์ละครั้ง หรือ 3-4 วัครั้ง ไม่รุจิ่ ต้องดูอารมและคนเม้นนะ!
ฝากด้วยนะจ้ะ~
ความคิดเห็น