ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #16 : Nor Like 15 - Rainy Night

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 53


    Nor Like

    by HS Black Ranger

    15 Rainy Night



    นารุมิจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงเรียกเข้า แสงไฟกระพริบๆทำให้เด็กหนุ่มสามารถอ่านชื่อคนโทรเข้าได้อย่างชัดเจน ร่างสูงกดรับก่อนจะวางตัวเครื่องแนบใบหูแล้วหนีบไว้ตรงซอกคอแน่น สองมือวุ่นวายอยู่กับการเช็ดผมที่โชยกลิ่นยาสระผมอ่อนๆ


    “ว่าไง อากิระ”นารุมิพูดกรอกเสียงเรียบๆอย่างเคย แต่อีกฝากสายกลับตวาดแว้ดเสียงดังจนคนฟังนิ่วหน้า


    “นี่พี่อยู่ไหนเนี่ย!!! ทำไมเพิ่งรับโทรศัพท์ ที่บ้านหาตัวพี่กันให้ควั่ก!!!”


    “พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”เขาตอบเลี่ยงๆ พลางลากร่างของตนเองผ่านซุ้มประตูโค้งตรงไปยังห้องรับแขก ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีขาวครีม มือหนาขยี้เช็ดผมผ่านผ้าขนหนูนุ่มฟูแล้ววางพาดลงบนบ่าเปลือยเปล่า “นี่อยู่บ้านเพื่อน อีกสักพักคงกลับ”


    “กลับ!!”น้องชายขึ้นเสียงสูงเสียงยิ่งกว่าเดิม “พี่จะกลับยังไง!! ได้ดูข่าวบ้างรึเปล่าว่าตอนนี้พายุเข้าห้ามออกจากบ้าน”


    สิ้นคำ ขายาวก้าวเร็วๆไปยังบานหน้าต่างซึ่งรูดม่านปิดสนิท เด็กหนุ่มแหวกม่านสีน้ำตาลอ่อนมองฝ่าออกไปเบื้องนอกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่


    ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ตอนเย็นท่าจะทำพิษหนัก... ม่านฝนโปรยปรายลงมาหนาทึบจนมองไม่เห็นทัศนียภาพเบื้องนอก เห็นเพียงแสงแปลบปลาบจากฟ้าแล่บซึ่งแว่บมาเป็นระยะๆ และเสียงฝนตกที่เทกระหน่ำผสานกับเสียงฟ้าร้องครืนก็กลบทุกสรรพสำเนียงจนสิ้น...


    “งั้นพรุ่งนี้จะรีบกลับ...ฝากบอกที่บ้านด้วยแล้ว”ไม่ทันรอฟังคำตอบ คนขี้หงุดหงิดก็กดวางแล้วเร่งฝีเท้าเดินตรงมายังโซฟา โยนมือถือลงบนเบาะนุ่มๆด้วยความโมโห





    .
    ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อแม้ซักวินาทีเดียว...


    ความรู้สึกในใจที่คงได้แต่ถอนหายใจเพื่อระบายความอัดอั้น ร่างสูงก้มลงมองกางเกงขาสั้นสีดำมอๆซึ่งสวมติดกายตนเองด้วยความทดท้อ ...นี่คือตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้จากเสื้อผ้าของไอ้ตัวแสบ ...ไม่สิ!! เป็นตัวที่ดีที่สุดที่เขาใส่ได้ต่างหาก!!! เพราะตัวอื่นไม่เล็กไปก็ลอยไป ยิ่งกางเกงขายาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดึงยังแทบจะไม่ขึ้นไม่รู้ว่าสึโยชิมันใส่เข้าไปได้ยังไง!!!


    ลมเย็นที่ปะทะผิวกายท่อนบนซึ่งเปลือยเปล่าเรียกให้นารุมิเบ้หน้าน้อยๆ ไหล่หนาห่องุ้มแล้วทิ้งตัวเองลงบนโซฟาโดยใช้ผ้าขนหนูที่ยังเปียกหมาดๆทาบทับด้านบน ...อากาศหนาว... แม้แต่คนแข็งแรงอย่างเขายังรู้สึกว่าหนาวเย็น... เด็กหนุ่มทอดความคิดออกไปไกลแสนไกลแม้ขณะที่ดวงตาคมวาวจับจ้องเพดานสีขาวสว่าง แล้วลากไล่ไปสำรวจทั่วห้อง


    การตกแต่งห้องนี้เรียบง่ายต่างจากการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นของที่บ้านเขามากนัก โซฟาสีครีมตั้งไว้กลางห้อง โดยมีพรมสีน้ำตาลเข้มนุ่มเท้าปูรองไว้เบื้องล่าง ทีวีจอแบนถูกฝังติดผนังแต่เบื้องล่างกลับมีตู้หนังสือไม้สีเข้มเตี้ยๆยาวเรี่ยจรดผนังสองด้าน แม้จะขัดกันแต่กลับดูลงตัวอย่างประหลาด...


    พลันนัยน์ตาของนารุมิสะดุดกึกอยู่ที่ตู้ไม้สีเข้มเก่าซอมซ่อข้างบานหน้าต่าง... ในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ลงตัวนี้กลับมีสิ่งของที่ไม่เข้ากันตั้งวางไว้ราวจงใจ เด็กหนุ่มชันกายลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมผนักหยุดนิ่งอยู่หน้าตู้เก่าๆ ทอดสายตามองเข้าไปภายในตู้กระจกด้วยความใคร่รู้...


    ภาพถ่ายหลายสิบภาพวางเรียงรายระเกะระกะอยู่ในชั้น... ภาพที่สะดุดตาเด็กหนุ่มที่สุดเห็นจะเป็นภาพแรก... เด็กผู้ชายอายุราว5-6ขวบถ่ายคู่กับเด็กผู้หญิงซึ่งอายุน่าจะไล่เลี่ยกัน เค้าโครงหน้าคุ้นตาของเด็กชายที่เรียกให้นารุมิขยับยิ้มขบขัน ...ตั้งแต่ดวงตาเล็กยิบหยีสีน้ำตาลเข้มที่จ้องใส่กล้องอย่างเอาเรื่อง จมูกเล็ก ท่าทางแลบลิ้นปลิ้นตากวนประสาท ผิวขาวซีดแต่แก้มอิ่มแลดูน่ารักน่าหยิก ...ตอนเด็กๆก็น่ารักดีจนคาดไม่ถึงว่าโตมาจะกวนประสาทได้ขนาดนี้...


    นารุมิไล่สายตาไปยังภาพถ่ายอีกหลายภาพ การเจริญเติบโตที่แลเห็นได้ชัดจากในภาพถ่าย...ความทรงจำต่างๆที่ถูกเก็บบันทึกเอาไว้... ภาพแรกๆนั้นส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายครอบครัว.... มีทั้งสึโยชิ น้องสาว พ่อของสึโยชิที่หน้าตาท่าทางใจดี และ... แม่.... คนที่ส่งยิ้มหวานละไมในทุกรูป เจ้าของผิวขาวซีดและจมูกโด่งรั้นแบบเดียวกับลูกชาย ...เธอเป็นคนที่ปรากฏในภาพถ่าย2-3รูปแรก... และไม่มีปรากฏอีกเลย...


    “ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย”นารุมิเอ่ยบอกตนเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเริ่มจะละลาบละล้วงเรื่องของครอบครัวคนอื่น เด็กหนุ่มก้าวเท้ายาวๆกะจะเดินเข้าไปในห้องครัวแต่กลับต้องชะงักฝีเท้า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกล่องปฐมพยาบาลที่ราวกับมีคนจงใจนำมาวาง เขาตวัดสายตาไปยังด้านบนโดยอัตโนมัติ นึกนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่


    ปล่อยให้มันนอนตายคาบ้านนี่แหละจะได้รู้สำนึก!!!








    จนแล้วจนรอดใจเขาก็ยังไม่แข็งพอ...


    นารุมิวางแก้วน้ำอุ่นไว้บนโต๊ะข้างเตียง โดยมีถาดเล็กๆใส่ยาเม็ดขนาดต่างๆกันสองสามเม็ดตั้งไว้ข้างๆ ดวงตาคมเรียวจับจ้องไปยังร่างที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียงด้วยความสมเพชเวทนา กึ่งสาแก่ใจเล็ก ...อาจจะเป็นเพราะมนุษยธรรมและมโนธรรมอันดีที่ยังคงมีอยู่บ้าง... เขาจึงหักห้ามใจตนเองไม่ให้ผสมยาพิษลงไปในน้ำ


    “ตื่น....ตื่น....”คนที่เกือบจะเป็นฝ่ายเสียหายเขย่าร่างที่นอนซมอยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด แล้วก็ต้องอารมณ์เสียขึ้นอีกเป็นเท่าทวีเมื่อคนบนเตียงเริ่มจะงี่เง่าใส่ โดยการคว้าหมอนมาปิดหน้า ไม่รับความหวังดีของเขาซะอย่างนั้น?!!


    “สึโยชิ ตื่น!!”หางเสียงชักจะแข็ง และหน้าก็เริ่มจะบูดบึ้งขึ้นทุกขณะเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอคล้ายไม่สนใจ จนเส้นความอดทนของนารุมิเริ่มจะขาดผึง!!!


    “อ่อยๆ ไอ้เอว อ้อยยยย อำไออะ อื้ออออออ”มือเรียวปัดคว้างสะเปะสะปะเมื่อเจอมาตรการขั้นเด็ดขาดของคนปลุก!!! หมอนที่เขาเคยใช้ปิดหน้าบัดนี้มันกลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่ใกล้จะทำให้เขาขาดอากาศหายใจตาย นารุมิโถมน้ำหนักตัวใส่หมอนให้มันแนบสนิทกับใบหน้าของสึโยชิด้วยรอยยิ้มละไม เด็กหนุ่มทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจเสียงร้องประท้วงระงมของคนเบื้องล่าง


    “จะตื่นไหม?”คนกดถามเสียงเอื่อยเฉื่อย ค่อยๆคลายน้ำหนักมือลงเพราะเกรงว่าคนโดนกดจะตายไปเสียก่อน


    “อื่นๆ อ่อย!!!”เสียงตะโกนอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์แต่คาดว่านารุมิคงจะเข้าใจ เพราะเด็กหนุ่มเลื่อนตัวออกจากหมอน แล้วถอยมายืนกอดอกเมียงมองอยู่ข้างเตียง


    “เล่นบ้าอะไรวะ!!!!”เมื่อลุกขึ้นได้คนเกือบตายก็เขวี้ยงหมอนใส่ไอ้คนกวนส้นซึ่งสามารถรับไว้ได้ง่ายๆ ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยพิษไข้ถลึงมองไอ้คนหน้าตายที่บัดนี้แย้มยิ้มมุมปาก อยากจะลุกขึ้นไปชกหน้าสักทีถ้าสังขารของเขามันอำนวยกว่านี้ โว้ยยยยยยย!!!!








    “กินยาซะ”น้ำเสียงคล้ายจะสั่งของนารุมิที่ฟังแล้วต้องตวัดมองอย่างชั่งใจ ร่างโปร่งบางไล่สายตาจากยาเม็ดในมืออุ้งมือ สลับกับดวงหน้าไร้อารมณ์ไปมาอยู่หลายครั้ง และยังไม่กล้าหยิบยาที่ถูกยื่นมาจ่อตรงหน้า


    “ไม่มียาพิษหรอกน่ะ กินซะ เดี๋ยวแกจะตายคาบ้านซะก่อน!!!”หางเสียงของคนเย็นชาชักจะแข็งเมื่อจับความคิดของอีกฝ่ายได้เลาๆ ดวงหน้าหล่อเหลานั้นเริ่มดุแต่กลับไม่สามารถทำให้คนมองสลดลงได้ ตรงข้าม... คนดื้อกลับยิ้งถลึงตาใส่ ซ้ำยังลอยหน้าลอยตาน่าเตะเสียเหลือเกิน!!!


    “แล้วฉันจะเชื่อได้ไงว่านายไม่ได้ใส่ยาพิษมาด้วย!!”แม้จะเป็นไข้แต่ยังไม่วายปากดี... ดวงตาเรียวเล็กนั้นสบสู้กับนัยน์ตาคมสวย ...ที่เจ้าของดวงตาเริ่มจะคลี่ยิ้มชวนสยองอย่างไรชอบกล...


    “ดี!!! งั้นฉันจะให้เลือกว่าจะกินเองดีๆ....หรือจะทำกิจกรรมหนักๆก่อนกิน?”คำขู่เยือกเย็นที่สึโยชิสะดุ้งวาบ รีบคว้ายาเม็ดในมือโยนเข้าปากไม่รอให้พูดรอบสองเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทำจริงอย่างที่ว่าไว้ และตอนนี้เขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะเอาไปต่อสู้ด้วย!!


    นารุมิแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่เมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางรีบลนลานยัดยาเข้าปากแล้วสำลักน้ำอึกใหญ่ เขาจะเอื้อมไปลูบหลังให้ก็โดนมือซีดขาวปัดออกพลางถอยร่นไปชิดมุมเตียง ส่งสายตาระแวงแฝงความดื้อดึงมาให้อย่างเคย
    “คิดว่าฉันพิศวาสนายมากนักหรือไง?”ร่างสูงพ่นลมหายใจช้าๆ ซ่อนรอยยิ้มขบขันไว้ภายใต้ท่าทางเบื่อหน่าย “นอนไปเถอะ หน้าตาอย่างนายน่ะไม่ได้มีความเร้าอารมณ์เลยสักนิด ไม่ต้องห่วง!!”


    “แกเร้าอารมณ์ตายล่ะ โว้ยยยย ไอ้บ้านารุมิ แก!!!!”เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของสึโยชิที่เขาไม่คิดจะฟังต่อ เด็กหนุ่มรีบเดินเลี่ยงออกมาจากห้องเพราะกลัวว่าคนดื้อนั่นจะทันเห็นรอยยิ้มที่เขาพยายามเก็บซ่อนไว้....






    .
    สึโยชิไม่รู้ตัวว่าตนเองพล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อใด แต่รู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียงดังหนวกหูจนข่มตาหลับต่อไม่ลง ...อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปถึงทำให้รู้สึกง่วงงุนอยู่มาก... เด็กหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตาให้หายงัวเงีย รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่มีแก่ใจจะลุกขึ้น เขาจึงเพียงเพ่งตายิบหยีไปรอบๆห้องที่บัดนี้มืดสลัวๆ... แล้วก็พลันสะดุดกึก!


    ร่างสูงคุ้นตานั่งหันหลังให้จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเขาตื่นแล้ว... ดวงตาคมเข้มจ้องนิ่งไปยังหน้าจอโทรทัศน์ในขณะที่มือก็ยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นจรดริมฝีปาก แสงจากหน้าจอทีวีซึ่งวูบวาบตามภาพที่ฉายส่องกระทบเค้าหน้าหล่อเหลาและเรือนกายแกร่งที่บัดนี้สวมเสื้อไว้เรียบร้อย ....แม้จะมีแสงแค่เลือนลางและเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง... แต่นารุมิก็ยังคงความหน้าตาดีไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ...จนเขาชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล!!!


    ดูเหมือนสึโยชิจะจ้องมากเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว ดวงตาคมเหลือบเหลียวมาทางด้านหลัง สบเข้ากับแววตาหงุดหงิดของคนจ้อง แล้วก็เบือนกลับไปเหมือนไม่สนใจนัก


    “ทำไมไม่กลับบ้านสักทีวะ อยู่ที่นี่หาอะไร!!!”เมื่อโดนเมิน คนเป็นไข้ก็เลยหาเรื่องไล่ ...แต่คนฟังก็ยังทำหูทวนลม


    “ก็ไม่อยากอยู่นักหรอก มันจำเป็น...”คำพูดเรียบๆอย่างเคยนิสัยแต่หางเสียงติดจะรำคาญจนสึโยชินิ่วหน้า “แล้วก็หุบปากซะด้วย จะดูหนัง!!”


    แค่ฟังร่างโปร่งก็แทบจะลุกขึ้นมาเต้นงิ้ว ริมฝีปากบางเม้มแน่น คิดสรรหาคำด่าไว้ในใจแต่แล้วก็ต้องมลายวับ!!!


    ดวงตาเรียวรีที่มองฝ่าออกไปในแสงสลัวช็อคค้างอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ราวสะดุดลมหายใจขึ้นมากระทันหัน!!!


    “ปะ...ปิดทีวีเดี๋ยวนี้นะโว้ย”เสียงที่เอ่ยออกมาตะกุกตะกักในลำคอ มือเรียวรีบคว้าหมอนขึ้นมาปิดใบหน้า แต่ปากก็ยังตะโกนแย้วๆ “บอกให้ปิดทีวีไงวะ นารุมิ!!!”


    ...พอตื่นขึ้นมาก็จู้จี้โวยวายน่ารำคาญชิบ... นารุมิบ่นอุบแล้วหันมามองเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก... ทั้งๆที่หนังก็กำลังสนุกอยู่แท้ๆ มันขัดอารมณ์จริงเชียว...


    ...แล้วดวงตาคมก็ไหวระริกด้วยความขบขันเมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนที่นั่งเอาหมอนปิดหน้าบนเตียง... ซีกหน้าขาวที่โผล่พ้นจากหมอนนั้นซีดยิ่งกว่าเดิม มือเรียวบางกำหมอนแน่น สะดุ้งน้อยๆทุกครั้งที่เสียง sound effect ของหนังได้อารมณ์เกินเหตุ


    “นี่นายกลัวผีเหรอ สึโยชิ?”ร่างสูงพยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาแสร้งเลิ่กคิ้วน้อยๆก่อนจะพยักเพยิดไปยังหน้าจอโทรทัศน์ที่ภาพยนต์เริ่มจะเข้มข้นขึ้น “เรื่องนี้ไม่เห็นน่ากลัวสักหน่อย?”


    “ใครกลัว!!!”คนโดนปรามาสขึ้นเสียงสูง


    “ไม่กลัว? แล้วทำไมต้องเอาหมอนปิดหน้าด้วย?”


    “ฉันแค่ง่วงหรอก!!!”ยิ่งเถียงสึโยชิก็รู้สึกว่าตนเองยิ่งเดินเข้าสู่กับดักขึ้นทุกที เด็กหนุ่มถลึงตาใส่เค้าหน้าเย็นชานั้นอย่างท้าทาย และนั่นก็เป็นการฆ่าตัวเองจริงอย่างที่คาด... คู่ปรับตัวฉกาจของเขาแย้มรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้สึโยชิรู้สึกอยากจะตายเสียให้ได้


    “ถ้าไม่กลัว... งั้นก็นั่งดูดีๆให้ฉันเห็นสิ!! อย่าป๊อดจนเอาหมอนปิดหน้าเสียล่ะ...”










    นารุมิแทบจะไม่เป็นอันดูเพราะต้องกลั้นขำสุดความสามารถ... ยิ่งเหลือบมองคนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงจนแทบจะเป็นรูปสลักหินก็ยิ่งตลกปนเวทนา ดวงหน้าของสึโยชินั้นซีดจนไร้สีเลือด แลเห็นเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นตามหน้าผากและเรือนแก้มทั้งๆที่อากาศหนาวเยือก ร่างผอมสะดุ้งเป็นพักๆเมื่อถึงฉากสยองขวัญ ...เขาลอบเห็นว่าคนป่วยนั้นกลืนน้ำลายไปหลายอึก ...และท่าทางใกล้จะเป็นลมเต็มที...


    “จะ... จบแล้ว ฮ่าๆๆ ไม่เห็นน่ากลัวเลย ฮ่าๆๆ”สึโยชิหัวเราะเสียงแห้งอย่างโล่งใจหนักหนา...


    หนังเวรจบเสียที อยากจะเห็นหน้าคนสร้างนัก!! มันจะรู้มั้ยว่าหนังของมันน่ะเกือบทำเขาหัวใจวายตาย!!!


    “บอกแล้ว ว่าฉันไม่กลัววว”แม้จะหน้าซีดจัดแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงปากเก่งไม่เลิก ดวงหน้าขาวประดับรอยยิ้มชืดๆแล้วส่งให้นารุมิคล้ายจะเย้ยว่าตนเองคือผู้ชนะ


    ...อากัปกิริยาที่นารุมิต้องลอบยิ้มในใจ


    “งั้นก็ดี!!! เดี๋ยวฉันไปนอนก่อนล่ะ”นารุมิเอ่ยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วชันตัวลุกขึ้นยืน กดปิดโทรทัศน์จนในห้องมืดสนิท และเล่นเอาสึโยชิสะดุดลมหายใจ!!


    “จะไปไหน!!!”เขาโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ ลืมเก็บฟอร์มไปชั่วขณะ
    “ก็บอกว่าจะไปนอนไง ทำไม? กลัวเหรอ? ให้เปิดไฟทิ้งให้เอามั้ย?”คำพูดสุดท้ายแฝงกระแสเย้ยหยันจนร่างโปร่งนิ่วหน้า ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วเอ่ยไล่เสียงแข็ง


    “เปล่าหรอกโว้ย ไปตายไหนก็ไปซะ เหม็นหน้าแกจะแย่!!!”







    พูดได้คำเดียวว่าไม่น่าเลย....


    สึโยชิข่มตาหลับอยู่ในความมืดมิดนอนฟังเสียงรอบด้านด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก... ภายนอกฝนยังไม่หยุดตก... เสียงฝนเทกระหน่ำผสานกับเสียงฟ้าร้องครืนครางทำให้ความทรงจำอันไม่น่าอภิรมย์ผุดขึ้นมาจนได้... หนังเรื่องเมื่อกี้ก็ผีกลางสายฝน... โว้ยยยย จะบ้าตายยย!!!


    ร่างโปร่งซุกตัวอยู่กับหมอนข้างพยายามเพ่งสมาธิสะกดจิตตนเอง ...ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร... คำพูดที่เฝ้าบอกตนเองซ้ำๆ...ใกล้จะช่วยให้จิตใจสงบลงอยู่แล้ว จนกระทั่ง....


    เด็กหนุ่มแว่วเสียงกุกกักๆอยู่เบื้องนอก... เสียงฝีเท้าจางๆที่เดินย่ำไปมา... และ.... เสียงคล้ายรอยเล็บกรีดผนัง....


    “ผีไม่มีจริง ผีไม่มีจริง....ผีไม่มีจริง”สึโยชิปลุกปลอบตนเองเสียงเบา ซุกใบหน้าลงกับหมอนข้างไม่กล้าหันออกไปเบื้องนอก....


    แล้วคนเป็นไข้ก็แทบสะดุดลมหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดไขดังแกร็ก....


    “นารุมิเหรอ”เขาตะโกนถามทั้งที่ยังหลับตาปี๋


    ....เงียบ ไม่มีเสียงตอบ...


    “นารุมิรึเปล่า!!!”สึโยชิเริ่มโวยวายลนลาน เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมออกตามร่างกาย มือบางเย็นชืดอย่างกับน้ำแข็งและคว้าหมอนข้างแน่น


    ...เงียบ ยังคงไม่มีเสียงตอบ...



    ห้องทั้งห้องปกคลุมด้วยความเงียบสงัด.... เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจหนักๆของสึโยชิ และเสียง...เล็บกรีดที่พื้นห้อง...


    หน้าของเด็กหนุ่มซีดเหลือสองนิ้ว รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเอาเสียให้ได้ หัวสมองว่างเปล่านึกอะไรไม่ออกนอกจาก...


    “แม่ แม่ช่วยผมด้วยครับ ช่วยผมด้วย”เด็กหนุ่มละล่ำละลักแทบไม่เป็นภาษา ยิ่งตอนที่เล็บนั่นกรีดไล่มาจรดที่พื้นเตียง แล้วเงียบเสียงลงกระทันหัน....



    “ว้ากกกกกก!!!!! ปล่อยโว้ยยยย ปล่อยยย ม่ายยยยย”
    ยชิตะโกนป่าแตกเมื่อรู้สึกว่ามีมือของใครบางคนมาจับที่ข้อเท้า ร่างบางดิ้นราวกับโดนน้ำร้อนจนผี(?)ต้องเอื้อมมาโอบร่างแล้วปล่อยเสียงหัวเราะอย่างสุดจะกลั้นไหว


    “เฮ้ย ใครวะ!!!”เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ผีคนขี้กลัวก็เริ่มปากกล้า เด็กหนุ่มดิ้นขลุกขลักจะออกมาจากอ้อมแขนของคนที่หัวเราะจนตัวงอ แล้วพอจับหางเสียงได้ว่าใครสึโยชิก็ยิ่งดิ้นเข้าไปใหญ่


    “นารุมิแก ปล่อยสิวะ ปล่อย!!!”


    “ไหนบอกไม่กลัวไง”เสียงพูดกลั้วหัวเราะที่คนฟังขัดใจนัก พอดิ้นหลุดจากอ้อมแขนได้ก็เสยหมัดเข้าที่ใบหน้า ...แต่เพราะยังมีพิษไข้รุมเร้านารุมิจึงรับหมัดไว้ได้ง่ายๆ


    ดวงหน้าที่เคยซีดขาวบัดนี้ขึ้นสีก่ำด้วยความอับอาย ยิ่งพอเหลือบมองไอ้คนหน้าตายที่บัดนี้หัวเราะยกใหญ่เหมือนไม่เคยหัวเราะมาก่อนในชีวิตยิ่งหงุดหงิดเป็นเท่าทวี!!!


    “แกจะเลิกหัวเราะได้ยัง!!”สึโยชิกระแทกเสียง หน้าตาถมึงทึง

    “ก็ได้”นารุมิรับคำง่ายๆพยายามกลั้นก้อนขำไว้ในคอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “แต่อยากจะเห็นนายตอนกลัวอีกสักที ตลกดีว่ะ”

    “ตลกตรงไหนวะ!!!”คนโดนปรามาสเม้มริมฝีปากแน่นแทบจะเป็นเส้นตรง ถลึงตามองคนยิ้มยากที่ตอนนี้ยิ้มกว้างด้วยความโมโห

    “ไม่รู้ตัวเหรอ? งั้นสงสัยต้องทำให้รู้ตัวอีกสักทีสองที...”

    สิ้นคำ คนเฉยชาก็แปรเปลี่ยนเป็นคนขี้แกล้งกระทันหัน
    เรื่องเล่าผีเด็กยันโคตรผีพรั่งพรูออกจากปากคุณชายคาวามูระที่ยิ้มกวางอย่างชอบอกชอบใจ ...แต่สึโยชิอยากจะกัดลิ้นตาย!!!




    โว้ยยยย แก ไอ้นารุมิ สักวันฉันจะฆ่าแกให้ได้!!!!






    TBC^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×