ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #12 : Nor Like 11 - Mitsuru

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 53


    Nor Like

    by HS Black Ranger

    11 Mitsuru



    “เฮ้ย ชักช้า อย่าอู้สิวะ!”เสียงตวาดเจือกระแสหงุดหงิดที่คนฟังต้องข่มอารมณ์ลึก แม้จะไม่พอใจเพียงใดก็ไม่อาจจะแสดงอาการออกมาได้ทั้งๆที่พวกเขามีกันทั้งชมรมแต่อีกฝ่ายมีเพียงตัวคนเดียว! ไอ้เด็กผีที่ทั้งกัปตันและรองกัปตันเทิดทูนมันหยั่งกะราชาจนยกขึ้นมาเป็นรองกัปตันตั้งแต่มันยังไม่ส่งใบสมัครเข้าชมรมด้วยซ้ำ!


    “ตรงนั้นน่ะมัวนั่งอยู่ทำไม แชมป์เขตน่ะจะเอามั้ย อินเตอร์ไฮน์น่ะจะไปรึเปล่า!”คำตะคอกที่ฟังแล้วอยากจะเอาน้ำสาดหน้าแต่ก็ต้องกลั้นใจไว้ ...เพราะฝีมือของหมอนี่คนในชมรมคาราเต้นี้รู้ดีนัก ตั้งแต่เริ่มเกมส์ไล่จับจนถึงครั้งแรกที่หมอนั่นก้าวเท้าเข้าชมรม ...ฝีมือต่างกันจนไม่มีใครในชมรมเทียบได้... ทั้งๆที่ร่างนั้นก็ไม่มีเค้าโครงของความเป็นนักต่อสู้แม้แต่น้อย...


    ...ร่างกายที่ผอมเกร็งแต่เพราะไม่สูงเท่าไหร่จึงดูไม่เก้งก้างมากนัก ผิวขาวจนเรียกได้ว่าซีดเหมือนคนอมโรค ...ริมฝีปากบางชอบกระตุกยิ้มมุมปากคล้ายจะเย้ยอยู่ตลอดเวลา จมูกโด่งเล็กปลายเชิดบ่งว่าเป็นคนเอาแต่ใจ ...แต่ดวงตาเรียวรีสีออกน้ำตาลเข้ม ...เป็นส่วนเดียวในร่างกายที่บอกว่าเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้


    ดูเหมือนพวกเขาจะเผลอจ้องมากเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจึงตวัดมองด้วยความขุ่นเคืองก่อนริมฝีปางบางเฉียบจะเริ่มก่นด่าโวยวาย ฟังแล้วอยากจะเตะให้หงายแต่ติดที่ฝีมือยังไม่ถึงขั้น! จำต้องข่มซ่อนอารมณ์ลึกแล้วฝึกต่อไปอย่างแข็งขัน โดยเป้าหมายที่มุ่งมั่นคือเหยียบไอ้แห้งนั่นให้ตายคาตีน!


    .
    “วันนี้สึโยชิดูอารมณ์เสียจังเลย”คำเปรยเบาๆขณะดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่เจ้าของหัวใจตาไม่กระพริบ มือบางกระตุกชุดฮากามะของคนข้างๆแล้วพยักเพยิดไปที่อีกฝั่งเหมือนจะให้มองตาม “นารุมิว่างั้นมั้ย?”เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างกายยูยะจึงถามซ้ำแผ่วเบา


    “ก็เห็นมันบ้าเหมือนทุกวัน”คำตอบที่ยูยะต้องหันมาค้อนวงใหญ่ เด็กหนุ่มยู่หน้าใส่เจ้าของใบหน้าเย็นชาที่บัดนี้ดูอารมณ์เสียกรุ่นๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ


    นารุมิค่อยๆปลดเครื่องป้องกันออกจากร่างก่อนจะนำมากองไว้ข้างกาย ดวงตาคมเข้มเหลือบมองไปทางกลุ่มหญิงสาวที่อยู่หน้าประตูชมรม ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดพลางชี้นิ้วมาที่เขาด้วยท่าทางเบื่อโลก แล้วพอไล่สายตาไปทางอีกฝั่งชมรมที่เป็นที่ซ้อมของชมรมคาราเต้ ก็ต้องมีอาการเซ็งสนิทขึ้นมากระทันหัน แค่พวกผู้หญิงที่กรี๊ดกร๊าดอย่างกับเจอผีก็ทำเขาประสาทเสียพอดูอยู่แล้ว นี่กลับพ่วงด้วยเจ้าศัตรูหัวใจที่ยูยะก็เอาแต่มองมันแทบจะตลอดเวลาซ้อม เขาจะบ้าตาย!


    ไม่รู้ไอ้เจ้านั่นเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ตกลงเข้าชมรมคาราเต้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็หนีจะเป็นจะตาย ยิ่งพอเห็นไอ้หน้าตาท่าทางกวนประสาทบวกกับท่าคลอเคลียยูยะของมันนี่เขาก็สุดจะทานทน ขนาดสั่งสอนไปตั้งหลายทีก็ไม่เห็นจะหลาบจำกลับยิ่งหนักข้อกว่าเดิม ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดีแล้ว แถมยิ่งนับวันยูยะก็ยิ่งหลงใหลพร่ำเพ้อถึงมันมากขึ้นๆ คิดแล้วก็อยากจะเอาดาบฟาดไอ้หน้าซีดๆนั่นสักที!


    “นารุมิๆ”เสียงสั่นๆของยูยะปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงคิด ดวงตาคมตวัดตามเสียงเรียกก่อนจะจ้องนิ่งที่ยูยะที่บัดนี้หน้าซีดจนไร้สีเลือด


    “เกิดอะไรขึ้น?”เขาถามรัวเร็วเมื่อเห็นอากัปกิริยาของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มชันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปยืนข้างๆร่างบอบบางที่บัดนี้เม้มริมฝีปากแน่น
    แล้วเพียงไล่ตามสายตาสั่นไหวนั่น เขาก็พบกับสาเหตุที่ทำให้ยูยะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


    “สึโยะจัง!”เสียงสดใสร่าเริงที่สึโยชิฟังแล้วถึงกับสะดุ้ง เด็กหนุ่มรีบหันไปทางต้นเสียงพยายามเพ่งหาเจ้าของเสียงเรียกที่ทำให้เขาขนลุกชัน
    เด็กหนุ่มคนหนึ่งพยายามแทรกตัวออกมาจากกลุ่มชนที่มุงอยู่หน้าประตูพลางกระโดดกระย่องกระแย่ง ร่างกายบอบบางแถมสูงเลยกว่าผู้หญิงแค่นิดหน่อยค่อยๆเบียดตัวออกมาจากฝูงชนแล้วส่งยิ้มสดใสร่าเริงให้เขา ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับขณะเรียวปากอิ่มหวานแย้มยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มขวา แล้วก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว ร่างเล็กนั่นก็กระโจนเข้ากอดเขาอย่างถือสนิท


    “มิซึรุ! มาได้ไงเนี่ย”สึโยชิเอามือขยี้ผมร่างที่โผเข้ากอดด้วยความมันเขี้ยวแล้วยกร่างนั้นสูงขึ้นจนร่างเล็กลอยหวือไปตามแรง ดวงหน้าขาวซีดแย้มรอยยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ “ว่าไงตัวเล็ก มาโตเกียวตั้งแต่เมื่อไหร่”


    “สึโยะจัง ปล่อยก่อนๆ”คนโดนอุ้มร้องเสียงสั่นแม้ดวงหน้าจะยังคงประดับด้วยรอยยิ้มละไม เด็กหนุ่มรับฟังคำประท้วงอย่างว่าง่าย มือเรียวค่อยๆวางร่างผอมบางลงพื้นอย่างทะนุถนอม


    “แล้วว่าไง มาโตเกียวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”


    “มาเมื่อเช้า มาถึงก็รีบมาดูโรงเรียนที่จะเข้าเลย”คำบอกเสียงใสที่เรียกให้คนฟังเบิกตากว้างกว่าเดิม ดวงหน้าขาวเซียวค่อยๆขึ้นสีฝาด แม้จะไม่จัดเท่าคนเห็นที่แดงก่ำไปเรียบร้อยแล้ว


    “จะย้ายมาเรียนที่โตเกียวเหรอ!”


    “อือ มาเรียนที่นี่กับพี่มิซึกิ”


    “แล้วหมอนั่น?”


    “ตอนนี้อยู่หน้าประตู”ไม่ว่าเปล่า มือเล็กชี้ไปที่ประตูที่มีคนออกันเต็มไปหมด ดวงตาคูโตเพ่งจนเหลือเล็กยิบหยีแต่ก็ต้องหยุดลงกระทันหันเมื่อมือเรียววางแปะลงบนบ่า


    “ไม่ต้องหาหรอก มิซึกิน่ะหาตัวยากมาแต่ไหนแต่ไร เดี๋ยวก็คงเจอ ว่าแต่ ...พวกนายพักที่ไหนล่ะ”คำถามที่เพิ่งคิดขึ้นได้กลับทำให้คนฟังเสทำหน้ายู่ มือบางกอดอกเนิบช้าแล้วย่นจมูกทำหน้าล้อใส่


    “จะให้พักที่ไหนนอกจากบ้านสึโยะจังล่ะ!”คำอ้อนน่ารักที่สึโยชิบีบจมูกเล็กนั่นเบาๆ


    “งั้นรอแปป เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกัน”


    แล้วเพียงผละออกจากเด็กหนุ่มร่างบางไม่ถึงก้าว ดวงหน้าสดใสกลับคลายลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมเรียวเปล่งแสงวาบก่อนจะสั่งเสียงเฉียบขาดให้คนในชมรมร้อนๆหนาวๆ


    “เลิกชมรม! แล้วกลับไปก็ไปฝึกกันฝึกมาด้วยล่ะ ถ้าพรุ่งนี้ใครยังจับหลักการปล่อยหมัดไม่ได้ฉันจะสาธิตให้ดูตัวต่อตัว!”คำบอกที่แม้แต่กัปตันต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่กล้าโต้เถียงหรือแย้งใดๆทั้งสิ้น ...เพราะตั้งแต่หมอนั่นก้าวเท้าเข้าชมรม เขาก็ได้ยื่นสิทธิ์ขาดทั้งมวลให้เด็กหนุ่มไปจนหมดแล้ว!








    “นารุมิ พ... พวกเขาเป็นอะไรกันงั้นเหรอ”คำถามปนสะอื้นรอบที่ร้อยที่นารุมิยังคงให้ความเงียบเป็นคำตอบเช่นเคย เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปดึงกระดาษทิชชู่มาส่งให้ร่างบอบบางที่บัดนี้ตาเริ่มจะช้ำๆ


    เสียง ฟื้ดยาว กลายเป็นเสียงที่แทนที่เพลงของวงโปรดตั้งแต่เด็กหนุ่มกลับมาจากโรงเรียน ห้องนอนขนาดหกเสื่อที่เคยสะอาดสะอ้านบัดนี้กลับมีทิชชู่กระจัดกระจายปลิวว่อนไปทั่วจนเดือดร้อนคุณชายบ้านข้างๆต้องมาตามเก็บกว าดให้อย่างไม่มีรังเกียจเดียดฉัน เด็กหนุ่มเหลือบมองทิชชู่ใช้แล้วแผ่นหนึ่งที่ถูกโยนลงมาบนพื้นก่อนจะตวัดสายตามองร่างที่นั่งตาแดงอยู่บนเตียง มือหนาจึงยื่นกระดาษทิชชู่แผ่นสุดท้ายของกล่องไปให้อย่างรู้งาน


    เหตุการณ์ที่โรงฝึกวันนี้เล่นเอายูยะน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆรื้นขึ้นมาแทบตลอดเวลาที่นั่งระบายทุกข์กับเขา ...คนฟังน่ะปวดใจนัก แต่ก็ดีใจอยู่ไม่ใช่น้อย... ถ้าถามคนทั่วไปไอ้อากัปกิริยาของสึโยชิกับเด็กหนุ่มตัวเล็กนั่นมันก็เพื่อนธรรมดา แต่ถ้าวัดตามมาตรฐานยูยะมันก็คือเกินเพื่อนไปมากโข ...อาจจะเป็นเพราะเด็กหนุ่มเครียดสะสมเรื่องที่ช่วงนี้สึโยชิเงียบๆไม่ค่อยช่างคุยเหมือนเก่า เลยตีความไปว่าอีกฝ่ายเบื่อขี้หน้าตัวเอง แถมยิ่งเห็นไอ้ลูกตาวาวๆดูแค้นเคืองนั่นที่ส่งมาให้เขายิ่งทำให้ยูยะคิดมากว่าส่งให้เจ้าตัว ทั้งๆที่เขาก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่แต่ดูเหมือนร่างบางจะไม่เชื่อสักนิด


    ...หรือจะบอกไปดีว่าที่หมอนั่นเงียบเพราะวางแผนจับกดเขา แล้วไอ้ที่ส่งสายตาวาวๆเพราะแค้นที่เขาจับกด...


    “ฉันว่า พรุ่งนี้ลองไปถามหมอนั่นให้แน่ใจไปเลยดีกว่า จะได้รู้ชัดๆว่าตกลงเป็นอะไรกัน”แม้จะคิดแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูด เขาเลือกที่จะใช้คำพูดปลุกปลอบใจยูยะมากกว่าจะบอกความจริงที่อาจเป็นการทำร้ายตัวเองไปในตัว ...ยูยะเศร้าโศกมากพอดูเพราะขนาดทิชชู่หมดไปกล่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องง่ายๆ ...เพียงแค่เห็นสึโยชิคุยกับคนอื่นยังคิดมากขนาดนี้ นี่ถ้ารู้ว่าเขากับหมอนั่นมี‘อะไรๆ’ที่เกินกว่าปกติยูยะคงเอาเชือกพาดขื่อแน่ๆ


    ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเขาอย่างน่าเอ็นดูแม้จะยังคงสะอื้นฮัก มือหนาจึงวางแปะลงบนศีรษะก่อนจะขยี้เบา


    “ไม่ต้องห่วง ฉันเชื่อว่าสึโยชิน่ะชอบยูยะมากกว่าเด็กคนนั้นแน่ๆ”คำเอ่ยที่เรียกรอยยิ้มหวานจัดจากคนฟังแม้คนพูดจะปั้นยิ้มแหย ปลอบเองก็ปวดใจเองจนต้องเบือนหน้าหนีจากดวงหน้าขึ้นสีก่ำนั่น


    ...ไม่ต้องห่วงหรอกยูยะ เพราะถึงแม้เขาจะรักนายแต่ฉันก็ไม่ปล่อยนายไปไหนแน่ๆ...








    “คัมปาย!”งานฉลองครื้นเครงที่ล่วงเลยมาจนกระทั่งสี่ทุ่ม...


    สามหนุ่มหนึ่งสาวกระดกโค้กในแก้วลงคอก่อนจะพูดคุยกันเสียงใส บรรยากาศอบอุ่นเปี่ยมสุขที่แต่ละคนต่างมีรอยยิ้มประดับพรายบนใบหน้า


    “ว่าแต่ทำไมคุณลุงกับคุณป้าถึงยอมให้พวกนายมาเรียนที่นี่ล่ะ?”สึโยชิเอ่ยถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ดวงตาเรียวรีตวัดมองมิซึรุสลับกับพี่ชายไปมาเพื่อเรียกร้องเอาคำตอบ


    “ไม่รู้เหมือนกันนะ สึโยะจัง”มิซึรุว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ แต่กลับมีผมไล้มาปรกใบหน้าจนมือเรียวต้องปัดออกให้อย่างเอ็นดู ...บรรยากาศหวานๆที่สึโบมิอดไม่ได้ที่จะกระแอมขัดคอด้วยความหมั่นไส้


    ...ท่าทางพี่เธอจะกลายเป็นพวกเอาได้ไม่เลือกเพศไปซะแล้ว ขอแค่น่ารักแล้วตัวเองรุกได้ก็พอ! สงสัยจะเก็บกดมาจากพี่คาวามูระมากโขอยู่... ความคิดที่ต้องเก็บงำไว้ลึกๆแล้วเสพูดอีกอย่างมาคั่น แต่ต้องให้พี่ชายระลึกถึงความทรงจำที่เธอจะไม่ยอมให้ลืมง่ายๆ


    “พี่สึโยชิ เชือก...”เน้นคำชัดช้าจนสึโยชิถึงกับสำลักโค้ก แถมดวงตาของอีกสองบุรุษก็ยังเพ่งมองมาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สึโบมิลดสายตาแฝงความนัยที่ส่งให้พี่ชายแม้แต่น้อย ตรงข้าม... สายตานั่นกลับทำให้ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างแล้วกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ


    ให้ตาย! เขาลืมแผนที่เตรียมมาแก้แค้นนารุมิไปเสียสนิท!


    แต่น้องสาวแสนดีก็ไม่ปล่อยให้พี่ชายได้เซ็งนานนัก แววตาสดใสส่งประกายให้พี่ชายพลางพยักเพยิดไปที่สองพีน้องทาคาฮาระที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง...

    .

    “เฮ้ย สึโยะจัง ทำอะไรน่ะ!”มิซึรุร้องเสียงหลังเมื่อรับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างมัดแขนเขาไพล่หลัง ดวงตาคู่ใสเหลือบมองลูกสาวคนเล็กตระกูลวาคาบายาชิที่ถือนาฬิกาอยู่ในมือ แล้วไล่ไปที่ด้านหลังที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กตัวแสบ


    “18.59 วิ... ยังช้าไปพี่สึโยชิ อย่างนี้ไม่ทันกินหรอก”สึโบมิโยนนาฬิกาจับเวลาเครื่องเล็กให้เด็กหนุ่มที่รับมาดูด้วยความขัดใจ ลืมมองไปว่าสายตาของอีกสองบุรุษในห้องจับจ้องด้วยความใคร่รู้เต็มที่


    “ทำอะไรกันน่ะ”มิซึรุเลิ่กคิ้ว ตวัดมองสองพี่น้องสลับไปมาแต่ก็ยังไม่มีคำตอบ ดวงหน้าหวานจึงหันไปที่พี่ชายตนเองเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ก็ยังคงได้ความเงียบเช่นเคย...


    .
    “จะเล่นเชือกเหรอสึโยชิ”คำถามที่มีไม่บ่อยนักจากคนที่เงียบอยู่เป็นนิจเรียกให้สึโยชิหันไปมอง มิสึกิส่งยิ้มเย็นวาบที่ทุกคนเห็นแล้วสยองถึงไขสันหลัง “ทำไมไม่ปรึกษาฉันล่ะ...”ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มล้วงไปใต้เสื้อคลุมสีดำที่เขาใส่ประจำอย่างไม่กลัวร้อน หยิบสิ่งของหลายอย่างติดมือกลับมา แถมแต่ละอย่างทำเอาต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่


    ตุ๊กตาวูดูขนาดเท่าฝ่ามือ2-3ตัวมีสภาพไม่สมบูรณ์เพราะผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ตรงหัวของตุ๊กตาตัวหนึ่งมีตะปูขนาดหนาที่สันนิษฐานได้ว่าจะมาจากกองตะปูที่สุมๆอยู่ในวงขดเชือก... ขดเชือกที่เปื้อนสีแดงๆเป็นกระหยอมคล้ายเลือด...


    ไอ้ของสะสมของมิสึกินี่ทำเขาสยองได้ทุกครั้งสิน่ะ! สึโยชิรำพึงกับตัวเองพลางเหลือบตามองเจ้าของๆสะสมเนิบช้า


    มิสึกิต่างกับมิซึรุลิบลับ ...หมอนั่นชอบไว้ผมปรกหน้าปรกตารุงรังมาตั้งแต่เด็ก ผิวกายซีดขาวพอๆกับเขา รูปร่างผอมบางปวกเปียก แถมที่สำคัญ... คลั่งพวกมนต์ดำมาตั้งกะประถมยันม.5!


    “นายจะเอาเชือกไปมัดใครเหรอ บอกได้ไหม”ทั้งๆที่มิสึกิใช้คำธรรมดาแต่ยามนี้ฟังแล้วกลับสยองเยือก เขารีบกระตุกเชือกของตนที่วางบนโต๊ะยัดคืนใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วตีหน้ายิ้มที่ฝืดฝืนกว่าทุกที


    “ไม่มี ไม่ได้มัดใคร ซ้อมเล่นๆน่ะ”เด็กหนุ่มหัวเราะแหะ ไม่จริงใจที่สุดในชีวิต


    “เหรอ นึกว่าอยากแก้แค้นใคร”น้ำเสียงนั้นติดจะผิดหวัง มือขาวค่อยรวบเก็บของเข้าเสื้อคลุมช้าๆ แต่ยังมีแก่ใจเหลือตุ๊กตาฟางกับตะปูไว้ตัวหนึ่ง ...แถมยังไสส่งมาทางเขาอีก!


    “ไว้เปลี่ยนใจอยากแก้แค้นใคร... เอาไปตอกกับต้นไม้ตอนฝนตกจะขลังที่สุด”จบประโยคด้วยเสียงหัวเราะเย็นเยือกที่สุโยชิต้องรีบคว้าของที่ส่งมาให้ กลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ เปลี่ยนจากเฉาะหัวตุ๊กตามาเฉาะหัวเขาแทน!
    .


    สึโยชิรีบขอตัวออกจากวงสนทนาแล้วมุ่งกลับห้องอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ลืมคว้าตัวน้องสาวติดขึ้นมาด้วย เด็กหนุ่มกึ่งลากสึโบมิไปทางทางแล้วดันเข้าห้องกดล็อกประตูกลัวคนอื่นจะตามมารู้เห็น


    ...นี่จะเป็นคืนฝึกพิเศษคืนสุดท้าย


    ขอตั้งชื่อภารกิจนี้ว่า เชือกมาเชือกกลับ!







    TBC



    ตอนนี้เรื่องหนังสือคงรอไปอีกสักพักนะคะ ยังไม่มีโปรแกรมจะรีไรท์ ตอนนี้ไรท์เตอร์เพิ่งปิดเทอม คนที่รอตอนพิเศษอยู่เตรียมเฮจ้า เด่วจะเอาไปลงบอร์ดนู้นให้(เมื่อแต่งเสร็จ)

    ตอนนี้ที่รักเขาออกแล้ววววววววว ปิศาจน้อยมิสึรุดาร์ลิ้ง >< เลิฟยูมายโซลเมททททททททท

    555+ คนอ่านมาก่อนคงจะเริ่มชินชา ใครว่างๆไปอ่าน Fate chain อีกเรื่องของเราได้นะคะ แต่เป็นแนวตบจูบยังไม่มีเรทนะคะ ใครอยากอ่านอะไรซาดิสม์ๆก็เจอกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×