คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Fate chain 3.3 - เรื่องเล่า
Fate chain
...เขากำลังนอนไม่หลับ
เรียวพลิกตัวกระสับกระส่าย สองแขนกอดผ้านวมแน่น พยายามข่มตาหลับแต่สมองกลับฟุ้งซ่านคิดวกไปวนมาไม่ยอมหยุด ...ทั้งๆ ที่คืนนี้อุ่นกว่าคืนก่อน ทาคาซึกิมีน้ำใจกับเขาจนน่าสงสัย อุตส่าห์เอาฟูกกับหมอนมาให้เลยไม่ต้องทนนอนบนพื้นห้องเย็นๆ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็น...
สิ่งที่กวนใจของเขาตอนนี้คือ...เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ
เรียวตามทาคาซึกิที่พลุนพลันออกจากห้องไปด้วยความอยากรู้ เขาซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะวางของอันใหญ่ เงี่ยหูฟังเสียงกรีดร้องสลับกับด่าทอที่ลอดออกมาจากห้องนั้น
หมอนั่นเป็นฆาตกรจริงๆ งั้นเหรอ? แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกสำหรับเขา เพราะในสายตาเขาหมอนั่นไม่มีทางจะดูแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ที่เขาแปลกใจคือ หมอนั่นดูรักครอบครัว...ขนาดเขาเป็นคนนอกยังรู้สึกว่าหมอนี่ห่วงจนกลายเป็นโรควิกลจริต แล้วคนแบบนี้จะฆ่าแม่ของตัวเองลงได้ยังไง?
สถานการณ์ซับซ้อนที่ยิ่งตรองดูก็ยิ่งงุนงง
เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่...หลังจากเสียงตะโกนสุดท้ายดังไปสักพักเมดสาวก็วิ่งออกมาจากห้อง เขาอยากจะขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูกับตาและฟังกับหูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะโดนจับได้ หลังจากนั่งชั่งใจอยู่นานดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเมื่อทาคาซึกิพุ่งออกมาหน้าห้อง ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นนั่นมองไปยังระเบียงทางเดินอย่างค้นหา
ใจของเรียวตกลงไปกองกับพื้น บ้าชะมัด! หมอนั่นคงนึกขึ้นได้แล้วว่าลืมล็อคห้อง แล้วก็คงจะสงสัยด้วยว่าเขาอาจตามมา เรียวฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายหันไปตะโกนสั่งกับพ่อบ้านรีบออกวิ่งทันที โชคดีที่ห้องนี้ติดกับทางเลี้ยว ไม่งั้นเขาต้องโดนเห็นแน่ๆ
เมื่อถึงห้องเรียวก็หอบแฮ่ก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
จะให้โดนจับได้ว่าแอบดูไม่ได้เด็ดขาด! เขาไม่รู้ว่าแม่จะโดนอะไรอีกบ้าง...หมอนั่นอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่ามหาสมุทรซะอีก
เด็กหนุ่มตัดสินใจสอดตัวไปใต้ฟูกผืนเดียวที่มีอยู่ ทำทีเป็นนอนหลับแม้ในใจเต้นระส่ำ...เขากลัว ทั้งเกลียดชังและหวาดกลัวแต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ และอะไรบางอย่างในใจลึกๆ บอกเขาว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ‘มานามิ’ จะช่วยเขาได้...
“ฉันรู้ว่าเธอตื่นอยู่...วาคาบะ เรียว” น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้ที่บริเวณปลายเท้า
เรียวสะดุ้งเฮือก เหงื่อซึมชื้นที่ฝ่ามือ เขาข่มตาหลับ แต่ก็รู้สึกได้ว่าแพขนตากำลังสั่นระริก
“ลุกขึ้นมา ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เมื่อเห็นว่าเรียวยังนิ่ง อีกฝ่ายก็เปรยลอยๆ “ถ้าเธอไม่ลุก...ฉันจะบอกคุณชายว่าเธอแอบไปดูที่ห้องคุณหนูมานามิ ฉันเห็นหลังเธอไวๆ”
เรียวกำมือใต้ผ้าห่มแน่น แต่เขาก็ยังไม่ลุกขึ้นจนน้ำเสียงที่เอ่ยต่อมาของนากาโนะเริ่มเจือด้วยอารมณ์ “ลุกขึ้นมา แล้วฉันจะไม่บอกคุณชาย ...เธอคงรู้นะว่าไม่มีทางเลือกมากนัก”
เรียวตัดสินใจสลัดผ้าห่มทิ้งแล้วลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีน้ำตาลจ้องเขม็ง บ่งความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน “นายบ่าวไม่ต่างกันเลยนะ ชอบข่มขู่ไม่ต่างกับพวกอันธพาล”
“เมื่อกี้เธอได้ยินอะไรมาบ้าง?” นากาโนะไม่ใส่ใจคำประชดของเด็กหนุ่ม เขาก้มลงมองร่างเบื้องล่างด้วยท่าทางเฉยชา
เรียวแค่นเสียง หึ “คำถามนี้เคยได้ยินที่ไหนนะ!”
ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน เขากอดอกด้วยท่าทางหาเรื่อง “แล้วทำไมล่ะ? ถ้าได้ยินอะไรหรือไม่ได้ยินอะไรแล้วมันทำไมรึไง?”
ท่าทางกวนประสาทไม่ได้ทำให้ใบหน้าราบเรียบของพ่อบ้านคลายลง เขาดันกรอบแว่นขึ้น พูดด้วยโทนเสียงปกติ “ก็ดี ถ้าได้ยินอะไรบ้างจะได้พูดกันง่าย”
เขาเว้นช่วงไปครู่ จ้องตรงไปยังใบหน้างุนงงของเรียว
“ฉันอยากจะคุยกับเธอเรื่อง...ที่คุณชายจับเธอมา” เห็นได้ชัดว่าเขาลังเลในประโยคสุดท้าย
เรียวยังคงนิ่ง คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ส่งสายตาระแวงและสงสัยไปให้อีกฝ่าย
“เธอรู้รึเปล่าว่าเธอทำอะไรถึงโดนจับมาที่นี่?”
เด็กหนุ่มนิ่วหน้า มุมปากยกขึ้นอย่างหงุดหงิด “จะไปรู้ได้ไง! ไอ้คุณชายบ้าของนายก็ดันไม่ยอมเล่า บ้าชะมัด! แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าทำอะไรผิด อีกอย่าง ฉันไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยรู้จักผู้หญิงที่ชื่อนัทสึมิ!”
“นั่นเพราะจริงๆ แล้วคุณหนูนัทสึมิใช้ชื่อปลอมบอกกับเธอน่ะสิ” คำตอบง่ายๆ กลับทำให้เรียวนิ่งงัน จริงสินะ...เขาลืมคิดถึงข้อนี้ไปสนิท
“แต่ถึงจะใช้ชื่อปลอม...” เขายังไม่ยอมแพ้ “แต่ถ้าฉันทำอะไรผิดมากจริงๆ ก็ต้องรู้ตัวสิ! นี่ฉันจำไม่เห็นได้ว่าเคยทำอะไรผิดร้ายแรงกับใครไว้ ไม่เคย...”
“เธอทำ” นากาโนะตอบตรงๆ ประกายตาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแว่บหนึ่ง รวดเร็วจนเกือบจะจับไม่ทัน “แต่เธอเพียงไม่รู้ตัวเท่านั้น...รีบๆ นึกให้ออกเถอะวาคาบะ ฉันไม่อยากให้คุณชายทำร้ายใครมากไปกว่านี้”
“งั้นก็ไปบอกกับคุณชายของนายเองสิ!”
นากาโนะอ้าปากจะแย้ง แต่เขาก็ไม่ได้พูด หลังจากเงียบไปอึดใจ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยออกมา “จริงๆ แล้วคุณชายเป็นคนอ่อนโยนมาก...”
“นายตาบอดรึไง! นี่เหรอที่เรียกว่าอ่อนโยน!” เรียวชี้ไปที่ปลอกคนตนเองด้วยอาการเดือดดาล “จับฉันมาขังเรียกว่าอ่อนโยน! จับแม่ฉันมาขู่เรียกว่าอ่อนโยนงั้นสิ!”
“นั่นเพราะเธอกับแม่เธอทำให้ครอบครัวของคุณชายต้องพังพินาศ! ทำให้คุณหนูนัทสึมิกับคุณนายต้องตาย!” นากาโนะเริ่มโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ตาของเขาเป็นประกายกร้าว เหมือนพร้อมจะกระโจนเข้าใส่เรียวได้ทุกเมื่อ “เธอทำให้คุณหนูต้องฆ่าตัวตาย ทำให้คุณนาย...”
“ทำให้คุณชายของนายต้องฆ่าแม่ตัวเองรึไง!” เขาโต้กลับ ไม่คิดจะปิดบังอีกแล้วว่าได้ยินอะไรมาบ้าง
กล้าดียังไงมาปรักปรำว่าเขาทำให้คนๆ หนึ่งต้องตาย! มันเป็นข้อกล่าวหาที่แรงมากเลยนะ!
“อย่าได้กล้าพูดถึงคุณชายแบบนี้!” นากาโนะโมโหจนแทบจะลุกเป็นไฟ “เศษสวะอย่างแกไม่มีสิทธิ์! ฉันขอเตือนนาย วาคาบะ เรียว! ถ้านายอยากจะให้เรื่องทุกอย่างนี้จบลงก็รีบนึกถึงความผิดของตัวเองให้ออก”
นากาโนะพยายามสงบสติอารมณ์ เขาแค่นยิ้ม “ฉันไม่อยากจะพูดมากวาคาบะ...บางทีเรื่องบางเรื่องในสายตาของเธออาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่มันอาจจะสามารถทำลายชีวิตของคนๆ หนึ่งจนย่อยยับ ...ไปลองคิดดูให้ดีๆ เถอะ”
หลังจากนั้นไม่นานทาคาซึกิก็กลับมาและบทสนทนาก็หยุดลงแค่นั้น...
เขาทำอะไรลงไปกันแน่?
สมองของเด็กหนุ่มเฝ้าคิด วนเวียน สับสน และมึนงงไปหมด เรื่องจริงงั้นเหรอว่าเขาทำให้คนๆ หนึ่งถึงกับฆ่าตัวตาย...ไม่มีทาง เขาทำอะไรลงไปกันแน่ ไม่มีทางที่ทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้นแล้วจะไม่รู้ตัว
ในสายตาของเธออาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่มันอาจจะสามารถทำลายชีวิตของคนๆ หนึ่งจนย่อยยับ
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? ถ้าสมมุติว่านัทสึมิคือหนึ่งในบรรดาแฟนสาวของเขา...หรือว่าเธออาจจะฆ่าตัวตายเพราะโดนเขาทิ้ง? ก็มิสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย! เรื่องแบบนี้มันบังคับใจกันได้ที่ไหน เรื่องแค่นี้...
เรียวชะงักกึก...หรือจะเป็นเรื่องนี้จริงๆ เรื่องเล็กในสายตาของเขา...
“น...สึมิ” เสียงแหบเครือลอยละล่องในความมืดมิด
เด็กหนุ่มไหวตัว ...อีกแล้วเหรอ เขายันกายลุกขึ้นนั่ง ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้าบนเตียง
เสียงพึมพำราวกับเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นแทบจะจับใจความไม่ได้ ใบหน้าของทาคาซึกิบิดเบี้ยว ใบหน้าชื้นเหงื่อดูทรมานเหมือนคนจมน้ำ หมอนั่นไม่รู้สึกตัวแม้ว่าเขาจะปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยซ้ำ
แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นวาบขึ้นมา
...นี่เป็นโอกาสของเขา ตอนนี้หมอนี่กำลังเพ้อจนไม่รู้สึกตัว ถ้าเขาจับหมอนี่เป็นตัวประกัน สั่งให้ไอ้พ่อบ้านนั่นบอกที่ซ่อนมา ง่ายดาย...เขาลืมคิดไปได้ไงนะ ง่ายแค่นี้เอง!
เรียวไม่รอช้า เขาเอื้อมมือไปหมายจะบีบคอแต่แล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อดวงตาของทาคาโตะลืมพรึ่บ! เด็กหนุ่มผงะถอยหลัง แต่ก็ช้าไปเมื่อร่างนั้นคว้าข้อมือของเขาแล้วออกแรงกระชาก ร่างของเรียวถูกพลิกลงไปนอนบนเตียงโดยมีร่างของทาคาโตะทาบทับ ข้อมือทั้งข้างถูกล็อคไพล่หลังและกดทับด้วยน้ำหนักของตนเอง ไหล่สองข้างปวดแปลบจนต้องนิ่วหน้า
ดวงตาสีดำของทาคาโตะเป็นประกายวาววาบเหมือนฆาตกร แล้วเมื่ออีกฝ่ายยิ้ม ขนทั้งร่างของเรียวก็ลุกชัน “โชคดีจริงๆ ที่ฉันไม่ได้กินยา...ไม่งั้นคงกลายเป็นหมูในอวยให้นายเชือดไปแล้ว”
“แกแกล้งละเมองั้นเหรอ!” เรียวคำรามในลำคอ เขาพยายามสะบัดตัวแต่ไม่เป็นผล เมื่อทาคาโตะใช้ฝ่ามือกดลงมาบริเวณอก ดันร่างของเขาให้จมแน่นไม่อาจขยับกาย
คุณชายทาคาซึกิยกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้ตอบ ใช้มืออีกข้างที่เหลือสัมผัสใบหน้าตื่นตระหนกของเรียว ลากลงมาถึงปลอกคอหนังอันใหม่แล้วหยุดอยู่ยังบริเวณหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ใต้ฝ่ามือ เสื้อยืดบางๆ ที่สวมอยู่ไม่ช่วยปิดบังอัตราการเต้นที่ผิดจังหวะนี้เลยแม้แต่น้อย...
“...กลัวอะไรอยู่” น้ำเสียงของหมอนั่นวังเวงและเย็นเยียบจนพาให้ร่างกายสั่นสะท้าน
เรียวขบฟันแน่น พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่เผยความกลัวออกมา เขาจ้องตรงไปยังดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำ ยอมรับตามตรงว่าชอบตอนทาคาซึกิใส่แว่นมากกว่า เพราะอย่างน้อยกรอบใสๆ ก็ช่วยปิดบังความน่ากลัวของดวงตาคู่นั้น...
“บางที...ฉันอาจเริ่มคิดเรื่องที่ต้องล่ามแขนขานายไว้...”
“จะทำอะไรก็เชิญ!” เขาตะโกน ขับไล่ความกลัวในจิตใจด้วยเสียงเพื่อทำลายบรรยากาศกดดันหนักอึ้ง
ดวงตาสีดำพราวระยับไหวระริก เขาพลิกร่างของเรียวจนหน้าจมกับเตียง ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูด้วยความขบขัน “จริงๆ แล้วฉันก็คิดไว้ว่าอาจจะต้องมัดแขนนาย...เลยเตรียมเชือกเผื่อไว้ก่อน”
เรียวกัดฟันกรอด รับรู้ได้ว่าเชือกกำลังเริ่มรัดพันข้อมือทั้งสองข้างเขาไว้ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องดิ้นรน เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย...เขาเดินตามแผนของหมอนี่มาตลอด เป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งที่หาเรื่องทำร้ายตัวเองไม่รู้จักจบสิ้น!
ทาคาโตะพลิกร่างของเรียวกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาแสดงท่าทางพึงพอใจก่อนเอ่ย “ถ้านายกล้าทำอีกฉันจะมัดนายไว้ทุกคืนมัดทั้งแขน มัดทั้งขา...”
“เอาเลยสิ! แต่บอกไว้เลยนะว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”
เรียวรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะพูดแบบนี้ แต่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ไหวแล้ว! ยังไงหมอนี่ก็ไม่มีทางจะทำดีกับเขาไปได้ ต่อให้เขาเชื่อฟังมันก็หาทางทำร้ายเขาอยู่ดี แล้วจะเชื่อฟังไปทำไม!
ทาคาโตะใช้ปลายนิ้วสอดเกี่ยวไปใต้ปลอกคอก่อนจะรั้งร่างนั้นขึ้นมาใกล้ เขาใช้อุ้งมืออีกข้างคว้าคางแล้วบังคับให้ใบหน้าดื้อรั้นมองตรงมา ...ระยะห่างที่ได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจ แต่เรียวรู้สึกราวกับว่าลมหายใจที่รินรดใบหน้าอยู่นี่เป็นของปลอม เพราะแววตาของทาคาซึกิราวกับไร้วิญญาณ...น่ากลัวยิ่งกว่ามัจจุราช
“มองตาฉัน...วาคาบะ” น้ำเสียงทุ้มพร่าชวนให้ร่างกายสั่นสะท้าน เรียวพยายามควบคุมสติจ้องตรงไปยังดวงตาสีนิลมืดมิดคู่นั้น แม้ความกลัวจะเอ่อมาถึงลำคอ
...เขารู้สึกว่ากำลังถูกอ่านใจ ไม่มีทางหลีกหนี ไม่มีทางหลีกเลี่ยง เหมือนหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้จมหายและสาปสูญ
“รู้ไหมฉันเห็นอะไรในดวงตาของนาย...” เป็นคำถามที่ช่างชวนให้หวาดหวั่น “ฉันเห็น...ความดื้อรั้น ไม่ยอมรับความผิด ทิฐิ และความหวาดกลัว”
“ฉันไม่ได้กลัว!” เรียวโต้กลับและทาคาโตะก็ยิ้มตอบ
“...นายรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไง และฉันก็รู้ว่านายเป็นคนยังไง คุณนากาโนะที่น่าสงสาร...เขาอุตส่าห์มาบอกใบ้ให้นายแต่ตัวายกลับไม่เห็นคุณค่า”
“นายรู้...” เรียวเหมือนอุทานกับตนเองมากกว่าจะถามจริงๆ หากริมฝีปากที่แสยะยิ้มเหี้ยมของทาคาโตะก็เป็นคำตอบรับที่ดีเกินพอ
ปลายนิ้วเย็นเฉียบเคลื่อนไปสัมผัสเรือนแก้ม...สัมผัสนุ่มนวล แผ่วผิว แต่กลับเรียกให้เลือดในกายจับเป็นก้อนแข็ง “เชื่อฉันไหม วาคาบะ...” ใบหน้าที่ห่างเพียงปลายจมูกเอ่ยเนิบนาบ
“...วันใดที่นายรู้ความจริง นายจะถูกไล่ต้อน...ความผิดที่นายก่อจะไล่ต้อนตัวนายเองไปในทางที่ไม่มีทางออก แล้วสุดท้าย นายก็จะมีชีวิตอยู่แบบไร้ค่า...จนต่อให้อยากตายแค่ไหนก็ตายไม่ได้”
TBC
คราวนี้มาต่อไวอย่างไม่น่าเชื่อ เม้นท์กันเยอะๆนะคะ!
ตอนนี้กำลังอยู่ในหมดหลงคุณชายทาคาโตะหัวปักหัวปำ ว่าแต่...ตกลงเรียวทำเรื่องอะไรไว้? เรื่องเล็กเรื่องใหญ่? มาลุ้นกันดีกว่า
กับตอนหน้า โรงเรียนแสนสนุก!
ความคิดเห็น