ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic sj]Hey you! คุณชายไฮโซกับนายจิ๊กโก๋บ้านนอก! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 - Rainy

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 53


    Hey you! คุณชายไฮโซกับนายจิ๊กโก๋บ้านนอก!












    เวลา 6 โมงเช้า

     

                    ผมรีบตะครุบปิดนาฬิกาด้วยความเร็วแสงตั้งแต่มันยังแหกปากร้องคำแรกไม่จบพร้อมเหลือบมองซีวอนอย่างมีพิรุธ เห็นคุณชายยังนอนหันหลังให้ก็ถอนหายใจ...โล่งอก โชคดีที่ยังไม่ตื่น

     

                    ผมเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่ลืมเอาแม่กุญแจคล้องห้องไว้ก่อนกันซีวอนตื่นมาเจอ แล้งรีบวิ่งลงไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าประจำ เห็นคุณซึงฮยอนเจ้าของร้านสุดหล่อนั่งพับเหยิบๆ มองมาทางผมด้วยสายตาง่วงๆ แล้วส่งยิ้มตาปรอย ...คงจะยังไม่ตื่นดี

     

                    “วันนี้มีส้มนะฮยอกแจ ชิมแล้วอร่อยใช้ได้เลย”

     

                    “โหย พี่ซึงน่ารักที่สุด” ผมวิ่งรี่ไปที่กองส้มก่อนจะคัดมาใส่ถุง มีพี่ซึงฮยอนคอยมาช่วยผมคัดส้มอยู่ไม่ห่าง

     

                    “แค่นี้คงพอละ...เอ้า นี่ขวด” ว่าพลางก็ส่งขวดแก้วขนาดพอดียื่นมาให้ผมที่รับไปด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “จะเลือกของทำกับข้าวเลยไหม หรือค่อยมาเลือก?”

     

                    “เดี๋ยวผมมาเลือกดีกว่า ผมไปก่อนล่ะครับ” พูดจบผมก็ค้อมตัวให้ก่อนจะเดินกลับห้องพัก จ้องมองขวดแก้วขนาดกะทัดรัดสลับกับถุงส้มแล้วอมยิ้ม

     

                    ซีวอนจะชอบกินน้ำส้มคั้นรึเปล่านะ...

     

     

     

     

                    เวลา 6 โมงครึ่ง

     

                    อีฮยอกแจสุดหล่อที่คล้องคอด้วยถุงผ้าบุนวมกระโดดขึ้นคร่อมจักรยานก่อนจะปั่นไปโรงเรียนด้วยท่าทางเบิกบาน อากาศตอนเช้าแจ่มใส...เอิ่ม ก็ไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่นะวันนี้ ท้องฟ้าขมุกขมัวเหมือนฝนจะตก ต้องไม่ลืมพกร่มไปเรียน

     

     

     

                    เวลา 6 โมง 45

     

                    ผมวางขวดใส่น้ำส้มไว้ในลอคเกอร์ของใครบางคนอย่างทะนุถนอม แปะกระดาษโพสอิทสีเหลืองอ่อนที่เขียนข้อความไว้ว่า “ทานน้ำส้มแล้วดีต่อสุขภาพนะครับ” ลงชื่อ อึนฮยอค แหม...น้ำเน่าเอาโล่ห์ใช่ไหมอีฮยอกแจ

     

     

     

     

                    เวลา 7 โมง 10 นาที

     

                    ผมกลับขึ้นมาถึงห้องพร้อมกับข้าวของเตรียมทำอาหารพะรุงพะรังเต็มสองมือ ในครัวมีคิมคิบอมที่ทำตาปรอยเหมือนโดนบังคับตื่นกำลังจัดการเก็บกวาดซากส้มและทำลายหลักฐานทุกชิ้นที่จะสาวไปถึงผมด้วยท่าทางที่อยากนอนเต็มที่

     

                    “วันนี้เวรนายเหรอ?” ผมถามก่อนจะวางถุงกับข้าวไว้บนโต๊ะ คิบอมหาวหวอดแล้วพยักหน้า “งั้นก็...ไปล้างผัก”

     

                    คิบอมเหมือนคนปลงโลก เดินไปล้างผักอย่างไม่มีชีวิตจิตใจ ผมไม่สนหรอก ผมเดินไปปลดล็อคกุญแจที่คล้องห้องเอาไว้ก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี

     

                    ก็ภารกิจลับรายวันสำเร็จแล้วนี่^^

     

     

     

     

                เวลาประมาณ 7 โมง 45

     

    “ฮยอกแจ...วันนี้มีอะไรกิน?” โจวคยูฮยอนที่ตื่นมาคนแรกนั่งจ้องผมตาแป๋วมาจากโต๊ะกินข้าว หมอนั่นถือช้อนส้อมเป็นอาวุธครบมือ

     

                    ผมไม่ตอบ เพียงแต่ตักอาหารใส่จานด้วยอาการง่วงงุนแล้วกระแทกวางบนโต๊ะมันซะอย่างนั้น “อย่าเพิ่งกินนะ รอกินพร้อมกัน ฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน! ผมจิกตาใส่โจวคยูฮยอนก่อนเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่สงสัยหมอนั่นจะไม่เห็น เพราะกำลังจ้องอาหารตรงหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลาย ...อย่าทำน้ำลายหกลงไปนะโว้ย!

     

                “อรุณสวัสดิ์ฮยอกแจ...” ผมที่กำลังจะเดินเข้าห้องสวนกับซีวอนที่เดินออกมา รอยยิ้มนุ่มนวลที่ซีวอนส่งให้ทำเอาผมใจสั่น ผมยิ้มตอบ

     

                    “อรุณสวัสดิ์ซีวอน ทานข้าวเลยสิ กำลังร้อนๆ ไม่รีบกินตอนนี้เดี๋ยวจะเย็นซะก่อนนะ” คยูฮยอนเงยหน้าจากจานอาหารก่อนจะสบถงุบงิบชุดใหญ่ว่าอะไรลำเอียงๆ สักอย่าง แต่ใครสน?

     

    ผมจะลำเอียงใครมีปัญหาอะไรรึไงฮะ?!

     

                “รอทานพร้อมกันดีกว่า ฮยอกแจอุตส่าห์ตื่นมาทำ” โอยยยยย พ่อคนดี แค่นี้ผมก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วคร้าบบบบบบ

     

                    “เอางั้นก็ได้” ผมตอบ ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียน

     

                    ปกติตอนอยู่ต่างจังหวัดผมไม่อาบน้ำหรอกครับ อาบมันวันละรอบก็ได้ แต่พอมาอยู่ที่นี่ผมกลายเป็นคนรักสะอาด อาบน้ำวันละสองเวลา ไม่งั้นตัวเหม็นตาย

     

                    ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ผมก็ยิ้มใส่กองขวดแก้วตั้งสูงที่วางอยู่บนโต๊ะของซีวอน แต่ละขวดมีประดาษโพสอิทแผ่นน้อยหลากสีสันเขียนข้อความหวัดๆ ไว้ทุกอัน ขวดหลายขนาดหลากประเภทถูกล้างอย่างสะอาดสะอ้านแสดงความเอาใจใส่ของเจ้าของ เพียงแค่เห็น...อากาศตอนเช้าของผมก็ดูสดใสขึ้นมาทันตา

     

                    ขวดทุกใบและกระดาษทุกแผ่นถูกส่งมาจาก อึนฮยอก

     

                    ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ เวลาก็ผ่านไปเดือนกว่าๆ เกิดเรื่องขึ้นมากมาย อย่างแรก...ผมที่ปกติเกลียดการตื่นเช้ายิ่งกว่าอะไรกลับยอมตื่นตั้งแต่เช้ามืด ลงไปซื้อผลไม้แล้วคั้นให้ซีวอน หลังจากคั้นเสร็จผมก็ต้องรีบปั่นไปที่โรงเรียนแล้วแอบเอาไปยัดใส่ลอคเกอร์ก่อนจะปั่นจักรยานกลับมาเพื่อทำอาหารเช้า ไม่อย่างนั้นคุณชายชเวสุดหล่อคงจะทานแต่กาแฟ

     

                    วันแรกๆ รสชาติอาหารที่ผมทำมันน่าขยะแขยงมาก ผมต้องจำยอมทิ้งและทอดเพียงแค่ไข่ดาวกับแฮมแก้ขัดไปก่อน ...และถ้าทำให้ซีวอนคนเดียวมันก็แลดูจะน่าเกลียดไปหน่อย(จริงๆ แล้วผมกลัวซีวอนจะสงสัย) ผมเลยต้องเตรียมให้ทุกคนในห้องด้วย(โดยเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน มีรายได้มากโขอยู่) แต่พอชินดงรู้เรื่อง ก็เลยสมคบคิด เอ้ย ตกลงกับผมว่าให้ผมรับผิดชอบมื้อเช้า ส่งเขาจะทำมื้อเย็น ...สุดท้าย ผมเลยต้องเป็นพ่อครัวมื้อเช้าของห้องสองห้องด้วยประการฉะนี้

     

                    จริงๆ แล้วมันก็เหนื่อยนะ...เกิดมาผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ว่า เพียงแค่กลับมาห้องแล้วเห็นขวดแก้วที่ซีวอนล้างเก็บไว้ทุกใบ ผมก็รู้สึกว่าหัวใจมันเอ่อล้นไปด้วยความสุข ผมเคยลองถามซีวอนว่าทำไมถึงต้องเก็บรักษามันอย่างดีขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ซีวอนไม่รู้จักคนให้สักนิด ซีวอนเพียงจ้องหน้าผม ก่อนจะตอบด้วยคำพูดเจือรอยยิ้ม “ก็ถ้าผมเป็นเขา...ผมก็คงอยากให้คนได้รับเก็บไว้อย่างดีไม่ใช่เหรอ?”

     

                    มันเป็นกำลังใจให้ผมทำต่อไป ผมจะไม่ย้อนถามตัวเองอีกแล้วว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนี้ บางที...การที่คนเราจะทำอะไรสักอย่างมันก็ไม่มีเหตุผล แต่ผมมีความสุขทุกครั้งที่เห็นขวดแก้วเพิ่มขึ้นทุกวัน มีความสุขที่เห็นซีวอนมีความสุข ผมไม่หวังว่าซีวอนจะรู้หรอกว่าผมทำอะไรให้มากมายขนาดนี้ ผมรู้แต่ว่าผมมีความสุขที่ได้ทำ...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

     

                    เรื่องต่อมา ผมกับคิมคิบอมกลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว พ่วงด้วยโจวคยูฮยอนอีกคน ผมยังไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ปกติผมเกลียดสิ่งมีชีวิตเพศชาย(ที่หล่อกว่าผม อาจยกเว้นซีวอน)ทุกคน แต่กลับสนิทกับเจ้าสองตัวนี้ แถมเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยซ้ำ

     

                    ตอนนี้สองคนนี้เลยกลายเป็นผู้ร่วมขบวนการเบอร์หนึ่งและเบอร์สอง มีหน้าที่ผลัดเวรกันมาทำลายหลักฐานและช่วยผมทำอาหารทุกเช้า ท่าทางสองตัวมันไม่ค่อยเต็มใจ...แต่ไม่กล้าขัดใจผมเท่าไหร่ แต่จะว่าผมไม่ได้หรอก ก็คิมคิบอมแม่งสอดรู้ก่อน แถมยังเสือกฉลาดจับได้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ว่าผมแอบชอบซีวอน ชิ! แถมตอนที่ผมเคลียร์กับคิบอม โจวคยูฮยอนมันยังเสือกได้ยินอีก ไปๆ มาๆ สุดท้ายพวกเราสามคนก็เลยจับเข่าคุยกัน คยูฮยอนที่หน้าบวมตุ่ยเอ่ยบอกเสียงอ่อยว่าดันไปปิ๊งรุ่นพี่ชมรมศิลปะป้องกันตัวที่ชื่อซองมิน แต่โดนต่อยเสียหมดสภาพ สุดท้ายก็เลยถอยทัพกลับมาตั้งหลักก่อน ...แม่งละอ่อนจริงจัง

     

                    “งั้นนายก็ไปเป็นกรรมการนักเรียนดิ่วะ เห็นเขายังเปิดรับปีหนึ่งอีกตำแหน่ง” นี่เป็นคำแนะนำของผมที่เสนอให้คยูฮยอนที่ตัดใจจากพี่ซองมินเพราะทนแรงกระทืบไม่ไหว มันค้อนผมปะหลับปะเหลือก...น่ารักตายห่า!

     

                    “นายจะใช้ฉันเป็นสะพานทอดไปหาซีวอนล่ะสิ!” เกลียดนักคนรู้ทัน!

     

                “เป็นกรรมการนักเรียนไม่ดีไงวะ? ไหนๆ นายก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ โดนพี่เขาต่อยทุกวันอยู่แล้วนี่...ส่วนเรื่องพี่ซองมินยังไงก็มีคิบอมกับดงเฮคอยดูอยู่แล้ว จะกลัวไร?”

     

                    “ดงเฮกับคิบอม? หลอกฉันหรือหลอกควายอยู่วะ ก็เห็นว่าดงเฮแม่งสนใจอยู่แต่คิบอม ส่วนคิบอมแม่งก็ไม่สนใคร”

     

                    “งั้นก็เรื่องของมึง ไอ้ฟรายยยย!

     

                    แต่สุดท้าย คยูฮยอนก็ยอมเป็นกรรมการนักเรียน ส่วนผมในฐานะเพื่อน ทุกครั้งที่เลิกชมรมก็ไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่กับมันด้วย ทำทีเป็นช่วยงาน...แต่ไม่ได้ช่วยคยูฮยอนหรอกนะครับ ผมช่วยแต่ซีวอนหรอก

     

                    ส่วนคิบอมน่ะเหรอ...ไอ้นี่มันร้ายเงียบ ไม่รู้มันไปเป่าหูเป่ามนต์ดำอะไรใส่ดงเฮไอ้หมอนั่นถึงได้ฮึดฟิตกล้าม ตอนนี้หมอนั่นเริ่มล่ำขึ้นมาจม ผมเกือบจำดงเฮน้อยผู้บอบบางไม่ได้เลยทีเดียว

     

                    “เป็นลูกผู้ชายมันก็ต้องแมนสิ” คำตอบของคิบอมไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยสักนิด แถมสายตามีเลศนัยนั่นอีก เชอะ! ไม่บอกก็ไม่อยากรู้โว้ย!

     

               

     

     

     

     

     

                    วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผ่านไปตามปกติ ผมยังคงเรียนไม่รู้เรื่อง...แต่ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเพื่อนสนิทผมอย่างโจวคยูฮยอนฉลาดขัดกับหน้าตา มันยังเคยแอบมากระซิบกับผมว่า ไว้ใกล้สอบจะติวพร้อมกันกับซีวอน หมอนั่นก็เรียนไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน นั่นล่ะ... ผมล่ะสุดจะประหลาดใจเลย หน้าตาซีวอนออกจะฉลาด ดูดีมีการศึกษาออกจะตาย

     

                    “เจ้าไก่ มาอีกแล้วเหรอ?” รุ่นพี่ฮีซอลทักผมทันทีที่ผมย่างเท้าก้าวแรกเข้ามาในห้องกรรมการนักเรียน ผมยิ้มกว้าง รีบวิ่งส่ายหางระริกระรี้ไปอ้อนว่าที่พี่เขย...หรือว่าที่พี่สะใภ้ นั่นแหละ เหมือนกัน เอาเป็นว่าพี่เขาเป็นญาติผู้พี่ของซีวอน ผมประจบไว้ไม่เสียหาย “วันนี้ไม่มีซ้อมบอลหรือไง?”

     

                    “ฝนตกอ่ะพี่...ซ้อมไม่ได้” จริงๆ แล้วพี่คังอินยืนกรานจะซ้อม แต่พอผมดราม่าแกล้งทำเป็นหกล้มหน้าทิ่มโคลน ขาแพลงแล้วไอค่อกแค่ก พี่คังอินก็สั่งงดทันควัน สงสัยกลัวรุ่นน้องสุดโปรดอย่างผมจะตายคาสนาม

     

                    “ก็ดี...ซีวอน คยูฮยอน พวกพี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

     

    อ้าว...อะไรอ่ะ พอผมมาพี่ก็ไปเลยเหรอ โห...แต่พวกพี่ๆ เขาคงติดธุระ ผมคิดว่างั้น ผมเลยไม่ถามอะไรแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ประจำ...ตรงข้ามซีวอน

     

                    ในห้องเลยเหลือแต่พวกผมปีหนึ่ง...ซีวอนก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเคย ส่วนผมก็ได้แต่มองซีวอนทำงานเงียบๆ นานๆ ครั้งก็ช่วยจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ ซีวอนเป็นคนจริงจังกับงานแค่ไหนผมรู้ดี บางครั้งผมก็ว่าซีวอนจริงจังเกินไป เขามักจะคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง นั่นเป็นข้อดี...แต่บางทีผมก็อยากให้ซีวอนคิดถึงตัวเองบ้าง

     

                    พวกเรานั่งกันอยู่ริมหน้าต่าง ผมมองออกไปเบื้องนอก ฝนเริ่มตกหนักขึ้นทุกที...ถ้าเรายังนั่งทำงานอยู่แบบนี้ อีกสักพักคงกลับห้องไม่ได้

     

                    “งั้น ฉันไปก่อนนะ...” จู่ๆ คยูฮยอนก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ ผมเกือบลืมไปแล้วจริงๆ ว่าเราไม่ได้นั่งกันอยู่สองคน ผมมองคยูฮยอน เห็นหมอนั่นลอบขยิบตาให้ผมแล้วกวาดของออกไปอย่างรวดเร็ว

     

                    ...แล้วมันก็เหลือแค่เราจริงๆ

     

                    ผมทอดสายตามองซีวอน ก่อนจะก้มลงทำการบ้านต่ออย่างว้าวุ่นใจ ผมเริ่มกังวล...ไม่ได้ประหม่าที่เราอยู่กันแค่สองคนเพราะตอนอยู่ในห้องนอนเราก็อยู่กันสองคนออกบ่อยไป แต่ว่า...

     

    ผมมองฝนที่เริ่มตกหนาเม็ดขึ้น เห็นเค้าลางก็รู้ว่ามันไม่หยุดง่ายๆ ซีวอนก็คงคิดแบบเดียวกัน “ฮยอกแจ...กลับห้องเถอะ ฝนตกหนักแล้วนะ” ซีวอนเงยหน้ามองผม รอยยิ้มบางๆ จับบนเรียวปาก

     

                    “แล้ว...นายล่ะ?” ตอนแรกผมกะจะชวนซีวอนกลับด้วยกัน อย่างน้อยผมก็พกร่มมา เบียดๆ กันไปน่าจะพอได้อยู่

     

                    “ฉันเหรอ?” ซีวอนหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องห่วงหรอก ยังเหลืองานอีกเยอะ ไว้ฉันรอฝนหยุดค่อยกลับก็ได้”

     

                    งั้นคืนนี้นายคงไม่ได้กลับ... ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ซีวอนก็เป็นแบบนี้ตลอด คอยเป็นห่วงคนอื่นก่อนตัวเอง เขาแสนดีจนบางครั้งผมก็พูดไม่ออกว่ามันเป็นข้อดีหรือข้อเสีย

     

                    ผมถอนหายใจแล้วโกยของทุกอย่างใส่กระเป๋า ซีวอนยิ้มให้ผม “กลับดีๆ นะครับ”

     

                    คำพูดนั้น ทำให้ผมตัดสินใจทำอะไรบางอย่างได้เด็ดขาด...

     

     

     

     

     ¢¢¢~~Mr.Choi and Crazy chick~~¢¢¢

     

     

     

     

                    ซีวอนนั่งมองม่านน้ำฝนที่จับหนาจนแทบจะมองไม่เห็นทัศนียภาพอะไรอย่างอื่น...เขาถอนหายใจ ก้มลงมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบจะสองทุ่มเข้าไปแล้ว ยามประจำตึกมาไล่เขาเป็นรอบที่สองเข้าไปแล้วด้วยซ้ำ

     

                    ดงเฮโทรมาตามเมื่อ 10 นาทีก่อน เขาก็บอกเพียงว่ารอให้ฝนหยุด ทั้งๆ ที่ในใจคิดตรงข้าม เขาว่ามันคงไม่หยุดตกง่ายๆ หรอก...เค้าลางเหมือนพายุเข้า

     

                    “ซีวอน...กลับห้องรึยัง ให้พี่ไปรับไหม?” พี่ฮีซอลโทรมาได้จังหวะเวลาพอดิบพอดี

     

                    “ผมยังอยู่ที่โรงเรียน พี่เสร็จธุระแล้วเหรอครับ?”

     

                    “อืม เสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ให้ฮันวนรถไปรับกลับหอ รออยู่ที่หน้าตึกละกัน”

     

                    เขารับคำก่อนจะกวาดของใส่กระเป๋านักเรียน ปิดไฟและล็อคห้องจนเรียบร้อย ขายาวก้าวไปตามระเบียงทางเดิน กลิ่นเย็นชื้นของฝนแทรกเข้ามาภายในอาคาร อุณหภูมิลดต่ำลงจนพูดได้เต็มปากว่าเริ่มหนาว ถ้าต้องเดินตากฝนกลับไปจริงๆ...สภาพของเขาคงดูไม่จืด

     

                    ซีวอนเปิดล้อคเกอร์เพื่อเก็บของอย่างเคย หากเขาก็ต้องชะงัก นัยน์ตาคมเบิกโพลงจ้องมองร่มสีดำคันเล็กที่ถูกยัดไว้ภายใน เด็กหนุ่มพูดไม่ออก เขารีบคว้าออกมา แล้วก็เป็นตามคาดเมื่อเห็นกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้ว่า

     

     

     

                    ช่วงนี้ฝนตก...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

                                          อึนฮยอค

     

     

     

                    ซีวอนรู้สึกหนาวสะท้าน...โกรธตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทำไมเขาไม่เฉลียวใจคิดแม้แต่นิดเดียวว่า คนๆ นั้น จะทำแบบนี้ เขาน่าจะคิดได้...

     

                    ไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มรีบลนลานคว้าโทรศัพท์มือถือ เขารอสายด้วยใจว้าวุ่น และเมื่อปลายสายรับ เขาก็รู้สึกว่าก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายมันเต้นหนักๆ ด้วยความรู้สึกผิด

     

                    “ฮัลโหล ซีวอน...ม...มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงของคนรับอู้อี้เหมือนเป็นหวัด

     

                    “ฮยอกแจ...ถึงห้องรึยัง?” เขาเอ่ยถามเรียบๆ ปลายสายส่งเสียงอือตอบรับก่อนจะหันไปจามไกลจากโทรศัพท์ ซีวอนขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมถึงเป็นหวัดล่ะ...ตอนกลับนายยังดีๆ อยู่เลยนี่”

     

                    “เอ่อ...ไม่ได้เป็นหวัด...ฮ...ฮัดชิ้ว คือแค่จามนิดหน่อยเอง....”ฮยอกแจหัวเราะใส่โทรศัพท์ แต่ซีวอนไม่ขำสักนิด “ตอนนายไล่ฉันกลับฝนก็ยังตกไม่ค่อยหนักหรอกน่า แถมฉันมีร่มอีก...ม...ไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ต้องห่วง”

     

                    ซีวอนเห็นด้วย แต่ก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี “นายไม่เป็นอะไรแน่นะ?”

     

                    “สบายดีมากกกกก แล้วนายดีกว่ากลับไงล่ะ? ฝนตกหนักขนาดนี้”

     

                    “นายนอนพักดีกว่า ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” ซีวอนตัดสายทิ้งโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ซัก เขามองร่มในมือแล้วทอดถอนใจ ความรู้สึกตอนนี้คงจะบอกว่า...เขาโกรธ...ก็คงได้อยู่

     

                    ทำไมชอบทำอะไรไม่คิดอยู่เรื่อย...

     

                    ซีวอนเดินไปหน้าอาคาร ฝนลงเม็ดหนาจนน่ากลัว สภาพแบบนี้ต่อให้กางร่มก็คงเปียกม่อล่อกม่อแลก อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่เขาไล่ให้อีฮยอกแจกลับไปตั้งแต่ช่วงที่ฝนยังตกไม่หนัก ไม่งั้นเขาคงรู้สึกผิดยิ่งกว่านี้

     

                    ไม่นานพี่ฮีซอลก็เอารถมาจอดเทียบ ซีวอนก้าวออกจากอาคารเรียน เขากอดกระเป๋าไว้แน่นเพราะกลัวเปียก หากในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ไม่รู้มีอะไรมาดลใจให้ซีวอนเหลือบมองไปทางที่จอดจักรยาน...ซึ่งเขาไม่ควรมองเลย

     

                    ซีวอนตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

                    “ซีวอน รีบขึ้นรถสิ” เสียงพี่ฮีซอลดังฝ่าสายฝน ซีวอนเม้มปากแน่น เขาถอนหายใจอีกเฮือกก่อนจะโยนกระเป๋าเข้าไปในรถ แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ก้าวตามเข้าไป

     

                    “พี่ฮีซอล ผมฝากกระเป๋ากลับหอด้วย”

     

                    “เฮ้ย! ซีวอนนนน” พี่ฮีซอลร้องเรียกน้องชายที่ปิดประตูรถ ส่วนตัวเองกลับกางร่มก่อนจะก้าวยาวๆ เดินไปทางที่จอดจักรยาน ทั้งๆที่ฝนตกหนักขนาดนี้ ซีวอนมันเป็นบ้าไปแล้วรึไง!

     

                    ร่างสูงของซีวอนหยุดยืนอยู่หน้าจักรยานของตัวเอง...ที่เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้มันไม่ได้มีสภาพแบบนี้ มันไม่มี ร่มคันใหญ่...ผูกติดไว้ด้านหลังแน่น ไม่มี...ผ้าพลาสติก...คลุมไว้รอบร่มและทำหน้าที่เป็นกันสาดให้แบบนี้ แถมยังมี...เสื้อกันฝน

     

                    ซีวอนยิ้ม...แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า เขาว่าเขาเดาได้แล้วว่าทำไมคนแข็งแรงแบบฮยอกแจถึงได้เป็นหวัด...

     

                    เพราะแบบนี้ใช่ไหม...?

     

     

     

     

     

     

     

     

                    อีฮยอกแจกำลังหมดสภาพ...

     

                    ผมนอนเกลือกกลิ้งตายอยู่บนเตียงไร้คนเหลียวแลเอาใจใส่ แถมยังโดนคิมคิบอมดุเอาอีกว่าทำอะไรโง่ๆ โจคยูฮยอนก็หัวเราะสมน้ำหน้า ชีวิตอีฮยอกแจนี่มันดราม่าจริงๆ

     

                    ผมหลับตาลง ได้ยินเสียงฝนกระหน่ำอยู่เบื้องนอกก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด...ผมทำไปเพราะอยากทำ ดีกว่าคอยมานั่งกังวลว่าซีวอนจะกลับยังไง สู้ลงมือให้รู้แน่ชัดว่าซีวอนไม่มีทางป่วยไปเลยดีกว่า

     

                    คิดได้ดังนั้น ผมที่ทิ้งร่มไว้ในลอคเกอร์ของซีวอนก็ปั่นจักรยานกลับมาที่หอ ก่อนจะซื้อร่มคันใหญ่ที่สุดในร้าน(ถ้ามันใหญ่กว่านี้อีกก็ร่มชายหาดแล้วล่ะ) และผ้าพลาสติคพร้อมทั้งชุดกันฝนสองชุด หลังจากนั้นอีฮยอกแจก็ผันตัวเองเป็นนายช่าง ใส่ชุดกันฝนพร้อมรบแล้วปั่นจักรยานกลับไปที่โรงเรียน ผูกร่มไว้กับเบาะอย่างแน่นหนา ซึ่งก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันเพราะตอนนั้นฝนเริ่มตกหนัก ผมใช้เทคนิคพิเศษยัดผ้าพลาสติกผูกติดกับโครงร่มให้แน่ใจว่ามันจะไม่ปลิวระหว่างทาง แล้วเหน็บชุดกันฝนไว้ชุดหนึ่ง เอาน่ะ...แม้จะปั่นไปแบบทุกลักทุเลแต่ผมก็คิดอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว

     

                    แต่ผมประเมินผิดไปอย่าง นั่นคือ...ผมดันป่วย

     

                    ให้ตาย ทั้งที่ตอนอยู่บ้านนอกผมวิ่งตากฝนแหกปากเล่นกับไอ้จุนซูเย้วๆ ไม่เป็นอะไรสักกะผีก นี่ตากฝนแปบเดียวดันไข้ขึ้น อีฮยอกแจดราม่าจริงๆ นั่นล่ะ

     

                    “ฮยอกแจ...เป็นไงบ้าง”

     

                    ผมทะลึ่งตัวพรวดทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มๆ ของใครคนนั้นแว่วเข้าหู สงสัยลุกเร็วไปหน่อยตามันเลยลายๆ เฮ้ย ทำไมซีวอนมีหลายคน

     

                    “ก็...สบายดี” ผมโกหก

     

                    ซีวอนยิ้มแล้วลูบผมเปียกชื้นของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง “อืม...งั้นก็ดีแล้ว” ผมสังเกตว่าซีวอนก็ยังดูเปียก...แต่ก็ไม่มาก แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว

     

                    ระหว่างที่ผมคิดเพลินซีวอนก็ยื่นถ้วยมาให้ผม ผมรับมางงๆ ก่อนจะสังเกตว่ามันคือ...ข้าวต้ม

     

                    “ดงเฮฝากให้เอามาให้นาย”

     

                    ใส่ยาพิษรึเปล่า? ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยังตักเข้าปาก แม้รสชาติจะปะแล่มๆ ไปสักหน่อยแต่ผมก็ยังฝืนใจกิน ซีวอนยกมือมาขยี้หัวผมเหมือนเล่นกับเด็ก

     

                    “กินเสร็จแล้วก็ทานยาซะนะ” หมอนั่นยื่นถุงพลาสติกใสมาให้ผม ในนั้นมียาบรรจุอยู่ 2-3 แผง “ฉันไปอาบน้ำก่อน”

     

                    ผมรับคำอย่างว่าง่าย จริงๆแล้วผมก็เพลียอยู่เหมือนกันล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเป็นคนป่วยยากหายง่าย นอนพักซักตื่นก็หายแล้ว...

                   

     

     

     

     

     

                    ตอนที่ซีวอนกลับออกมาอีกครั้งอีฮยอกแจก็นอนหลับสนิทไปแล้ว

     

                    เด็กหนุ่มยิ้ม เดินไปเปิดกระเป๋าก่อนจะหยิบขวดใสที่ล้างสะอาดออกมาวางกองไว้ข้างๆ กองขวดลักษณะเดียวกัน ซีวอนมองพวกมันเงียบๆ...และทุกครั้งที่มองเขาก็มักจะเกิดคำถาม ซึ่งพอกพูนมากขึ้นทุกครั้งในจิตใจ...

     

                    “คนเรา...จะทำดีกับใครสักคนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนได้จริงๆ น่ะเหรอ?”

     

                    และเป็นอีกครั้งที่ซีวอนได้เพียงความเงียบเป็นคำตอบ...






    TBC




    ไหนใครได้กลิ่นอะไรเน่า...ทั้งน้ำเน่าและเหม็นดองเลย-*-
    ขอโทษที่ดองนานนะคะT^T แต่เขาเรียนหนักจริงๆ นะเออ ตอนนี้ปิดเทอมเลยมาปั่นลงให้ เสิร์ฟร้อนๆเลยด้วยยยยยย
    มาพูดถึงตอนนี้กันบ้าง ยังคงคอนเซปเดิมๆ เราว่าจีบกันแบบนี้ก็น่ารักดีออก ความรักมันต้องค่อยเป็นค่อยไป ต่างคนต่างห่วงกันแต่ไม่พูดกัน บทของซีวอนจะค่อยๆเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นจากนี้ไปล่ะค่ะ
    เรื่องนี้ชอบคาแรคเตอร์ของทั้งคู่เลย สำหรับซีวอนคือผู้ชายอบอุ่นแสนดีที่ทะลึ่งนิดๆ เจ้าเล่ห์หน่อยๆ ส่วนทะลึ่งกับเจ้าเล่ห์ยังไงก็ติดตามต่อไป ไม่นานเกินรอหรอกค่ะ ผู้ชายแสนดีที่แอ๊บโง่น่ะน่ารักออก อยากลองเปลี่ยนแนวของซีวอนบ้าง อ่านมากี่เรื่องก็เจอแต่ซีวอนที่หล่อ เลว รวย -*- ไม่ใช่ไม่ดีแต่นี่เหมือนคอนเซปหลักซีวอนไปแล้ว เพราะถ้าเรื่องไหนซีวอนดี้ดี เรื่องนั้นซีวอนจะเป้นพระรอง-*- คนดีๆ ชักไม่มีที่ยืน เพราะงั้นเราต้องเปลี่ยน ผู้ชายอบอุ่นน่ารักนิสัยดีควรจะได้อะไรที่ดีๆกับชีวิตบ้าง(อย่างเอาไก่ไปกอดโดยไม่ต้องทำอะไรเลย 555+)
    ส่วนฮยอกแจ...อึนๆ เหวี่ยงๆ น่ารักน่ากอด น่ากัดจริงจัง คนนี้ไม่ต้อวพูดอะไรมาก รักนะแต่ไม่แสดงออก แอ๊บฉลาดทั้งๆที่ทำความผิดพลาดจุดเบ้อเร่อ คนเขาจะจับได้กันหมดคนสวยก็ยังไม่รู้ตัว-*-(ลองอ่านดีๆจะเจอ"ข้อผิดพลาดขนาดใหญ่"ของฮยอกแจ)
    ตอนหน้า...ไม่รู้เมื่อไหร่T^T ปั่นจบแล้วจะมาลงนะคะ ต้องเคาะไหดองเป็นระยะ ไม่งั้นไรท์เตอร์จะไม่มีจิตสำนึกในการปั่น-*-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×