ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate chain[yaoi]

    ลำดับตอนที่ #14 : Fate chain 5.1 - อิสระภาพ 1

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 53


    Fate chain















    เรียวรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ ไม่ใช่พื้นแข็งๆ เหมือนเมื่อคืน ...เขาพยายามเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง รู้สึกดวงตาปวดระบมเพราะพิษไข้และที่นอนร้องไห้ตลอดคืน แขนขาของเขาด้านชาคล้ายไร้ความรู้สึก ...เรียวพยายามขยับแขน แต่มือของใครบางคนกลับกดมือของเขาไว้นิ่งๆ

    “นอนเฉยๆ วาคาบะ...รอให้น้ำเกลือหมดก่อน” ทันทีที่เรียวปรับสายตาให้สู้กับแสงสว่าง เขาก็เห็นใบหน้าเคร่งขรึมของพ่อบ้านประจำตระกูลทาคาซึกิลอยอยู่เหนือหัว “เธอสลบไปวันเต็มๆ แต่ก็แค่เกือบจะเป็นปอดบวม...คนเลวทำไมถึงได้ตายยากนักนะ”

    คำที่คล้ายกับคำแช่งตอกย้ำให้ห้วงอารมณ์ที่หม่นอยู่แล้วยิ่งจมลึก เรียวหลบแววตาเกลียดชังที่สาดจ้ามาทางเขา ริมฝีปากแห้งผากเม้มแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้กลับไป

    “นอนซะ หมอมาฉีดยาให้นายแล้ว นอนอีกคืนก็คงหาย”

    “ทำไมไม่ปล่อยฉันตายไปซะ” เรียวพูดเสียงเครือ เขาพยายามยกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาลวกๆ ความเจ็บระบมที่ดวงตาไม่หนักเท่ากับหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ประสบการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาฝังแน่นอยู่ในจิตสำนึกอย่างน่ารังเกียจ

    เด็กหนุ่มได้ยินเสียงทอดถอนใจจากคนที่เขานอนหันหลังให้ “เธอตายไปอาจจะดีกว่าก็ได้...” เรียวรู้สึกว่านั่นเป็นคำตอบที่มาจากใจของนากาโนะจริงๆ

    ทำไม...ไม่ปล่อยให้ฉันตายจริงๆ เลยล่ะ? เขาไม่ได้ประชด เขาแค่อยากรู้...

    อยากตายจริงๆ เหรอ...นั่งคือความปรารถนาของนายรึไง? ความเงียบของเรียวทำให้คู่สนทนานิ่งไปอึดใจ เขาไม่รู้ว่าคุณพ่อบ้านต้องการอะไร...

    ถ้านั่นคือความปรารถนาของนาย...คุณชายจะทำทุกอย่างให้แน่ใจ...ว่านายจะไม่มีวันได้มันมาตลอดกาล

    ความหวาดกลัวที่พลุ่งขึ้นมา...ฟุ้งกระจายเหมือนผงฝุ่นไปทั่วทุกอณูของร่างกาย

    เรียวขดตัวเข้าหากัน ร่างสั่นงันงกสะอื้นเครือในคอ เขาเกลียด เขากลัว เขาหวาดหวั่น เขาอ่อนไหว แต่ยังไงก็ตาม...เขาจะไม่มีวันยอมอยู่ที่นี่ ไม่มีวัน!!

     

     










    เรียวไม่เจอทาคาซึกิเลยสักครั้งในช่วง 2 วันที่เขานอนพักฟื้น... เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ที่ไม่เจอหน้าหมอนั่น มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ถูก ใจหนึ่งเขาหวาดกลัวที่จะพบหน้าหมอนั่น แต่อีกใจ...เขาหวาดกลัวมากกว่าที่จู่ๆ หมอนั่นก็หายหน้าไป มันเหมือนความเงียบก่อนพายุเข้า ...อาจเป็นไต้ฝุ่น จิตใต้สำนึกเรียวบอกแบบนั้น และเขารู้ดีแก่ใจว่าทาคาซึกิไม่หยุดเรื่องนี้ง่ายๆ

    ทุกครั้งที่ลืมตาเขาจะเห็นนากาโนะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ข้างเตียง ไม่มีบทสนทนาระหว่างเขาสองคนอีกเลยนับจากนั้น ถ้าจะให้กินข่าว นากาโนะก็จะเอามาวางไว้เงียบๆ ไม่พูด ไม่บอกอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าเรียวจะกินหรือไม่ ฝ่ายนั้นก็จะปล่อยอาหารทิ้งไว้แบบนั้น รอให้แม่บ้านมาเก็บตอนเย็น ถ้าวันนั้นเขาไม่แตะอะไรเลย ก็จะมีผู้ชาย 2-3 คนมาจับเขากรอกด้วยอาการเหลว หรือถ้าเขาไม่กินยา เหตุการณ์เดียวกันก็จะเกิดขึ้น...ในสายตาของคนบ้านนี้เขาอาจจะเป็นเหมือนหมาสักตัว ไม่สิ...อาจจะเป็นอะไรที่ต่ำกว่านั้น

    ในช่วงที่นอนพักเรียวคิดอะไรต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องของเขา เรื่องของแม่ และเรื่องที่ทาคาซึกิยัดเยียดความผิด เขายอมรับว่าความรู้สึกผิดในใจมันก็มีบ้าง แต่ว่า...ตั้งแต่ต้นเขาอยู่เฉยๆ ไม่ใช่รึไง? เขาอยู่ของเขาดีๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาในชีวิต พยายามจะให้เขารัก พยายามต่างๆ มากมาย แต่เขาไม่ได้รัก...เขาไม่ใช่คนฆ่าเธอสักหน่อย เธอฆ่าตัวตายเอง...

    แต่นายผิด...นายบีบเธอให้จนตรอก บีบให้เธอฆ่าตัวตาย...

    บางอย่างในใจเรียวมักจะเถียงออกมาแบบนั้นทุกครั้งที่เขาคิดเรื่องนี้ขึ้นมา มันทำให้เรียวปวดหัว จนเด็กหนุ่มตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนี้ ยังไงเขาก็ย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดไม่ได้ ตอนนี้ที่เขาต้องทำมีแค่คิดหนี...หนีไปจากที่นี่ ไปในที่ซึ่งทาคาซึกิจะหาไม่พบ ...แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่

    “ถ้าหายดีแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนด้วย” เป็นประโยคแรกที่นากาโนะเอ่ยขึ้นในรอบวัน พ่อบ้านประจำตระกูลดำกรอบแว่นขึ้น จ้องตาเรียวที่ทำหน้างุนงง “คุณชายสั่งไว้ ถ้านายหายดีก็ให้ไปโรงเรียนตามปกติ ชุดนักเรียนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ตอน 8 โมงรถจะออก แล้วพอเลิกเรียนก็จะมีรถคอยรับ อย่าผิดเวลาล่ะ” ทิ้งไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะผุดลุกขึ้น และเดินหายออกไปจากห้อง ตัดโอกาสซักถามทั้งมวล

     เรียวลุกขึ้นนั่ง เขาฝืนออกแรงเดินทั้งๆ ที่ล้าไปทั้งตัว มือเด็กหนุ่มสั่นระริก ร่างกายเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็พยายามสาวเท้าไปที่บานหน้าต่าง ...มันล็อค เรียวไม่แปลกใจหรอก เขาเพียงต้องการจะย้ำเตือนให้แน่ใจว่าเขายังอยู่ในโลกจริงๆ เขามองดวงจันทร์ที่ลอยเด่น มองต้นไม้ที่อยู่ต่ำไปเบื้องล่าง ทุกอย่างเหมือนที่เขาเคยชิน บางทีเรียวเคยคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะแค่หลับฝัน...เป็นฝันร้ายยาวนานชวนหดหู่ ก่อนจะถูกดึงกลับมาด้วยจิตสำนึกของตัวเอง

    คนบ้านนี้เหมือนคนตาย...และเรียวคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นแบบนั้น แทบทุกคนไม่มีรอยยิ้ม หรือถ้ามีก็เป็นรอยยิ้มเหยียดที่มุมปาก แต่ประกายตาไม่เคยยิ้มตามไปด้วย ทั้งพ่อบ้านประจำตระกูล คนใช้ โดยเฉพาะสองพี่น้องตระกูลทาคาซึกิ เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยิ้มกว้างให้เขาแค่เฉพาะริมฝีปาก แต่ดวงตาของเธอกลับราบเรียบเหมือนไม่มีความรู้สึก และ...ทาคาซึกิ ทาคาโตะ หมอนั่นเหมือนคนไม่มีชีวิต ทุกครั้งที่เขามองลึกไปในแววตาคู่นั้น ร่างกายของเขายิ่งหนาวสะท้าน มันเป็นความเกลียดชังไร้ก้นบึ้ง ดึงเขาให้ตกลงไปในความหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด

    เขาจะต้องหนี...หนีไปให้ไกล และเรียวคิดว่า...

     

    ...เขาพอจะมีทางออกแล้ว




     

    *************






     

    เรียวเดาไม่ผิด...ทันทีที่พักเที่ยง เขาเพิ่งจะเอาข้าวกล่องมาวางบนโต๊ะ ร่างสูงของใครคนหนึ่งก็หยุดยืนอยู่ข้างตัว เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกยังไงกันแน่ระหว่างกลัวหรือดีใจ ปลายนิ้วที่จับตะเกียบอยู่สั่นระริก หากเขาก็แข็งใจช้อนตาขึ้น มองใบหน้าเหยียดหยันของฝ่ายตรงข้าม

    มองใบหน้าของผู้ชายที่เคยเสนอว่าจะช่วยให้เขาได้พบแม่...

    “สวัสดี” หมอนั่นเอ่ยทักพลางดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามเขา หลายคนในห้องมองทั้งคู่อย่างใคร่รู้ “ได้ข่าวว่าไม่สบาย...หายดีแล้วเหรอ?”

    เรียวเม้มปาก พยายามซ่อนมือที่สั่นระริกของตนเองโดยการทำเป็นเก็บกล่องข้าวเข้าไปในกระเป๋าใบใหม่เอี่ยม เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้า ฝืนสบกับดวงตาเป็นประกายวาววามของคู่สนทนา

    “ไป...คุยกันที่อื่น” เสียงของเขามุ่งมั่นแม้จะติดสั่นเทา ฝ่ายตรงข้ามเลิ่กคิ้วอย่างยวนๆ แต่ก็ลุกขึ้น ผายมือให้เขาเดินออกไปก่อน

    “ไปคุยกัน...ที่เดิมแล้วกัน”

    ที่เดิมนั้น...เรียวคิดว่าเขารู้ว่าหมายถึงที่ไหน

     

    ตลอดทางฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากแนะนำตัวว่าชื่อ ฟูมิโนะซาโตะ ไทระ เรียวเพียงพยักหน้ารับรู้ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องแนะนำตัวเอง เพราะดูท่าหมอนี่จะรู้ข้อมูลของเขาเป็นอย่างดี

    เด็กหนุ่มลังเลอยู่เพียงครู่เมื่อหยุดยืนอยู่หน้าห้องเดิมที่...

    ความทรงจำเมื่อไม่กี่วันก่อนพุ่งเข้ามาสู่สมอง ร่างกายเผลอก้าวถอยหลัง หากมือของใครคนหนึ่งกลับยันไว้เบาๆ น้ำเสียงกลั้วหัวเราะกระซิบหยอกล้อข้างหู “จะกลับเหรอ?”

    เรียวสะดุ้งเฮือก จิตใต้สำนึกสั่งว่าให้เขาวิ่งหนี แต่สมองกลับสั่งให้เขาก้าวต่อไป

    “กลัวอะไรกัน...ไม่อยากรู้เรื่องแม่แล้วเหรอ?” คนที่ยืนซ้อนหลังเขาอยู่พูดพลางใช้ปลายนิ้วไล้คลึงกลีบปากของเขา ก่อนจะลากผ่านไปยังเรือนแก้ม “ว่าไง...ฉันช่วยให้นายเจอแม่ได้นะ”

    เรียวกลัว... เขากลัว ยอมรับว่ากลัวและรังเกียจสัมผัสที่หยอกล้อไปตามโครงหน้าแล้วลากไล้ไปตามลำคอ “ไม่ต้องกลัว...เด็กดี...ฉันไม่ได้บังคับ...”

    เสียง กริ๊ก ลั่นจากด้านหน้า เมื่อไทระเอื้อมมารูดการ์ดเปิดห้อง หมอนั่นบิดลูกบิด ประตูตรงหน้าค่อยๆ แง้มเปิดออก...

    “ถ้าอยากเจอแม่ อยากช่วยแม่...ก็เข้าไปในห้องซะ”

    เรียวไม่ได้ใสซื่อขนาดที่ไม่รู้ว่า...ถ้าเข้าไปแล้วเขาต้องเจอกับอะไร แต่ความหวาดกลัวกลับดึงเท้าของเขาให้หยุดนิ่ง ไม่สามารถขยับกายได้ แม้แต่หายใจก็ยังไม่ออก

    “ฉ...ฉันม...”

    “วาคาบะ เรียว...” ฟูมิโนะซาโตะ ไทระ หมุนตัวของเขาให้หันกลับมาเผชิญหน้า ประกายตาเจ้าเล่ห์จ้องลึกลงไปในแววตาสั่นระริก ความพึงใจฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้นเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ “ถ้าอยากช่วยแม่...นายก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วเราก็จะไปช่วยแม่นายกันเย็นนี้...”

    ข้อเสนอดีเกินไป...จิตใต้สำนึกเขาร้องเตือน “ช...ฉันจะเชื่อนายได้แค่ไหน?”

    ไทระยิ้ม หมอนั่นก้มลงจูบที่ซอกคอของเขาเบาๆ เรียกให้ทั้งร่างสั่นด้วยความขยะแขยง “จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม...แต่นายไม่มีทางเลือกแล้ว”

    แล้วหมอนั่นก็เดินผ่านเรียวไป ...เรียวรู้สึกว่าอีกฝ่ายเดินเข้าประตูไปแล้ว แต่เปิดประตูอ้ากว้างเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปอยู่ เด็กหนุ่มหมุนตัว...มองร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่หลังบานประตูด้วยความสับสน ไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าฟูมิโนะซาโตะจะทำตามที่พูด แต่ว่า...

    เรียวกลั้นใจเดินเข้าไปในห้อง เขาหันหลัง ปิดทั้งประตูและทางออกของตนเองจนหมดสิ้น


    ใช่...เขาไม่มีทางเลือกแล้ว






    TBC




    สวัสดีค่าทุกท่าน^^
    ไรท์เตอร์หายหัวไปซะนาน กลับมาก็ค้างคาอีก งานหลวงยังไม่เสร็จหรอกค่ะ แต่อยากเอามาให้อ่าน หุหุ ว่าแต่...ไหนใครอยากอ่านเรท?(หัวเราะชั่วร้าย)

    ตอนจบภาคแรกใกล้จะถึงแล้ว(แม้จะอยู่ลิบๆตา)

    ตอนหน้า อีกไม่นานจะกลับมาต่อให้(มั้ง)

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×