ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประเทศอังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #9 : (++นานา น่ารู้ เพื่อทัศนคติใหม่ๆของท่านต่ออังกฤษ ++)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 48


    นานา น่ารู้ เพื่อทัศนคติใหม่ๆของท่านต่ออังกฤษ หยุดคิดสักนิด ถ้าคิดจะมา........



    อย่าเพิ่งเข้าใจนะคะว่า ลอนดอนจะเป็นเมืองที่หรูเลิศเต็มไปด้วยเทคโนโลยี และดีเลิศที่จะใช้ชีวิต



    มาทำไมลอนดอน มาทำไมอังกฤษ มาทำไมคะ มาทำไม้? มันแพง ยังจะอยากมากันอยู่ได้ ก็ได้แต่บ่นค่ะ แล้วตัวเองล่ะ มาอยู่ทำไมตั้งนานนม ความจริง ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่า ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงสุดๆ คนที่อยากจะมาอังกฤษส่วนมากก็เพราะว่า ค่าเงินอันแข็งแกร่ง และ มีมุมมองที่สวยงามของประเทศนี้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะทาง Media ที่สื่อออกไปให้เห็นอย่างไรก็ตาม แต่ในมุมมองของความเป็นจริง มันมีอะไรที่ลึกกว่านั้น



    อังกฤษ ..... ถ้าให้หลายๆคนที่อยู่เมืองไทย หลายๆคนที่ไม่เคยมาสัมผัส ก็ต้องมองไปในทางด้านดีซะส่วนมาก หลายคนที่มาอังกฤษ เพราะมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศนี้ หรือมีความชอบโดยส่วนตัวในทางด้านการกีฬาที่ลือชื่อ อย่างฟุตบอล ซึ่งกีฬานี้ เป็นกิจกรรมประจำชาติ ที่เป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษอย่างดี และเป็นกีฬาที่เป็นส่วนหนึ่งของจิตใจ และชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น หงส์แดง แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี และอื่นๆอีกมากมาย แฟนตัวยงอย่างคนไทยเป็นต้องรู้จักกันอย่างดี สำหรับแนนเปงสาวกเด็กผีค่ะ อิอิ....



    แต่ถ้ามองในด้านการอยู่........ลอนดอน ไม่เหมาะสมกับการมาใช้ชีวิตอย่างแรงค่ะ เมืองอื่นๆก็ไม่รู้นะ แต่แนนว่า มันไม่น่าอยู่ มันเหมาะกับมาเที่ยวมากกว่า ไม่ค่อยเหมาะกับการมาใช้ชีวิตเพื่อหาความสุขให้กับชีวิต อาจจะคุ้มสำหรับบางคนที่มาทำงาน แต่มันไม่คุ้มที่จะมาเสี่ยงเจออะไรหลายๆอย่าง คนที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากคนที่บ้านเราหรอกค่ะ อย่าไปสรรเสริญเขามากเลย คนที่นี่ มากกว่า 50% ในเมืองหลวง เป็นแขก จีน เอเชีย และก็ อังกฤษ จริงๆแล้ว หาอังกฤษแท้ๆในลอนดอนน่ะ ยากสุดๆ ช่วงนี้แขกครองเมืองค่ะ คนไทยก็จะครองลอนดอนแล้วเช่นกัน



    ช่วงนี้ เห็นคนที่เข้ามาคุยด้วยหลายคนและมากมายก็จะมีมุมมองที่ค่อนข้างบวกต่อลอนดอน และเพื่อนๆแนนเองก็ยังเคยสารภาพเลยว่า คิดว่าลอนดอน จะเป็นเมืองที่ดี แต่พอมาอยู่จริงๆ มันวุ่นวายมาก ค่าครองชีพแพงมากๆ จนถึงขนาดเพื่อนแนนคิดว่า ประเทศอังกฤษ เหมาะกับมาเที่ยว มากกว่ามาใช้ชีวิตด้วยซ้ำ



    อีกอย่าง อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ว่างานในลอนดอนจะมากกว่าเมืองอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจอย่างนั้น เพราะลอนดอนเป็นเมืองหลวง คนก็มากมาย ที่เข้ามาเพื่ออยากหางานทำ อีกอย่าง มันก็มีหลายบริษัท ห้าง ร้าน โรงแรม ที่อยากจะเปิดธุรกิจ เพื่อทำการค้า เลยต้องจ้างคนมากขึ้น แต่อย่างว่า มากคนก็มากความ มากปัญหา และวุ่นวาย



    ถ้าจะมาอังกฤษ และต้องการให้ได้ชีวิตการเรียนภาษาอย่างจริงจัง และ มีงบไม่เยอะ ก็คงต้องไปเรียนต่างเมือง



    ในลอนดอน ที่เรียนภาษามันถูกกว่าเมืองอื่นนั่นแหละ เพราะว่ามันมีการแข่งขันกันเยอะแยะเลย และอีกอย่าง คนส่วนใหญ่มาเรียนภาษา เพื่อมาใช้ชีวิต และทำงานด้วย โรงเรียนสอนภาษาในลอนดอน เลยมีหลากหลายราคา และก็เอื้ออำนวยต่อคนที่ต้องการเอาเงินมาทิ้ง และตัวไปทำงานเพื่อให้ได้เงินมากกว่า



    ลอนดอน เป็นเมืองวุ่นวายค่ะ ไม่ได้สวยหรูไปแบบที่ทางสื่อเขาให้เราเห็น น่ะแหละ เคยไปนอกเมือง และยังนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปเรียนที่นั่น แต่ก็ยังมีเวลาอีก ถ้าต่อปริญญาโท ก็คงจะไปเรียนที่อื่น คงไม่เอาแล้วล่ะ ลอนดอน



    ยังไงก็เช๊คดูดีๆนะคะ









    Top 100 Univerisities in UK

    http://www.timesonline.co.uk/pdfs/finalunitable2.pdf



    Good University Guide

    http://www.timesonline.co.uk/article/0,,716-1628873,00.html



    UK MBA school rankings

    http://www.careerdynamo.com/uk_mba_rank_report.html



    Top 500 World Universities (1-100)

    http://ed.sjtu.edu.cn/rank/2004/top500(1-100).htm



    Top 100 European Universities

    http://ed.sjtu.edu.cn/rank/2004/Top%20100%20European%20Universities.htm



    การหางานในลอนดอน



    การหางานในลอนดอนก็ไม่ได้ยาก หรือ ง่ายหรอกค่ะ แต่อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายของเราที่เป็นเงินปอนด์ ไม่ใช่เงินบาทนะคะ เราได้เงินมาในจำนวนมากก็จริง แต่ค่ากินค่าอยู่ของเราก็แพงไม่แพ้กัน ถ้าคุณคิดจะมาขุดทองที่นี่ คุณก็ต้องมาทำงานอย่างเดียว อยู่อย่างรวมๆกัน เพื่อให้ได้จ่ายน้อยลง กินกับที่ทำงาน ต้องทำอย่างงี้อยู่พักใหญ่นะคะ ชีวิตไม่ได้สวยหรู ว่าต้องอยู่ดีกินดี และห้องหับก็ไม่ได้กว้างใหญ่โต เหมือนห้องเช่าในกรุงเทพ ห้องราคาเดือนละ 2 หมื่นบาท รวมค่าน้ำค่าไฟของที่นี่เนี่ยะ ขนาดห้องมันพอๆกับห้องน้ำที่เคยเห็นเลย ห้องน้ำทั่วไปน่ะค่ะ ที่ยาวๆ หรือไม่ก็ห้องน้ำบ้านคนรวยๆที่จะใหญ่ๆมีอ่างอาบน้ำ นั่นแหละ ห้องราวๆนั้น แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากๆนะคะ ห้องพอดีคนอยู่ อยู่ได้คนเดียวด้วยซ้ำ



    เรื่องงานนี่ก็สำคัญสำหรับคนไทย ถ้าใครสนใจจะทำงานร้านอาหารไทย ก็ต้องยอมโดนเขาโขกสับหน่อยแล้วกัน บางร้านก็ดี บางร้านก็ไม่ดี จ่ายดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มีทิปบ้าง ไม่มีทิปบ้าง แต่อย่าโดนเขาหลอกใช้แล้วกันค่ะ ร้านไทยที่นี่ส่วนมากเหมาจ่ายและควรจะรู้ไว้เลยว่า เงินที่ควรจะจ่ายจริงๆคือ £25 ปอนด์ต่อวัน ยังไม่รวมทิป แต่ถ้ารวมทิปก็ควรจะได้ 30 ปอน์ดอย่างน้อย แต่ถ้าเอาแบบโลว์สุด จ่ายต่ำสุดๆจริงๆ ควรจะไม่ต่ำกว่า 20 ปอนด์ค่ะ รวมทิปได้สัก 25 ปอนด์ขึ้นไป ถือว่าโอเคค่ะ ไม่ใช่ต่ำกว่านั้น บางร้านจ่ายแค่ 15 ปอนด์ หรือจ่ายแค่ 18 ปอนด์ ก็ถือว่าเอาเปรียบแรงงานพอสมควร เพราะค่าแรงที่อังกฤษนี่แพงมากๆ เพื่อนๆสามารถเคลมได้ด้วยซ้ำ แต่ร้านอาหารไทยเขาชอบเหมาจ่าย เนื่องจากว่า ได้ค่าแรงที่ถูกกว่า ไม่ต้องเสียภาษีให้ยุ่งยาก ดังนั้น ร้านไทยส่วนมาก National Insurance หรือ การจ่ายค่าสวัสดิการสังคม ก็ไม่จำเป็น ส่วนค่าแรงตามกฎหมายคือ £4.80 ต่อชั่วโมง หรือ 5 ปอนด์เลยค่ะ



    ส่วนมากเวลาว่าง ช่วยบ่าย ถึงค่ำ คือเวลาที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องการพนักงาน และแรงงานในการเสริฟ หรือทำครัวนั่นแหละค่ะ ทีนี้ เขาจะจ้างเราหรือไม่ก็อยู่ที่ว่า เขากำลังรับพนักงานเพิ่มหรือเปล่าเท่านั้นเอง และงานในลอนดอน จริงๆก็มีเยอะเหมือนกันนะ แต่งานที่เขาฮิต และนิยมทำกันซะมากก็คืองานในส่วนของ catering คืองานที่จะเกี่ยวกับปากท้องของคนนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานในร้าน Starbucks งานในร้าน Cafe ต่างๆ ในโรงแรม หรือว่าในร้านอาหารต่างชาติ ต่างๆนาๆ และเรื่องหายากหรือง่าย ขอบอกเลยค่ะว่ามันอยู่ที่ดวงของคนจริงๆ



    เพื่อนหลายคนมาลอนดอน บางคนมาอยู่ได้ไม่นานก็ได้งานตั้ง สองกะ แต่บางคนมาอยู่ตั้งนาน ยังหางานไม่ได้เลย ไปที่ไหนก็ไม่รับ ทั้งร้านไทย ร้านฝรั่ง ก็อยู่ที่จังหวะ แต่ถ้าเรากล้ามากหน่อย ก็ได้งานเร็วหน่อย เท่านั้นแหละ



    ปกติ ร้านอาหารที่นี่ก็จะเปิดตั้งแต่ 11 โมง ถึง 5 ทุ่ม บางร้านก็เปิด เที่ยงวัน ถึง เที่ยงคืน ก็แล้วแต่นะคะ แต่ถ้าร้านอาหารไทย บางร้านจะมีเวลาเปิด ปิด เวลาพัก ของพนักงานด้วย เช่น เปิด 11.30 โมงเช้า - บ่ายสามโมงเย็น นี่คือกะสาย ส่วนกะเย็น ก็ 6.30 โมงเย็น - ห้าทุ่ม แล้วแต่กฎการเปิดปิดของร้าน ถ้าเป็นผับ ก็จะปิดช้าหน่อย แต่ถ้าพวกร้านใหญ่ๆ ลูกค้าก็อาจจะนั่งจนเขาไล่น่ะแหละ กว่าจะได้กลับบ้าน ก็ดึกเหมือนกันค่ะ



    ค่าแรง.........ร้านฝรั่ง หรือ ร้านไทย(บางร้าน) จะจ่ายคุณเป็นชั่วโมง ตามค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 4.80 ปอนด์ หรือ maximum 5 ปอนด์ ต่อชั่วโมงค่ะ ถ้าเขาให้ต่ำกว่านั้น เราก็ต้องดูความเหมาะสมของงานด้วยนะ อีกอย่าง การทำงานใน UK คุณควรจะมี National Insurance Number ด้วย ซึ่งอันนี้สามารถไปขอสัมภาษณ์ได้ที่ Inland Revenue ถ้าหากในวีซ่าคุณอนุญาตให้ทำงานได้ ในกรณีนักศึกษา ควรทำงานสัปดาห์ละ ไม่เกิน 20 ชั่วโมง แต่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ สามารถทำงานได้แบบ full-time ค่ะ



    แต่......ร้านอาหารไทยบางร้าน ก็เหมาจ่าย ไม่ต้องเอา NI number ไปให้หักภาษีให้ยุ่งยาก ก็คือจ่ายมือถึงมือ เหมาจ่ายนี่คือไม่ได้จ่ายแบบชั่วโมง ใช้งานปกติคือ ราวๆ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ราคาก็อยู่ที่ตั้งแต่ 20-25 ปอนด์ แล้วแต่จะตกลง หรือไม่ก็ 30 ปอนด์ ต่อวันถ้าโชคดีน่ะค่ะ ส่วนทิป บางร้านให้ บางร้านไม่ให้ บางร้านก็บอกว่ารวมไปแล้วกับราคาเหมาจ่าย อันนี้ก็แล้วแต่อ่ะค่ะ ราคาคนไทย มันขึ้นอยู่กับร้าน มุมมองของเจ้าของด้วยนะ ว่าเขาจะงก ขี้เหนียวมากน้อยแค่ไหน



    อีกอย่าง การสมัครงานที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับคุณด้วยว่า คุณจะ present ตัวเองให้ดีอย่างไร แล้วแต่ความกล้า และ คุณจะแสดงออกยังไงให้ทราบว่า คุณอยากทำงานกับเขาจริงๆ และคุณมีความสามารถมากมายแค่ไหน บากร้านอาจจะต้องการ CV หรือ resume บางร้านอาจจะแค่คุยกัน และก็ให้ทดลองงานเลยค่ะ



    การรับคนเข้าทำงานสำหรับร้านอาหารไทยนะ ส่วนใหญ่เขาจะเอาเด็ก serve แต่ถ้าพนักงานในครัวขาดก็อาจจะเป็นพวกทำ starter หรือล้างจาน ค่ะ ไม่แน่ ถ้าคุณอยากทำเป็นพ่อครัว เขาอาจจะให้คุณทดสอบทำอาหาร และก็ถ้าโอเค คงได้เป็นพ่อครัวด้วยค่ะ เพราะในครัว เงินเยอะกว่าข้างนอกค่ะ แถมได้ทิปเยอะกว่าอีกด้วย เวลาเลิกก็สามารถเลิกก่อนได้ เพราะครัวจะปิดก่อนห้องอาหารค่ะ (บางร้านก็อาจจะไล่เลี่ยกัน)





    โอะ โอ!!! แพงจริงๆ พับผ่าสิ............น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ขวดตั้ง 8 ปอนด์ว่า 500 กว่าบาทไทย โอ้แม่เจ้า รู้มั้ยทำ contact lens ที่นี่ด้วยน่ะ ราคาต่อเดือนคือ 12 ปอนด์นะคะ แต่เขาให้ไปเอากับที่ร้านทุกๆ 3 เดือน เพราะเขาให้เราเหมาจ่าย 3 เดือน คือ 36 ปอนด์ ทั้งหมด แถมน้ำยาสามขวด ค่าตรวจวัดสายตาตอนนี้อยู่ที่ 19 ปอนด์ ก่อนจะได้ contact lens มาใส่นี่คือ ตรวจแล้วตรวจอีก ตรวจเยอะแยะ นัดสองครั้งถึงจะได้มาใช้อย่างสบายใจ พนักงานร้าน Spec Saver (ชื่อร้านแว่นชื่อดังในอังกฤษ) ก็มีแต่แขก.........ทุกหนทุกแห่งเลย ทั้งร้านเป็นแขกหมดเลย พนักงานบางคนก็ต้อนรับเราไม่ดี หน้าตาก็ดุๆๆ โฮ้ๆๆ น่าเบื่อ แต่หมอก็ใจดี ให้ความรู้เกี่ยวกับสายตาดี ตรวจสุขภาพตาทุกๆปีด้วยค่ะ เขาจะส่งใบนัดมาตรวจทุกๆปี คือสรุป ปีละราวๆ 19 ปอนด์ สำหรับการตรวจสายตา และก็วัดสุขภาพตาที่ดี แต่หมอตาที่นี่เหมือนหมอตามโรงพยาบาลเลยค่ะ ไม่ใช่พนักงานขายของ ตรวจตาตามร้านขายแว่นทั่วไป แต่นี่คือตรวจเหมือนตรวจหาโรค แต่แพงจริงๆของน่ะ



    ของที่ควรนำมาจากเมืองไทยจริงๆคือ เสื้อใน กางเกงใน อุปกรณ์เกี่ยวกับ contact lens ถ้าเป็นคนใช้พวกนี้ น้ำยา และก็แว่นตาควรจะมี spare ไว้ด้วย และขั้นตอนยุ่งยากมากจนน่าเบื่อ แต่ก็ยอมน่ะ เพราะมันใช้ดีค่ะ เนื่องจากที่นี่ลมแรงมากๆๆๆ ก็ใช้น้ำตาเทียมหยอดประจำ



    พวกของกินที่อยากเอามาจากเมืองไทยก็แนะนำพวกของแห้งค่ะ ของแห้งเช่น หมูหยอง หมูแผ่น เครื่องแกง น้ำจิ้มสุกี้ อะไรก็แล้วแต่ ก็ขนมาแต่ไม่แนะนำเรื่องมาม่า เพราะมันจะเละไปซะก่อน ที่อังกฤษก็มีแหล่งขายของไทยเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะลอนดอน China Town มีหลายซุปเปอร์ให้เลือกเลย ว่างๆก็ไปขนให้หนำใจเลยก็ดีค่ะ



    เสื้อผ้าหน้าร้อนก็ขนมาเถอะค่ะ ส่วนรองเท้าก็แนะนำให้เอารองเท้าที่ทนๆหน่อย เพราะอยู่อังกฤษต้องได้เดินบ่อยกว่าเมืองไทยแน่นอน ส่วนมากที่นี่เส้นทางจะติดต่อกันไปเรื่อยค่ะ



    พวก cosmetic เช่นเครื่องสำอางค์ น้ำยาสระผม ครีมต่างๆ เซรุ่มบำรุงผม ที่นี่จะมีหลายชนิด บางอย่างไม่มีในไทยด้วย ลองใช้ดูแล้ว ดีอ่ะค่ะ ชอบ ลองมาดูที่นี่ก็ได้ แต่พวกที่เราถนัดและใช้บ่อยๆที่ไทยก็ขนมาแล้วกัน



    ยาสามัญประจำบ้านควรจะนำมาด้วยค่ะ นำโหลดในกระเป๋าเดินทางไปเลย ถ้ามียาเฉพาะโรคก็ควรมีใบกำกับจากแพทย์มาด้วยก็ดีค่ะ เพื่อเป็นใบรับรองว่ายาที่ได้ไม่ผิดกฏหมายบ้านเขา มีหมอรับรองออกให้ ติดตัวไว้ก็อุ่นใจค่ะ



    อย่าลืม x-ray ปอดและตรวจสุขภาพเพื่อมาต่างประเทศด้วยค่ะ มันจะเป็นการตรวจปกติ เช่น ตรวจปัสสาวะ ตรวจปอด ความดัน ตรวจโรคทั่วไป นำใบตรวจเป็นภาษาอังกฤษติดตัวไปตลอด ส่วนผล X-Ray ปอด็ควรนำติดตัวด้วยแล้วกัน แต่ผล film x-ray มันจะแผ่นใหญ่สุดๆก้ไม่ต้องขนมาก็ได้ นำไว้ในกระเป๋าเดินทางก็ได้ค่ะ



    ถุงพลาสติกกับหนังสติ๊กง่ะ ก็น่าใช้ ไว้ใส่อาหารดีกว่า ใช้ container เพราะว่าขี้เกียจล้าง ซื้อมาเป็นโหลเลยค่ะ หนังยางก็เยอะมากเป็นร้อยเส้นเลย



    รองเท้าแตะที่นี่แพงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    เอาใส่สวยๆมาจากไทยดีกว่า ถูกและดูน่ารัก คนฝรั่งยังอยากใส่ตามเลย



    หม้อหุงข้าวแบบเล็กๆ ก็น่าเอามา พร้อม adapter สำหรับปลั๊กไฟ spare เพราะที่นี่ไม่รับไฟไทย เราต้องมีตัวแปลงเปลี่ยนไฟด้วย



    จริงๆก็ขนน้ำยาแบบเข้มข้นมาจากไทยด้วย เพราะนำมาผสมน้ำและใช้ในอังกฤษคุ้มดีค่ะ เช่นน้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเอนกประสงค์ ซึ่งใช้ทำความสะอาดตั้งแต่ครัว ยันห้องน้ำเลย ห้องนอนก็นำมาผสมกับน้ำและถูพื้นได้ เช็ดกระจกได้ สบายดี มีผ้าขี้ริ้วแบบเช็ดเอนกประสงค์ได้อีก sponge อาบน้ำก็เอามาสองอัน กันมันเหี่ยว



    น้ำยาปรับผ้านุ่มของ comfort หอมดีค่ะ นาฬิกาปลุกจะเอามาก็ได้ค่ะ เอาให้ปลุกให้ตื่นทั้งบ้านเลย เวลาเอาของมาจากไทย ให้คำนึงถึงของ spare ที่สามารถใช้ได้หลายๆเดือนหน่อย เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ ให้กับของที่เราขนมาได้ แต่ก็อยากให้ขนมาพอประมาณ



    ส่วนเสื้อผ้า กับ กางเกงก็ขนมาพอประมาณ ถ้าอยู่หนึ่งปีก็ขนมาสักอย่างละสิบ กางเกงในเสื้อในเอามาเยอะหน่อย เพราะที่เผื่อว่ามันพังอ่ะค่ะ ส่วนมากที่นี่มีเครื่องซักผ้า เราก็จะขี้เกียจกัน มาซักเครื่อง เสื้อในก็มีสิทธิพังได้ หรือใครที่จะซักมือก็คงหาที่ตากผ้าลำบาก เพราะที่นี่คงไม่มีระเบียงยื่นออกไปให้ตากผ้ากันง่ายๆ นอกจากบางแห่งมี offer ให้ แต่ส่วนมาก เขาใช้ตากกับ Heater โดยจะมีตัวเกี่ยวไว้ตากโดยเฉพาะ หาซื้อได้ตามร้านแขกที่ขายของจิปาถะ จะมีที่ตากผ้า ที่เอาเกี่ยวกับ แผ่นเหล็ก Heater  



    ถ้าพูดเรื่องวีซ่า...........



    หลายๆคนคงจะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของวีซ่าที่เขียนว่า Student Visa (no work or recourse to public funds) ว่ามันแปลว่าอะไร สำหรับบางคน อย่างวีซ่าที่ได้มาก็จะระบุว่า No recourse to public funds อีกบรรทัด ก็จะเขียนว่า Work (and any changes) must be authorised.



    อยากจะกระซิบบอก แต่ก็ไม่เอา เดี๋ยวไม่ได้ยิน ก็คงต้องประกาศกันตรงนี้อีกทีว่า สารใดๆก็ตามที่เราได้รับมา สงสัยอะไรก็ให้ถาม ไม่อยากให้มานั่งคิดกันเอาเอง คำว่า No work or recourse to public funds หรือ จะเป็น Work (and any changes) must be authorised. พูดตรงๆ มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่านมากอ่ะ คือเขาออกมาให้แบบนี้แล้ว เราก็ต้องดูว่า เหตุผลมันคืออะไรค่ะ



    ถ้าวีซ่าระบุมาอย่างนี้ No recourse to public fund นี่ เท่าที่ทราบคือ คุณไม่สามารถเคลมสวัสดิการอะไรได้เลย จากรัฐบาล ส่วน No work นี่ถ้าเขาเขียนอย่างนี้จริงๆ น่าจะแสดงว่า คุณไม่สามารถทำงานได้ในประเทศอังกฤษ เพราะระยะเวลาวีซ่าที่คุณได้มา มันต่ำกว่า 1 ปี เพราะถ้าทำงานได้ ใน visa จะเขียนว่า Work or any changes must be authorised.



    อย่างนี้คุณจะทำงานกับบริษัทฝรั่งไม่ได้นะคะ อาจจะทำกับร้านอาหารไทยได้ค่ะ



    Links พวกนี้ มีข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของสัญลักษณ์ที่เขาเขียนบนวีซ่าค่ะ



    http://www.ukvisas.gov.uk/servlet/Front?pagename=OpenMarket/Xcelerate/ShowPage&c=Page&cid=1036517814901

    http://www.ukcosa.org.uk/images/workduring.pdf




    สรุปเรื่องฉีดยา........



    ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าให้ฉีดอะไรบ้าง

    ส่วนใหญ่จะไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบุคคล



    แต่สำหรับบางคน เวลาถึงAirport ก็จะไปตามstep

    หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

    ก็จะไปด่าน health checks

    ซึ่งจากประสบการณ์คนรู้จัก

    เค้าโดนเรียกให้ฉีดวัคซีน 2เข็ม

    โดยเจ้าหน้าที่ แรงๆเจ็บๆ เค้าบ่นยกแขนไม่ขึ้นวันเดียวเอง

    บางคนไม่อยากฉีด ก็ตอบว่าฉีดแล้ว...



    อันนี้เอามาจาก PANTIP.COM นะ



    Imperial แนะนำว่า ควรฉีดไปก่อนครับ ซึ่งนั่นคือ



    1. Meningococcal meningitis C โรคไข้กาฬหลังแอ่น

    สามารถรับการฉีดได้ที่ ตม. ครับ อยู่ในซอยสวนพลู ถนนสาธรใต้

    ราคาประมาณ 800 บาท ฉีดแล้วจะได้หนังสือรับรองด้วย

    ที่อังกฤษเขาว่ามีการระบาดของโรคนี้เป็นพักๆ

    แต่ก็ยังถือว่าเกิดขึ้นยาก แต่ถ้าระบาดก็ระบาดง่ายเหมื่อนกับหวัดเลยครับ

    เพราะติดต่อได้ด้วยระบบทางเดินหายใจ แต่เราจะเสี่ยงทำไมใช่ไหมครับ

    ควรฉีดไปดีกว่า วัคซีนชนิดนี้ในไทยกันได้ 4 type เลยนะครับ

    ทั้ง C A Y และ W ฉีดแล้วไม่เป็นไข้เพราะวัคซีนทำงานคาร์โบไฮเดรตครับ

    ฉีดแล้วกันได้ 2 ปี จะเริ่มมีผลป้องกันได้หลังจากฉีดไปแล้วอย่างน้อย 10 วัน

    (ส่วนใหญ่ฉีดกับบุคคลที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ หรือ ที่มีคนแออัด)



    2. MMR คางทูม หัด และหัดเยอรมัน ถ้าเราเคยได้รับตอนเด็กๆแล้ว

    ก็ไม่ต้องฉีดครับ วัคซีนตัวนี้ฉีดแล้วจะเป็นไข้แน่ๆครับ

    เตรียมตัวเตรียมใจที่จะอ่อนเพลียหลังการฉีดไป 2 อาทิตย์ได้เลยครับ



    จากคุณ : TimeS-To-Enjoy

    -----------------------



    meningitis เปิด 8.30-16.30 checkอีกทีนะ



    -สตม. ซอยสวนพลู ถนนสาธรใต้ เขตสาธร กรุงเทพฯ 10120

    โทร.02-286-0161 สายตรง



    -ท่าเรือกรุงเทพ ตรงคลองเตย ไปโดยทางด่วนจะง่ายมาก

    ลงตรงท่าเรือ มีให้เลี้ยวซ้ายกับขวา เลือกเลี้ยวขวา รอไฟแดง

    แล้ววิ่งตรงมาประมาณ400 เมตร ขวามือ ร้าน711 อยู่ตึกเดียวกันแต่อยู่ชั้นบน

    โทร.02-249-4110 สายตรง



    -สถาบันบำราศนราดูร ถ.ติวานน์ แคราย นนทบุรี

    พี่เค้าบอกที่นี่ฉีดกับแพทย์อะ



    -----------------------------

    ***สิ่งที่ต้องนำไป

    -passport เค้าจะได้ปั๊มให้

    -เงิน 20-07-05โทรเชค 750 บาท

    -----------------------------











    เนื่องจากว่าทาง ตม เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในออกฉีดวัคซีน และออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศ นอกจากนั้นสามารถไปที่ต่อไปนี้ได้ครับ

    ไข้เหลือง/อหิวาห์ - สถาบันบำราศนราดูร ถ. ติวานนท์

    (yellow fever ส่วนใหญ่ฉีดกับกลุ่มคนที่ไปประเทศแอฟริกา)

    อหิวาห์ - กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพฯ, สถานเสาวภา, สนง. สาธารณสุขจังหวัด



    แต่อยากจะบอกว่า........บางที เราอาจจะไม่ต้องฉีดยาก็ได้นะคะ เพราะแนนเองก็ไม่เคยฉีดยาเลย หนีตลอด ฮ่าๆๆ จริงๆเขาก็ให้เราฉีดนะคะ ตอนไปลงทะเบียนกับหมอแถวบ้าน เขาก็ถามว่า เราฉีดยามายัง ถ้ายังก็ให้ฉีดกับโรงพยาบาล หรือคลีนิค แต่เราก็บอกว่าเดี๋ยวไป เขาก็ไม่เซ้าซี้อะไรค่ะ ยังไงก็ไม่ต้องกังวลให้มากนะคะ คิดว่า ไม่น่าจะต้องฉีดกันทุกคน แต่ถ้าใครคิดยังไงก็บอกได้นะคะ แนนจะได้รับทราบไว้ค่ะ



    ด้วยความปรารถนาดีค่ะ



    แต่อย่าลืมนะคะ.............คิดให้ดีก่อนมาอังกฤษ ในเรื่องความพร้อม พยายามมองอังกฤษในหลายๆแง่ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ทำอะไรแบบที่เคยทำในเมืองไทยไม่ได้แน่นอนค่ะ ยังมีอีกเรื่องการขับรถที่อังกฤษ ค่อนข้างจะ sensitive สัญลักษณ์ต่างๆในการให้ทางของที่นี่ จะตรงข้ามกับเรา เช่น สัญลักษณ์การกระพริบไฟ คือ การให้ทางค่ะ ไม่ใช่ขอไปก่อนแต่อย่างใด







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×