ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประเทศอังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #6 : ~*~ทำงาน Part-time หาง่าย หรือ ยาก ...ร้านไหนดีน้อ?~*~

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 48


    ทำงาน Part-time.......? หาง่าย หรือ ยาก ......? ร้านไหนดีน้อ...?



    กิจกรรมอย่างหนึ่งที่เชื่อว่านักเรียนไทยทุกคนในต่างแดนต้องเคยผ่านมือกันมาแล้วกับการหางานพิเศษทำนอก



    เหนือจากเวลาเรียน ดูเหมือนว่างาน part time กับสถานภาพนักเรียนนั้นแยกกันไม่ออก นักเรียนไทยมาเรียนที่นี่ ไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่น ต้องเคยได้รู้ซึ้งถึงความเหนื่อยจากการทำงานกันมาแล้วทั้งนั้น ใครมาเมืองนอกแล้วไม่เคยทำงาน part time ถือว่า ยังไม่ครบสูตรของการเป็นนักเรียนไทยในต่างแดน



    นักเรียนฝรั่งทำงานกันเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่าโตแล้ว ควรมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเอง นักเรียนไทย อยู่เมืองไทย มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว ใครทำงานพิเศษระหว่างเรียน กลับกลายเป็นเรื่องแปลก ทั้งที่จริง น่าจะเป็นเรื่องดีที่สมควรได้รับการสนับสนุนว่าคนคนนั้นรู้จักแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวและหัดพึ่งพาตัวเอง



    เมื่อมาอยู่ต่างแดน มีโอกาสได้ทำงาน part time กะเค้าเหมือนกัน ถือซะว่าเป็นประสพการณ์ที่ไม่น่าลืมเลือน นักเรียนไทยมือใหม่ มักมีคำถามในใจว่า จะหางานทำยากไหม คำตอบคือ ไม่มีคำว่ายากหรือง่าย ทั้งหมดขึ้นอยู่ กับตัวคนหางานและปัจจัยภายนอกที่พอจะแจกแจงได้

    ดังนี้



    1 ) บางคนว่าต้องไปอยู่ London หรือตามเมืองใหญ่ๆ ถึงจะได้งานเร็ว จริงอยู่ว่าเมืองใหญ่ ความต้องการคนมาทำงานก็ต้องมีมากกว่าเมืองเล็กๆ แต่ใช่ว่า งานนั้นๆจะลอยลำมาตกที่เราง่ายๆซะเมื่อไหร่ คนอยากได้งานเหมือนๆกันกับเราก็มีอยู่เป็นสิบเป็นร้อย

    เช่น นาย A. อยู่ใจกลาง London มาหลายเดือน ยังหางานไม่ได้ ส่วนนาย B. อยู่แถวๆชานเมืองหรือตามเมืองชนบทได้ไม่กี่อาทิตย์ ก็ได้งานไปแล้ว แบบนี้ก็มี เพราะฉะนั้น เรื่องสถานที่ ไม่ว่าจะเมืองเล็ก เมืองใหญ่ ไม่น่าจะใช่ปัจจัยสำคัญ



    2 ) เรื่องจังหวะเวลา และโอกาสน่าจะสำคัญกว่า หากมาช่วงที่ร้านต่างๆต้องการคนมากเป็นพิเศษเช่น ช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไปจนถึงช่วง Winter Sale เดือนมกราคม และช่วง summer sale ในหน้าร้อนประมาณเดือนมิถุนาถึงสิงหา ช่วงเวลา เหล่านี้จะเห็นได้ว่าตามร้านรวงต่างๆ ติดประกาศรับสมัครงานกันเกลื่อน เป็นโอกาสดีที่เราควรจะขยันเดิน ขยันถามหางาน และขยันกรอกใบสมัคร



    บางคนว่า ไปที่ไหน ก็ได้แต่กรอกใบสมัครทิ้งไว้ เค้าคงไม่สนใจจะจ้างเรา ดีไม่ดี อาจขยำใบสมัครทิ้งลงถังขยะไปก็ได้ เรื่องนี้จริงไม่จริง เราไม่รู้ รู้แต่ว่าอย่างน้อยได้พยายามแล้ว ได้เขียนใบสมัครทิ้งไว้ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้ที่ว่า เค้าจะเอาใบสมัครไปทำอะไรหลังจากนั้น เราไม่สน



    ว่าด้วยเรื่องการกรอกใบสมัคร นี่ก็สำคัญนะ อย่าทำเป็นเล่นไป ช่วง Summer ปี 2003 เคยกรอกใบสมัครของ Burger King ตอนนั้นมีนักเรียนต่างชาติไปสมัครกันเยอะ เราก็ว่า โอกาสได้เรียกสัมภาษณ์คงมีน้อย แถมในใบสมัครยังมีให้ตอบคำถามประเภทที่ว่า น่าจะเป็นระดับผู้บริหารมากกว่า ที่สมควรจะมาตอบคำถามแบบนี้ เราแค่มาสมัครเป็น crew member เฉยๆ จะถามอะไรกันมากมาย แต่ก็พยายามตอบไปให้ได้มากที่สุด แถมเขียนภาษาอังกฤษตัวบรรจงอีกด้วย วันที่ไปยื่นใบสมัคร ดูหน้าตา Manager ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ก็เลยไม่อยากคาดหวังกับมันมาก



    ผ่านไป 3วัน ก็ได้รับโทรศัพท์จาก Burger King เรียกไปสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์วันนั้น ค่อนข้างเป็นกันเอง เราก็ไม่เกร็งมาก เหมือนเรียกไปคุยเพื่อทำความรู้จักในเบื้องต้น สิ้นสุดการสัมภาษณ์ Managerว่าถ้าได้แล้วจะติดต่อกลับไปเอง ผ่านไปอีก 3 วัน ก็ได้รับการตอบกลับให้มาเริ่มงานได้เลย เคยถาม Managerว่า ทำไมตัดสินใจจ้างเรา Managerบอกว่า ช่วงที่เปิดรับสมัคร มีคนมากรอกใบสมัครทิ้งไว้เป็นสิบ

    จนขี้เกียจจะอ่าน ได้แต่เปิดผ่านๆ แต่มาสะดุดเอาที่ใบสมัครของเรา เพราะลายมือสวย ดูเรียบร้อย แถมตอบคำถามครบถ้วน ซึ่งนักเรียนที่มาสมัครส่วนใหญ่ พอเห็นคำถามก็ข้ามไปเลย ไม่ตอบ ได้แต่กรอกรายละเอียดส่วนตัวเพียงคร่าวๆอย่างน้อยใบสมัคร มันเป็นตัวบอกถึงความตั้งใจและใส่ใจของผู้สมัคร ถึงแม้ว่าตำแหน่งงานจะเป็นแค่ ตำแหน่งเล็กที่สุดอย่าง crew member ก็ตาม ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ Burger King นั้นทั้งสนุก ทั้งเหนื่อย แถมเป็น Burger Kingที่อยู่บน Eastbourne Pier ยื่นออกไปในทะเล ถึงเวลาพักก็ได้กิน Burger พร้อมรับลมทะเลหน้าร้อน มีความสุขเหลือเกิน



    นักเรียนไทยส่วนใหญ่ มักเริ่มงานแรกกันที่ร้านอาหารไทย ข้อดีคือ มีกับข้าวให้กินฟรีสำหรับพนักงาน ประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะ ยิ่งถ้าร้านไหนขายดี คนเยอะ เงินทิปจากลูกค้าก็เยอะตามไปด้วย



    ร้านอาหารไทยในอังกฤษ ก็มีหลายเกรด หลายระดับ การให้บริการลูกค้าก็แตกต่างกันไปตามแต่สไตล์ของร้าน และความต้องการของเจ้าของร้านว่าอยากให้เป็นแบบหรูหรา หรือแบบกันเอง



    เดิมทีนั้นคิดว่า มาทำงานเสริฟอาหาร ไม่น่าจะยุ่งยากอะไร เหมือนเวลาไปกินข้าวตามร้านในเมืองไทย คนเสริฟก็แค่มา take order ยกอาหารมาวาง คอยเสริฟน้ำแค่นั้นจบ ต่อเมื่อมาได้งานที่ร้านอาหารไทยครั้งแรกที่ Eastbourne นั้น งานเสริฟดูจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยซักนิด เริ่มจากการแต่งตัว ทางร้านมีชุดให้ใส่ตามฤดูกาล ถ้าอากาศเย็น ก็เป็นชุดไทยผ้าไหม แขนกระบอกสามส่วน มีสไบพาดบ่า ชุดเดียวกันกับบรรดาแอร์โฮสเตสการบินไทย เก๋ไก๋ใช่เล่น  ถ้าช่วงหน้าร้อน ก็เปลี่ยนมาเป็น เสื้อลูกไม้ แขนสั้น โปร่งสบาย ใส่่กับผ้าถุงลายไทยๆ ช่วงที่เริ่มงานนั้น เป็นหน้าหนาว ก็ต้องใส่ชุดผ้าไหม ที่บังเอิญว่าพอดีตัวมากๆ ไอ้เรื่องจะก้มจะเงยหรือบิดตัวไปทางไหนนั้น ก็ลำบาก และความแคบของผ้าถุงก็ทำ ให้ก้าวยาวๆไม่ได้ เวลายุ่งๆลูกค้าเยอะ ก็ได้แต่รีบซอยเท้าเดินเป็นก้าวสั้นๆ แต่เวลาใส่ชุดแบบนี้ เสริฟทีไร มักจะได้รับคำชมจากลูกค้าฝรั่ง ว่าชุดสวย บางคนถึงขนาดถามว่าจะหาซื้อชุดแบบนี้ได้ที่ไหน เปิดโอกาสให้เราได้โปรโมทประเทศไทยไปในตัว ชุดสวยน่าใส่ก็จริง แต่ก็ดูแลรักษาลำบาก เพราะเป็นผ้าไหม เอาไปซักแห้งตามร้าน ตกชุดละ 10 ปอนด์ ไอ้จะเอามาซักรีดเอง ก็ไม่ไหว รีดชุดผ้าไหมที เสียเหงื่อไปหลายปี๊ป เนื่องจากรีดเท่าไหร่ก็ไม่เรียบ



    มาว่ากันถึงเรื่องงานบ้างดีกว่า เป็นพนักงานเสริฟ ก็เริ่มตั้งแต่ ไปต้อนรับลูกค้าหน้าร้าน พาลูกค้านั่งโต๊ะ รับเสื้อ coat ลูกค้าไปเก็บ แจกเมนู  take order  ยกอาหาร เสริฟเครื่องดื่ม รินไวน์ เก็บจาน เก็บโต๊ะ แล้วยังมีหน้าที่อื่นๆอีกสารพัดภายในร้าน ซึ่งต้องค่อยๆเรียนรู้ไปทีละอย่าง ที่สำคัญทำงานเสริฟ ต้องเป็นคนหูตาไว ในการดูแลลูกค้า ส่วนตัวเป็นคนเรื่อยเปื่อยมาแต่ไหนแต่ไร ก็ต้องปรับปรุงให้ว่องไวขึ้น ต้องมี service mind ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้ว่าวันนั้นจะทะเลาะกับใครมา หรือเศร้าเพราะเลิกกับแฟน เมื่อมาทำงาน ต้องทิ้งเรื่องพวกนี้ไว้ที่บ้าน แล้วพยายามปั้นหน้างามๆบริการลูกค้า



    เชื่อว่าทุกคนต้องมีครั้งแรกของการทำงาน ซึ่งแต่ละคนมักจะสร้างวีรกรรมเด็ดไว้ให้ตัวเองจดจำอยู่เสมอ ตัวเองก็รู้สึกเก้ๆกังๆ จะหยิบจับหรือจะวางอะไรก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปซะหมด รินไวน์ให้ลูกค้า ก็ทำหยดเรี่ยราดเป็นทางต่อหน้าลูกค้า take order มาก็ผิดๆถูกๆ โดยเฉพาะชื่อเครื่องดื่มต่างๆที่ไม่คุ้นหูเอาซะเลย เช่น แขกสั่ง Zambuka นั่งนึกอยู่นาน เครื่องดื่ม บูก้า บูก้า แบบนี้มันมีด้วยหรือ แล้วก็พวกชื่อไวน์หรือบรั่นดีต่างๆ ต้องพยายามจำและทำความคุ้นเคยกับมันให้เร็วที่สุด



    เป็นคนเสริฟ ก็ใช่ว่าจะเสริฟแต่อาหารอย่างเดียว ต้องรู้จักอาหารภายในร้านเป็นอย่างดี สามารถแนะนำ และตอบคำถามให้ลูกค้าได้เช่น ลูกค้าบางคนแพ้เครื่องปรุงบางอย่างในอาหาร เราต้องแนะนำได้ว่า เค้าควรจะสั่งอาหารประเภทไหนถึงจะเหมาะ บางคนไม่กินเผ็ด เราก็ต้องอธิบายได้ว่า จานไหนเผ็ดมากเผ็ดน้อย ลูกค้าอีกประเภทนึงที่มักจะเจอบ่อยๆคือ ลูกค้าที่ไม่เคยทานอาหารไทยที่ไหนมาก่อน ซึ่งมักจะไม่รู้ว่า ควรจะสั่งอะไรทานดี เราก็ต้องมีหน้าที่แนะนำพร้อมเสนอทางเลือกต่างๆให้ลูกค้า บางทีลูกค้ามาแค่ 2 คน แต่สั่งอาหารทีละเยอะๆ เหมือนมาซัก 10 คน อันนี้เราต้องชี้แจงให้ลูกค้าทราบว่า ลักษณะการทานอาหารไทยนั้น ควรจะแบ่งกัน มา 2 คน สั่งกับข้าว 3-4 อย่างก็น่าจะพอ หากลูกค้ายืนยันที่จะสั่งเยอะๆเหมือนเดิม ก็ต้องปล่อยไป เพราะเราทำได้แค่แนะนำ ทางเลือกที่ดีที่สุด เรื่องจะไปบังคับลูกค้านั้น คงเป็นไปไม่ได้



    งานร้านอาหารไทย เป็นงานหนักและ เหนื่อยมาก ยิ่งถ้าลูกค้าเยอะๆล่ะก็ ทั้งยืนและวิ่งไปวิ่งมาตลอดตั้งแต่ หกโมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง กลับถึงบ้านนี่ก็ไม่ต้องนึกจะทำอะไรแล้ว หมดแรง หลับดีกว่า



    แถมเป็นงานที่ต้องอึด ต้องทน ลูกค้างี่เง่า ช่างบ่น ช่างว่า มีถมเถไป บางคนก็เรื่องมากที่สุด สั่งอะไรที ก็ต้องไม่ใส่อันนู้น ไม่เอาอันนี้ จานนี้เผ็ดไป จานนั้นอาหารไม่ร้อนมากพอ สั่งสะเต๊ะไก่ ก็ว่าดูเหมือนไก่ยังปิ้งไม่สุก ต้องเอาไปปิ้งใหม่กันอีกรอบ แล้วที่เจอบ่อยๆเลยก็คือ ลูกค้าสั่งอาหารไปแล้ว พอยกมาเสริฟ กลับจำไม่ได้ว่าตัวเองสั่งอะไร เรามั่นใจ ว่าเราเสริฟไม่ผิด แต่ลูกค้าฝรั่งบอกว่า ชั้นไม่ได้สั่ง ก็ต้องไปเอาใบ order มายืนยันให้ดูว่า อาหารจานนี้ของยูนั่นแหละ ถึงจะเรียกความทรงจำกลับคืนมาได้



    ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเข้าใจว่า ร้านอาหารไทยในอังกฤษนั้น ราคาค่อนข้างแพงในสายตาคนอังกฤษ



    การที่ลูกค้าตัดสินใจจะจ่ายเงินค่าอาหารในราคาขนาดนั้น เค้าก็ต้องเลือกแล้วว่าทุกอย่างควรจะเหมาะสม และดีที่สุดเพื่อให้คุ้มเงินที่เสียไป เหมือนเรา เวลาไปเป็นลูกค้า เรายังเลือกเลยว่าไม่เอานั่น เอานี่ เพราะเราไม่ชอบ ตอนนี้มาเป็นคนเสริฟ หรือคนให้บริการ ก็ต้องเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา



    เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวชีวิตผู้คนที่ทำงานร้านอาหารไทยในต่างแดนมามาก เกินกว่าครึ่งบอกว่าถ้าเลือกได้ คงไม่มาทำเพราะ บางร้านนายจ้างเอาเปรียบ งานหนัก ค่าแรงน้อย และยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่พึงระวัง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานคนไทยด้วยกัน   บางคนต้องมาทำเพราะไม่มีทางเลือก  บางคนมาเพื่อมาทำเป็นงาน full time หาเงินส่งกลับไปให้คนที่เมืองไทย แบบนี้ก็ ต้องทนกันไป ส่วนตัวนั้น หน้าที่หลักคือมาเรียน เรื่องทำงานจึงเป็นเรื่องรองลงไป ไม่คิดเอามาเป็นเรื่องหลัก หรือเป็นช่องทางทำเงิน และอาจจะเป็นโชคอย่างหนึ่ง ที่เจ้าของร้านอาหารไทยที่เคยทำอยู่นั้น ใจดีมีเมตตา กับพนักงานทุกคน ไม่คิดเอารัดเอาเปรียบ ค่าแรงก็ให้กันอย่างยุติธรรม และสมเหตุสมผล  แถมดำเนินเรื่องให้เราได้ National Insurance Number เราจะได้เป็นคนทำงานแบบถูกต้องตามกฏหมายอีกด้วย



    ซึ่งปกติไม่มีร้านอาหารไทยที่ไหนจะมาดำเนินเรื่องแบบนี้ให้กับนักเรียนหรือคนที่มาทำงานแบบ part time ถึงแม้งานจะหนักและเหนื่อย แต่ก็เป็นความพอใจส่วนตัวที่ยังอยากจะทำ กับเจ้าของร้านนี้มากกว่า



    บางคนว่าทำงานกับฝรั่ง สบายใจกว่า เพราะค่าจ้างคิดกันไปตามชั่วโมง ไม่ขาดไม่เกิน รายได้ก็คิดไปตามค่าแรงขั้นต่ำ มีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง แถมยังต้องมี National Insurance Number แล้วก็เสียภาษีกันไปแบบถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ  นายจ้างไม่สามารถเอาเปรียบเราได้ แต่ทำงานร้านอาหารไทย เป็นลักษณะ คนไทยด้วยกัน ก็ตกลงกันไปตามความพอใจของเจ้าของร้าน ในกรณีที่เป็นแค่พนักงาน part time หรือนักเรียนแบบเราๆไม่มีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ไม่มี National Insurance Number ไม่ต้องเสียภาษี เพราะค่าจ้างมักได้เป็นเงินสด (Cash in hand) เหมาไปเป็นคืน ไม่ได้คิดเป็นชั่วโมง



    ซึ่งก็เป็นเหตุให้โดนนายจ้างคนไทยบางคนเอาเปรียบคนไทยด้วยกันเองง่ายๆ



    ในมุมมองของเจ้าของร้านเอง ก็มองว่า บางครั้งจ้างนักเรียนไทยมา แล้วมีปัญหา เนื่องจากบางคนอยู่เมืองไทยไม่เคยต้องทำงานแบบนี้มาก่อน พอมาเจองานหนัก ก็ทนทำไม่ไหว บางคนวันไหนนึกอยากจะมาทำก็มา วันไหนรู้ว่างานยุ่ง ลูกค้าเยอะ ก็ทำเป็นป่วยการเมือง ไม่มาทำงานซะอย่างนั้น โดยไม่มีการแจ้ง หรือบอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า เรียกได้ว่า นักเรียนไทยนั้น unreliable ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ หากทำงานกับฝรั่งแล้ว ถือเป็นความผิดร้ายแรงทีเดียว เจ้าของร้านอาหารไทยบางคนก็ไม่อยากจ้างนักเรียนไทยมาทำด้วยเหตุนี้



    เรื่องทำงานนั้น มีให้เล่าต่อได้ไม่รู้จบ คราวนี้เล่าเรื่องทำงานร้านอาหารไทยไปแล้ว รอบหน้าจะมาเล่าเรื่องทำงานกับฝรั่งบ้างคอยติดตามกันนะค่ะเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของบรรยากาศการทำงานสไตล์คนไทยกับฝรั่ง ว่ามีอะไรดีที่เราน่าเอามาเป็นแบบอย่าง และที่สำคัญการได้ทำงานกับฝรั่ง นั้น เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า เป็นนักเรียนไทย แหล่งทำงานไม่ได้จบที่ร้านอาหารไทยเท่านั้น งานอื่นที่นักเรียนฝรั่งที่นี่ทำกัน เราก็ทำได้





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×