ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ..:*:.:*:...เที่ยวในลอนดอน ..:*:..:*:..
เที่ยวในลอนดอน ตอน: มารู้จักลอนดอนกันอย่างละเอียดไหมค๊ะ
สิ่งที่เกลียดที่สุดสำหรับคนที่ชอบ “ตอแหล” ทำเป็นเหมือนจะรู้จริงไปซะทุกอย่าง คือ ทัศนะคติสำหรับนักเรียนไทยในต่างแดนที่เลวร้าย หรือไปในทางลบนั่นเองค่ะ .........
ขอโทษ ที่ใช้คำไม่สุภาพว่า ตอแหล แต่ก็นั่นอีกค่ะ บังเอิญเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบใช้คำหยาบโลน แต่มันทนไม่ได้ ก็ต้องขอใช้สักนิดนึง .... คนไทยบางคนนะค๊ะ เน้นค่ะ “บางคน” คิดว่าคนที่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา เป็นพวกที่เรียนเมืองไทยไม่ได้ บ้างก็เป็นพวกเก็บกด บ้างก็รวยจัด ชอบเอาเงินออกนอกประเทศ ทำวัฒนธรรมไทยเสื่อมเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการพูดการจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เป็นเอกลักษณ์ตายตัวสำหรับคนไทยเอาเสียเลย มือไม้ไม่อ่อน ไม่ไหว้ให้งดงามเหมือนแบบฉบับ (นางสาว)ไทย แท้ๆ แถมคิดว่า พวกนี้ไปอยู่เมืองนอกเมืองนา จะสบายโก้หรู คงได้อยู่บ้านสวยๆ มีรถราคาแพงๆ ภาษาคงเป็นไฟแลบๆๆ ..... แถมไปเรียนเมืองนอกไม่ถึงสองปี ดัดจริตพูดภาษาไทยไม่ชัด.....ไอค้านนนสปีคคคทายยยยยยยเวรี่เวล แปลว่า ฉันพูดไทยไม่เก่ง ค่ะ
ขอโทษนะค๊ะ ......หารู้ไม่ว่า....คนที่เป็นอย่างที่โดนกล่าวโดนว่ากันน่ะ มีแค่บางส่วนเท่านั้นนะค๊ะ ที่จะร่ำรวยดั่งมีรถเสกได้ .... เท่าที่ได้สัมผัส เพื่อนแต่ละคน ก็มีอันจะกินกันทั้งนั้นที่มาอยู่นี่  เพื่อนส่วนมาก มาเรียนอย่างเดียวกันทั้งนั้น พวกที่อยากทำงาน หาประสบการณ์ พร้อมกับ make money ก็มีถมเถไป แต่มีคนหลายคนที่มาที่เมืองนอก ก็ดิ้นรนกันมาด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง มุมานะเพื่อจะได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ การมาที่นี่แล้วต้องระแวดระวังภัยต่างๆนาๆ ไม่ใช่ว่า คิดจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ มีหลายย่านที่เป็นย่านอันตรายทั้งนั้น อย่าง Brixton เป็นต้น เป็นย่านอันตรายติดอันดับในลอนดอน อยู่ทางตอนใต้ของลอนดอน ประมาณ zone 2 เฉียด 3 ค่ะ .........ที่พักที่นี่ก็ใช่ว่าจะถูก ราคาก็แพง ค่าใช้จ่ายก็เยอะแยะไปหมด คนเราก็ต้องประหยัดกันมาก บางทีเดินได้ก็เอาค่ะ....... คงมีคำถามว่า แล้วถ้ามันลำบากขนาดนั้น จะมาทำไมเมืองนอก บ้านเราก็มีดีอยู่สบาย ดิ้นรนไปทำไมกันนักหนา เมืองนอกเมืองนา
:: ขอตอบว่า การมาที่ต่างประเทศ ยอมรับค่ะว่า เงินต้องไหลออกนอกประเทศแน่นอน จุดประสงค์ของคนเรามันต่างกัน บางคนเขาก็มาเพื่อมาศึกษาจริงๆ บางทีโอกาสที่จะศึกษาอะไรในบ้านเรา มันน้อย หรือไม่มีสาขาที่อยากจะเรียน คนที่มีความสามารถ แล้วรู้ถึงความสามารถของตนเองได้ ก็น่าลองที่จะมาดิ้นรนด้วยตัวเอง มันเป็นรสชาตชีวิตที่ท้าทายไปอีกแบบค่ะ.....
พูดถึงของกินของขายแล้วนะค๊ะ ที่นี่อ่ะ .....อยากจะเดินออกไปแล้วเห็นร้านหมี่เกี๊ยว ก็ไม่ได้เห็นอ่ะ นี่เดินออกไปตอนกลางคืนเห็นอะไรล่ะ ..... จะเห็นอีเก้งไหมเนี่ยะ .........ล้อเล่นนะค๊ะ บางทีมีหมาป่าด้วยน่ะ คือมันเป็นป่าไปเลยอ่ะ แต่นั่นก็ชานเมืองไปแล้ว สมัยก่อนร้านค้าขายของต้องเดินไปประมาณ 50 เมตรได้ แต่ที่อยู่ปัจจุบันเนี้ยะอ่ะ ร้านค้าห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตรได้ คือ ต้องเดินลงเขาไปเรื่อยๆ เดินไปจนหน้าชาด้วยความหนาว กว่าจะถึงร้าน กว่าจะถึงนะ ก็ไม่ต้องเดินขึ้นมาแล้วล่ะ หนาวจะตายชัก หน้าชาไม่พอ แถมตัวชาอีกต่างหาก ขาก็ชา กางเกงยีนส์ช่วยอะไรไม่ได้เลย ขนาดหนาจะตาย ไปใส่เมืองไทยเป็นลมแน่ๆ เพราะว่ามันร้อนเกินไปอ่ะ ร้านค้าที่นี่ หรือ ร้านอาหารนะ ไม่ใช่ว่าจะเปิดกันง่ายๆนะค๊ะ เขาต้องจดทะเบียนมี licence กันเสียก่อน ว่ากันว่า จะเปิดร้านจะทำอะไรก็ตาม ภาษีมันก็ตามมา เราต้องเสียมันทุกปี จะขายของน่ะ ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเปิดร้านขายของ ก็เปิดนะ เราต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อน แล้วก็ต้องทำเรื่องเยอะแยะไปหมด ที่บ้านเราเห็นเขาอยากจะขายลูกชิ้นก็เข็นขายใช่ป่ะ หรืออยากทำแซนวิสขายหน้าบ้านก็ทำ ที่นี่ถ้า home made น่ะ ต้องมีใบอนุญาตก่อนนะค๊ะ ไม่งั้นไม่มีใครกล้าซื้อว่า ทำถูกหลัก Food hygiene หรือเปล่า Food hygiene แปลว่า อาหารที่ถูกสุขลักษวิธีในการปรุง และ ความสะอาดค่ะ นี่แหละค่ะ คือความจำเป็นที่เราจะควรจะมี ถ้าอาหารไม่สะอาด เราก็จะเกิดโรคท้องเสียกันง่ายๆยังไงละค๊ะ แค่เราเกาก้นแล้วไม่ล้างมือ แคะขี้มูกเล่นๆ หรือ เข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ นั่นก็ถือว่า เราสกปรกนะค๊ะ สำหรับคนอังกฤษ พวกเขาจะเหยียดหยามเราน่าดูเลย แต่ฝรั่งมันก็เป็นแหละค่ะ คนอังกฤษใช่ว่าจะผู้ดีกันไปซะหมด
ตอนนี้ลอนดอนหาคนอังกฤษแท้ๆยากจะตาย เพราะมันกลายเป็นเมืองหลากชาติ หรือที่เขาเรียกกันว่า multi-nation หรือ multi-culture แล้ว คนอินเดีย หรือคนแขกที่นี่ถือว่าเป็น ชนชั้นเอเชียกลุ่มใหญ่พอสมควร พอๆกับคนดำนั่นแหละค่ะ แต่ส่วนมากเราก็จะเห็นคนพวกนี้ ทำงานอยู่ตามห้างร้านต่างๆทั่วไป ในลอนดอน ไม่ค่อยมีคนอังกฤษแท้ๆหรอกนะค๊ะ
คำว่า ร้านแขก ก็มาจากอีแบบนี้แหละค่ะ ...... ร้านแขก เป็นคำที่นิยม ฮิตติดปากสำหรับคนไทยที่นี่นะค๊ะ เพราะร้านแขก คือร้านที่เปิดขายของคล้ายๆกับ Seven-11 บ้านเรานั่นแหละ ที่นี่ก็เปิดกันตลอด 24 ชั่วโมงบ้าง ไม่ก็เป็นร้านที่ปิดดึกๆ แล้วก็จะเป็นซุปเปอร์เล็กๆ ขายขนม นม เนย ทั่วไปรวมถึงบัตรโทรศัพท์ต่างๆ บางร้านจะมีนะค๊ะ เหตุที่คนอังกฤษ ไม่ยอมเปิดร้านขายของแบบนี้เท่าไหร่นัก ก็เนื่องจากว่า คนอังกฤษขี้เกียจนะ อันนี้คุณครูบอกมา ฮ่าๆ คุณครูบอกว่า คนพวกนี้เป็นพวกลี้ภัย พวกปากีสถาน พวกเนปาล หรืออะไรเทือกนี้น่ะ พวกเขาลี้ภัยมา แล้วประเทศอังกฤษ เป็นประเทศเป็นกลาง คอยช่วยเหลือพวกลี้ภัยต่างๆ คอยให้งานทำ ให้สวัสดิการต่างๆนาๆ สมัยก่อนหลายร้อยปีมาแล้ว ประเทศอังกฤษล่าอาณานิคมประเทศแอฟริกา อินเดีย แถบเอเชีย แถบยุโรป คนในประเทศเหล่านั้นก็เข้ามาทำงานในประเทศอังกฤษมากในทุกวันนี้ เพราะความยากจน บวกกับโอกาสในการเข้ามาอังกฤษแล้วได้เงินมันเยอะกว่า แล้วอังกฤษก้เหมือนเป็นประเทศแม่....ในสมัยก่อนนะค๊ะ ...........มันเลยทำให้เลยเถิดมาถึงสมัยนี้ ความจริงสมัยก่อน คนอังกฤษก็ไม่ได้ดูแลคนชาติอื่นๆดีเท่าไหร่นักหรอกนะค๊ะ พวกเขาดูถูกคนชาติอื่นๆ หาว่าเถื่อนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทุกวันนี้เขาก็ต้องรับผลที่เขาได้ก่อไว้ ลอนดอน เลยกลายเป็นเมืองแห่ง โจรกรรม อาชญากรรม เมืองที่เต็มไปด้วยคนหลากพันธุ์ คนหลากประเภท คนที่ต้องการมาอยู่เพื่อเงิน!!
แต่ยังไง ลอนดอน...ก็มีคนชอบมาอยู่เยอะนะ ไม่รู้ทำไม คงจะเหมือนกับ นิวยอร์ค, โตเกียว หรือ กรุงเทพบ้านเรา เพราะโอกาสทางการเงินดีกว่า ถึงแม้ค่าครองชีพจะแพงสุดขีดก็ตามนะค๊ะ .......ที่นี่....อะไรๆก็แพงไปซะหมด น้ำเปล่าขวดเล็กๆขวดนึง ราคา 70penny หรือ 46 บาท อันนี้สำหรับขวดเล็กนะค๊ะ ขวดเล็กบ้านเราแค่ 10 บาทเอง ไม่ก็ 6 บาทอ่ะ บางเจ้าขายถูก .....ราคาไม่ถึงปอนด์ แต่ก็ถือว่าแพงมากๆแล้ว ส่วนค่าแท๊กซี่ rate ปรกติอยู่ที่ £1.40 ค่ะ แพงนะ ประมาณ 91 บาทบ้านเรา เพราะบ้านเรามิเตอร์จะอยู่ที่ 35 บาทเอง แต่กระนั้น มันก็แพงเหมือนกันแหละ คนไทยหลายคนจึงนิยมนั่งรถเมล์.......
อะไรๆก็แพง......ของที่ถูกก็มีพวก โทรศัพท์มือถือ ..... ของยี่ห้อ Brandname บางอย่าง อย่างห้าง Harrods คนก็นิยมไปเดินซื้อของในนั้น ยิ่งช่วงลดกระหน่ำนะ คนไปกันแน่นเอี๊ยด ใครตื่นสายวัน Sale นะ อย่าหวังว่าจะได้ไปซื้อของกับเขาหรอก เพราะเขาจะรออยู่ที่หน้าประตู Harrods พอห้างเปิดปุ๊บ คนกรูทับกันใส้ทะลักเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ...........แบบ...คนที่นี่เหมือนเก็บกดน่ะค่ะ .....ของมันแพงมันเลยนี่ เดี๋ยว Christmas นี้จนถึงปีใหม่ ก็จะมี หน้า Sale ห้างทุกห้าง ร้านค้าทุกร้าน ก็จะเซลล์กันสะบั้นหั่นแหลก .......คนก็จะคลั่งแตกไปซื้อของกัน จนหมดสตุ้งสตางค์ก็มี .......อะไรจะขนาดนั้นเนอะ
มาพูดถึงการเดินทางกัน........ที่อังกฤษ......มีการเดินทางขนส่งที่สะดวกสบายกว่าประเทศไทยมากๆ สุดๆค่ะขอบอก เขาจะมี รถเมล์, รถไฟ, รถไฟใต้ดิน, รถแท๊กซี่, และก็ มินิcab
อย่างแรก รถเมล์ มันจะราคาแตกต่างไม่เหมือนกัน โดยแล้วแต่ zone ดังนี้ค่ะ นี่คือแผนภาพ zone ในเมืองลอนดอนนะ
http://www.thetube.com/content/tubemap/images/london_connnections.gif
หรือ
http://www.thetube.com/content/tubemap/
ลอนดอนจะแบ่งเป็น 6 โซนได้ ตามแผนที่ zone1 คือ ในเมืองเลยอ่ะ แบบว่า เหมือนสยามบ้านเรานั่นเรียกว่า zone1 นะ แถวๆ มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถือว่าเป็นโซน 4 ได้ ราคาในโซน1จะแพงหูฉีกเลย คือ 1 ปอนด์ต่อเที่ยว โซน 2 ราคา 80 เพน ส่วน zone 3 ราคา 70 เพน ไปเรื่อยๆค่ะ .......แต่ถ้าเราต้องการใช้บริการแต่รถเมล์ทั้งวัน ก็ไปหาซื้อเอา ตามร้านแขก(อีกแล้ว) คือ ร้านอาบังพวกนี้ มันขายทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไปถามมันได้ ร้านไหนไม่มีขายตั๋วรถเมล์ รถไฟใต้ดิน มันจะไม่ติดบอกไว้หน้าร้านนะค๊ะ แต่หลายร้านเขาขายนะ เพราะว่ารถเมล์รถไฟที่นี่สำคัญมากๆ หลายคนไม่สะดวกไปซื้อที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ซื้อที่ร้านแขกเอา  ร้านแขกขายตั้งแต่ Bus pass คือ ตั๋วรถเมล์วันเดียววิ่งกี่เที่ยวก็ได้ ราคาแค่ 2 ปอนด์เอง ทุกโซนค่ะ
แล้วก็มี Buss saver อันนี้เป็น ตั๋วรถเมล์แบบจ่ายเป็นเที่ยว คือ จ่ายเมื่อขึ้น pay as you go แต่ราคาจะถูกหน่อย ซื้อเป็นชุด ชุดนึงมี5 ใบ ราคาตกที่ 3 ปอนด์ โดยประมาณ แต่ถ้าต้องการแบบรายสัปดาห์ หรือ รายเดือนก็จะคุ้มกว่า สำหรับคนที่ใช้บริการรถเมล์มากกว่ารถไฟนะค๊ะ
ต่อมา รถไฟ ขอพูดรวมๆกับรถไฟใต้ดินนะ เพราะมันอยู่สถานีเดียวกันน่ะ สถานีรถไฟพวกนี้ จะขายตั๋วหลายเที่ยว มี single คือเที่ยวเดียว หรือว่า return คือไปกลับ หรือว่า one-day travel คือ เที่ยวทั้งวันไปไหนก็ได้ มีราคาขาดตัว ส่วนราคา จะแล้วแต่ zone ค่ะ แต่ขอบอกว่า รถไฟใต้ดินเร็วมากๆ ส่วนราคาก็แพงสมกับที่มันเร็ว เพราะถ้าไปที่ไหนไกลๆ รถไฟใช้เวลาแค่สามสิบนาที ส่วนรถเมล์ใช้เวลามากกว่า หนึ่งชั่วโมงนะค๊ะ เพราะรถติดก็เป็นปัญหาเหมือนกัน อ้อ.....สถานีรถไฟใต้ดิน ขายตั๋วสำหรับรถเมล์ด้วย แต่เฉพาะแห่งนะค๊ะ แต่ถ้าเราซื้อตั๋ว one-day travel มันก็จะสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟ แล้วก็รถเมล์ค่ะ ดีตรงนี้แหละ ส่วนราคาจาก zone1-zone4 ก็จะเป็น 4 ปอนด์ 40 เพน ค่ะ
รถไฟใต้ดินที่นี่มีหลายสายนะค๊ะ มีสายสีแดง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีดำ สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีเทา สีฟ้า สีฟ้าอ่อน สีเขียวเข้ม แล้วก็ National Rail (อันนี้รถไฟ) สายพวกนี้ก็จะมีชื่อเรียกขานของมันเองด้วย ยกตัวอย่าง รถไฟสายสีแดง คือ Central Line
รถไฟสายสีเขียว คือ District Line
รถไฟสายสีน้ำตาลคือ Bakerloo Line
รถไฟสายสีน้ำเงิน คือ Piccadilly Line ฯลฯ
เป็นต้นค่ะ
มาถึง Taxi นะค๊ะ หรือ Black Cab (แท็กซี่สีดำ) แต่ตอนนี้มันไม่ได้มีสำดำอย่างเดียว มันมีสีอื่นด้วย เช่น สีชมพู สีฟ้า ลายการ์ตูนด้วย คิกๆๆ น่ารัก..... จะเห็นมากที่ในเมืองโซนหนึ่งนะค๊ะ..... แท๊กซี่อย่างที่บอก มันมีมิเตอร์ คิดราคาอยู่ที่ประมาณ 1 ปอนด์ 40 เพน ค่ะ แล้วมิเตอร์มันก็จะขึ้นหูฉีกเลย บางคันมันโกงน่ะค่ะ .......อันนี้ก็ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ แท๊กซี่นี่แนะนำ อย่าขึ้นเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่ช่วงนี้หน้าหนาวสุดๆ ก้อต้องจำเป็นต้องใช้น่ะค่ะ เพราะเดินขึ้นบ้านตอนกลางคืนบ่อยๆ มันไม่ไหวจริงๆ ช่วงนี้อากาศมันเริ่มติดลบแล้วด้วย มีหวังแข็งตายแน่ๆ
มาถึง มินิ Cab ......สงกะสัยกันละซี่......ว่าไอ้เจ้า มินิแคบ มันคืออะไร ......Mini Cab มันแปลว่า แท๊กซี่เถื่อนอ่ะ แต่เถื่อนอย่างถูกกฎหมายนะ  เพราะมีบริการมินิแคบโทรเรียกได้ตลอด คนขับจะเป็นใครไปซะอีกล่ะ ก็พวก อาบังทั้งหลายไงล่ะค๊ะ ขับแท็กซี่หนวดเฟิ้มมาอย่างนั้น ............!!!  พวกนี้ คิดต่าแท็กซี่ในระยะไกลถูกกว่าแท็กซี่ปรกติซะอีก ส่วนระยะใกล้ๆก็น่าจะโอเคนะค๊ะ ไม่แน่ใจ พวกนี้หลอกเราเก่งอ่ะ ก็ต้องดูว่า มันจะโกงเราหรือเปล่า เพราะแขกเชื่อใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก บางคนก็มักจะบอกราคาดีๆตอนตกลงราคากัน พอมาถึงที่หมาย ก็อ้างนู่นอ้างนี่ ทำให้เราต้องจ่ายค่ารถไปเพิ่ม ........ เจอแขกที่นี่เยอะมากจนตาลายเลยค่ะ เหมือนเรามาอยู่ ประเทศอินเดียเลย ..... 
เรื่องอาหารการกิน สำหรับคนที่นี่......น่าเบื๊อ น่าเบื่อ ค่ะ แต่ตอนนี้ ขอบอกว่า Oriental Food หรือว่า อาหารเอเชีย กำลังได้ที่นิยมพุ่งสุดขีดค่ะ พวกอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และ อาหารแขก พวก อินเดีย เนปาล อะไรทำนองนั้น .......... อาหารอังกฤษ บางทีก็น่าเบื่อนะ แต่ถ้ารู้จักทำ รู้จักส่วนผสมของอาหาร รู้จักวิธีปรุง เราก็สามารถใช้ชีวิตที่นี่ น่าสนุกได้ บางทีก็น่าเรียนรู้เรื่อง การทำขนมเค้ก หรือพวก muffin หรือ mousse นะค๊ะ เพราะอุปกรณ์ที่นี่หาง่ายกว่าเมืองไทยเป็นต่อค่ะ ..........
สำหรับคนไทย.....ที่ขี้เกียจแบกลังมาม่ามาอังกฤษ ขอบอกว่า ไม่ต้องแบกมาก็ได้นะ ถ้าอยากทานจริงๆ ไปร้านจีนทุกแห่งมีขายมาม่าไทยค่ะ หรือจะไปแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนก็คือ China Town แถวๆ Soho นะค๊ะ ร้านทุกร้าน ขายของไทยเพียบ!! มีตั้งแต่น้ำพริก เครื่องแกงแดง แกงเขียว แกงแพนง ผงวุ้น แป้งโกกิ ใบมะกรูด ตระไคร้ โหระพา น้อยหน่า ทุเรียน ไชโยโห่ฮิ้ววววววววววววววววว...........แบบว่า....ของเยอะมาก มีอยู่ร้านนึงขายของไทยเยอะเป็นพิเศษ แต่ราตาก็แพงเป็นพิเศษ แถมมีหนังสือนิตยสารไทยขายด้วย พวก สกุลไทย บันเทิงไทย คู่สร้างคู่สม ฯลฯ เพราะร้านนี้มีคนไทยทำงานอยู่ด้วย เหมือนเขาเป็นลูกสะไภ้คนจีนอ่ะค่ะ มีของไทยเยอะแยะเลยนะ ปลากระป๋องก็มี ลำใยในน้ำเชื่อมก็มี ผักกาดดอง ก็มี มีหมดแหละค่ะ น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซอสพริก ซอสศรีราชา ซอสสุกี้ ผงข้าวต้ม ผงโจ๊ก แค๊บหมู กะปิ พริกป่น เยอะแยะไปหมดเลย ............. ไม่ต้องกลัวอด มีร้านค้าของไทยด้วยนะคะ ชื่อว่า ร้านตะวัน แต่อยู่zone 2 หรือ zone 3 นี่แหละ ไกลออกไปหน่อยค่ะ ก็มีของไทยเหมือนกัน แต่ว่า ไป China Town น่ะ ของเยอะสุดๆเลย
ที่ China Town ก็ขายบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศถูกมากๆ ราคาเต็มที่ร้านแขกทั่วไปมันขาย เช่น 20 ปอนด์ ร้านจีนขาย 13 ปอนด์ หรือว่า 30 ปอนด์ ร้านจีนขาย 15 ปอนด์ อะไรทำนองนั้น แถมมีนาทีเพิ่มมาด้วยนะ ไม่ธรรมดา ไปที่ China Town ค่ะ คุ้ม มีทุกอย่าง ....... ชานมไข่มุกก็มีนะ มีร้านนึงชื่ออะไร Hongkong สักอย่าง อีกร้านก็ชื่อร้านอะไรไม่รู้ ลงท้ายด้วย ค.ศ. 97 อ้ะ อะไรทำนองนี้
สำหรับคนไทยที่อยากทานอาหารอีสาน ร้านอาหารไทยที่ขายอาหารอีสานก็คือ ร้าน อีสานเขียว ค่ะ อยู่ที Shephurd Bush zone2 ทางตะวันตก ส่วนใครก็ตามที่คิดถึง เย็นตาโฟ เจ้าอร่อยในเมืองไทย หรือคิดถึง สุกี้น้ำ หรือสุกี้แห้ง ไม่ก็ผัดขี้เมา ก็ไปทานได้ที่ร้าน Noodle Magic เป็นร้านอาหารไทยที่ทำอาหารได้อร่อยเหมือนกันค่ะ เย็นตาโฟก็รสชาติเด็ดสะระตี่ เผ็ดแซบหลายดี ร้านอยู่ที่ Hammersmith ออกจากสถานีแล้วก็เลี้ยงซ้ายเดินตรงมาเรื่อยๆ ทางรถเมล์สาย 266 ก็ถึงค่ะ แนะนำหมดแล้ว ก็หิวจังเลยแฮะ .......... ฮิๆๆ
**ไว้ติดตามได้ใหม่นะค่ะ ใน...เที่ยวในลอนดอนตอนต่อไปค่ะ **
Credit:http://somdiary.com
สิ่งที่เกลียดที่สุดสำหรับคนที่ชอบ “ตอแหล” ทำเป็นเหมือนจะรู้จริงไปซะทุกอย่าง คือ ทัศนะคติสำหรับนักเรียนไทยในต่างแดนที่เลวร้าย หรือไปในทางลบนั่นเองค่ะ .........
ขอโทษ ที่ใช้คำไม่สุภาพว่า ตอแหล แต่ก็นั่นอีกค่ะ บังเอิญเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบใช้คำหยาบโลน แต่มันทนไม่ได้ ก็ต้องขอใช้สักนิดนึง .... คนไทยบางคนนะค๊ะ เน้นค่ะ “บางคน” คิดว่าคนที่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา เป็นพวกที่เรียนเมืองไทยไม่ได้ บ้างก็เป็นพวกเก็บกด บ้างก็รวยจัด ชอบเอาเงินออกนอกประเทศ ทำวัฒนธรรมไทยเสื่อมเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการพูดการจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เป็นเอกลักษณ์ตายตัวสำหรับคนไทยเอาเสียเลย มือไม้ไม่อ่อน ไม่ไหว้ให้งดงามเหมือนแบบฉบับ (นางสาว)ไทย แท้ๆ แถมคิดว่า พวกนี้ไปอยู่เมืองนอกเมืองนา จะสบายโก้หรู คงได้อยู่บ้านสวยๆ มีรถราคาแพงๆ ภาษาคงเป็นไฟแลบๆๆ ..... แถมไปเรียนเมืองนอกไม่ถึงสองปี ดัดจริตพูดภาษาไทยไม่ชัด.....ไอค้านนนสปีคคคทายยยยยยยเวรี่เวล แปลว่า ฉันพูดไทยไม่เก่ง ค่ะ
ขอโทษนะค๊ะ ......หารู้ไม่ว่า....คนที่เป็นอย่างที่โดนกล่าวโดนว่ากันน่ะ มีแค่บางส่วนเท่านั้นนะค๊ะ ที่จะร่ำรวยดั่งมีรถเสกได้ .... เท่าที่ได้สัมผัส เพื่อนแต่ละคน ก็มีอันจะกินกันทั้งนั้นที่มาอยู่นี่  เพื่อนส่วนมาก มาเรียนอย่างเดียวกันทั้งนั้น พวกที่อยากทำงาน หาประสบการณ์ พร้อมกับ make money ก็มีถมเถไป แต่มีคนหลายคนที่มาที่เมืองนอก ก็ดิ้นรนกันมาด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง มุมานะเพื่อจะได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ การมาที่นี่แล้วต้องระแวดระวังภัยต่างๆนาๆ ไม่ใช่ว่า คิดจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ มีหลายย่านที่เป็นย่านอันตรายทั้งนั้น อย่าง Brixton เป็นต้น เป็นย่านอันตรายติดอันดับในลอนดอน อยู่ทางตอนใต้ของลอนดอน ประมาณ zone 2 เฉียด 3 ค่ะ .........ที่พักที่นี่ก็ใช่ว่าจะถูก ราคาก็แพง ค่าใช้จ่ายก็เยอะแยะไปหมด คนเราก็ต้องประหยัดกันมาก บางทีเดินได้ก็เอาค่ะ....... คงมีคำถามว่า แล้วถ้ามันลำบากขนาดนั้น จะมาทำไมเมืองนอก บ้านเราก็มีดีอยู่สบาย ดิ้นรนไปทำไมกันนักหนา เมืองนอกเมืองนา
:: ขอตอบว่า การมาที่ต่างประเทศ ยอมรับค่ะว่า เงินต้องไหลออกนอกประเทศแน่นอน จุดประสงค์ของคนเรามันต่างกัน บางคนเขาก็มาเพื่อมาศึกษาจริงๆ บางทีโอกาสที่จะศึกษาอะไรในบ้านเรา มันน้อย หรือไม่มีสาขาที่อยากจะเรียน คนที่มีความสามารถ แล้วรู้ถึงความสามารถของตนเองได้ ก็น่าลองที่จะมาดิ้นรนด้วยตัวเอง มันเป็นรสชาตชีวิตที่ท้าทายไปอีกแบบค่ะ.....
พูดถึงของกินของขายแล้วนะค๊ะ ที่นี่อ่ะ .....อยากจะเดินออกไปแล้วเห็นร้านหมี่เกี๊ยว ก็ไม่ได้เห็นอ่ะ นี่เดินออกไปตอนกลางคืนเห็นอะไรล่ะ ..... จะเห็นอีเก้งไหมเนี่ยะ .........ล้อเล่นนะค๊ะ บางทีมีหมาป่าด้วยน่ะ คือมันเป็นป่าไปเลยอ่ะ แต่นั่นก็ชานเมืองไปแล้ว สมัยก่อนร้านค้าขายของต้องเดินไปประมาณ 50 เมตรได้ แต่ที่อยู่ปัจจุบันเนี้ยะอ่ะ ร้านค้าห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตรได้ คือ ต้องเดินลงเขาไปเรื่อยๆ เดินไปจนหน้าชาด้วยความหนาว กว่าจะถึงร้าน กว่าจะถึงนะ ก็ไม่ต้องเดินขึ้นมาแล้วล่ะ หนาวจะตายชัก หน้าชาไม่พอ แถมตัวชาอีกต่างหาก ขาก็ชา กางเกงยีนส์ช่วยอะไรไม่ได้เลย ขนาดหนาจะตาย ไปใส่เมืองไทยเป็นลมแน่ๆ เพราะว่ามันร้อนเกินไปอ่ะ ร้านค้าที่นี่ หรือ ร้านอาหารนะ ไม่ใช่ว่าจะเปิดกันง่ายๆนะค๊ะ เขาต้องจดทะเบียนมี licence กันเสียก่อน ว่ากันว่า จะเปิดร้านจะทำอะไรก็ตาม ภาษีมันก็ตามมา เราต้องเสียมันทุกปี จะขายของน่ะ ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเปิดร้านขายของ ก็เปิดนะ เราต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อน แล้วก็ต้องทำเรื่องเยอะแยะไปหมด ที่บ้านเราเห็นเขาอยากจะขายลูกชิ้นก็เข็นขายใช่ป่ะ หรืออยากทำแซนวิสขายหน้าบ้านก็ทำ ที่นี่ถ้า home made น่ะ ต้องมีใบอนุญาตก่อนนะค๊ะ ไม่งั้นไม่มีใครกล้าซื้อว่า ทำถูกหลัก Food hygiene หรือเปล่า Food hygiene แปลว่า อาหารที่ถูกสุขลักษวิธีในการปรุง และ ความสะอาดค่ะ นี่แหละค่ะ คือความจำเป็นที่เราจะควรจะมี ถ้าอาหารไม่สะอาด เราก็จะเกิดโรคท้องเสียกันง่ายๆยังไงละค๊ะ แค่เราเกาก้นแล้วไม่ล้างมือ แคะขี้มูกเล่นๆ หรือ เข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ นั่นก็ถือว่า เราสกปรกนะค๊ะ สำหรับคนอังกฤษ พวกเขาจะเหยียดหยามเราน่าดูเลย แต่ฝรั่งมันก็เป็นแหละค่ะ คนอังกฤษใช่ว่าจะผู้ดีกันไปซะหมด
ตอนนี้ลอนดอนหาคนอังกฤษแท้ๆยากจะตาย เพราะมันกลายเป็นเมืองหลากชาติ หรือที่เขาเรียกกันว่า multi-nation หรือ multi-culture แล้ว คนอินเดีย หรือคนแขกที่นี่ถือว่าเป็น ชนชั้นเอเชียกลุ่มใหญ่พอสมควร พอๆกับคนดำนั่นแหละค่ะ แต่ส่วนมากเราก็จะเห็นคนพวกนี้ ทำงานอยู่ตามห้างร้านต่างๆทั่วไป ในลอนดอน ไม่ค่อยมีคนอังกฤษแท้ๆหรอกนะค๊ะ
คำว่า ร้านแขก ก็มาจากอีแบบนี้แหละค่ะ ...... ร้านแขก เป็นคำที่นิยม ฮิตติดปากสำหรับคนไทยที่นี่นะค๊ะ เพราะร้านแขก คือร้านที่เปิดขายของคล้ายๆกับ Seven-11 บ้านเรานั่นแหละ ที่นี่ก็เปิดกันตลอด 24 ชั่วโมงบ้าง ไม่ก็เป็นร้านที่ปิดดึกๆ แล้วก็จะเป็นซุปเปอร์เล็กๆ ขายขนม นม เนย ทั่วไปรวมถึงบัตรโทรศัพท์ต่างๆ บางร้านจะมีนะค๊ะ เหตุที่คนอังกฤษ ไม่ยอมเปิดร้านขายของแบบนี้เท่าไหร่นัก ก็เนื่องจากว่า คนอังกฤษขี้เกียจนะ อันนี้คุณครูบอกมา ฮ่าๆ คุณครูบอกว่า คนพวกนี้เป็นพวกลี้ภัย พวกปากีสถาน พวกเนปาล หรืออะไรเทือกนี้น่ะ พวกเขาลี้ภัยมา แล้วประเทศอังกฤษ เป็นประเทศเป็นกลาง คอยช่วยเหลือพวกลี้ภัยต่างๆ คอยให้งานทำ ให้สวัสดิการต่างๆนาๆ สมัยก่อนหลายร้อยปีมาแล้ว ประเทศอังกฤษล่าอาณานิคมประเทศแอฟริกา อินเดีย แถบเอเชีย แถบยุโรป คนในประเทศเหล่านั้นก็เข้ามาทำงานในประเทศอังกฤษมากในทุกวันนี้ เพราะความยากจน บวกกับโอกาสในการเข้ามาอังกฤษแล้วได้เงินมันเยอะกว่า แล้วอังกฤษก้เหมือนเป็นประเทศแม่....ในสมัยก่อนนะค๊ะ ...........มันเลยทำให้เลยเถิดมาถึงสมัยนี้ ความจริงสมัยก่อน คนอังกฤษก็ไม่ได้ดูแลคนชาติอื่นๆดีเท่าไหร่นักหรอกนะค๊ะ พวกเขาดูถูกคนชาติอื่นๆ หาว่าเถื่อนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทุกวันนี้เขาก็ต้องรับผลที่เขาได้ก่อไว้ ลอนดอน เลยกลายเป็นเมืองแห่ง โจรกรรม อาชญากรรม เมืองที่เต็มไปด้วยคนหลากพันธุ์ คนหลากประเภท คนที่ต้องการมาอยู่เพื่อเงิน!!
แต่ยังไง ลอนดอน...ก็มีคนชอบมาอยู่เยอะนะ ไม่รู้ทำไม คงจะเหมือนกับ นิวยอร์ค, โตเกียว หรือ กรุงเทพบ้านเรา เพราะโอกาสทางการเงินดีกว่า ถึงแม้ค่าครองชีพจะแพงสุดขีดก็ตามนะค๊ะ .......ที่นี่....อะไรๆก็แพงไปซะหมด น้ำเปล่าขวดเล็กๆขวดนึง ราคา 70penny หรือ 46 บาท อันนี้สำหรับขวดเล็กนะค๊ะ ขวดเล็กบ้านเราแค่ 10 บาทเอง ไม่ก็ 6 บาทอ่ะ บางเจ้าขายถูก .....ราคาไม่ถึงปอนด์ แต่ก็ถือว่าแพงมากๆแล้ว ส่วนค่าแท๊กซี่ rate ปรกติอยู่ที่ £1.40 ค่ะ แพงนะ ประมาณ 91 บาทบ้านเรา เพราะบ้านเรามิเตอร์จะอยู่ที่ 35 บาทเอง แต่กระนั้น มันก็แพงเหมือนกันแหละ คนไทยหลายคนจึงนิยมนั่งรถเมล์.......
อะไรๆก็แพง......ของที่ถูกก็มีพวก โทรศัพท์มือถือ ..... ของยี่ห้อ Brandname บางอย่าง อย่างห้าง Harrods คนก็นิยมไปเดินซื้อของในนั้น ยิ่งช่วงลดกระหน่ำนะ คนไปกันแน่นเอี๊ยด ใครตื่นสายวัน Sale นะ อย่าหวังว่าจะได้ไปซื้อของกับเขาหรอก เพราะเขาจะรออยู่ที่หน้าประตู Harrods พอห้างเปิดปุ๊บ คนกรูทับกันใส้ทะลักเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ...........แบบ...คนที่นี่เหมือนเก็บกดน่ะค่ะ .....ของมันแพงมันเลยนี่ เดี๋ยว Christmas นี้จนถึงปีใหม่ ก็จะมี หน้า Sale ห้างทุกห้าง ร้านค้าทุกร้าน ก็จะเซลล์กันสะบั้นหั่นแหลก .......คนก็จะคลั่งแตกไปซื้อของกัน จนหมดสตุ้งสตางค์ก็มี .......อะไรจะขนาดนั้นเนอะ
มาพูดถึงการเดินทางกัน........ที่อังกฤษ......มีการเดินทางขนส่งที่สะดวกสบายกว่าประเทศไทยมากๆ สุดๆค่ะขอบอก เขาจะมี รถเมล์, รถไฟ, รถไฟใต้ดิน, รถแท๊กซี่, และก็ มินิcab
อย่างแรก รถเมล์ มันจะราคาแตกต่างไม่เหมือนกัน โดยแล้วแต่ zone ดังนี้ค่ะ นี่คือแผนภาพ zone ในเมืองลอนดอนนะ
http://www.thetube.com/content/tubemap/images/london_connnections.gif
หรือ
http://www.thetube.com/content/tubemap/
ลอนดอนจะแบ่งเป็น 6 โซนได้ ตามแผนที่ zone1 คือ ในเมืองเลยอ่ะ แบบว่า เหมือนสยามบ้านเรานั่นเรียกว่า zone1 นะ แถวๆ มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถือว่าเป็นโซน 4 ได้ ราคาในโซน1จะแพงหูฉีกเลย คือ 1 ปอนด์ต่อเที่ยว โซน 2 ราคา 80 เพน ส่วน zone 3 ราคา 70 เพน ไปเรื่อยๆค่ะ .......แต่ถ้าเราต้องการใช้บริการแต่รถเมล์ทั้งวัน ก็ไปหาซื้อเอา ตามร้านแขก(อีกแล้ว) คือ ร้านอาบังพวกนี้ มันขายทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไปถามมันได้ ร้านไหนไม่มีขายตั๋วรถเมล์ รถไฟใต้ดิน มันจะไม่ติดบอกไว้หน้าร้านนะค๊ะ แต่หลายร้านเขาขายนะ เพราะว่ารถเมล์รถไฟที่นี่สำคัญมากๆ หลายคนไม่สะดวกไปซื้อที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ซื้อที่ร้านแขกเอา  ร้านแขกขายตั้งแต่ Bus pass คือ ตั๋วรถเมล์วันเดียววิ่งกี่เที่ยวก็ได้ ราคาแค่ 2 ปอนด์เอง ทุกโซนค่ะ
แล้วก็มี Buss saver อันนี้เป็น ตั๋วรถเมล์แบบจ่ายเป็นเที่ยว คือ จ่ายเมื่อขึ้น pay as you go แต่ราคาจะถูกหน่อย ซื้อเป็นชุด ชุดนึงมี5 ใบ ราคาตกที่ 3 ปอนด์ โดยประมาณ แต่ถ้าต้องการแบบรายสัปดาห์ หรือ รายเดือนก็จะคุ้มกว่า สำหรับคนที่ใช้บริการรถเมล์มากกว่ารถไฟนะค๊ะ
ต่อมา รถไฟ ขอพูดรวมๆกับรถไฟใต้ดินนะ เพราะมันอยู่สถานีเดียวกันน่ะ สถานีรถไฟพวกนี้ จะขายตั๋วหลายเที่ยว มี single คือเที่ยวเดียว หรือว่า return คือไปกลับ หรือว่า one-day travel คือ เที่ยวทั้งวันไปไหนก็ได้ มีราคาขาดตัว ส่วนราคา จะแล้วแต่ zone ค่ะ แต่ขอบอกว่า รถไฟใต้ดินเร็วมากๆ ส่วนราคาก็แพงสมกับที่มันเร็ว เพราะถ้าไปที่ไหนไกลๆ รถไฟใช้เวลาแค่สามสิบนาที ส่วนรถเมล์ใช้เวลามากกว่า หนึ่งชั่วโมงนะค๊ะ เพราะรถติดก็เป็นปัญหาเหมือนกัน อ้อ.....สถานีรถไฟใต้ดิน ขายตั๋วสำหรับรถเมล์ด้วย แต่เฉพาะแห่งนะค๊ะ แต่ถ้าเราซื้อตั๋ว one-day travel มันก็จะสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟ แล้วก็รถเมล์ค่ะ ดีตรงนี้แหละ ส่วนราคาจาก zone1-zone4 ก็จะเป็น 4 ปอนด์ 40 เพน ค่ะ
รถไฟใต้ดินที่นี่มีหลายสายนะค๊ะ มีสายสีแดง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีดำ สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีเทา สีฟ้า สีฟ้าอ่อน สีเขียวเข้ม แล้วก็ National Rail (อันนี้รถไฟ) สายพวกนี้ก็จะมีชื่อเรียกขานของมันเองด้วย ยกตัวอย่าง รถไฟสายสีแดง คือ Central Line
รถไฟสายสีเขียว คือ District Line
รถไฟสายสีน้ำตาลคือ Bakerloo Line
รถไฟสายสีน้ำเงิน คือ Piccadilly Line ฯลฯ
เป็นต้นค่ะ
มาถึง Taxi นะค๊ะ หรือ Black Cab (แท็กซี่สีดำ) แต่ตอนนี้มันไม่ได้มีสำดำอย่างเดียว มันมีสีอื่นด้วย เช่น สีชมพู สีฟ้า ลายการ์ตูนด้วย คิกๆๆ น่ารัก..... จะเห็นมากที่ในเมืองโซนหนึ่งนะค๊ะ..... แท๊กซี่อย่างที่บอก มันมีมิเตอร์ คิดราคาอยู่ที่ประมาณ 1 ปอนด์ 40 เพน ค่ะ แล้วมิเตอร์มันก็จะขึ้นหูฉีกเลย บางคันมันโกงน่ะค่ะ .......อันนี้ก็ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ แท๊กซี่นี่แนะนำ อย่าขึ้นเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่ช่วงนี้หน้าหนาวสุดๆ ก้อต้องจำเป็นต้องใช้น่ะค่ะ เพราะเดินขึ้นบ้านตอนกลางคืนบ่อยๆ มันไม่ไหวจริงๆ ช่วงนี้อากาศมันเริ่มติดลบแล้วด้วย มีหวังแข็งตายแน่ๆ
มาถึง มินิ Cab ......สงกะสัยกันละซี่......ว่าไอ้เจ้า มินิแคบ มันคืออะไร ......Mini Cab มันแปลว่า แท๊กซี่เถื่อนอ่ะ แต่เถื่อนอย่างถูกกฎหมายนะ  เพราะมีบริการมินิแคบโทรเรียกได้ตลอด คนขับจะเป็นใครไปซะอีกล่ะ ก็พวก อาบังทั้งหลายไงล่ะค๊ะ ขับแท็กซี่หนวดเฟิ้มมาอย่างนั้น ............!!!  พวกนี้ คิดต่าแท็กซี่ในระยะไกลถูกกว่าแท็กซี่ปรกติซะอีก ส่วนระยะใกล้ๆก็น่าจะโอเคนะค๊ะ ไม่แน่ใจ พวกนี้หลอกเราเก่งอ่ะ ก็ต้องดูว่า มันจะโกงเราหรือเปล่า เพราะแขกเชื่อใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก บางคนก็มักจะบอกราคาดีๆตอนตกลงราคากัน พอมาถึงที่หมาย ก็อ้างนู่นอ้างนี่ ทำให้เราต้องจ่ายค่ารถไปเพิ่ม ........ เจอแขกที่นี่เยอะมากจนตาลายเลยค่ะ เหมือนเรามาอยู่ ประเทศอินเดียเลย ..... 
เรื่องอาหารการกิน สำหรับคนที่นี่......น่าเบื๊อ น่าเบื่อ ค่ะ แต่ตอนนี้ ขอบอกว่า Oriental Food หรือว่า อาหารเอเชีย กำลังได้ที่นิยมพุ่งสุดขีดค่ะ พวกอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และ อาหารแขก พวก อินเดีย เนปาล อะไรทำนองนั้น .......... อาหารอังกฤษ บางทีก็น่าเบื่อนะ แต่ถ้ารู้จักทำ รู้จักส่วนผสมของอาหาร รู้จักวิธีปรุง เราก็สามารถใช้ชีวิตที่นี่ น่าสนุกได้ บางทีก็น่าเรียนรู้เรื่อง การทำขนมเค้ก หรือพวก muffin หรือ mousse นะค๊ะ เพราะอุปกรณ์ที่นี่หาง่ายกว่าเมืองไทยเป็นต่อค่ะ ..........
สำหรับคนไทย.....ที่ขี้เกียจแบกลังมาม่ามาอังกฤษ ขอบอกว่า ไม่ต้องแบกมาก็ได้นะ ถ้าอยากทานจริงๆ ไปร้านจีนทุกแห่งมีขายมาม่าไทยค่ะ หรือจะไปแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนก็คือ China Town แถวๆ Soho นะค๊ะ ร้านทุกร้าน ขายของไทยเพียบ!! มีตั้งแต่น้ำพริก เครื่องแกงแดง แกงเขียว แกงแพนง ผงวุ้น แป้งโกกิ ใบมะกรูด ตระไคร้ โหระพา น้อยหน่า ทุเรียน ไชโยโห่ฮิ้ววววววววววววววววว...........แบบว่า....ของเยอะมาก มีอยู่ร้านนึงขายของไทยเยอะเป็นพิเศษ แต่ราตาก็แพงเป็นพิเศษ แถมมีหนังสือนิตยสารไทยขายด้วย พวก สกุลไทย บันเทิงไทย คู่สร้างคู่สม ฯลฯ เพราะร้านนี้มีคนไทยทำงานอยู่ด้วย เหมือนเขาเป็นลูกสะไภ้คนจีนอ่ะค่ะ มีของไทยเยอะแยะเลยนะ ปลากระป๋องก็มี ลำใยในน้ำเชื่อมก็มี ผักกาดดอง ก็มี มีหมดแหละค่ะ น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซอสพริก ซอสศรีราชา ซอสสุกี้ ผงข้าวต้ม ผงโจ๊ก แค๊บหมู กะปิ พริกป่น เยอะแยะไปหมดเลย ............. ไม่ต้องกลัวอด มีร้านค้าของไทยด้วยนะคะ ชื่อว่า ร้านตะวัน แต่อยู่zone 2 หรือ zone 3 นี่แหละ ไกลออกไปหน่อยค่ะ ก็มีของไทยเหมือนกัน แต่ว่า ไป China Town น่ะ ของเยอะสุดๆเลย
ที่ China Town ก็ขายบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศถูกมากๆ ราคาเต็มที่ร้านแขกทั่วไปมันขาย เช่น 20 ปอนด์ ร้านจีนขาย 13 ปอนด์ หรือว่า 30 ปอนด์ ร้านจีนขาย 15 ปอนด์ อะไรทำนองนั้น แถมมีนาทีเพิ่มมาด้วยนะ ไม่ธรรมดา ไปที่ China Town ค่ะ คุ้ม มีทุกอย่าง ....... ชานมไข่มุกก็มีนะ มีร้านนึงชื่ออะไร Hongkong สักอย่าง อีกร้านก็ชื่อร้านอะไรไม่รู้ ลงท้ายด้วย ค.ศ. 97 อ้ะ อะไรทำนองนี้
สำหรับคนไทยที่อยากทานอาหารอีสาน ร้านอาหารไทยที่ขายอาหารอีสานก็คือ ร้าน อีสานเขียว ค่ะ อยู่ที Shephurd Bush zone2 ทางตะวันตก ส่วนใครก็ตามที่คิดถึง เย็นตาโฟ เจ้าอร่อยในเมืองไทย หรือคิดถึง สุกี้น้ำ หรือสุกี้แห้ง ไม่ก็ผัดขี้เมา ก็ไปทานได้ที่ร้าน Noodle Magic เป็นร้านอาหารไทยที่ทำอาหารได้อร่อยเหมือนกันค่ะ เย็นตาโฟก็รสชาติเด็ดสะระตี่ เผ็ดแซบหลายดี ร้านอยู่ที่ Hammersmith ออกจากสถานีแล้วก็เลี้ยงซ้ายเดินตรงมาเรื่อยๆ ทางรถเมล์สาย 266 ก็ถึงค่ะ แนะนำหมดแล้ว ก็หิวจังเลยแฮะ .......... ฮิๆๆ
**ไว้ติดตามได้ใหม่นะค่ะ ใน...เที่ยวในลอนดอนตอนต่อไปค่ะ **
Credit:http://somdiary.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น