Fe'Farian's Fate - นาสก้ากับลิขิตเวลาแห่งเฟฟารัน - นิยาย Fe'Farian's Fate - นาสก้ากับลิขิตเวลาแห่งเฟฟารัน : Dek-D.com - Writer
×

    Fe'Farian's Fate - นาสก้ากับลิขิตเวลาแห่งเฟฟารัน

    เพื่อทำให้วงล้อแห่งกาลเวลาสมบูรณ์.. เพื่อทำให้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มาบรรจบกัน ‘นาสก้า เฟฟารัน’ จึงถูกพาตัวมาจากอดีตอันไกลโพ้น มุ่งหน้าข้ามกาลเวลาสู่ ‘อควาเรีย’ โลกแห่งผืนน้ำ และแผ่นดินลอยฟ้า โลกแห่งชนผู้มีพลังพิเศษ เพื่อทำในสิ่

    ผู้เข้าชมรวม

    450

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    450

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 54 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


     

    แสงสีส้มส่องลอดออกมาจากประตูห้องอ่านหนังสือ บุรุษชรายืนจ้องมองประตูบานนั้นเหมือนชั่งใจ ก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะเอื้อมไปจับลูกบิดที่ทำจากทองเหลืองแล้วบิดอย่างช้าๆ

     

    แอด..

    บานประตูที่ค่อนข้างมีอายุลั่นเอียดอาด กลิ่นอับๆ จากกระดาษที่เก่าจนเหลืองโชยออกจากห้องพร้อมกับกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ที่น่าจะเป็นกลิ่นกายของเจ้าของห้อง ผู้มาเยือนผลักบานประตูเบาๆ ก่อนจะย่างก้าวเข้ามาในห้อง

    ดวงตาสีน้ำเงินของบุรุษชรามองสำรวจไปรอบๆ ห้องแล้วคลี่ยิ้มที่มุมปาก

    ภายในห้องเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือสูงลิบ แต่ละชั้นอัดแน่นด้วยหนังสือเก่าและใหม่ปะปนกัน แน่นเสียจนไม่มีที่ว่างพอให้สอดกระดาษสักแผ่นเข้าไปแทรกได้ นอกจากหนังสือที่อัดแน่นอยู่ในชั้น ยังมีตั้งหนังสือที่วางเป็นระเบียบบ้างไม่เป็นระเบียบบ้างอยู่บนพื้นห้องที่ปูด้วยแผ่นหินเย็นเฉียบ โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้เนื้อแข็งกับเก้าอี้ไม้แบบมีพนัก 2 - 3 ตัวตั้งเด่นอยู่กลางห้องรายล้อมด้วยตั้งหนังสืออีกหลายตั้ง

     

    มีเพียงไม่มี่สิ่งที่บ่งบอกว่าห้องนี้ยังมีผู้อยู่อาศัย เปลวไฟที่ยังคงเต้นเร่าไม่ยอมมอดดับในตะเกียงเจ้าพายุที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือเพื่อให้แสงสว่าง บนโต๊ะถูกกองสุมด้วยตั้งหนังสือที่จะล้มแหล่มิล้มแหล่ บางเล่มก็ถูกเปิดทิ้งไว้เหมือนกำลังอ่านค้างอยู่ เช่นเดียวกับเก้าอี้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพที่คิดว่าคนนั่งเพิ่งจะผละจากไปเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว

     

    เมื่อมองจนทั่วแล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของห้อง บุรุษชราจึงถอนหายใจก่อนที่จะเอ่ยคำพูดขึ้นมาลอยๆ “นับวันห้องอ่านหนังสือของเธอจะยิ่งรกนะ”

     

    “ปากร้ายไม่เปลี่ยน รู้รึเปล่าว่ามันเสียมารยาท ไหนจะเข้าห้องโดยไม่เคาะประตู แถมยังมายืนยิ้มวิจารณ์ห้องของผู้หญิงได้หน้าตาเฉยแบบนี้อีกนะคะ ท่านเจ้า” เสียงตอบของสตรีที่คาดได้ว่าเป็นเจ้าของห้องดังขึ้นจากส่วนลึกของห้อง

     

    “มิกล้ารับคำชม” ท่านเจ้าค้อมศีรษะลงอย่างถ่อมตน แต่รอยยิ้มมุมปากของเขาก็ทำให้เจ้าของห้องทราบได้ไม่ยากว่าเป็นการประชดประชัน

     

    “เฮ้อ...” เจ้าของห้องระบายลมหายใจยาว “เอาเถอะ.. ท่านก็เป็นอย่างนี้ของท่านประจำ”

    รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้มาเยือนเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ เขาหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ “เธอก็ด้วยแหละ”

     

    “ก็คงอย่างนั้น..”

     

    “มีบางอย่างที่เวลาไม่สามารถเปลี่ยนได้เหมือนกันสินะ” ท่านเจ้าว่าด้วยเสียงที่อ่อนโยนลงกว่าเดิม

     

    “แต่โลกใบนี้ก็ไหลไปตามสายธารแห่งเวลาเสมอ ท่านดูชราไปมากนับจากครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน โลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว?” น้ำเสียงของเจ้าของห้องฟังดูสลดลงเมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลง

     

    ท่านเจ้ายังคงยิ้ม ยิ้มอย่างอบอุ่นเช่นที่เคยเป็น “โลกใบนี้ดำเนินไปในทางที่มันควรจะเป็น และมันจะเป็นไปในสิ่งที่มันจะต้องเป็น.. โลกใบนี้ อควาเรียเป็นไปตามความต้องการของท่าน เพราะอควาเรียเป็นโลกที่ท่านสร้างมันขึ้นมาด้วยสองมือของท่าน ดังนั้นโลกใบนี้เป็นโลกของท่าน เฟท เจ้าหญิงแห่งโชคชะตา” ท่านเจ้าบอกกับเฟทด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่รอยยิ้มที่อบอุ่นของสุภาพบุรุษชรากลับยิ่งทำให้เฟทรู้สึกเศร้า

     

    สุดท้ายหญิงสาวก็ระบายลมหายใจก่อนจะยอมรับในสิ่งที่ผู้มาเยือนบอก “นั่นสินะ..”

     

    ร่างโปร่งใสของเฟทค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ตรงข้ามกับเก้าอี้ของผู้มาเยือนพอดี นัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์นิ่งสงบแต่ก็ฉายประกายความรู้สึกหลากหลาย ผิดกับใบหน้าของเธอที่นิ่งเฉยจนยากจะอ่านความรู้สึก เรือนผมสีม่วงเข้มจนเกือบดำสนิทยาวระพื้นปอยผมด้านซ้ายถักเป็นเปียละเอียดประดับด้วยลูกแก้วสีอเมทิสต์เช่นเดียวกันกับสีนัยน์ตา ดูเข้ากันดีกับชุดกระโปรงเกาะอกยาวกรอมเท้าที่ตกแต่งด้วยริบบิ้นสีขาวและโบลูกไม้ดูสวยสง่าและน่ารักในเวลาเดียวกัน

     

    “ว่าแต่ที่ท่านมาพบข้านี่..” เฟทยกมือขึ้นเท้าคาง ริมฝีปากสีอ่อนบนผิวสีน้ำผึ้งละเอียดของนางเผยอค้างไว้ ก่อนที่คำพูดประโยคจะถูกเอ่ย “ถึงเวลาแล้วสินะ..”

     

    “อืม.. ถึงเวลานั้นแล้วล่ะ”

     

    “เพื่อทำให้วงล้อแห่งกาลเวลาสมบูรณ์..” เฟทพูดเสียงแผ่ว เจ้าหญิงแห่งโชคชะตายันกายโปร่งใสเหมือนร่างวิญญาณลุกขึ้น เธอคว้าหนังสือเล่มหนึ่งถือไว้กับตัว “เพื่อทำให้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มาบรรจบกัน ณ ที่นี่..”

     

    “เพื่อโลกที่ท่านและข้ารัก”

    ท่านเจ้าต่อประโยคของเฟทด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่ดวงตาสีน้ำเงินของบุรุษชราฉายแววเจ็บปวด

     

    “ใช่.. เพื่ออควาเรีย” เฟทคลี่ยิ้มสวยส่งให้กับสุภาพบุรุษชราตรงหน้า เธอกอดหนังสือเล่มหนาที่ไม่ได้โปร่งใสตามร่างของเธอไว้กับอกด้วยมือที่สั่นเทาคล้ายเก็บอารมไม่อยู่ เจ้าของร่างโปร่งใสทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาหลากหลาย คล้ายจะเป็นการบอกลา “ดูเหมือนว่า.. เราอาจไม่ได้พบกันอีกในลักษณะนี้อีกแล้วสินะ อเลน

     

    “ข้าเองก็รู้ดี..” ท่านเจ้า หรือ อเลนใช้ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองเจ้าหญิงแห่งโชคชะตาเป็นครั้งสุดท้าย “ในฐานะผู้ครองรัฐ ข้าควรกล่าวคำอวยพรและคำขอบคุณให้แก่ท่าน.. แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งนั้น.. ข้าไม่อยากเสียท่านไป ข้าไม่อยากให้ท่านไป..”

     

    เฟทยิ้ม แต่นั่นเป็นรอยยิ้มแสนเศร้าสร้อย “เรื่องนั้นข้าก็รู้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจมอบคำว่ารักให้แก่ใครอีกนอกจากเขาคนนั้น..”

     

    “ข้ารู้.. เพราะฉะนั้น.. ในฐานะเพื่อนข้าจะภาวนาให้ท่านปลอดภัย ในฐานะของผู้ปกครองรัฐ ข้าจะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาท่าน และในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง.. ข้าขอให้ความรักของข้าจงติดตามและดูแลคุ้มครองท่าน คอยเป็นเพื่อนให้แก่ท่านยามเหงา ถึงอย่างไรก็ขอให้จำไว่ว่าท่านยังมีข้า.. อเลน ซีครอส อาร์ค” ท่านเจ้ายกมือขวาแตะที่หัวใจแล้วค้อมหัวคำนับ เป็นการแสดงถึงความนับถืออย่างสูงสุดที่คนๆ หนึ่งจะทำให้ใครอีกคนได้ “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของอควาเรีย อยู่ในมือท่านแล้ว เฟท เฟฟารัน เจ้าหญิงแห่งโชคชะตา”

     

    “อเลน..” เจ้าของร่างโปร่งใสหลุดชื่อของคนตรงหน้าออกมาเบาๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกทั้งมวลออกจากสมอง เฟทยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างโปร่งใสนั้นจะเลือนหายไป “แล้วพบกันใหม่..”

     

    เมื่อสุภาพบุรุษชราเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เฟทก็ไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป เขาได้แต่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงคล้ายอ่อนล้าเต็มที่ว่า “ทำไมโชคชะตาถึงได้มอบหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอคนนั้นกัน”

     

    ท่านเจ้าทอดสายตามองไปยังตะเกียงเจ้าพายุบนโต๊ะทำงานของเฟทเป็นครั้งสุดท้าย เขาเพียงแตะเบาๆ ที่ครอบแก้วเปลวไฟในตะเกียงก็ดับลง..




    พบกันแน่.. ไม่นานเกินรอ..


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น