คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คาเนชั่นสีชมพู
คาร์เนชั่นสีชมพู
ดิ๊งด่อง ดิ๊งด่อง ดิ๊งด่อง
“มาแล้วครับมาแล้ว” เสียงดังออกมาจากบ้านในรั่ว วันนี้เป็นวันแรกของการเป็นพนักงานส่งดอกไม้ของผมลู่หาน ผมยังจำได้ติดหูเสียงเล็กติดแหลมของคุณเจ้าของร้านตัวเล็ก ลู่หานตั้งแต่วันนี้นายต้องไปส่งดอกไม้ที่นี่ทุกวันแล้วต้องเป็นเวลาเดิมด้วยห้ามไปก่อนห้ามเรทเข้าใจมั้ย ตั้งแต่เดินเข้าร้าน จนเตรียมดอกไม้เสร็จ และก่อนที่ผมจะออกมาก็ยังย้ำประโยคเดิมๆซ้ำๆ คิมมินซอกนายคิดว่าฉันความจำสั้นหรือไง
“ขอโทษด้วยครับที่ปล่อยให้รอ”
“สวัสดีครับจากร้าน Flower for you ดอกไม้ถึงคุณเซฮุนครับ” ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าคนที่ออกมาเปิดประตูจะใช่เจ้าของดอกไม้นี่หรือเปล่า แต่ให้ถามมันก็คงดูแปลกๆไปหน่อยคุณว่ามั้ย
“ของผมเหรอ” นิ้วเรียวชิ้เข้าหาตัว กับสีหน้าที่แสดงว่างงสุดขีด แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกดีที่คนที่ออกมาคือคุณเซฮุน ไม่ใช่คนอื่นที่ทำให้ผมต้องเสียมารยาทเพื่อหาเจ้าของดอกไม้นี่
“ถ้าคุณคือคุณเซฮุน ที่อยู่XXX ดอกไม้ดอกนี่คือของคุณครับ รบกวนเซ็นรับดอกนะครับ” มือขาวรับไปเซ็นอย่างโดยดี ทั้งที่คิ้วของเจ้าตัวยังคงขมวดอยู่
“นี่ครับ”
“เรียบร้อย ขอบคุณครับ” ผมรับเอกสารตรวจเช็คความเรียบร้อย เสร็จแล้วรออะไรหละครับกลับร้านสิครับ
“เดี๋ยวครับ” คนกำลังกดรีโมทจะเปิดรถหยุดชะงัก
ผมหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียกนั้น แล้วก็ต้องแอบขำ เขาคงกำลังสงสัยอยู่แน่ๆก็ยานพาหนะที่ผมใช่ในการส่งดอกไม้ให้เขา
แต่ผมก็เข้าใจพอที่จะปล่อยผ่านเรื่องไร้สาระพวกนี้ไป
“ครับ”
“เอิ่ม ผมขอถามหน่อย ใครเป็นคนส่งมาเหรอครับ”
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่สามารถบอกได้จริงๆ ขอโทษจริงครับ” ผมก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงให้คู่สนทนารู้ว่าเขาไม่สามารถบอกได้จริงๆ และเจ้าของดอกไม้ที่ชื่อเซฮุนก็ได้แต่ยิ้มบางๆส่งกลับมา ผมไม่แปลกใจหรอกนะที่เขาจะถาม เพราะเป็นใครใครก็ต้องถาม แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผมอยากจะปกปิดอะไรตามที่มินซอกสั่งหรอกนะ แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าคนส่งคือใคร ก็คุณเจ้าของร้านเล่นไม่บอกอะไรผมเลยสั่งให้ส่งอย่างเดียว แบบนี้ปล่อยไว้ไม้ได้ซะแล้ว
เบนซ์สปอร์ตคันหรูจอดแอบอยู่บริเวณฟุตบาทห่างจากร้านดอกไม้สองล็อกแล้วเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซต์ส่งของประจำร้าน ถ้าคุณเจ้าของร้านมาเห็นว่าเขาใช้รถคันนั้นไปส่งของจะว่ายังไงนะ
กรุ๊งกริ๊ง
“กลับมาแล้ว”
“เป็นไงบ้างพี่” เป็นชานยอลเงยหน้าจากช่อดอกไม้ในมือเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ
“อะไรเป็นไง ก็แค่ส่งดอกไม้ป่ะวะ” ผมไม่ได้จะกวนนะ แต่มันแค่นั้นจริงๆ
“โห้ยอะไรวะพี่” ฟังดูก็คงจะรู้จะครับว่าเจ้าของคำถามรู้สึกยังไง 555
“เอาแบบนี้ นายอยากรู้ไรว่ามา” ก็ไม่รู้จะยึกยักไปทำไมในเมื่อผมเองก็มีเรื่องที่อยากจะรู้เหมือนกัน
“คนชื่อเซฮุนเป็นไงบ้างอ่ะ” ดอกมงดอกไม้ไม่สนมันล่ะตอนนี้ชานยอลทุ่มความสนใจมาที่ลู่หานเพียงเท่านั้น
“คำถามนายมันกว้างไปป่ะ จะเอาด้านไหนรูปร่างหน้าตา หรือบุคลิกท่าทาง”
“อย่ากวนดิพี่” คนรอฟังได้แต่ขัดใจกับคำตอบ
“ก็สูง ผิวขาว ดูสุภาพ รวมๆแล้วก็ดูดีนะ”
“น่ารักป่ะ”
“ผู้ชายป่ะวะให้ชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักเนี่ยนะ” ลู่หานหรี่ตามองชานยอลที่อยู่คนละฝั่งของเคาน์เตอร์เชิงล้อเลียน
“พี่มินซอกน่ารักป่ะ” คำถามแบบไม่มีที่มาที่ไปของชานยอล ทำเล่นเอาคนโดนถามค้างไปเหมือนกัน ใครจะคิดว่าน้องมันจะมามุกนี้
“เกี่ยวไรกัน”
“อ้าวก็พี่พูดเองว่าผู้ชายเข้าไม่ชมกันว่าน่ารัก” ลู่หานทำอะไรไม่ได้นอกจากถลึงตาใส่
พอเห็นว่าคุยกับลู่หานคงไม่ได้เรื่องอะไรชานยอลจึงหันกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ และก็เป็นลู่หานเองที่ทนไม่ได้ซะเอง
“นี่ชานยอล ถามไรหน่อยดิ” ชานยอลพยักหน้า
“คนที่จ้างให้ไปส่งดอกไม้เขาเป็นใครเหรอ” คำถามมันคาใจมาก
“ผมไม่รู้ ต้องถามพี่มินซอก” มากแบบนิ่งแต่ลู่หานเนี่ยโคตรจะขัดใจ แล้วก็ได้แต่แอบคิดน้องมันเอาคืนเรื่องเมื่อกี่ป่ะวะ
“แล้วที่ร้านมีงานแนวๆนี้บ่อยเหรอ”
“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่อยๆ”
“แล้ว....”
“แป๊บพี่ ผมจัดช่อนี้เสร็จจะเล่าให้ฟังนะ”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อการอยากรู้เรื่องชาวบ้านนี่มันมีพลังสูง ขณะที่รอชานยอลผมนี่คันปากยิบๆ อารมณ์เหมือนคุณป้าแม่บ้านว่างงานแล้วแอบนินทาเจ้านาย ลู่หานนายมาถึงจุดนี้ได้ไงเนี่ย
“ลู่หานรถนายน่ะไปเอามาจอดใกล้ๆร้านสิเผื่อเกิดปัญหาหาจะได้รู้”
“อ่าครับ ห๊ะ” คนตาหวานตกใจจนตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน อะไรคือให้รถมาจอดใกล้ร้าน คิมมินซอกกกกกก
“ก็จอดอยู่นั่นไง” เราจะแถจนหลังชนฝาลู่หานขอตั้งจิต
“ไม่ต้องมาแถ ไปเอาจอดให้มันปลอดภัย โดนงัดแล้วจะมาร้องไห้ไม่ได้นะ” โหขึ้นเลยคนแมนอย่างพี่ไม่มีร้องไห้ครับ แต่เดี๋ยวๆรู้ได้ไงวะ
“พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ เลยเนาะชานยอลเนาะ” ก็อยากจะกล่าวหาว่าคุณเจ้าของร้านตัวเล็กพูดมั่วๆอยู่หรอก แต่พี่เกรงใจ
“เหอะ” อะไรคือทำเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินหนี คิมมินซอกกกก
“พวกพี่พูดเรื่องอะไรกันหนะ” รถไงชานยอลคุณน้องมึงไม่ได้ยินเหรอครับ นั่นมาทำตาโตใส่อีก มึงไม่ใช่สาวน้อยอย่ามาแบ๊วใส่พี่ครับน้อง
“อยากรู้ก็ถามดูสิชานยอล” นี่ก็จริงๆจะกัดกันให้จมเขี้ยวเลยมั้ยครับขนาดขึ้นพ่นน้ำอยู่ตู้เก็บอุณหภูมิก็ยังไม่วาย
“พี่สองคนมีความลับอะไรกันป่ะ”
“ไม่มี” เสียงประสาน ใครเชื่อก็บ้าแล้ว เมื่อกี่ยังแซะกันอยู่เลยตอนนี้ล่ะคนละทิศละทาง พี่มินซอกน่ะไม่มีทางเปิดปากแน่ งั้นก็เหลือแต่
“พี่ลู่หาน”
“ไร” ทำมาเป็นรำคาญเชอะ
“ไม่อยากรู้เรื่องคุณเซฮุนเหรอ” ไม่ใช่คำถามลองใจนะครับ แต่มันคือคำถามลองเชิง 555
“ต้องการอะไรว่ามา” ดูมันยิ้ม จะยิ้มกว้างอะไรขนาดนั้น เรื่องชาวบ้านละหูกระดิกเลย
ตอนนี้ชานยอลพาผมมานั่งที่หลังร้าน ก็ไอที่ที่ผมมาแอบนอนเมื่อวานนั่นแหละ ไกลเหลือเกินนะน้อง ไม่พาไม่นั่งคุยในห้องกระจกที่คุณเจ้านายแกยืนฉีดน้ำดอกไม้เลยหละ
“พี่กับพี่มินซอกเคยรู้จักกันเหรอ” แหม่ซะตรงประเด็นเลย สายตาอยากรู้อยากเห็นของชานยอลมันชัดเจนมาก มากซะจนลู่หานแอบสงสัยว่า เด็กตรงหน้ามันสนใจใคร่รู้กับเรื่องอื่นแบบนี้หรือเปล่า
“ถ้าตอบว่าไม่จะเชื่อป่ะ” ชานยาลรีบส่ายหน้า เชื่อก็บ้า มันแปลกๆตั้งแต่ขอให้ช่วยเรื่องเข้ามาทำงานที่ร้านแล้ว
“ตกลงพี่รู้จักกัน”
“ก็ไม่เชิง” ตอบหน้าตาย และคนตอบก็น่าตายด้วย
“ไรวะไหนว่าจะบอก” แล้วอะไรคือทำท่าขัดใจขนาดนั้นครับน้อง
“จะบอกก็ได้ แต่นายต้องบอกเกี่ยวกับจ๊อปพิเศษนี้มาก่อน” ชานยอลรีบตกลงอย่างไม่มีข้อแม้ในเมื่อเรื่องงานมันไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ แต่เรื่องพี่มินซอกกับพี่ลู่หานนี่สิดูบันเทิงมากๆ
“ก็ที่พี่มินซอกไม่บอกว่าใครจ้าง เพราะเวลาเราไปส่งคนรับเขาจะต้องถามแน่ๆว่าของใคร แต่ถ้าเราไม่รู้เราก็ไม่ต้องโกหกไง”
ลู่หานได้แต่อึ้ง นี่คิดอะไรกันซับซ้อนขนาดเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าของความคิดใส่ใจกับทุกคนจริงๆ
“แล้วเคยมีโดนจับได้มั้ย” ชานยอลคิ้วขมวดกับคำถาม นี่ถามอะไรผิดวะก็แอบส่งให้ก็ต้องมีโดนจับได้บ้างแหละ
“โดนจับได้เหรอ ไม่เชิงอ่ะเพราะงานก่อนที่ผมทำไม่เหมือนของพี่อย่างมากสุดก็แค่ขอให้ส่งดอกไม้ให้แฟนเก่าในวันแต่งงานหรือแบบแอบรักไม่กล้าบอกในวันวาเลนไทม์อะไรแบบนี้ แต่มันก็แค่แป๊บๆยังไม่เคยมีแบบนี้อ่ะ” ลู่หานตั้งใจฟังอย่างเงียบๆและกำลังใช้ความคิดว่าคนที่คิดทำเรื่องแบบนี้ได้ต้องรู้จักความรักหรือคนดีขนาดไหนกัน
“พี่ลู่หาน พี่ คิดอะไรอยู่” เห็นคนเป็นพี่เงียบไปนานชานยอลก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“แล้วพี่ต้องถึงเมื่อไหร่นายรู้ป่ะ”
“จนกว่าคุณเซฮุนจะแต่งงาน”
“พี่มินซอก/มินซอก” และสิ่งที่มินซอกได้คือหน้าเหวอๆของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าลูกจ้าง คิดแล้วจะเพลียหรือจะขำก่อนดี
“จะเรียกทำไม ยังอีกยังจะนิ่งอีกไปทำงาน ทิ้งฉันให้เฝ้าร้านคนเดียวแล้วมานินทาลูกค้า แย่จริงๆเลยพวกนาย”
“ครับ ขอโทษครับ ลุกดิพี่เดี๋ยวก็หูชาหรอก” ตอบรับเจ้านายตัวเล็ก แล้วหันไปเร่งให้พี่ร่วมงานทำตาม
“ได้ยินนะ” เดินนำเข้าไปในในร้านแล้วยังจะหูดีอีกนะ อ้วน ลู่หานได้แต่บ่นในใจ ไม่รู้หรอกว่ามินซอกเวลาบ่นเป็นไง แต่ดูจากเวลาสั่งงานแล้ว อย่าให้บ่นดีกว่า
ตอนนี้ก็นั่งเข้าเคาน์เตอร์กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ครอบครัวอบอุ่นดีแท้
“นี่อ้วน” เวรเผลอ ไม่ใช่แค่มินซอกที่มองนะชานยอลนี่จ้องเลย
“พี่เรียกใครอะ” ชานยอลครับนายนี่มัน เออน้องมันไม่ผิดเว้ย พี่ผิดเองที่ปากไว
“เปล่าเผลอคิดแล้วพูดหนะ” ชานยอลร้องอ๋อเข้าใจ แต่อีกคนนี่สิ ยิ้มมุมปากเหรอเดี๋ยวเหรอ แล้วอะไรคือมาลอยน่าลอยตาใส่กัน มันน่า......
“นี่มินซอก” เจ้าของก็แค่เหล่หางตามอง มันเพิ่มความน่าหมั่นไส้อีกเท่าตัว และลู่หานคิดว่าเจ้านายตัวเล็กควรโดนเล่นซะบ้าง
“มินซอกอ้วน” นี่ถ้ามีซาวด์แอฟแฟ็กซ์คงได้ยินเสียงหันดันขวับ555
“นายว่าอะไรนะ” ตาโตจ้องมองลู่หานได้อย่างน่ากลัว ตรงไหนล่ะที่น่ากลัว ไอตากลมๆที่เหมือนแมวอะนะ แค่นี้พี่ไม่สะพรึงหรอก
“จะบอกว่านายดูอ้วนนะ” ชานยอลมันเมื่อยคอมั้ยอยากจะถามจริงๆก็เล่นหันมองผมทีมินซอกที
“ตรงไหน ฉันเข้ายิมตลอด” โอ๊ยหน้าแบ๊วขนาดนี้เข้ายิมไปเล่นหมากเก็บเหรอพี่นี่อยากจะถาม
“พวกพี่ไม่มีอะไรจะคุยกันเหรอ” เออชานยอลมึงตรงมาก
“งั้นพี่คุยกันไปนะผมจะไปซื้ออะไรมากิน ไม่ต้องสั่งนะซื้อมาก็กินๆไปเหอะขี้เกียจใช้สมอง” แล้วมันก็เดินจากไป แค่ซื้อของตามที่สั่งที่มันใช่สมองมากขนาดไหน ใครช่วยทำวิจัยแล้วนำส่งผมที ได้แต่มองหลังน้องมันเดินหายออกจากร้านไป
“นี่อ้วน” อยู่กันสองคนละจัดเลยละกัน
“เรียกใครอ้วน ตีปากแตก” มือไวจริงพูดปั๊บมือมาปุ๊บดีนะทำบุญไว้เยอะเลยคว้าไว้ทัน
“แหม่ผอมลงหน่อยละทำเป็นเรียกไม่ได้”
“ยังไม่หยุดใช่มั้ย ไอหน้าตุ๊ด” โห้ยขึ้นเลย คนออกจะหล่อมาเรียกแบบนี้
“เรียกว่าไงนะ” เสียงเข้มๆ
“หูไม่ดี อ๋อ ไอหน้า....เข้ามาแทงด้วยกรรไกรแน่” กระโดดข้ามเคาน์เตอร์มาเพื่อให้เขาขู่จะแทงเนี่ยนะ เฮ้อ เลยได้แต่ยกมือยอมแพ้
“ล้อเล่นนิดเดียว ต้องขู่กันด้วย”
“ไม่ได้ขู่แทงจริง” มินซอกก็ไม่ได้พูดเปล่าทำท่าประกอบด้วยและมันสมจริงจนลู่หานต้องหลบ และยกมือยอมแพ้ไปตามระเบียบ
“อ่ะๆ ไม่เล่นแล้ว ที่บอกว่าต้องไปส่งจนกว่าคุณเซฮุนจะแต่งงานเนี่ย จริงเหรอ” มินซอกมองหางตานิดนึงแล้วก็อืมรับ
“แล้วมันเมื่อไหร่ ถ้าเขาไม่แต่งฉันไม่ต้องส่งไปจนแก่เหรอ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกกลางเดือนหน้าเขาก็จะแต่งงานแล้ว”
“ห๊ะ” ลู่หานได้แอบอึ้งอยู่ไม่น้อยแต่ความสงสัยมันมีมากกว่า
“กับเจ้าของดอกไม้เหรอ”
ผมพยายามมองหาปฏิกิริยาบางอย่างจากคนตัวเล็ก แต่กลับไม่มี ไม่มีอะไรนอกจากนั่งมองดอกไม้นิ่งๆ
“ใช่แล้วไง ไม่ใช่แล้วไง นายไม่เกี่ยวซะหน่อย ถามทำไม เสียดาย?”
“คิดอะไรเนี่ย แค่อยากรู้เฉย”
“ก็นึกว่าเสียดาย เจ้าชู้อย่างนายเชื่อได้ที่ไหน” พูดกันอยู่ก็จริงแต่คุณเจ้าของร้านตัวเล็กกลับไม่มองหน้าผมเลย จ้องอยู่ได้กับไอดอกคาร์เนชั่นนั่นหนะ
“ฉันก็แค่...”
“พอ รำคาญ” ปากอ้าตาโตคงจะเหมาะกับสิ่งที่ลู่หานเป็นอยู่ตอนนี้มากที่สุด ไหนมินซอกผู้เรียบร้อย ไหนมินซอกผู้น่ารัก ต่อไปใครมาพูดแบบนี้ลู่หานจะเถียงขาดใจ ไออ้วนตัวร้าย
“เดี๋ยวนี้กล้าขนาดนี้เลย?” กัดฟันแบบที่เรียกว่าข่มใจที่สุด กล้ามาก กล้ามารำคาญกันแบบนี้ได้ยังไง
“แล้วจะทำไม” ไม่มีอาการใดใดที่แสดงว่ามินซอกจะมีความกลัวต่อคำขู่
“เหรอ” รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่มินซอกหมั่นไส้แต่คนยิ้มกลับชอบกลับทำมันซะเหลือเกิน
“หยุด ไม่ว่านายจะคิดอะไรอยู่ เพราะตอนนี้ฉันเป็นเจ้านาย ไม่งั้นไล่ออก”
กึก ได้แต่กัดฟันแยกเขี้ยว อดทนไว้ อดทนไว้ เวลาเอาคืนไออ้วนยังมีอีกเยอะ
“นายก็เลิกยักไหล่ด้วยหน้าตาน่าหมั่นไส้ด้วยสิ”
“จะทำ ทำไม”
หนึ่งคนที่กำลังพยายามอดทนอดกลั้น
กับอีกหนึ่งคนที่พยายามกวนอารมณ์แบบสุดๆ และอีกหนึ่งที่กลับมาจากซื้อของแล้วก็กำลังคิดว่ากูควรจะแสดงตัวอย่างไรดีว่า
พี่ๆครับกูกลับมาแล้วครับ คือยืนเผือกอยู่นานมากก็ยังไม่รู้ว่าเขาเถียงเรื่องอะไรกัน
แต่ที่แน่ๆคู่นี้ต้องรู้จักกันมาก่อน หมอชานฟันฟัน
“กลับมาแล้วครับ”
“ทำไมไม่เข้าทางหน้า/ทำไมไม่เข้าทางหน้า” เสียงประสานเอิ่มเข้าประตูหลังมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอวะใครแล้วถ้าบอกว่า พี่ผมแอบฟังอยู่นานแล้ว อ๋อชานยอลไม่ควรบอกสินะ แปะโป้งรู้กันแค่เรานะอย่าบอกตายายคู่นั้น
“แหะๆ ก็ผมไม่อยากอ้อม หรือพวกมีความลับอะไรกัน” แบ๊วๆเนียนๆพี่ชานรอด พี่ชานบอกเลย
“ไม่มี/ไม่มี” หรา ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และแน่นอน ชานยอลต้องรู้ให้ได้ แต่ตอนนี้ขอเรียกตายายให้หันหน้ากลับมากินข้าวก่อน
ความคิดเห็น