คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Where Is My Shiny Balloon?
ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีเสียงของไซเรนดังว่อนไปทั่วเมือง เรื่องข่าวการตายของเมลแมน กัสคิน กระจายเร็วกว่าที่คิด รถตำรวจหลายคันมาจอดเต็มโรงเรียนไปหมด เป็นช่วงเวลาที่ออดดังและผู้ปกครองที่ต้องรีบออกมารับลูกด้วยความเป็นห่วง เว้นแต่คุณนายกัสคินที่มาด้วยความอาลัย ดวงตาของผู้เป็นแม่ไร้ซึ่งความหวังเธอแค่ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นลูกชายตัวเองจนกระทั่งเมื่อได้เห็นศพ
ร็อดริกที่นั่งอมทุกข์ให้กับการจากไปของเพื่อนตรงหน้าบันไดทางเข้าโรงเรียน สภาพเขาไม่ต่างจากศพเพื่อนเขาเท่าไหร่นัก มือไม้สั่นเทาด้วยความกลัว เขาไม่อาจหยุดคิดถึงเรื่องนี้ได้เลย แอกเนสที่คอยยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ และเห็นพวกเขานั่งขวางทางเข้า เดาได้ว่าเขากะเอาเธอตาย
เมื่อสายตาของคนทั้งคู่บังเอิญได้สบตากัน ความโกรธแค้นและการกล่าวหาประณามเด็กสาวแสดงออกผ่านสายตา อามรณ์ของความเกียจชังทำให้หมอนั่นมองไม่เห็นความจริง เธอไม่อาจต่อสู้ทางสายตากับเขาได้อีกต่อไป จึงเลือกถอยออกมาจากที่ตรงนั้น และก็ถูกเรียกตัวให้ไปพบผู้อำนวยการที่ห้อง
ผู้อำนวยการโรงเรียน คุณเจฟฟ์เฟอสัน ชายวัยกลางคนใส่สูทผูกไทสีแดง เขานั่งรอแอกเนสอยู่ก่อนแล้ว ที่เก้าอี้เบาะนุ่มสีน้ำตาลในห้องปกครอง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเขาก็ออกตัวสุภาพทันที
"สวัสดีคุณพาฟวิลคอฟสกา เชิญนั่งตรงนี้" เขาผายมือไปข้างหน้าโต๊ะที่มีเก้าอี้ตัวเล็กสีแดง
"ก็อย่างที่เห็น เราได้รับแจ้งกับตำรวจและพยานที่ให้การแล้ว ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้"
"ร็อดริกบอกกับฉันว่าเธอไปทำร้ายเขา"
"ก็ไอ้เวรระยำนั่นมาล้อเลียนและยั่วโมโหหนูก่อน" แอกเนสอารมณ์ขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเหมือนว่าเธอผิดอยู่ฝ่ายเดียว
"ระวังคำพูดด้วยคุณพาฟวิลคอฟสกา"
"หนูแค่ป้องกันตัว!"
"โดยการกัดแขนของเขา..." เจฟฟ์เฟอสันพูดพร้อมกับสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าพฤติกรรมอันป่าเถื่อนจะมาจากเด็กสาวตัวเล็กๆ บรรยากาศในห้องเงียบลง เธอไม่มีอะไรจะพูดเพื่อถกเถียงเขาในเมื่อคำให้การนั้นก็เป็นความจริง ได้แต่นั่งคอตก
"รู้อะไรมั้ย เธอมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์นะ และการแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง"
"ฉันโทรไปรายงานพฤติกรรมให้พ่อแม่เธอแล้วนะ และบอกพวกเขาว่าเธอถูกพักการเรียน"
"อะไรนะ?! ไม่!" สีหน้าชักอาการชัดเจนว่าเธอหัวเสียและไม่ยอมเป็นอย่างมาก
แอกเนสรีบลุกออกจากเก้าอี้แล้วกระแทกประตูปิด เธอออกมาพบกริลล์บี้ที่ยืนรอข้างนอกด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง เพื่อนย่อมสังเกตและรู้ใจกัน เขาเลยพยายามทำให้เธอดีขึ้นด้วยการพูดอะไรตลกๆ ถึงแม้จะเป็นการพยายามที่น้อยนิดก็เถอะ
"เฮ้ มันก็ไม่ได้แย่นี่ใช่ม้าดีออกที่เธอถูกพักการเรียนน่ะ จะได้ไม่ต้องไปเตะไข่ไอ้บ้านั่นอีก"
พวกเขารีบขึ้นรถบัสกลับบ้าน ระหว่างทางเด็กชายก็เอาแต่พูดเรื่องลี้ลับตลอดทางให้สาวน้อยที่นั่งข้างๆฟัง อาจจะไม่เป็นผู้ฟังที่ดีเท่าไหร่นักเพราะเธอเอาแต่เหม่อลอยแล้วก็มองป้ายข้างทางที่รถบัสขับผ่าน และมันก็ผ่านร้านขายของเก่าตรงนั้นที่ที่ตอนนี้ถูกล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่ ในหัวคิดเพียงแต่เรื่องที่ว่าต่อจากนี้กลับไปควรจะทำอย่างไร
เมื่อประตูรถบัสเปิดออก เหมือนกับว่าการเดินทางได้สิ้นสุด และป้ายที่ต้องลงดันเป็นสถานีสู่นรก คงได้เวลาบอกลาเพื่อนเก่า ระหว่างทางกลับบ้านก่อนทั้งคู่จะแยกกัน แอกเนสรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆระหว่างเดินมา เสียงของความกังวลมันดังขึ้นทุกๆฝีเท้าที่ย่างเดิน เธอทำท่าทีว่าเดินช้าลงเพื่อยังอยากอยู่ข้างนอกกับกริลล์บี้
"พรุ่งนี้นายว่างหรือเปล่า ช่วงเลิกเรียน"
"ไม่อ่ะ ฉันต้องสืบเรื่องเด็กหาย อาถรรพ์ของเมืองนี้"
"นั่นฟังดูดีจัง ฉันขอร่วมด้วยคนสิ"
"วันนี้เธอมาแปลกจัง ปกติเธอแทบไม่ฟังที่ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ"
"เรื่องนั้นนายคิดไปเอง แล้วเจอกันนะ" เธอโบกมือลา ก่อนจะเข้าบ้านไป ปล่อยเด็กชายยืนทำหน้าซื่อ
สองเท้าหยุดอยู่ที่พรมเช็ดเท้า ร่างเล็กยืนอยู่หน้าประตู เหมือนเธอคิดดีแล้วและเตรียมใจอยู่นานพอตัวก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าบ้าน แค่แง้มประตูเสียงของพ่อแม่ก็ดังมาจากห้องครัว พวกเขาคุยอะไรกันนั้นเธอไม่อยากที่จะรับรู้มัน ก่อนจะมีเสียงปาข้าวของดังมาเป็นระยะๆ
มือทั้งสองกำสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น เธอพยายามเดินผ่านพวกเขาโดยไม่ให้ผิดสังเกต แต่สุดท้ายพ่อก็เห็นเธอเข้า และเริ่มใช้อารมณ์ต่อว่าลูกสาวด้วยถ่อยคำที่หยาบโล้น
"แกมันลูกเวร สร้างแต่ปัญหา"
"ฉันบอกแกแล้วว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก"
เขาหยิบขวดเหล้าขึ้นมาแล้วฟาดมันลงกับโต๊ะ เศษแก้วได้กระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง แคโรลที่ร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ต้องการให้สามีทำร้ายลูก และเพราะการทุบตีของสามี ร่างกายเธอถึงได้บอบช้ำ คนเป็นแม่ร้องอ้อนวอนขอให้เขาหยุด
แอกเนสเธอกลัวจนตัวสั่น สองเท้าสับขึ้นห้องไปเร็วไว เพื่อหลีกหนีนรกจึงเข้าห้องแล้วปิดประตูเสียงดัง เธอไม่ต้องการได้ยินเสียงพวกนั้น เสียงของอีกาที่คอยบินมาโฉบกินความสุขจากครอบครัวเธอไปทีละนิด ขาที่อ่อนแรงได้ทรุดลงกับพื้น สาวน้อยนั่งกอดเข่าพิงหลังประตูตัวสั่นเทาเหมือนลูกแมวพร้อมกับเสียงสะอื้นที่พยายามข่มมันไว้ในห้องสี่เหลี่ยมสีเทา
เมื่อมองทีไรก็ชวนให้เศร้าอยู่ตลอด มันเหมือนกับห้องที่ไม่เคยสว่างเป็นที่เดียวที่จะดูดซับเอาความเศร้าของเธอและเก็บมันไว้แค่ภายในห้องนี้ ความเศร้าที่เอ่อล้นของเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ห้องนั้นโทรม รอยแตกบนเพดานคงจะหมายถึงขีดจำกัดของมันใกล้มาถึงแล้ว ทุกอย่างดูหนักอึ้งไปหมดสำหรับเด็กสาวตัวเล็กๆ
ลูกโปร่งสีแดงลอยเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องเธอ มันมาหยุดที่ศีรษะที่ก้มอยู่ของสาวน้อย เมื่อโดนสัมผัสเธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองมันเล็กน้อย และเธอก็เห็นมัน ไอ้ปีศาจที่เขมือบหัวเธอและเป็นตัวการที่ฆ่าเมลแมน เธอก้มหน้ากอดเข่าและข่มตาพยายามที่จะไม่มองมัน
"เจ้าลูกโปร่งสีสดใสของฉันหายไปไหน" เขากำลังหมายถึงเธอ
"ไปให้พ้น" เธอพูดปัดรังควาน
"หยุดร้องไห้แล้วมาเต้นรำกันเถอะ!"
"....."
"........"
"ไม่ หรอ?" จากสีหน้าที่คอยยิ้มแก้มปริอยู่ตลอดเวลา คิ้วก็เริ่มตกแล้วหน้าก็บึ้งตึง ดูเหมือนว่าตัวตลกจะเริ่มไม่สนุกซะแล้วสิ
"ทำไมเธอถึงไม่ยอมมาเต้นรำกับฉัน?" เขาถามด้วยความซื่อจริงๆ นั่นน่าโมโหชะมัด
"ก็แกจะกินฉันเมื่อตอนกลางวัน..." เด็กสาวให้เหตุผลสั้นๆกับตัวตลกอมนุษย์ เจ้าตัวตลกเพนนี่ไวซ์ทำหน้าตารู้สึกผิด น่าแปลกดีที่มันเองก็มีความรู้สึกด้วย
"เธอมาตอนที่ฉันกำลังหิวไส้กิ่วพอดี แต่เป็นโชคดีของเธอเลยนะที่จู่ๆไอ้หมอนั่นก็โผล่มาแทนที่เธอ ฉันเลยสงบลงเมื่อได้กินเจ้านั่น" เพนนี่ไวซ์ให้เหตุผล อาจจะฟังไม่ค่อนขึ้นแต่แววตาเขาไม่ได้โกหก
"ฉันไม่ชอบตอนเธอเศร้าเลย นั่นทำให้ฉันรู้สึกเศร้าไปด้วย" ตัวตลกตีหน้าเศร้าตามเมื่อเห็นเธอร้องไห้เลอะแก้มตาแดงก่ำ ก่อนจะพยุงมือเธอขึ้นมา แล้วให้ร่างเล็กเหยียบลงบนเท้าทั้งสองข้างของเขา เพราะมันรู้ว่าเธอเต้นไม่เป็นเลยจะเป็นคนพาเต้นแทน ถึงแม้เธอจะไม่เต็มใจเต้นด้วยก็เถอะ ยังไงเขาก็ดูน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจอยู่ดี ชีวิตของเด็กหญิงต่อให้ไม่ถูกกินก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว
"เอาน่ายัยหนูแอกเนสตัวน้อยของฉัน"
"จับมือฉันและมาเต้นด้วยกันเถอะ..."
ความคิดเห็น