คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Daddy Issues
มาสิเจ้าหนู บ้านขนมหวานพวกนี้กำลังเรียกเธออยู่...ฮันเซลแต่พ่อเราบอกห้ามคุยกับคนแปลกหน้า! เชื่อฉันสินี่คือโอกาสเดียวที่จะได้กินบ้านขนมนะเกรเทล. ฮะฮะๆ เจ้าพวกเด็กโง่ช่างไร้เดียงสา ดีแล้วล่ะที่ข้าจะขุมเจ้าเด็กนั่นให้ อ้-ว...น ละ-แล้--"
ภาพการ์ตูนทีวีซีรี่ย์ที่ฉายอยู่บนจอโทรทัศน์ดูเหมือนเกิดขัดข้องทางสัญญาณ ภาพบนจอแก้วมีภาพและเสียงนอยส์รบกวนแบบวูบวาบ ทั้งสว่างและกะพริบไปมาบนหน้าจอ แต่ไม่กี่วินาทีทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมกับฉายฉากนั้นซ้ำอีกครั้ง
"ฮะฮะๆ เจ้าพวกเด็กโง่ช่างไร้เดียงสา ดีแล้วล่ะที่ข้าจะขุมเจ้าเด็กนั่นให้ กลัวแล้วค่อยจับกิน ฮะฮ่ะฮ่าาาๆๆ!!!"
สายตาของแม่มดผิดสังเกตและแปลกไปจากเดิม ดวงตาจ้องคนดูผ่านจอแก้วซึ่งไร้ความมีชีวิตชีวา เสมือนรู้ว่ากำลังพูดอยู่กับใครเสียงเล็กแหลมของแม่มดใจร้ายกลายเป็นเสียงทุ้มปนคำรามในลำคอ และหัวเราะดังก้องด้วยความหิวกระหาย เด็กหญิงและเด็กชายในเรื่องฉีกยิ้มกว้างปนเลือดที่ไหลออกจากดวงตาของพวกเขา
ณ บ้านของครอบครัวพาวิลคอฟสกี้ ประกอบไปด้วยพ่อแม่ลูกสาว พวกเขาเคยมีความสุขที่สุดเมื่อครั้งที่แอกเนสลืมตาดูโลก เพียงแต่โลกนี้มันหมุนเร็วเกินไปหรืออย่างไรพ่อของเธอก็เมาขึ้นทุกวัน เธอไม่ชอบที่พ่อเมาเลย ทุกครั้งที่เขาเมาก็ชอบส่งเสียงดังประหลาดคล้ายอีกา สิ่งเดียวที่จะกลบเสียงพวกนั้นได้ก็คงเป็นเสียงทีวี แล้วมันได้ผลเสมอเมื่อเปิดไว้ตอนพวกเขาทะเลาะกันเสียงดัง
"ความรับผิดชอบคุณอยู่ไหน"
"โอ้วโห นี่คุณกล้าถามถึงความรับผิดชอบของผมเหรอ"
"ไม่เห็นรึไงว่าผมก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อที่คุณจะได้เอามันไปใช้กับเวลาส่วนตัว"
"เลิกพูดเหมือนกับว่าคุณทำอยู่คนเดียวซะ พระเจ้าคุณนี่มันเห็นแก่ตัว"
"!!! "
เสียงตบหน้าของสองคู่สนทนาดังมาจากห้องครัว เด็กสาวที่นั่งอยู่ห้องนั่งเล่นสะดุ้งเล็กน้อย พยายามหันคอชายตามองทีละนิดตามเสียงนั่น สุดท้ายก็หันกลับมาทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ขณะนั้นมอร์ติเมอร์พ่อของเธอก็เดินตรงออกมาหาเธอและยื่นสเปรย์พริกไทยให้พร้อมกับไล่ออกไปเล่นข้างนอก
"ทำไมลูกไม่ลองออกไปเที่ยวงานข้างนอกดูล่ะ มันดีกว่าที่ลูกจะมานั่งดูการ์ตูน--" เขาพูดคำว่าการ์ตูนแล้วมองดูสื่อบนโทรทัศน์เรื่องฮันเซลเกรเทล "ไร้สาระไปวันๆ"เธอจำใจต้องรับสเปรย์พริกไทยนั่นมาและออกจากบ้านด้วยความไม่เต็มใจนัก ไม่ว่าจะยังไงก็ตามทั้งบ้านไม่มีใครสู้ความเผด็จการของเขาได้เลย บางทีถ้าเขาเข้าฝึกบำบัดจิตหลังรบก็ดี
เธอออกไปเล่นที่งานเทศกาลคริสต์มาสที่จัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมก่อนจะถึงวันที่ 25 ของทุกปี ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างมารวมกันที่นี่สถานที่แห่งความสุขของครอบครัว ทุกจุดของงานมีจุดซุ้มสนุกมากมายและที่หนีไม่พ้นก็คงจะเป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็กไปจนถึงเครื่องเล่นหวาดเสียว
เธอเพิ่งสังเกตได้ว่าแต่ละจุดตามทางของเมืองมักจะมีกระดาษประกาศเด็กหายแปะอยู่เต็มไปหมด จึงเข้าใจเหตุผลที่มอร์ติเมอร์ให้สเปรย์พริกไทยมา แต่ก็ทำให้เด็กสาวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงปล่อยเธอออกมาคนเดียวกันแน่เพราะแทนที่จะมาดูแลลูกสาว หรือมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้ที่เขาขาดความรับผิดชอบ
แอกเนสใช้ทั้งเวลาและเงินที่ติดตัวมาหมดไปกับขนมหวานและเครื่องเล่นสวนสนุก เด็กสาวได้เสพสมความสนุกและความสุขสมใจอยากจนลืมเวลากล้บบ้าน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังจะเจอต่อไปนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาลแอกเนสนั่งลงพักบนม้านั่งเก่า หนูน้อยกินสายไหมด้วยความเหนื่อยล้าแต่แล้วเธอก็ต้องเบิกตาขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นลูกโป่งสีแดงลอยมาอยู่ตรงหน้า
เจ้าลูกโป่งที่ไม่มีที่มาที่ไปนั่นกระตุกต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเธอ มือวางสายไหมลงเพื่อเอื้อมไปหยิบเชือกที่มัดกับลูกโป่งแทน ทันใดนั้นเสียงกระซิบก็ลอยมาคอยเชื้อเชิญเธอ เรียกชื่อเธอ และบอกว่ามันรู้จักเธอ เสียงดังกล่าวมันดันไปตรงกับเสียงในท่อระบายน้ำที่เคยได้ยินในวันนั้น
แอกเนสผวาจนเกือบที่จะปล่อยลูกโป่งนั่นแต่เธอกลับกำมันแน่นอีกครั้งและคราวนี้เธอพยายามเดินหา เสียงของมันดังขึ้นชัดเจนขึ้น และหยุดตรงที่ลานม้าหมุนเก่า ตัวตลกที่น่าสงสารร้องไห้กับลูกโป่งสีแดงที่หายไปของเขา เขาส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับเอามือกุมหน้า พร่ำเพ้อถึงลูกโป่งอันเป็นที่รัก
"โอ้วลูกโป่งของฉัน เธออยู่ไหนกันนะ" แอกเนสค่อยๆเดินเข้าไปหาด้วยขาน้อยๆของเธอ การปรากฏตัวของตัวตลกตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ เขาดูต่างจากตัวตลกตัวอื่นที่อยู่ในงาน
"เอ่อ คุณโอเครึเปล่า?" เด็กหญิงเริ่มต้นบทสนทนากับตัวตลก ทันทีที่มันได้ยินก็ค่อยๆเงยหน้าจากการกุมมือทั้งสองข้าง ผมสีส้มเหมือนดั่งเปลวไฟ นัยต์ตาสีฟ้า รอยยิ้มสีแดง และที่เด่นก็คือหัวอันใหญ่โตของเขาสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เขาดูต่างจากตัวตลกตัวอื่นอย่างชัดเจน
เขากรอกตาไปมาอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเห็นลูกโป่งของตัวเองในมือแอกเนสก่อนจะแสดงท่าทีดีใจออกมา "นั่น! ลูกโป่งของฉัน! เธอเจอมันที่รัก"ตัวตลกแสดงท่าทีที่มีความสุข ความมีชีวิตชีวาของเขาแสดงออกทางใบหน้า
"นี่ลูกโป่งของคุณใช่มั้ย? ฉันจะคืนให้ถ้ามันทำให้คุณดีขึ้น"
"ใช่ แต่ว้าวดูเธอสิ! ลูกโป่งสีแดงสดของฉันมันเข้ากับชุดสเวตเตอร์สีแดงเข้มของเธอมากๆเลย" แอกเนสก้มดูเสื้อตัวเอง
"ขอบคุณค่ะ"เธอเขินอายเล็กน้อย
"ช่วยบอกชื่อเธอหน่อยสิ ฉันจะได้รู้ว่าใครคือคนที่ช่วยฉัน"ตัวตลกแสดงความอยากรู้ และดูเหมือนแอกเนสจะยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน
"แอกเนส"
"นั่นเป็นชื่อที่ไพรเราะมากๆ ฉันเพนนี่ไวซ์ เพนนี่ไวซ์ตัวตลกเต้นรำ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่านะ หืม?"เขาทำท่าทีเป็นมิตรเพื่อเข้าหาเธอ
"หนูคิดว่าไม่นะ คุณจำผิดคนรึเปล่า?"
"โอ้ว เคยเจอสิ ตอนที่เธอยังเด็กไงเทียบกับตอนนี้เธอดูโตขึ้นเยอะเลยนะ"แอกเนสเริ่มเห็นท่าทีแปลกๆของเขา เธอจึงเริ่มกลัวและนั่นทำให้ในมือกำสเปรย์พริกไทยไว้แน่น
"คือหนูต้องไปแล้วล่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณค่ะ"เธอพยายามจบสนทนาอันแสนประหลาดนี่กับเขาแต่สุดท้ายเขาก็ยังรั้งเธอไว้ด้วยประโยคหนึ่งที่ทำให้เธอต้องชะงัก "เฮ้ มีปัญหาเรื่องพ่อสินะ ฉันช่วยเธอเรื่องนี้ได้น้าเพียงแค่เธอขอ ถือว่าแลกกันกับที่เธอช่วยฉันไง ฮะฮ่ะฮ่าาๆ"แอกเนสยืนอ้ำอึ้งอยู่นาน กำลังทึ้งในสิ่งที่เขาพูดและทำเหมือนว่ารู้
"แค่เธอยื่นลูกโป่งนั่นให้ฉัน ฉันก็จะทำให้พวกเขากลับมารักเธอและอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นเหมือนที่เคยเป็นไง"
"ตลอดไป?"เธอถามเขาเชิงให้สัญญาว่าเขาจะไม่โกหกเธอ ความเชื่อใจแสดงออกผ่านการยื่นลูกโป่งให้
"โอ้ แน่นอนที่รัก แค่..เข้ามา..ใกล้ๆ"เสียงของเขาเริ่มทุ้มและขาดช่วง ตัวตลกจ้องมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าตาไม่กระพริบ เดาว่าภาพในหัวของมันกำลังจินตนาการถึงการได้ฉีกกระชากเนื้อหนังมังสา พรางทายเล่นๆว่าเลือดของเธอก็คงจะเข้มเหมือนเสื้อสเวตเตอร์ที่เธอใส่
ทันทีที่ได้เห็นท่าทีแบบนั้นของเขา ก็เกิดเปลี่ยนใจที่จะยื่นลูกโป่งให้ "บางทีถ้าคุณรู้จักฉันจริงๆละก็?"เธอค่อยๆเดินไปด้วยความหวาดระแวง
น้ำลายจากปากของเขาค่อยๆไหลลง นั่นเป็นกิริยาที่น่าขยะแขยงสิ้นดี เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าเหมือนกำลังถูกคุกคาม แอกเนสรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณของตน เธอยกสเปรย์พริกไทยขึ้นมาเล็งไปที่ดวงตาระหว่างหัวอันใหญ่โตของเขาและฉีดมันเข้าเต็มๆเบ้าตา มันส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด ฟันอันแหลมคมถูกเปิดเผย แอกเนสได้เห็นร่างจริงที่มันพยายามซ่อนจากเธอภายใต้รูปลักษณ์ของตัวตลกผู้น่าเวทนา
มันร้องโอดครวญด้วยความแสบร้อน มือทั้งสองข้างปิดดวงตาที่ถูกเผาไหม้ เธอไม่สามารถเดาการกระทำของมันได้ ทำได้เพียงยืนสั่นกลัว เสียงร้องของมันเงียบลงแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง มันลดมือลงดวงตาสีแดงก่ำรอยยิ้มสุดผวาของมันทำใจของเด็กสาวหดหาย ก่อนที่จะถอยหลังจนล้มลงไปบนพื้นกรวด
อะดรีนาลีนพุ่งร่างกายตอบสนองสู้และดิ้นรนอัตโนมัติ เธอตะเกียกตะกายบนกรวดหินที่สุดแสนจะเจ็บปวด หินแหลมมากมายได้ทิ่มเนื้อที่ขาของเธอ กางเกงขาสั้นสีดำมันทำให้ถูกหินขูดจนเกิดรอย กรวดบนพื้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเรียวขาที่พยายามคลานหนีจากตัวตลก
มันก้มมองเธอด้วยความโกรธและจับขาทั้งสองก่อนจะพยายามลากเข้ามาหาตัวมัน เขาทำเสียงจุ๊ๆเบาๆอย่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำเมื่อครู่ของเธอ "เธอมันเด็กไม่ดีนะแอกเนส เพนนี่ไวซ์ไม่ชอบให้เธอเล่นสเปรย์พริกไทย" เขาคว้าสเปรย์พริกไทยที่ตกอยู่แล้วกลืนมันต่อหน้าต่อตาเด็กสาว แค่นี้ก็มากพอจะทำให้เธอกลัวจนหัวหด
เธอพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อที่จะหลุดจากแรงดึงของเขา แต่มันช่างดูสูญเปล่าเสียหรือเกินเมื่อเทียบแรงเด็กกับแรงของตัวตลกอมนุษย์ ร่างบางถูกลากไปอย่างรุนแรงไม่ทะนุถนอมที่เปรี่ยมไปด้วยความหิวกระหายจากแรงอีกฝ่าย
แต่แล้วกลิ่นบางอย่างจากตัวหล่อนก็เตะเข้ากับจมูกตัวตลก มัดสูดดมกลิ่นนั้นในอากาศจนตาเหลือกลอย และใช่มันคือกลิ่นของความกลัว แต่อะไรกันที่ทำให้มันสูดดมไม่หยุดจนต้องลดตัวลงมาอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเด็กสาว
"ฉันได้กลิ่น กลิ่นเลือดสดๆ มันอยู่ตรงไหนของเธอกันนะแม่หนู ฉันจะต้องหามันให้เจอ"
เธอเบิกตากว้างด้วยความกลัวทั้งการกระทำของมันและความคิดบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัว เธอเกรงว่าถ้าเขากำลังหมายถึงประจำเดือนของเธออยู่? ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ความเจ็บปวดอันโหดร้ายก็แล่นขึ้นสมองเร็วกว่าที่คิด เมื่อเพนนี่ไวซ์ใช้ฟันจำนวณมากกัดที่ต้นขาของเธอ เลือดได้ซึมผ่านไรฟันดูเหมือนมันจะสนุกกับเกมส์ตามหากลิ่นเลือดบนร่างกายเธอ เพราะไม่งั้นคงจะไม่สุ่มกัดมั่วขนาดนี้
เพราะการสุ่มกัดของมันนั่นเองทำให้เด็กสาวต้องทนทุกข์ทรมานกับเกมส์บ้าๆของมันเกมส์ที่สนุกอยู่ฝ่ายเดียว บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลัวและความอายมันปะปนรวมกันไปหมด ความจนตัวทำให้เธอต้องอ้อนวอนเพื่อร้องขอชีวิต"ได้โปรดเพนนี่ไวซ์ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยหนูไป"เธอร้องไห้ขอร้องเพื่อให้เขาหยุดการกระทำบ้าๆที่ทำให้เธอกลัวแทบจะฉี่ราด
"ฮะฮ่ะฮ่าาๆ ช่าย..ร้องไห้ขี้แงทำหน้าสิ้นหวังแบบนั้นแหละ เพนนี่ไวซ์ชอบ"เขาหัวเราะเสียงแหลมและแสยะยิ้มให้
"บางทีถ้าเธอเป็นเด็กดีซะแต่แรก เกมส์มันก็คงจะจบเร็วกว่านี้"เขาก้มหน้าลงมาแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ทันใดนั้นปากสีแดงที่เปื้อนเลือดก็ฉีกกว้างแปลเปลี่ยนเบียดเสียดใบหน้าส่วนอื่น
แอกเนสไม่สามารถกรีดร้องได้อีกต่อไป ณ วินาทีนั้นเหมือนเธอได้สูญเสียการสื่อสารไปแล้วเรียบร้อย อาการที่รู้สึกกลัวมากๆบางทีก็ทำให้คนเรานั้นกรีดร้องออกมาไม่ได้
ความคิดเห็น