ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic SJ WonCin] BAD love♥ กลรักร้าย หลอกหัวใจให้ติดกับ

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter II : BANG! (ปัง!)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      0
      9 พ.ย. 54

    CHAPTER II








                คิมฮีชอลเดินสะโหลสะเหลเข้ามาในห้องนอนในบ้านไม่สิคฤหาสน์หลังงามของเขาที่มีเขาเพียงคนเดียว (ไม่นับรวมคนใช้เกือบๆสามสิบคนน่ะนะ ) เมื่อก่อนก็มีพ่อ เขาเอง และน้องชายที่รักสองคน แต่พอวันเวลาผ่านไปน้องชายคนรองที่รักงานที่บ่อนมาก และน้องชายเลี้ยงที่รักสนามแข่งมากก็ย้ายหนีออกไปเพื่อความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมของแต่ละคน(?) ส่วนพ่อน่ะหรอ? ไม่ได้ย้ายออกแต่นานๆมาทีเหมือนแขกที่มาพักมากกว่าเป็นเจ้าของบ้าน บ้านนี้ก็เลยตกเป็นของเขาทางพฤตินัย

                “โอ๊ยยยย! เบื่อโว้ย ชีวิตชั้นมันไม่น่าตื่นเต้นเล้ย!” เขาโอดควรและถอดสูทสีน้ำเงินเข้มของ Versace ออกก่อนโยนทิ้งไปกองอยู่ข้าง ๆ เตียง ก่อนฉวยเอานิตยสาร Maxim ที่มีรูปนางแบบสาวโพสต์ท่าเซ็กซี่ เขามองและเบ้ปากและเหวี่ยงออกไปกระแทกเตียงเสียงดัง

                ~

                เสียงริงโทนเรียกเข้าทำให้เขาเบนสายตาจากกองหนังสือไปยังโทรศัพท์เครื่องหรูที่เขาพึ่งซื้อมาเมื่อเช้าเนื่องจากเครื่องเก่าถูกเขาปาลงท่อระบายน้ำไปแล้ว

                HWASUN

              เขายิ้มหวานก่อนกดรับสาย

    ฮวานซุน! ฉันคิดถึงเธอจัง~” หนุ่มหน้าสวยว่า พลางเดินไปรอบๆห้องอย่างอารมณ์ดี เพราะฮวาซุนเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด รักเหมือนเธอคนนั้น

    (ฮีชอลฉันจะเตือนคุณ #$WQD%RR!$  ตู๊ดๆ... ร่างโปร่งทำหน้างงๆ สงสัยสัญญาณขัดข้อง? เดี๋ยวโทรกลับดีกว่าJ

    เขาโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงนุ่มก่อนถอดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนออกเผยให้เห็นถึงผิวขาวเนียนที่ถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดีและลอกพลาสเตอร์ปิดแผลตรงบริเวณเหนือสะโพกซ้ายตรงด้านหน้าออก รอยสักที่ไม่เคยไม่ใครเห็นแม้แต่คนเดียว... เอ๊ะไม่สิ น้องๆของเขาอีกสองคนเคยเห็นมันแล้ว เพราะเขาไปสักพร้อมๆกัน รอยสักรูปโพแดง เป็นสัญลักษ์ของความรัก ความมีเสน่ห์ยังไงล่ะ J

                ร่างโปร่งฉวยหยิบเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่และเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนที่เสียงเรียกเข้าจะดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งจากปลายสายเดิม

     

     

                อีกฝากหนึ่งหญิงสาวพยายามกดโทรหาฮีชอลมือเป็นพัลวัน เขาอาจจะถูกปองร้ายจากคนรักของเธอ ใบหน้าหวานมองรอบๆอย่างหวาดระแวง เพราะเธอแอบสืบมาว่าเขาให้คนแอบติดตามฮีชอลมาพักใหญ่ ๆ แล้ว

                “...หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะ...” เธอกดวางสายและต่อสายใหม่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำของเธอทั้งหมดอยู่ในสายตาของเขาเขามองเธอด้วยแววตาสมเพช หากแต่แม้จริงแล้วเขากำลังเจ็บ เจ็บปวดอย่างหาสิ่งใดมาบรรยายได้....

                กึก!

                “ไง... กำลังโทรบอกชู้รักของเธออยู่หรอ ฮืม?” ผู้มาเยือนแสร้งยิ้มแบบเหี้ยมเกรียมและกระชากมือถือจากมือเธอแล้วโยนไปกระแทกผนังอย่างแรงจนไม่เหลือชิ้นดี หญิงสาวหันหน้าไปมองเขาช้า ๆ ใบหน้าซีดเผือดเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

                “ปละ ...เปล่า! ฉันไม่ได้โทรหาเขา!!!” เธอตอบและเสหน้าหันไปมองทางอื่น

    “เธอกำลังโกหกฉัน!!” ชายหนุ่มกำมืออย่างข่มใจ ขบกรามแน่น เขารักเธอมากและเขาก็...เกลียดเธอมาก ทั้งๆที่เธอทำร้ายเขาขนาดนี้ทำไมเขาถึงยังรักเธอ?

    “...ฉันไม่ดะ...” หญิงสาวพยายามสรรหาคำพูดมาเพื่ออธิบายต่อเขา แต่เธอกลับพูดไม่ออก ราวกับมีอะไรบางอย่างอุดแน่นบริเวณลำคอ

                “เธอทำร้ายฉันนะฮวาซุน...” เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆก่อนหันหน้ากลับมามองเขา ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคายเบือนหน้าไปมองทางอื่น ฮวาซุนมองหน้าเขาอย่างเจ็บปวดใจ

                “ฉัน...” คนเข้มแข็งอย่างเขาไม่เคยมีน้ำตา แต่ในตอนนี้เธอเห็นน้ำใสๆคลอที่ดวงตาของเขา ฮวาบีขบริมฝีปากจนห้อเลือด

                “ที่จริง... ฉันอยากจะเกลียดเธอใจแทบขาดตั้งแต่ฉันรู้มาว่าเธอ นอกใจฉัน ฉันพยายามคิด คิดที่จะไปจากเธอ... และบอกกับตัวเองว่าในโลกนี้ ยังมีผู้หญิงอีกเป็นร้อยๆพันๆคนที่เหมาะสมกับฉันมากกว่าเธอ เพียงแค่ฉันจินตนาการว่าฉันกับเธอเราต้องแยกออกห่างกัน ชีวิตฉันไม่มีเธอ ฉันก็แทบบ้าแล้วและฉัน...ก็นึกว่าเธอจะรู้สึกเหมือนกันซะอีก แต่ไม่ใช่ใช่ไหม ...แต่เธอทำได้นี่ เธอกำลังจะเดินจากฉันไปแล้วไปหาไอ้บ้าหน้าไหนก็ไม่รู้!!!” เขาตวาดก้อง ดวงตาของฮวาบีเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนหน้านี้เธอนึกว่าเขาแค่รักกับเธอตามคำสั่งของพ่อแม่...

                “ฉันรักเธอ… รักตั้งแต่เจอเธอครั้งแรก ที่ฉันว่าเธอว่าเด็กผู้หญิงขี้เหร่น่ะ เพราะฉันกำลัง... ปกปิดความจริงน่ะ ความจริง...” เขาเอ่ยอย่างเลื่อนลอยดวงตาของเขาหม่นลง ก่อนหันหน้าไปมองทางอื่น ฮวาบียกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

                “ทำร้ายฉัน... ให้ฉันเจ็บปวดเท่าๆคุณได้ไหม?” เธอเอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับมือเขาเอาไว้และจุมพิตเบาๆก่อนสวมกอดเขา หน้าตาไหลลงมาจากหางตาของเธอเพราะความรู้สึกผิด ผิดมากเหลือเกิน...

                ฮวาซุนสวมกอดเขาแน่นอย่างอัดอั้นใจและค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกระบอกปืนที่เขาพกติดตัวตลอดเวลามาไว้ในกำมือ ก่อนจ่อเข้าที่ขมับของตัวเธอเอง

                “อย่านะ! ฮวาซุน” เขาร้องห้ามพลางยื้อปืนกลับมา

                “ให้ฉัน ชดใช้นะ...สัญญานะ...ว่าเราจะต้องได้พบและรักกันอีก” เธอยิ้มอย่างอ่อนแรงและเหนี่ยวไกปืน

                ปัง!

                เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวในความคิดของเขา เสียงปืนที่ตกกระทบพื้นตามด้วยร่างบางๆ ร่างที่เคยสวมกอดเขาไว้ เลือดข้นๆสีแดงไหลออกจากขมับของหญิงสาวราวกับเปิดก๊อก ดวงตาของเธอค่อยๆปิดลง  ริมฝีปากบางยิ้มอย่างอ่อนโยน...

                ชายหนุ่มชะงักค้างกลางอากาศ สายตาของเขาว่างเปล่า ริมฝีปากแห้งผาก ลำคอตีบตันไปหมด เสียงเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ทำให้เขาไหวติงแม้แต่น้อย

                “ฉันได้ยินเสียงปืน ...เฮ้ย! ...ซึงฮยอน นี่แก ฆ่าฮวาซุน?” ผู้มาใหม่มองร่างสองร่างในห้องด้วยอาการตกใจที่สุด ปืนที่ยังคงอยู่ในมือของฮวาซุน และใบหน้าซีดเผือดดวงตาว่างเปล่าของซึงฮยอนหรือ T.O.P พอจะทำให้เขาเดาอะไรออกได้ไม่ยาก

                “หยะ ...หยิบปืน ในมือฮวาบีมาที...” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงแหบพร่า ดวงตาแดงก่ำมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

                “ไม่ได้ เฮ้ย!! ข้างนอกมาช่วยกันหน่อย ไอ้ซึงฮยอนมันเป็นบ้าไปแล้ว!!!” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจากข้างนอกกรูกันเข้ามาเพื่อดึงตัวซึงฮยอนให้ไกลจากกระบอกปืนมากที่สุด ชายหนุ่มที่อยู่ภายใต้การจับกุมตะโกนร้องอย่างคนเสียสติ น้ำตาที่ไม่เคยไหลก็หลั่งลงมาราวกับเขื่อนแตก

                “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!! ฉันจะไปหาฮวาซุน!! บอกให้ปล่อยไงเล่า ไอ้พวกโง่!!!” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจากข้างนอกกรูกันเข้ามาเพื่อดึงตัวซึงฮยอนให้ไกลจากกระบอกปืนมากที่สุด ชายหนุ่มที่อยู่ภายใต้การขับกุมตะโกนร้องอย่างคนเสียสติ น้ำตาที่ไม่เคยไหลก็หลั่งลงมาราวกับเขื่อนแตก 

                “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!! ฉันจะไปหาฮวาซุน!! บอกให้ปล่อยไงเล่า ไอ้พวกโง่!!!” ชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคนพยายามดึงซึงฮยอนให้ออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด เสียงตะโกนอย่างปวดร้าวก้องไปทั่วทั้งโถงทางเดิน ชายหนุ่มละสายตาจากประตูหันมามองรอบ ๆ ห้องอย่างสังเวชนิดๆ

                “บอกพ่อกับแม่ของยัยนี่ด้วย...” เขาสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าห้องเสียงเรียบก่อนถอดสูทสีเทาออกและพาดไว้ที่เก้าอี้ที่มุมห้อง แล้วสวมถุงมือสีขาวเพื่อสำรวจภายในห้องอย่างละเอียด

     

    “ฮาโหล่ววววววว! คุณโค้ดเนมกอร์น~” เสียงแหลมเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาที่หน้าห้องและตามด้วยเสียงกระแทกหนักๆหลายที คนที่ไม่ชอบเปิดประตูคงมีแค่คนเดียว...

                “สวัสดีครับ... คุณโค้ดเนม ...ไวท์เลดี้” เขาละมือจากการสำรวจแล้วหันมาโค้งศรีษะน้อยๆให้กับผู้มายืนใหม่

                “เออ เกิดเรื่องอีกล่ะสิ? คราวนี้เป็นใครหนอ J” ไวท์เลดี้พูดพลางเดินไปรอบๆห้อง ก่อนเขย่งขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่างแล้วถอดโอเวอร์โค๊ทสีขาวที่ทำจากขนเสือขาวออก …กองเลือดสดที่ส่งกลิ่นคาวๆและปืนที่ตกอยู่ใกล้ๆ หมายความว่าห้องนี้เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นมาสินะ

                “ครับ ซึงฮยอนน่ะครับ”

                “อือ กับแฟนของหมอนั่นสินะ ฉันเห็นตอนเดินสวนเข้ามาน่ะ” ไวท์เลดี้พูดพลางขยับขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง ใบหน้าคมไม่มีการแสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว มีเพียงรอยยิ้มลึกลับปรากฏที่มุมปาก

                “ครับ แล้วที่ญี่ปุ่นเป็นไงบ้างครับ” กอร์นเริ่มต้นคำถาม และค่อยถอดถุงมือออก

                “ก็ดีน่ะ ที่ญี่ปุ่นอากาศดีมากเลย ดีกว่าที่เกาหลี และดีมากขึ้นไปสองเท่าเพราะฉันได้ใช้เฟอร์ที่ขนเอาไป ”  ไวท์เลดี้ว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เธอหันรีหันขวางไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนกระโดดลงจากขอบหน้าต่าง แล้วเดินไปที่ซากโทรศัพท์ เธอหยิบถุงมือขึ้นมาสวมแล้วจับโทรศัพท์ขึ้นมา รอยร้าวที่หน้าจอบ่งบอกได้อย่างดีว่าใช้แรงขนาดไหนในการขว้างมันออกมา

                “นี่อาจจะสำคัญนะ ...J” หญิงสาวว่าพลางโยนพลาสติกชิ้นเล็กที่เอาออกมาได้จากการค้นหาเมื่อกี้ให้ชายหนุ่มสูทสีเทาที่ยืนอยู่มุมห้อง

                “ซิม? …” กอร์นรับของที่ถูกโยนมาและทวนคำถาม และเข้าใจเกือบในทันทีว่าไวท์เลดี้หมายถึงอะไร ...อย่างนี้สินะ รูปลักษณ์ภายนอกที่ขัดกับภายในน่ะ ถึงทำให้เธอก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้

                “เข้าใจสิ่งที่ฉันหมายถึงนะ? ฉันไปล่ะ ห้องนี้...เหม็นคาวเลือดนะ” เธอว่าพลางแกล้งบีบจมูกแล้วหยีตาอย่างรังเกียจ ก่อนเดินออกจากห้องไป

                “...” กอร์นมองสิ่งที่อยู่ในมืออีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆแล้วฉวยเสื้อสูทเดินตามไวท์เลดี้ออกไป ได้เวลาหาต้นตอแล้วล่ะมั้ง?

     

     

                หลังจากเดินออกมาจากหลังเหม็นคาวเลือดนั่นแล้ว ร่างสูงโปร่งติดบางนิดๆของไวท์เลดี้ก็ตรงไปที่ห้องพักในบริษัทของเธอทันที

                ห้องกว้างสีขาวสะอาดพอดีกับชื่อของเธออย่าง ไวท์เลดี้ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราด้วยของไม่กี่ชิ้น เตียงคิงไซส์สีเทา ตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่พอจะยัดผู้ชายห้าคนเข้าไปยืนเรียงในนั้น แกรนด์เปียโนสีขาว กรอบรูปของเธอ ใช่ของเธอเพียงคนเดียวเพราะไม่มีครอบครัวให้ถ่ายด้วยนี่นา... ช่างเถอะ เรื่องไร้สาระน่ะ..

                ติ๊ดๆ

                เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นมา ไวท์เลดี้จิ๊ปากอย่างขัดใจแล้วหยิบมันขึ้นมาดู

               

    XX/XX/XXXX

              15 : 00 PM

              กระสุนเงินกลับจากกปารีส

     

                อ๊า~ วันนี้มีนัดนี่นา ลืมไปได้ยังไงกัน ร่างบางหัวเราะคิกคักแล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี

     

    @ Incheon International Airport.

                ( เที่ยวบิน GT ที่ 2153 ของสายการบิน Fall Together จากปารีส ประเทศฝรั่งเศสจะแลนด์ดิ้งในอีก 5 นาทีค่ะ GT 2153 flight of the airline from Paris, France Fall Together to Land Holdings in the next 5 minutes. )

                ร่างบางใส้เสื้อโอเวอร์โค๊ทสีขาวที่ทำจากขนเสือขาวถอดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาเป็นรอบที่สิบอย่างหัวเสีย ไอ้สายการบินตกตลอดกาลที่ดีเลย์มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะยะ! คิดว่าฉันว่างมากพอที่จะมานั่งรอทั้งวันหรือไง!! เห็นว่าหมอนั่นเป็นเพื่อนเก่าและเป็นถึงมือปืนกระสุนเงินหรอกนะถึงมารับน่ะ! ว่าแล้วร่างสูงโปร่งของหญิงสาวก็พาตัวเองมายืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

                “นี่ ยัยรีเซฟชั่นนิสต์! เที่ยวบิน GT ที่ 2153 ที่จะมาจากฝรั่งเศสจะมาถึงเมื่อไร? ฉันรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ คิดว่าฉันอะไรวะ..!” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะโวยวายจบ แรงสะกิดเบาๆจากข้างหลังก็ขัดเธอเสียก่อน

                “คุณไวท์เลดี้ครับ ...” เสียงทุ้มติดน้อบน้อมเล็กๆของใครซักคนที่เธอคุ้นเคย ทำให้ไวท์เลดี้หันหลังกลับไปมองอย่างง่ายดาย อ้าวนี่ซึงริ? แล้ว...

                “คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่าหัวหน้าอย่างเธอจะมารอฉัน?...” ชายอีกคนที่เดินตามหลังซึงริมาพูดเสียงเรียบๆ เขาถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทออกเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาเข้ม มุมปากกระตุกยิ้มนิดๆ

                “อะไร ฉันเนี่ยนะจะมารอนาย ซีวอน? ฉันเพิ่งกลับมาจากเจแปนนิสสสสสสสสส~ หรอกย่ะ อ๊ะ!” แรงชนหนักๆข้างหลังทำเอาไวท์เลดี้เซไปกระแทกซีวอน

                “ฉันขอโทษ ...รีบไปหน่อยน่ะ ...” ชายหนุ่มร่างบางเจ้าของแรงกระแทกเมื่อกี้พูดเสียงเรียบก่อนยันตัวเองด้วยมือขึ้นมาจากพื้นพลางปัดปุ่นอย่างไม่ยี่หร่ะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไร

                “ขอโทษอีกที ...แล้วกัน” เขาพูดก่อนถอดแว่นกันแดดสีชาออก เผยใบหน้าสวยคมที่ดูเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย ซีวอนหรี่ตาอย่างพิจารณา ซึงริตัวแข็งทื่ออยู่กับที่อย่างโดนมนต์สะกด ส่วนไวท์เลดี้...คลี่ยิ้มอย่างพอใจ และก้มลงไปเก็บผ้าพันคอสีดำส่งให้เขาไป

                “ไม่เป็นไรค่ะ ...^^” ไวท์เลดี้พูดพลางขยับยิ้มกว้าง ชายเจ้าของร่างบางนั้นยิ้มนิดๆแล้วเดินจากไป

                “...” ซีวอนมองตามร่างบางนั่นไปด้วยสายตาว่างเปล่า เพียงเสี้ยววินาที...ที่สายตาของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงประสงค์ร้าย...

                “He is your TARGET? (เขาใช่เหยื่อของคุณรึเปล่าน้า~)” ไวท์เลดี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงซุกซนเหมือนเวลาแมวเตรียมจะออกล่าหนู

                “Why is not it ?. He was really a best  victim (ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ? เขาน่ะ...เหยื่อชั้นเลิศเลย)” ซีวอนหันกลับมามองไวท์เลดี้ ก่อนเดินไปที่สำภาระนานากระเป๋าเดินทาง

                “ดูท่าทาง เหยื่อคราวนี้จะไม่ทำธรรมดาสินะ…” ซึงริฮึมฮัมกับตัวเองเบาๆก่อนเดินตามซีวอนไป

     

     

    อีกฝากหนึ่งของสนามบินร่างบางๆของฮีชอลเดินมาถึงจุดรอผู้โดยสาร ก่อนตัดสินใจนั่งรอที่เก้าอี้แถวๆนั้น พลางมองเข็มกลัดเงินอันเล็กในมือเขา เข็มกลัดรูปตัวเอสที่เขาพึ่งได้มาเมื่อกี้จากผู้หญิงที่ใส่โอเวอร์โค๊ทสีขาวขนสัตว์ที่ชนกันเมื่อกี้ ฮีชอลพลิกมันเบาๆ ตัวอักษรสีดำจางๆที่อยู่ใต้เข็มกลัดก็ปรากฏสู่สายตาเขา THE HEX งั้นหรอ แปลกชะมัด ไม่มีเบอร์โทรศัพท์สินะเนี่ย?

    “เฮ้อ~ สงสัยไปก็ไม่ได้อะไรสินะ” เขาพึมพำก่อนนึกถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้ แปลก ...แต่สวยชะมัด ฮีชอลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนนึกไปถึงผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาของหมอนั่นทำให้เขารู้สึกผิด และระแวงแบบแปลกๆ ดูเหมือนมันจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรเขามองกันเท่าไร

    “คิม-ฮี-ชอลลลลลลลลลลลลลลลล!” เสียงแหลมสูงของผู้หญิงคนหนึ่งดังแหวกอากาศขึ้นมา ทำเอาเขาที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งโหยง

    “พี่ชอลอา!” ริมฝีปากบางพึมพำเบาๆก่อนเก็บเข็มกลัดลงกระเป๋าเสื้อโค๊ท แล้วเดินไปหาผู้หญิงเจ้าของเสียงเรียกเมื่อกี้

    “คิดถึงนายจังเลย มาจุ๊บทีๆ -3-” จาง ชอลอา พี่สาวคนสนิทของเขาพูดพลางทำปากยื่นๆเหมือนจะจูบเขาจริงๆ ฮีชอลยิ้มแห้งๆก่อนทำแก้มป่องให้ชอลอาจุ๊บ หญิงสาวเจ้าของผมสีไวน์แดงหอมเขาฟอดใหญ่แล้วกอดเขาแน่นอย่างคิดถึง ก็แหม... คนไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปีนี่!

    “ไปที่บ้านผมกันครับพี่ชอลอา ผมเตรียมของไว้ให้นูนาเยอะเลย~” ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนแย่งของในมือชอลอามาถือไว้เอง ชอลอาอมยิ้มกับท่าทางของฮีชอลก่อนเดินตามไปที่รถที่จอดรอทางด้านนอกของสนามบิน




    Just TALK

    มาได้เกือบๆครึ่งทางแล้ว (แฮ่ๆ)

    ทำไมช่วงนี้จะจัดหนักไปทางดราม่า ?

    อีกไม่นานคงมีฉากแบบเข็ดๆฟันมาให้อ่านกัน

    ป.ล. ระวังจำผิด ฮวาบี - ฮวาซุน นะเออ
    สองคนนี้ไม่มีความเขี่ยวข้องทางสายเลือด
    แต่ชื่อคล้ายเฉยๆ :)

      

    페르소나

    .
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×