ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach] : White Moon oF Arrancar สงครามอารันคาร์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 52


    ...กาลเวลาเปลี่ยนไป..สิ่งมากมายอาจจะเปลี่ยนแปลง..

    ......อาจเพราะโชคชะตาหรือไม่ว่าอะไรก็ตาม...ที่ไม่อาจจะฝืนได้...

    ........แต่...ข้าก็ต้องดึงสิ่งที่เป็นอดีตกาลกลับมา....









    รัตติกาลที่ไร้ดวงดาว..  มีเพียงจันทราทอแสงทองงดงามอย่างท่ามกลางความเดียวดาย เบื้องล่างคือหมู่บ้านเล็กๆ ที่รายรอบด้วยผืนป่าใหญ่  ความสงัดยามราตรี รวมทั้งความมืดมิดที่มิอาจมองเห็นสิ่งใดเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน...

    ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ก็ต่างต้องพำนักในที่อาศัย ผ่อนห้วงแห่งความรู้สึกให้คลายความล้าจากสิ่งต่างๆที่ได้กระทำยามทิวาวัน  ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วและสงัดเงียบ  น่าแปลกยิ่งนัก.. หากจะเอ่ยเอื้อนว่ามีมนุษย์คนใด ที่ออกมายามวิกาลเช่นนี้

    เจ้าของเรือนผมสีดำที่ยาวสยายปกคลุมไปทั่วแผ่นหลัง หญิงสาวร่างบอบบางนางหนึ่ง นั่งถอดถอนหายใจอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ที่ตนนั่งพิงอยู่....     

       วิ้วววว...วิ้วววววว

    เสียงกรีดร้องแผ่วเบาของสายลมราวกับจะโหยหวนเรียกร้องให้บางสิ่งคืนมา

    ...กาลเวลาเอ๋ย...

    ...ได้โปรดเถิด...

    ดุจเสียงกระซิบอันเจ็บปวดของสายลม.. ที่ยังคงเอ่ยต่ออย่างไม่หยุดยั้ง..

    ..อย่าได้เปลี่ยนแปลงหัวใจของใครๆไป..



    แว่วเสียงปวดร้าวของสายลมที่แผ่วเบา หากแต่รู้สึกราวกับเสียงนั้นก้องกังวาลอยู่ในโสตประสาท หลอกหลอนให้ผู้ที่ทนฟัง พลอยรับความระทมทุกข์จากความปวดร้าวที่ไม่อาจจะหาต้นตอนี้ได้..

    ..เพราะหัวใจข้า..ก็จะต้องเปลี่ยนแปลงและแหลกสลาย.. 

    ....ไปพร้อมๆกับกาลเวลา



    "ท่านเรนนะคะ.."  เสียงนุ่มหวานของร่างเล็กๆร่างหนึ่งส่งเสียงเรียกผู้เป็นนาย ในขณะที่สายลมที่เคยพัดผ่านได้หยุดนิ่ง

    ผู้ถูกเรียกขานหันไปทางต้นเสียงช้าๆ  คลี่ยิ้มบางๆราวกับจะปลอบประโลมความปวดร้าวรอบข้างที่มองไม่เห็น..  หันสบกับร่างบอบบางที่อยู่ไม่ไกลนัก



    เจ้าของเสียงเล็กๆใสๆ จับจ้องไปที่ผู้เป็นนายด้วยสายตาเหงาๆ ...ด้วยขนาดร่างของตัวเธอที่สูงใหญ่ไม่เกินฝ่ามือของผู้เป็นนายแล้ว..  นามที่ถูกเรียกขาน ที่วิญญาณชั้นสูงเท่านั้นที่จะบ่งบอกได้ว่าคือสิ่งมีชีวิตชนิดใด..

    'ภูต'

    สิ่งมีชีวิตที่สามารถสิงสู่ในสรรพสิ่งต่างๆได้  รวมทั้งสามารถนำมาใช้เป็นพลังสำหรับวิญญาณที่สูงศักดิ์  และแน่นอนว่า..วิญญาณของภูตย่อมเกิดมาจากพลังของผู้เป็นนายนั่นเอง..


    "..มีรายงานการร่องรอยการต่อสู้ของฮอลโลว์ค่ะ.."  นัยน์ตาสีเดียวกับแผ่นฟ้ายามราตรีเบิกขึ้นอย่างตกตะลึง..  เห็นชัดว่ากำลังเต็มไปด้วยความกังวล..

    "งั้นรึ..."  เสียงขานรับแผ่วเบาดูเหมือนจะคงราบเรียบ แม้ภายในใจจะครุกรุ่นด้วยหัวใจที่สับสนและเป็นกังวล

    "....ถึงเวลาที่ข้าจะต้องจากไปแล้วสินะ...."  เสียงหวานยังคงเอ่ยต่อคลายพึมพัมลำพัง


    "..เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?"  ร่างบางเอ่ยถามภูตรับใช้ต่อด้วยท่าทีสงบ  ฟังร่างเล็กผู้รับใช้อธิบายไปเรื่อยๆ


    ...

    การสูญสลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง..

    หากแต่การสูญเสียเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า..

         ฮอลโลว์...  สิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณที่ถูกชิงชัง..  เพียงเพราะต้องการมีชีวิตรอด...  กลับถูกทำลายและได้รับเพียงความเกลียดชัง และสายตาที่มองมาอย่างสมเพช
       ชีวิตทุกอย่างล้วนมีค่าความหมายในตัวเอง..  หากไขว่คว้ามาไม่ได้.. ก็จะกลายเป็นผู้โง่เขลาที่ถูกเหยียบย่ำทำลายเสมอ

       เมื่อมนุษย์ก็ต้องการจะมีชีวิต  การคร่าฮอลโลว์โดยอ้างด้วยเหตุที่ว่าจะต้องปกป้องพวกพ้องจึงเกิดขึ้น  จิตใจที่ถูกมองข้ามและหยามเหยียดค่อยถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ต้องหลบซ่อนตัวราวกับเป็นอาชญากรร้าย ต้องสูญเสียทั้งกายและจิตใจ  ..สุดท้ายก็จะต้องถูกทำลายให้สูญสลาย..ไม่เหลือแม้กระทั่งวิญญาณของตนเอง

    น่าเศร้าทั้งที่ใครๆก็รักชีวิต  แต่ฮอลโลว์กลับถูกกำหนดให้ไร้ค่ายิ่งกว่าเดรัจฉาน..  และถูกกระทำ ยิ่งกว่าสัตว์ป่าดุร้าย  เพราะทุกคน..มองว่าพวกเขาไร้หัวใจ..



    นัยน์ตาสีเดียวกับเรือนผมสลวยมีประกายเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง.. ความหวังที่พร้อมจะพังทลายไปได้ทุกเมื่อ..  มือบอบบางหยิบดาบเล็กสั้น ที่มีลักษณะงอคดไปมาออกมาจากเสื้อคลุมขาว

       สิ่งประหลาดที่ว่านั้นก็คือ กริชสีเงิน

      มือบางกระชับกริชในมือขวาไว้มั่น ก่อนจะบรรจงกรีดลงที่ข้อมือซ้าย จนเห็นของเหลวสีแดงสดไหลออกมาเป็นทางยาวและหยดลงพื้นดิน  ดวงหน้างามนั้นเรียบเฉยเย็นชา ราวไม่รู้สึกกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น  พลางตวัดข้อมือหันกริชเข้าแทงทะลุตำแหน่งของหัวใจ !!


    เลือด.. และวิญญาณ

      กว่าจะมาเป็นวิญญาณดวงหนึ่งได้ต้องใช้พลังมหาศาล  แต่การสูญสิ้นวิญญาณกลับง่ายดายราวกับเป็นเพียงเศษของฝุ่นผงที่จะถูกลมพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ
           แต่....การสละวิญญาณของตนเองเพื่อเป็นพลังนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง  ค่าตอบแทนของการตายคือพลังมหาศาลไม่ต่างจากพลังในการกำเนิดวิญญาณแม้เพียงนิด  แม้นั่นจะหมายว่าชีวิตที่จะต้องดับสูญไปอาจจะต้องจมอยู่กับความมืดมิดชั่วนิรันดร์ก็ตาม

        การเสี่ยง ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่ากับการจากไปหรือไม่..?   ฮอลโลว์จำเป็นต้องหลุดพ้นสภาพที่ถูกตามล่าและการถูกเข่นฆ่าที่เลวร้าย  ตราบที่ความหวังยังคงอยู่ แม้มิอาจรู้จะดับสูญไปเมื่อใดก็น่าเสี่ยง  หากต้องแลกด้วยชีวิตจิตใจ..หน้าที่ของผู้ที่มีอยู่ก็คือสิ่งนี้...
            แลกชีวิต เพื่อพลังจากการสูญสลาย...เพื่อ...สิ่งที่สำคัญ...


    หากนี่เป็นครั้งสุดท้าย..ที่จะได้เห็นโลกที่สวยงามใบนี้แล้วละก็..  ข้าขออธิษฐาน...

    ...ขอให้ฮอลโลว์และยมทูต..สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้...

    .......แม้หลังจากนี้...  ข้าอาจจะต้องตายทั้งเป็นก็ตาม....


     ร่างหญิงสาวทรุดลงกับพื้น.. ของเหลวสีสดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ร่างวิญญาณของหญิงสาวเริ่มค่อยๆจะแตกสลายกลายเป็นอณูวิญญาณ..  ราวกับถูกสิ่งรอบกายกัดกร่อนไปทีละเล็กละน้อย  การสูญสลายดำเนินไปเรื่อยๆ...และสิ้นสุดลง..
        ไม่เหลือแม้เพียงเงาของผู้ใด  หยดเลือดบนผืนดินที่ควรจะมีอยู่บัดนี้กลับจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
    ณ ที่นั่น ราวกับร่างที่เคยมีอยู่นั้นได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมไปแล้ว.....
                     ภูตของนาง...  ก็จะถูกผนึกไว้...  ตราบนิรันดร์...




        หากขาวและดำรวมเป็นหนึ่งแล้วจะเป็นสีเทา..  โลกนี้คงไม่จำเป็นที่จะต้องมีสีขาวหรือสีดำ
     ความแตกต่างที่สักวันได้แต่หวังว่าจะรวมเป็นหนึ่ง  ความปวดร้าวที่หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รับการเยียวยาและสมานดั่งเดิม

        หากความเหมือนนั้นแอบแฝงซ่อนความแตกต่างเอาไว้..  ไมว่าจะขาวหรือดำ  สุดท้ายจะเป็นหนึ่งด้วยตัวของมันเอง.....


    ...เพราะนี่คือ..คำอธิษฐานครั้งสุดท้าย...เพียงหนึ่งเดียว....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×