คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ซาลาแมนเดอร์มาสเตอร์
บทที่ 2 ซาลาแมนเดอร์มาสเตอร์
ภายในห้องรับประทานอาหารที่ตกแต่งแบบพื้นๆ กับโต๊ะอาหารที่ให้พวกเขาทุกคนสามารถนั่งกันได้โดยไม่รู้สึกเบียดแออัด
"ตกลงจะไม่มีใครพูดอะไรเลยใช่ไหม"เสียงหงุดหงิดจากดิกเอ่ยอย่างไม่พอใจเมื่อโต๊ะเงียบราวกับป่าช้า จะมีก็แต่เสียงช้อนที่ตักกินสตู กับเสียงสายลมที่นานๆจะผ่านมาทีหนึ่ง และเสียงถอนหายใจจากเซรอธออกมาเป็นพักๆจากใบหน้าที่ยังคงแดงอยู่
ส่วนอีริน่าก็นั่งก้มกินสตูอยู่ตรงข้ามกับเซรอธ พวกเขาทั้งสองตั้งแต่มาที่โต๊ะก็ยังไม่ได้สบตากันสักครั้ง
"มีอะไรไหมจ้า เอ่อออ" ป้าเชอรี่พึ่งนึกออกว่ายังไม่รู้จักชื่อเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่นั่งข้างๆเธอเลย
"อ้อ หนูชื่ออีริน่า ฟีราลค่ะ"เสียงของเธอตอบกลับมาทันที โดยที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเพื่อไม่ให้ใครเห็นใบหน้าที่เขินอาย ถึงจะไม่มีใครเห็นหน้าเธอแต่เซรอธรู้ดีว่าเธอคงไม่ต่างอะไรจากเขามากเท่าไร
โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะไม้ยาวเกือบ สามเมตรได้ ป้าเชอรี่กับอีริน่านั่งฝั่งซ้ายมือของลุงทอม ส่วนเซรอธกับดิกนั่งฝั่งขวามือของลุงทอม โดยมีลุงทอมนั่งกลางโต๊ะ บนโต๊ะไม่ได้มีแต่สตูเพียงอย่างเดียว ยังมีนกสีส้มออกแดงอย่างเจ้าพิโกะที่เซรอธและดิกจับมาวันนี้อีกด้วยมี 4-5 ที่โดนย่างจนสุกมีซอสสีแดงราดอยู่บนตัว
ตรงกลางโต๊ะมีกระจาดที่ไว้วางผลไม้จนแทบจะล้นออกจากกระจาด มีทั้ง กีวี กล้วย แตงโม องุ่น และอีกมากมายสารพัด ข้างๆมีเหยือกน้ำส้มคั้นวางอยู่
หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ อีริน่าก็อาสาช่วยป้าเชอรี่ล้างจาน(ทั้งๆที่ป้าเชอรี่พยายามห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง) ส่วนเซรอธ ดิก และลุงทอม กำลังช่วยเช็ดโต๊ะอยู่ โดยรวมแล้วก็เป็นครอบครัวที่น่าอยู่มากทีเดียว
"ราตรีสวัสดิ์ครับ"เซรอธโบกมือลาให้ทุกคนหลังจากทำความสะอาดเสร็จสิ้นหมด แล้วจึงเดินกลับไปที่โรงเลี้ยงม้า ทันทีที่หลังสัมผัสถึงเตียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเย็นวันนี้ก็ทำให้เขาอดที่จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายและเรื่องที่ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ ก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดความคิดออกจากหัวให้หมด
เขาพยายามข่มตาให้ตัวหลับอยู่นานก็ยังไม่สามารถหลับตาลงได้ สุดท้ายเมื่อรู้ตัวเองดีว่าทำยังก็นอนไม่หลับ จึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์
พอมาถึงก็ทิ้งตัวลงนอนที่กองฟางหน้าโรงเลี้ยงม้า ที่ถูกมัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ เซรอธมักจะมานอนที่นี้บ่อยเมื่อเวลามีเรื่องไม่สบายใจ ถึงรู้สึกกลุ้ม แต่ในวันนี้มันไม่เหมือนกับทุกวันที่ผ่าน วันนี้เขารู้สึกมีความสุข สุขอย่างบอกไม่ถูกจนทำให้นอนไม่หลับ
"วันนี้ท้องฟ้าสวยจังแฮะ "เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในใจก็นั่งฮัมเพลงไปเรื่อยเปื่อย ส่วนดวงตาก็มองไปบนฟากฟ้าที่มีดวงดาวนับร้อยกำลังทอแสงระยิบระยับอย่างสวยงามและด้วยอากาศที่ปลอดโปร่งไร้เมฆมาบดบังก็ยิ่งช่วยทำให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
เซรอธฮัมเพลงจนเจ้าตัวเกือบจะเผลอหลับ เขาก็ได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะดังมาจากต้นไม้หน้าบ้านของลุงทอม ชายหนุ่มจึงค่อยๆเดินช้าไปยังต้นเสียง เมื่อเดินมาใกล้ๆ จึงเห็นหญิงสาวใบหน้านวลเนียนขาวสะท้อนแสงจันทร์ ปากขยับไปตามจังหวะเพลงที่ตั้งใจขับร้องออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะจนสะกดให้เซรอธยืนฟังเพลงด้วยสีหน้ามีความสุข
จิตใจที่ว้าวุ่นของเขาก็เหมือนจะลอยไปตามเพลงที่เธอขับร้องออกมา เสียงเพลงยังดำเนินต่อไปจนเกือบจบเพลง
"เซรอธ มาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ"เสียงจากคนร้องเพลง กระซิบขึ้นข้างหูผู้ชายที่แอบฟังเธอร้องเพลง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกเลยว่าเสียงเพลงขาดหายไปตอนไหน
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวกระซิบขึ้นมาใกล้ตัวขนาดนั้น คนที่แอบฟังเธอร้องเพลงก็สะดุ้งตื่นจากภวังค์ จึงได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ซึ่งนั้นก็ทำเอาเจ้าตัวเหวอขึ้นมาเล็กน้อย
"อีริน่าเองเหรอ"ถึงเขาจะจ้องมองเธอร้องเพลงตั้งแต่เริ่มเพลงจนจะจบเพลงแล้ว แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่รู้เลยว่าเป็นอีริน่าที่ร้องเพลง คงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่เป็นเสื้อผ้าของป้าเชอรี่ที่ใหญ่กว่าร่างของคนใส่ตอนนี้อยู่มาก
บวกกับเซรอธไม่ได้ตั้งใจมองให้ดีว่าเป็นใครเพราะมัวแต่ฟังเพลงจากเสียงเธออยู่จึงไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่าเป็นอีริน่า
เอ่อ
เสียงทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันสายตาทั้งสองประสานกันแวบหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าทั้งสองก็แดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล บรรยากาศรอบๆทั้งคู่ดูเงียบสงัด เหลือเพียงแต่เสียงจักจั่นเรไรที่ส่งเสียงขับร้องราวกับพวกมันกำลังร้องเพลงของหญิงสาวต่อห้จบ
"นอนไม่หลับเหรอ" มันอาจเป็นคำถามโง่ๆ แม้กระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังแปลกใจว่าพูดออกไปได้ยังไง
"อืม อาจแปลกที่ก็ได้ เลยทำให้นอนไม่หลับนะ"เธอตอบกลับมาทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่ ปลายเท้าก็เขี่ยกิ่งไม้ที่หักไปมาเหมือนกับเด็กเล็กๆ
พอสิ้นคำตอบ บรรยากาศก็กลับมาเงียบอีกจนทั้งสองรู้สึกอึดอัด แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีก ก็มีแสงไฟนับร้อยจากถนนทางเข้าหมู่บ้าน
ทันทีที่อีริน่าเห็นแสงไฟเหล่านั้น เธอก็รีบจับมือเซรอธวิ่งไปที่พุ่มไม้ใกล้ๆที่สุดก่อนจะหมอบหลบอะไรบางอย่างที่มุ่งหน้ามายังหมู่บ้านเขา
"กระจายกำลังออกไปอย่าให้ใครหนีรอดออกมาได้"เสียงตะโกนจากนายทหารชุดสีดำที่บ่าด้านซ้ายมีรูปกะโหลกสีดำไขว้ด้วยมีดสีแดงกำลังชี้นิ้วสั่งทหารชุดสีดำที่มีกะโหลกสีดำไขว้ด้วยมีดสีแดงอยู่ที่อกทุกคนกว่าร้อยนาย
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีทหารทั้งหมดก็วิ่งกระจายไปทั่วหมู่บ้านโดยมีแสงไฟส่องสว่างไปทั่วหมู่บ้าน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของชาวบ้าน
"มากันแล้ว "เสียงพึมพำของอีริน่าบวกกับสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก ทำให้เซรอธที่อยู่ข้างๆเกิดอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา
"อะไรมาเหรอ อีริน่า"เซรอธถามขึ้นมาทั้งทีใบหน้ายังคงจ้องทหารที่วิ่งไปมา เขาจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นชุดพวกนี้ที่ไหน แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชุดพวกนั้นดูคุ้นมากเลยทีเดียว
"พวกทหารของเดธสแลซนะ จริงๆน่าจะมาในอีก 2-3วัน นี้"ใบหน้าซีดเซียว ปากสีชมพูก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ จนทำให้คนที่อยู่ข้างๆเริ่มสนใจแม้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขา แต่รู้สึกสาเหตุทั้งหมดน่าจะมาจากคำว่า เดธสแลซ แน่นอนว่าเซรอธต้องไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ เพราะการที่หมู่บ้านพวกเขาห่างไกลจากตัวเมืองทำให้เหมือนแยกจากโลกภายนอกกลายๆ
"เฮ้ย พวกแกจะทำอะไรนะ"เสียงตะโกนดังมาจากชายชรา มือซ้ายถือไม้เท้าไว้พยุงตัวเอง ผมแทบจะไม่หลงเหลือบนศีรษะ ส่วนที่เหลือก็สีขาวโพลนจนหมด ที่ใบหน้ามีแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมสวมอยู่ รอบๆดวงตามีแต่รอยเหี่ยวย่นจนบอกอายุได้เลยว่าประมาณ 70- 80 ปีขึ้น
เซรอธมองผ่านรูพุ่มไม้ก็พอจะเดาออกว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเอง
"พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้"ทหารคนหนึ่งที่มีบ่าเป็นรูปหัวกะโหลกสีดำไขว้ด้วยมีดบ่งบอกถึงตำแหน่งที่ใหญ่ไม่ใช่เล่นตอบกลับพร้อมกับเดินมาใกล้ๆกับหัวหน้าหมู่บ้านด้วยแววตาเหี้ยมโหด
ฉึบ
เลือดสีแดงๆกระเด็นออกจากร่างหัวหน้าหมู่บ้านก่อนจะค่อยๆล้มลง เลือดจึงค่อยไหลออกจากท้องดวงตาของชายแก่เบิกกว้างก่อนจะปิดลงจนสนิท ในมือของทหารมีมีดสีดำปะปนด้วยหยดน้ำสีแดง
ใบหน้าที่อำมหิตยิ้มให้อย่างเยือกเย็นแก่คนที่ล่วงลับไปด้วยน้ำมือของตนเอง แล้วจึงใช้เท้าถีบศพให้ออกไปห่างๆ ไม่นานก็มีทหารสองคนแบกร่างของหัวหน้าหมู่บ้านออกไป
"ท่านเฟอร์ลิน กิลร์ฟอน จะให้ทำอะไรต่อไปดีครับ" ทหารที่ยืนข้างเฟอร์ลินยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาน้ำเสียงที่แสดงถึงความประจบประแจงสุดชีวิตเท่าที่น้ำเสียงจะดัดได้
"จับไว้ให้หมดเราจะเอาไปส่งให้กับท่านผู้บัญชาการ"เฟอร์ลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งๆที่พึ่งฆ่าคนไปเมื่อครู่ ในมือยังควงมีดที่เช็ดคราบเลือดออกจนหมดอย่างเพลินๆ
ทหารกว่าร้อยนายที่วิ่งกระจายกันออกไปในตอนแรก จึงกลับมาพร้อมกับพวกชาวบ้านที่เดินออกมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อย เด็กเล็กๆก็ร้องไห้ไม่หยุด จนเดินมาถึงหน้าเฟอร์ลินทหารจึงกดหัวพวกชาวบ้านให้นั่งคุกเข่าลง
หญิงสาวที่อุ้มลูกมาด้วยพยายามห้ามไม่ให้ลูกตัวเองร้องแม้ในใจตัวเองก็อยากจะร้องเช่นกัน
"เฮ้ย ปล่อยดิว่ะ มาจับพวกเรามาทำไม "เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากฝูงชน ถึงเซรอธจะไม่ได้เห็นหน้าแต่ก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงของเพื่อนตัวแสบของเขา
เหงื่อเริ่มไหลออกมาทั้งทีอากาศก็หนาวเย็น และตอนนี้ความรู้สึกของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศพวกนี้เลยสักนิด
"หนวกหูโว้ย"หมัดพุ่งเข้าท้องจนทำให้คนที่โวยวายก้มเอามือกอดท้องตัวเองด้วยความจุก ตามด้วยศอกที่กระแทกเข้าทีกลางหลังอย่างรุนแรง ร่างของคนที่โดนทั้งหมัดและศอกนอนราบไปกับพื้น
ดิกพยายามเอามือดันพื้นให้ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ถูกรองเท้าบูทสีดำแววเหยียบเอาเข้าให้ที่กลางหลังจนล้มพับไปอีก
ชาวบ้านต่างทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือทัดทานสักคนเดียว ขนาดลุงทอมยังต้องฝืนใจจับป้าเชอรี่ไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย โดยมีใบหน้าร้องไห้ฟูมฟายราวกับจะขาดใจตาย
"ทีนี้ใครจะโวยวายอีกไหม"เฟอร์ลินหันมาจ้องมองชาวบ้านด้วยสายตาเย็นชาทำเอาชาวบ้านทุกคนรู้สึกเสียวสันหลังต่างพยายามกำกลืนฝืนทนความรู้สึก ส่วนเท้าข้างขวาก็ยังคงเหยียบชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอาไว้เพื่อไม่ให้กำแหงได้อีก
"ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้"ความรู้สึกที่โถมเข้าใส่เซรอธจนตัวเองทนไม่ไหวต้องลุกจากพุ่มไม้ เสียงตะโกนและใบหน้ากราดเกรี้ยวอย่างน่ากลัว มือไม้ที่สั่นไม่หยุดด้วยแรงโทสะ
เซรอธอยากจะพุ่งตัวไปต่อยใส่หน้าเฟอร์ลินที่บังอาจเหยียบเพื่อนของเขา แต่มือเรียวยาวของอีริน่าก็ฉุดรั้งมือเขาเอาไว้อยู่
"เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นสวยว่ะ จับไปให้ผู้บัญชาการคงได้รางวัลแน่"เสียงทหาร 2 นายที่อยู่ใกล้กับเซรอธและอีริน่า มากที่สุดพุ่งตัวหวังจะเข้าไปจับเพื่อของรางวัล โดยไม่รู้เลยว่าชะตาของตัวเองได้ขาดเสียแล้ว
พรึบ
พริบตาเดียวมือทั้งสองก็ขาดออกจากแขน
อ็ากกกกกกก
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ของทหารทั้งสองที่วิ่งเข้ามาพวกเขา จนในที่สุดก็มีบางอย่างฟันร่างทหารทั้งสองขาดใจตาย จึงเกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของชาวบ้านดังมาแทน โดยที่เซรอธยังไม่ได้ขยับจากที่เดิมเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็งงเหมือนกันว่าทำไมมือทหารทั้งสองถึงขาด
พอมองไปข้างหลังจึงรู้คำตอบทั้งหมดเพราะเห็นแสงอ่อนๆเป็นรูปคทายาวไม่ถึงเมตรจากมืออีริน่า
"เธอเป็นใครกันแน่"เฟอร์ลินเอ่ยถามทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งไร้อารมณ์ ปากที่ยิ้มอย่างน่าเกลียด แสงจันทร์ที่ส่องกระทบหน้ามันทำให้เซรอธเห็นหน้าและชุดของเฟอร์ลินได้ชัดเจน
ภาพในอดีตที่เจือจางจนแทบเจ้าตัวอยากจะลืมไปให้หมดกลับมาเด่นชัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นภาพที่ทิ่มแทงจิตใจเขามาโดนตลอดแม้เวลาหลับก็ยังตามมาหลอกหลอนเขา
ตามาด้วยภาพทหารชุดสีดำมากมายกำลังวิ่งมาล้อมบ้านหลังใหญ่ โดยมีชายชรากับเด็กชายผมสีดำอาศัยอยู่ในบ้าน ทันทีที่ชายชราเห็นทหารมากมายรอบล้อมตัวบ้าน เขาก็อุ้มเด็กเข้าไปยังห้องที่มีแต่ของวางรกรุงรัง ชายชราเดินตรงไปที่รูปน้ำตกแล้วกดรูปวาดนั้นเล็กน้อย
กึก
รูปที่อยู่ด้านข้างน้ำตกซึ่งเป็นรูปชายแก่คนหนึ่งกำลังเล่นกับเด็กอายุ 5 ขวบได้ เลื่อนลงมาจนเห็นเป็นทางทอดยาวที่มืดสนิท ชายชราคนนั้นจับเด็กใส่ในช่องเล็กๆ ใบหน้าเด็กน้อยที่มีแต่คราบน้ำตากับเสียงร้องโหยหวน
เด็กน้อยคนนี้ทั้งร้องไห้และพยายามดิ้นรนออกมาสุดชีวิต ชายชราหักห้ามใจก่อนจะกดรูปน้ำตกอีกครั้งจนมันเลื่อนออกมาข้างหน้าเข้าตำแหน่งเดิม รูปมราปิดบังช่องลับก็เลื่อนขึ้นมาปิดช่องเมื่อครู่นั้นจนมิดชิดราวกับไม่เคยที่ช่องลับนั้นอยู่มากก่อน
"ปู่ครับ !!!"
เสียงร้องของเด็กตะโกนออกมาครั้งสุดท้าย ชายชรามองดูรูปนั้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงวิ่งออกไปที่ประตูบ้าน
ตูม
ทันทีที่ชายชราก้าวลงจนเกือบถึง แรงระเบิดอัดจนประตูเหล็กแตกเป็นเสี่ยงๆ พวกทหารมากมายวิ่งแบกปืนเข้ามาในบ้านอย่างไม่เกรงใจ
"ระเบิดสุญญากาศ"เวทย์ถูกร่ายออกมาโดยที่พวกทหารไม่ทันตั้งตัว ระเบิดที่มองไม่เห็นฉีกร่างทหารเคราะห์ร้ายที่ดันวิ่งเข้ามาก่อนใครจนร่างกายฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
ทหารคนอื่นที่ยังไม่ได้วิ่งเข้ามาก็รีบหยุดเพื่อสังเกตเหตุการณ์อยู่ข้างนอกและรอรับคำสั่งต่อไป ปืนทุกกระบอกยกขึ้นเล็งตรงไปที่ประตู
"มังกรโลหิต"ชายแก่หยิบมีดสีเงินบนพื้นขึ้นมากรีดที่ฝ่ามือทั้งสอง แล้วจึงเอามือทั้งสองมาประกบกันเกิดแสงสีแดงขึ้น
เลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่ตัวเองกรีด ค่อยๆรวมตัวเป็นมังกรสีแดงขนาดไม่ใหญ่มาก ก่อนที่มันจะพุ่งออกไปหาเหล่าทหารที่ยืนอยู่ข้างนอก
อ๊าก
มังกรเลือดพุ่งเข้าหาทหารคนไหน ทหารคนนั้นก็จะแห้งแตกเป็นฝุ่นละอองลอยไปกับสายลมเหมือนโดนเอาเลือดและน้ำออกจากร่างกายไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว และยิ่งมันฆ่าทหารได้มากเท่าไรร่างกายของมันก็ใหญ่โตตามปริมาณน้ำและเลือดที่มันได้รับเข้าไป
ทหารมากกว่าร้อยก็ยังไม่สามารถปราบเจ้ามังกรเลือดที่ตอนนี้ขนาดของมันใหญ่กว่าตอนแรกเกือบสามเท่าตัวกับชายแก่ที่เรียกมันมาได้
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่มันอย่างไม่หยุดยัง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้สักนิดเดียวแถมกระสุนยังทะลุตัวมันไปโดนทหารรายอื่นๆอีก สร้างความแตกตื่นให้กับพวกทหารเป็นอันมาก จนรูปแบบทัพเริ่มเสียหลัก
"ดาร์คออฟเดส" ลำแสงสีดำพุ่งแหวกเหล่าทหารที่กำลังหนีกันอลหม่านปะทะเข้าใส่มังกรสีแดงจนมันแตกกระจายเป็นสายฝนสีแดงขนาดย่อมๆ
กลิ่นเหม็นคาวเลือดตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้านที่แสนจะสวยงามและหรูหราแต่บัดนี้กลายเป็นสถานที่สู้รบไปเสียแล้ว
ชายร่างสูงผมสีทอง ดวงตาสีแดงทับทิม ปากที่เรียวยาวเข้ากับใบหน้ารูปไข่จนเรียกว่าหล่อไม่ใช่ย่อย แต่งชุดสูทสีดำดูน่าเกรงขาม ตรงปกด้านซ้ายยาวมาทับปกทางด้านขวาเป็นสีแดง กระดุม 4 เม็ดสีเงินแต่ละเม็ดมีตราขององค์กรอยู่ ที่บ่าด้านซ้ายเป็นรูปกะโหลกสีแดง ไขว้ด้วยคทาสีดำส่วนบ่าด้านขวาที่ผลึกบริสุทธิ์สะท้อนแสงแวววับห้อยออกมาจากบ่า สวมสร้อยรูปดาวสีเหลืองตรงกลางดาวมีเพชรสีฟ้าติดอยู่ดูเพิ่มฐานะมากขึ้นไปอีก
ชายคนนั้นเดินผ่านทหารที่รอดชีวิตด้วยท่าเดินที่องอาจสง่างามต่างจากทหารทั่วไปจนเด่นได้ชัด และด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าทหารดูจะมีกำลังใจขึ้นมาก
"ผู้บัญชาการเดธสแลซมาเองเลยเหรอ "ใบหน้าของชายชราดูจะตกใจมากที่เห็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนาจะพอเจอมากที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ จนทำให้เขารู้สึกเข่าและมือไม้แทบไม่มีแรงที่จะต่อสู้อีกต่อไป แค่ความคิดที่จะรอดออกไปได้ก็ริบหรี่เต็มที
"สวัสดี ท่านทอรอธ ไม่เจอกันตั้งนานทำไมถึงอยู่ในสภาพอย่างนี้ละ หรือไปทำอะไรให้บอส โมโหล่ะ"เสียงนุ่มนวลแต่แฝงด้วยอำนาจ
ชายหนุ่มผมทองพูดออกมายังกับทักเพื่อนที่ห่างเหินกันไปนานแสนนาน
"เจ้าก็รู้ว่าทำไมบอสถึงส่งคนตามล่าข้า"ทอรอธกล่าวอย่างรู้ดี พร้อมจ้องหน้าผู้บัญชาการเดธสแลซไม่วางตาราวกับชายตรงหน้าเป็นตัวอันตรายที่ควรจะอยู่ห่างๆ
"ก็พอจะรู้อยู่บ้าง บอสถึงส่งข้ามาจัดการให้เรียบร้อยยังไงละ" พูดจบเขาก็หายไปจากสายตาทุกคนรวมทั้งทอรอธด้วย กว่าชายแก่จะรู้ตัวก็โดนหมัดต่อยเขาที่ใบหน้าเข้าอย่างจัง จนเขากระเด็นถอยหลังไปหลายเมตรพร้อมกระแทกบันไดไม้แตกไม่มีชิ้นดี
"ฮะ ฮะ ฮ่ะ มาทำให้มันจบๆไปเหอะ เห็นแก่ท่านเป็นคนที่ข้าเคยนับถือข้าจะฆ่าท่านอย่างปราณีล่ะกัน"คทาสีดำทมิฬตรงปลายมีลูกแก้วสีแดง ข้างในเหมือนมีสารสีดำข้นบางอย่างบรรจุอยู่ ถูกเรียกออกมาอยู่ในมือของบุรุษตรงหน้า
บึ้ม
ลูกไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งเข้าหาผู้บัญชาการจนถอยไปก้าวหนึ่ง พลังทำลายของมันก็ใช่ย่อยเพียงทว่ามันไม่ได้ใช่กับชายหนุ่มคนนี้
"มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ เดสทรอยเยอร์ "ลำแสงสีดำแต่เล็กกว่าลำแสงตอนแรกเล็กน้อยแต่กลับมีพลังไม่ด้อยไปกว่าตอนแรกเลย
ลำแสงพุ่งออกจากลูกแก้วสีแดง และทะลุอกของทอรอธไป รอยไหม้สีดำลอยออกมาจากบริเวณที่ถูกลำแสงทะลุเข้าไป แล้วเขาก็เดินจากไปพร้อมกับทหาร เหลือทหารนายหนึ่งที่กำลังราดน้ำมันเพื่อเผาบ้านหลังนี้ไปพร้อมๆกับชายแก่
ฉึก
แต่แล้วเงาเด็กคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับมีดทำกับข้าวพุ่งเข้าแทงกลางหลัง ทหารคนนั้นหันมาจับเด็กก่อนจะเหวี่ยงกระแทกกำแพงอย่างโมโหสุดขีด
อั่ก
เด็กคนนั้นยังไม่ยอมแพ้กลับพุ่งตัวใส่ทหารจนเซไปกระแทกกับกำแพงจนมีดฝังเข้ามิดด้าม เลือดค่อยไหลหยดจากปากลงบนใบหน้าเด็กที่เกาะอยู่ที่ขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ร่างทหารจึงล้มพับลงบนพื้น พร้อมกับความเงียบและความว่างเปล่า
"เซรอธ เป็นอะไรไหม" เสียงกระซิบข้างหูเบาๆ ช่วยปลุกให้เซรอธรู้สึกตัวจากความหลังอันแสนมืดมิดด้วยสภาพใบหน้าที่ตื่นตกใจกลัว
"ผมเป็นอะไรไป แล้วที่นี่ที่ไหน แล้วทุกคนละ"เซรอธลุกขึ้นจากตักอีริน่าพร้อมกับคำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจ
"ฉันเห็นเธอมองหน้าผู้ชายคนหนึ่ง แล้วเธอก็สลบไป ฉันเห็นท่าไม่ดีจึงพาหนีออกมานะ ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างจากหมู่บ้านเล็กน้อย ส่วนทุกคน... "เสียงของเธอเบาลงที่ประโยคสุดท้ายก่อนจะเงียบไปในที่สุด
เอ๋!!!
เซรอธพึ่งสังเกตเห็นว่าร่างกายเธอมีบาดแผลจากของมีคมที่หัวไหล่และที่อื่นๆอย่างละนิดอย่างละหน่อยซึ่งทำให้เซรอธรู้สึกตื้นตัน แผลเหล่านี้คงเพราะช่วยเขาออกมา
"ผมจะไปช่วยทุกคนเอง"เซรอธกำลังพุ่งตัวไปทางหมู่บ้าน มือของอีริน่าก็รั้งเขาไว้จนแรงดึงของเธอทำให้คนถูกดึงล้มลงกลับมา ปากสีชมพูอ่อนนุ่มถูกจูบลงบนแก้มของเซรอธ
ความคิดความโกรธแค้นมากมายที่คาใจของเซรอธก็หายไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบยื่นหน้ากลับมามือขึ้นลูบบนแก้มเบาๆ
ส่วนอีริน่าเองอายจนหันหน้าหลบไปข้างหลัง เธอเองก็เอามือขึ้นมาจับบริเวณที่ริมฝีปากเช่นเดียวกับชายหนุ่ม
"เออ เซ......"เธอหันหลังกลับมาแต่ก็ไม่เจอเซรอธแล้ว หลงเหลือแต่รอยหญ้าที่เคยมีคนนอน อีริน่าเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่กำลังถูกบดบังจากการเมฆสีดำ ซึ่งนั้นทำให้ใจเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
"เฮ้ย ไม่รีบตามไปเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก"ทหารคนหนึ่งพูดออกมาทั้งๆทีตัวเองกำลังเอามือโกยของมีค่าจากตามบ้านช่องที่บัดนี้กลายเป็นบ้านร้างไปหมดแล้ว
ทหารอีก 3-4 คนก็กำลังทำตาม พอพวกทหารเก็บของได้พอสมควรก็หิ้วถุงที่ข้างในบรรจุของมีค่าไว้มากมายออกมา
เซรอธรอจนพวกทหารไปหมดก่อนแล้วจึงวิ่งเข้าไปที่โรงเลี้ยงม้า ซึ่งปกติก็ไม่เรียบร้อยอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรกับรังหนูเลย ม้าทั้งหมดในคอกม้าได้หายไปจนหมด เซรอธรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เพื่อค้นหาจี้สร้อยคออย่างบ้าคลั่งที่ดันเผลอทิ้งเอาไว้อยู่บนตู้ในตอนเย็น
"มะ...ไม่มี พวกมันต้องเอาไปแน่เลย"ใบหน้าตกใจปนโมโห พอตั้งสติได้เซรอธก็รีบมุ่งหน้าไล่ตามพวกทหารกลุ่มนั้นไป
"ฮะ ฮ่า ฮ่ะ กลับไปคราวนี้ข้าจะดื่มเหล้าชั้นเลิศเลยและอาหารหรูๆ คิดแล้วอยากกลับเร็วๆแล้วสิ"เสียงทหารพูดคุยกันตลอดทางโดยหารู้ไม่ว่ามีคนกำลังติดตามพวกเขา
เซรอธก้มลงมองทหารทุกคนจากบนต้นไม้ จนเห็นทหารคนซ้ายสุดกำลังมองสร้อยคอรูปดาบอยู่เขาจำได้แม่นว่าเป็นจี้สร้อยคอของเขาแน่ๆ
ปัก
ชายหนุ่มจึงกระโดดเตะหน้าทหารคนนั้นเป็นคนแรก และแยกจี้ออกมาจากมือ
ปัง ปัง ปัง
ทหารทุกคนกำลังหยิบปืนจากเอวออกมายิงชายหนุ่ม แต่เซรอธหมุนตัวเข้าไปหลบหลังต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด เซรอธตระหนักได้ทันทีว่าทำอะไรวู่วามลงไปเสียแล้ว
แต่ถึงงั้นก็ต้องเอาของดูต่างหน้าของปู่คืนมาให้ได้แม้จะแลกด้วยชีวิต แล้วก็นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นขึ้นมาได้
"ขอร้องล่ะ ช่วยเปลี่ยนเป็นดาบที่เถอะ" จี้ในมือเซรอธก็เปลี่ยนเป็นดาบสีขาวตามคำเรียกร้องของเจ้าของก่อนจะพุ่งผ่านร่างทหารทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว ร่างทหารทุกคนขาดครึ่งท่อนกันถ้วนหน้า
เหลือทหารเพียงคนเดียวที่รอดจากดาบของเขาเพราะทหารคนนั้นได้สลบไปด้วยลูกเตะของเซรอธตั้งแต่ต้นแล้ว ดาบในมือเปลี่ยนสภาพเป็นจี้ดังเดิม เซรอธบรรจงสวมสร้อยคอไว้ที่เดิม
"ปู่ผมขอโทษที่ไม่สามารถใช้ชีวิตตามที่ปู่ต้องการได้ เพราะผมยังมีคนที่ต้องปกป้อง ผมไม่สามารถทนเฉยได้"เขาพูดกับจี้ห้อยคอก่อนจะเดินเข้าไปหาทหารที่สลบอยู่
เซรอธยกมือต่อยเข้าที่หน้าทหารเพื่อให้มันรู้สึกตัว และก็ได้ผลจริงๆด้วย ทหารคนนั้นพอได้ลืมตาก็ต้องตกใจสุดขีด ตัวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัวเมื่อเห็นภาพที่อยู่ต่อหน้าเขา ซึ่งเป็นภาพที่ค่อยน่าดูสักเท่าไร เพื่อนพ้องของตัวเองถูกตัดขาดเป็น 2 ส่วน
"ตอบมาพวกมันจับชาวบ้านไปไหน"เซรอธกระชากคอเสื้อทหารทันทีที่มันรู้สึกตัว
ทั้งที่ชายคนนั้นอกจะสูงและร่างกายกำยำกว่าเซรอธเสียอีก แต่ไม่รู้ทำไมเซรอธจึงมีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้
"ปะ
ไปที่หมู่บ้านข้างหน้าคะ
ครับ" ทหารตอบเสียงตะกุกตะกักพลางชี้นิ้วตรงไปที่หมู่บ้านเฮม ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านของเขาประมาณ สิบถึงสิบห้ากิโลเมตร
"ขอบใจ งั้นก็หลับไปสักพักเหอะ"พอได้คำตอบเขาก็ใช้สันมือกระแทกเข้าที่คอของทหารจนสลบไสลไปอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ดีกว่าต้องตายเหมือนพวกเพื่อนๆของเขา
เซรอธเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำลงไปทั้งเรื่องการฟันดาบหรือแม้กระทั้งใช้มือฟันที่คอของทหาร เรื่องเหล่าที่เซรอธเองก็ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน
"รอก่อนนะทุกคน ผมจะช่วยออกมาให้ได้"เซรอธถอดเสื้อผ้าจากชุดแต่งกายทหารเดธสแลซมาสวมทับเสื้อตัวเก่าแทน แล้วจึงหยิบดาบกับปืนของพวกมันมาด้วย แล้วจึงวิ่งขึ้นเหนือไปยังหมู่บ้านเฮมตามที่พวกมันบอก
วิ่งมาตั้งนานก็ไม่เห็นทหารซักคนจึงคิดว่าทหารคนนั้นโกหก แล้วกำลังจะวิ่งกลับไปเล่นงานเจ้าคนที่บอก แต่ก็สะดุดตากลับรอยเลือดติดอยู่กับต้นไม้
เซรอธจึงตัดสินใจวิ่งตรงต่อไปอย่างไม่รอช้า อากาศค่อยๆเย็นลง ดีที่เซรอธเอาเสื้อทหารมาใส่ทับซึ่งช่วยให้ความอบอุ่นแก่เขาได้เยอะเลย
หมอกในแถบนี้ก็เริ่มหนาขึ้นมากจนแทบมองทางข้างหน้าไม่เห็น แต่เขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป จนเกือบถึงรุ่งเช้า สภาพร่างกายที่ฝืนมาตลอดทั้งคืนทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดพักบ้าง เขาตัดสินใจนั่งพักใต้ต้นไม้ เพียงครู่เดียวพอเท่านั้น เซรอธก็ออกวิ่งต่อ
แดดอ่อนๆส่องมากระทบหน้า เสียงนกน้อยใหญ่ขับร้องดังไปทั่วป่า เขาวิ่งขึ้นเหนือมาตลอดทางโดยไม่มีการหยุดพักผ่อนพักเป็นครั้งที่สองเพื่อจะได้ชดเชยกับเวลาที่เสียไปตอนแรก
"เดี๋ยวใกล้จะถึงหมู่บ้านเฮมแล้ว จับพวกมันเสร็จก็กลับเมืองสแลซได้เลย ฮะ ฮะ ฮะ"เสียงพวกทหารดังมาจากทางข้างหลัง
พอเซรอธได้ยินเสียงก็กระโดดขึ้นต้นไม้ทันที
"แย่แล้ววิ่งนำพวกมันตั้งแต่เมื่อไรกันละเนี่ย " หน้าของเขายื่นโผล่ออกมาจากกิ่งต้นไม้เพื่อมองลงมาข้างล่าง ทหารนับร้อยโดยมีเฟอร์ลินขี่ม้านำอยู่ข้างหน้า ตรงกลางขบวนเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านฮาเดนที่มีท่าทีอ่อนเพลียคงเพราะเดินทางตลอดทั้งคืนเป็นแน่ รอบๆมีทหารเดินคุม ป้องกันคนหลบหนี
เซรอธสะกดรอยทหารจนเกือบจะถึงหมู่บ้านเฮม เฟอร์ลินก็สั่งให้หยุดพัก
"พวกเราจะบุกโจมตีในตอนดึก"เฟอร์ลินตะโกนบอกแผนการ เมื่อทหารทุกคนได้ยินดังนั้นก็กระจายกันแยกย้ายไปธุระส่วนตัว
แก๊ก
ทหารที่กำลังหลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นกันจนหมด เพราะมีเสียงเหมือนกิ่งไม้หัก และกำลังใกล้เข้ามาจนจวนจะถึงที่พวกทหารนอนอยู่
เซรอธก็พยายามมองไปยังเสียงดังกล่าวเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นอะไร ทหารทุกคนต่างหยิบปืนประจำตัวออกมา เล็งไปทางต้นเสียง ก่อนจะปรากฏร่างเด็กผู้หญิงถักเปียไว้สองข้างสีดำมันวาว อายุน่าจะ 17 ปีได้ แต่งตัวเหมือนนักเดินทางสีน้ำตาล
ใบหน้าตาของเธอดูคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่เซรอธก็จำไม่ได้ สุดท้ายเซรอธเองก็เลิกคิดด้วยเหตุผลที่ว่าตัวของเขาอยู่แต่ในหมู่บ้านแล้วจะไปมีโอกาสพอกับหญิงสาวคนนี้ได้อย่างไร
เธอเดินออกมาพร้อมกับผลไม้ในตะกร้า ปากก็ร้องเพลงไปด้วยถึงจะไม่ค่อยไพเราะก็ตาม แต่ก็ฟังดูลื่นหูดีเหมือนกันแต่ขาดตรงจังหวะที่เธอชอบร้องเพี้ยนๆ
"เฮ้ย เป็นเด็กผู้หญิงวะ จับตัวเอาไว้ก่อนดีไหม" ทหารคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดๆ เพราะทหารทุกคนยังเข็ดจากเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ที่เพื่อนร่วมอาชีพโดนฆ่า จนไม่กล้าตัดสินใจพลีผลามเข้าไป แต่แล้วพอเห็นผู้หญิงมาคนเดียวแถมยังดูไร้พิษสงอีกด้วยจึงพุ่งตัวเข้าไปจับ
พรึบ
ร่างทหารก็ล้มลงกับพื้นทันที เหมือนถูกบางอย่างพุ่งเข้าใส่จนร่างกายถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆน่าสะอิดสะเอียน ทหารที่วิ่งเข้าไปจะจับเด็กผู้หญิงผมเปียกลับกำลังวิ่งหนีตายกลับมาแทน แต่ถึงงั้นก็ถูกฉีกร่างขาดเป็นชิ้นๆก่อนที่จะได้ขยับไปไหน
เมื่อทหารทุกนายตายหมด สิ่งที่ได้พรากชีวิตเหล่าทหารอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าก็หยุดอยู่ข้างๆเด็กหญิง
"ขอบใจมาก บีท"เธอลูบหัวมันอย่างเอ็นดู เซรอธใช้สายตาเพ่งมองผ่านใบไม้จึงเห็นรูปร่างมันคล้ายกับสัตว์ที่ไล่ล่าอีริน่าเพียงแต่ว่ามันมีลักษณะคล้ายเสือมากกว่าเจ้าตัวที่เห็นเมื่อวานขนาดลำตัวก็เล็กกว่าตัวที่เขาเห็นเกือบเท่าตัว ขนสีเหลืองเข้มออกส้มตั้งแหลมราวกับขนเม่น เขี้ยวขนาดใหญ่ที่มีแต่รอยเลือดและเนื้อสดๆของเหล่าทหารที่มันได้ฆ่าไปติดอยู่บริเวณปาก เมื่อจัดการเสร็จแล้วเธอจึงกำลังขึ้นไปขี่บนหลังเจ้าเสือ
"เก่งนี้ที่ฆ่าทหารกว่า 10 คนได้ในเวลาไม่ถึงนาที เธอคงเป็นพวก ซัมมอนเนอร์(ผู้ที่สามารถควบคุมสัตว์) ละสิ"เฟอร์ลินก้าวเดินออกมาจากป่า พร้อมกับทหารนับร้อยที่กำลังล้อมเธออยู่ ในมือถืออาวุธครบมือ มีทั้งปืนเลเซอร์ ปืนกล ปืนพลาสม่าและไหนจะทหารที่ถือดาบอีก
"ข้าจะให้เธอเลือกระหว่างเข้าร่วมองค์กรหรือจะตายอยู่ที่นี่"เฟอร์ลินก้าวเดินเหยียบเศษก้อนเนื้อของทหารตนเองจนเละด้วยสีหน้าเฉยๆ เพื่อเดินตรงมาหาหญิงสาว โดยที่เสือข้างๆเธอแสยะยิ้มให้อย่างไม่เป็นมิตร
"คิก คิก คิก คนอย่างฉันเนี่ยนะต้องเป็นลูกน้องแก บ้าหรือเปล่า"เธอด่ากลับอย่างอารมณ์ดี มือก็ยังลูบหัวสัตว์เลี้ยงตนเบาๆ
"งั้นก็ดี พวกแกเฝ้าไว้อย่างให้มันฝ่าวงล้อมหนีไปได้ละ เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง " เฟอร์ลินเดินออกมาตรงหน้าบีท ในมือเปล่งออร่าสีดำ แล้วก็หายไป ก่อนจะมีดาบเรียวยาวเกือบสองเมตรสีดำปรากฏขึ้นมาแทนออร่าเมื่อครู่
เธอเองก็หยิบกระบอกเหล็กขนาดกะทัดรัดออกมาจากเอว เพียงแค่สะบัดเบาๆ น้ำสีฟ้าที่ถูกบรรจุอยู่ภายในกระบอกเหล็กก็ไหลออกมา ไม่เพียงเท่านั้นน้ำสีฟ้ากลับรวมตัวเป็นแส้ยาวเกือบเมตรครึ่งได้
พรึบ
เธอฟาดแส้เข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว แต่เฟอร์ลินเองก็ระมัดระวังตัวมากพอจึงใช้ดาบสีดำฟันเข้าใส่แส้ขาดเป็น 2 ส่วน แล้วจึงเป็นกลายสภาพเป็นน้ำสีฟ้าหยดลงสู่พื้นดิน
"เป็นไปไม่ได้ " เสียงตกใจจากผู้หญิงที่ตอนนี้ขี่บนหลังเสือเอ่ยออกมาเบาๆ เธอแตะบนหลังสัตว์เลี้ยงของตน
บีทก็กระโจมเข้าใส่เฟอร์ลิน ฟันแหลมๆจ้องกัดใส่ศัตรูของเจ้านายมัน
"โง่น่า ดาร์คบาเรีย"เขาชูดาบสีดำไปทางเจ้าเสือร้ายแสงสีดำกางออกมาล้อมรอบตัวเขา
"บีท"เธอตะโกนเรียกชื่อสัตว์เลี้ยงตัวเองเพื่อให้มันหยุด แต่ด้วยความเร็วของมันจึงกระแทกเข้าใส่บาเรียสีดำจนกระเด็นกลับมาอย่างแรง
"บอมบ์บาเรีย"เฟอร์ลินไม่หยุดเพียงเท่านั้นยังคงร่ายเวทย์ต่อเนื่อง
บึม
บาเรียสีดำระเบิดออกมาจนเกิดหลุมจำนวนมากเปลวไฟติดไปทั่วบริเวณ พอควันจางลงผู้หญิงและสัตว์ที่ถูกแรงอัดจากระเบิดก็กำลังพยายามลุกขึ้น แต่บาดแผลจากแรงระเบิดก็ไม่ใช่เล่นๆเลย
"ฮะ ฮ่ะฮ่า มีปัญญาแค่นี้จะมาสู้กับข้า จะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่โง่เป็นศัตรูกับพวกเดธสแลซ"เขาค่อยๆก้าวเข้าหาร่างที่ไม่มีแรงแม้แต่จะลุก
ปลายดาบจ่อเข้าที่ต้นคอของหญิงสาว เธอได้แต่สายตาเครียดแค้นให้ก่อนที่เธอจะถูกฆ่า เซรอธที่มองอยู่นานแล้วพอเห็นท่าไม่ดีจึงกระโดดตีลังกาจากต้นไม้ ก่อนใช้ดาบที่เอามาจากพวกทหารฟันใส่เข้าที่หน้าของเฟอร์ลิน เขาหันตัวกลับมาใช้ดาบขึ้นรับดาบเซรอธได้ทันท่วงที ร่างของเขาเซถอยหลังไปเล็กน้อยด้วยแรงของเซรอธ
กล้ามเนื้อแขนฉีกขาดพร้อมกับเลือดไหลออกมาเต็มแขน เซรอธจึงกดดาบของเขาแล้วกระโดดถอยหลังมายืนข้างๆผู้หญิง ก่อนกระโดดเซรอธใช้การหมุนตัวเข้าช่วยเพื่อเพิ่มแรงในตอนฟัน ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดีแต่จะเสียตรงที่ความแม่นยำของมันจะลดลงไปมากทีเดียว
"แก แกเป็นใคร บังอาจมากที่กล้าทำร้ายคนของเดธสแลซ"เฟอร์ลินใช้ดาบกดลงบนพื้นเพื่อใช้พยุงตัวเองไม่ให้ล้ม เขามองหน้าของชายแปลกหน้าที่ฟันตนด้วยดาบเพียงครั้งเดียวแต่กลับทำให้เขาบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้ เซรอธเองก็งุงงงกับพลังของตัวเองอยู่เหมือนกัน ถึงจะหมุนตัวก่อนลงมาก็คงไม่เกิดพลังมากขนาดนี้หรอก
"เธอพอจะลุกไหวไหม"เซรอธรีบกระซิบถามผู้หญิงข้างๆที่ตอนนี้เธอกำลังมองหน้าเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเล็กน้อยให้แก่เขา และพยายามลุกขึ้นยืนโดยมีเซรอธช่วยจับเอาไว้
"งั้นผมนับ 1 ถึง 3 ให้เธอรีบขึ้นไปขี่เจ้าเสือนั้นแล้วรีบหนีไปเลยนะ"เขากระซิบบอกแผนการ พร้อมกับเริ่มนับ สายตายังคงมองพวกทหารอย่างไม่ไว้ใจเกรงว่าอาจจะถูกลอบทำร้ายก็ได้
"เดี๋ยวสิแล้วเธอล่ะ"หญิงสาวผมเปียร์คว้าแขนของเซรอธทันที โดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ให้คำตอบเธอเลยแถมยังนับได้แค่หนึ่งเอง
เฮ้ย ???
เซรอธร้องเสียงหลงเมื่อ จู่ๆถูกเธอดึงขึ้นมานั่งบนหลังบีทโดยไม่ทันโต้แยงอะไร
"บีทไปทางนั้น"หญิงสาวชี้นิ้วไปทางที่ดูแล้วมีทหารเฝ้าหละหลวมที่สุด บีทพอรับคำสั่งมันก็พุ่งตัวออกไปทันที พร้อมกัดทหารที่ขว้างทางมันจนขาดเป็นชิ้นๆแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในป่าด้วยความเร็วสูง
ปัง ปัง ปัง
โดยมีเสียงปืนยิงตามหลังมาติดๆ เพียงไม่กี่นาทีพวกเขาก็หนีทหารออกมาได้ด้วยความเร็วของบีท พวกเขาหนีเข้าไปหลบในถ้ำแห่งหนึ่งที่ห่างจากหมู่บ้านเฮมมาไกลพอสมควร ระหว่างทางเซรอธกับผู้หญิงก็ทะเลาะกันมาตลอดทาง
"มาดึงฉันไว้ทำไม"เสียงหงุดหงิดจากผู้ชายผมสีดำ พร้อมทั้งจ้องหน้าหญิงสาวที่สร้างปัญหาให้แก่เขา
"ฉันอุตส่าห์ช่วยชีวิตเธอนะ"เสียงหงุดหงิดไม่แพ้กันก็สวนตอบกลับมา
"ช่วยเหรอ ช่วยทำให้ยุ่งยากละสิ"ใบหน้าเหนื่อยหน่ายและเซ็งสุดๆ บวกกับน้ำเสียงตอนนี้เรียบง่ายแต่ก็ยังปนไปด้วยความขุ่นเคือง ทำให้หญิงสาวอดที่จะมีโทสะไม่ได้
"อ้อเหรอ ถ้าไม่ได้ฉันเธอก็คงโดนทหารพวกนั้นมันฆ่าไปแล้ว"การถกเถียงระหว่างเซรอธกับหญิงสาวแปลกหน้าดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเลิกทะเลาะกัน จนบีทเดินมาหยุดที่ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่แปลกประหลาดมากกว่าต้นไม้ที่พวกเขาเคยเห็น เพราะต้นไม้นี้ไม่มีใบไม้ซักใบเดียว
แดดก็มีเล็กน้อยแต่มันก็ยังสามารถอยู่รอดมาได้ ทั้งสองคนจึงพักรบไว้แล้วจึงลงมาสำรวจดูต้นไม้ประหลาดนี้แทน
เซรอธเดินวนรอบๆจึงเห็นต้นไม้มีรอยสลักอยู่ที่ลำต้นว่า 'ที ออฟ ไลฟ์'เขาเอามือสัมผัสลงบนต้นไม้ จู่ๆต้นไม้ก็สั่นอย่างรุนแรง จนเขาตกใจถอยหลังออกมา
กิ่งของมันบิดรวมตัวเป็นเกลียวแล้วยืนออกมาข้างหน้าเซรอธ ลูกไฟของเท่าลูกฟุตบอลก็พุ่งลงมาตรงหน้าเขา เซรอธมองอย่างพิจารณาก่อนจะยื่นมือออกไปจับลูกไฟที่หมุนคว้างอยู่กลางอากาศ เพียงมือของเขาสัมผัสถูกลูกไฟ มันก็ค่อยๆมอดดับลง เขาจึงรู้ว่าลูกไฟนั้นคือไข่ใบนี้นั้นเอง รอบๆเปลือกไข่มีลวดลายเป็นเปลวไฟสีแดงสลับกับสีส้ม
เซรอธพลิกมันไปมาอย่างช้าๆ ไม่นานไข่ในมือเขาก็สั่นเบาๆ เปลือกค่อยๆแตกออกมาจนเห็นสิ่งที่ขยับเขยื้อนอยู่ข้างใน มันเป็นมังกรสีแดงเพลิง ตัวขนาดเท่าฝ่ามือหรือเล็กกว่าด้วยซ้ำ เล็บเท้ากับแขนทั้ง 2 ไม่คมมาก ปีกเล็กๆค่อยๆงอกออกจากกลางหลัง ดวงตาคมกริบค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
"ข้าขอฝาก ดราก้อนไฟเยอร์ไว้ด้วยนะ ชีวิตของข้าใกล้จะดับสลายไปทุกทีแล้ว"เสียงดังขึ้นข้างหูเซรอธซึ่งก็น่าจะดังมาจากต้นไม้นี้
" ช่วยดูแลมังกรตัวนี้ด้วยล่ะ ส่วนคำปลดผลึกก็ตามที่เห็นล่ะนะ " ทันทีที่สิ้นเสียงต้นไม้ก็ค่อยๆแห้งและเหี่ยวจนเนื้อไม้แตกหลุดลุยออกมาเป็นแผ่นๆ พร้อมๆกับการปรากฏของตัวอักษรสีเขียวบนอากาศว่า "ในนามของข้า ขอให้เจ้าคืนร่าง ดราก้อนไฟเยอร์"
"อ้าวเดี๋ยวก่อนสิ "เซรอธยังตามเรื่องราวไม่ทัน พร้อมกับเดินไปจับต้นไม้ที่เนื้อไม้หลุดจนจะไม่เหลืออะไรแล้ว
ฟู่
มังกรสีแดงร่างเล็กกำลังพ่นไฟลูกเล็กๆออกจากปากเล็กๆของมันอย่างสนุกสนานอยู่บนไหล่ซ้ายของเซรอธ ตัวเขาเองยังกลุ้มกับเรื่องผู้คนในหมู่บ้านแล้วยังต้องมามึนงงกับเหตุการณ์นี้อีกทำให้เซรอธปวดหัวขึ้นมาตุ๊บๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าร่ายเวทย์แล้วจะเกิดอะไร
"ในนามของข้า ขอให้เจ้าคืนร่างเดิม ดราก้อนไฟเยอร์"แสงสีแดงทับทิบขึ้นห่อร่างเจ้ามังกรสีแดงตัวเล็กๆเอาไว้ ก่อนจะขยายร่างออก จากขนาดที่เท่าฝ่ามือตอนนี้ขนาดใหญ่เกือบจะทะลุถ้ำทีสูงไม่ต่ำกว่าหกเมตร ปีกของมันขยายออกจนกางคลุมถ้ำได้ เล็บจากไม่คม ก็กลับแหลมคมขึ้นมา หางยืดยาวออกมากว่า 2 เมตรที่ปลายหางมีหนามสีดำโผล่ขึ้นมากมาย
"เจ้าเหรอที่เป็นนายของข้า ยังเด็กอยู่เลยนี้ แต่ช่างเหอะ ว่าแต่เจ้าเรียกข้าออกมาทำไม"เสียงดังกระหึ่มจนทั้งสองอุดหูแทบไม่ทัน หินผนังถ้ำก็ค่อยๆล่วงหล่นลงมาทีละก้อนสองก้อน ถ้ำแห่งนี้คงทนได้อีกไม่นานแล้ว
"ข้าว่าเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า ขึ้นมาขี่หลังข้าสิเจ้าเด็กน้อย"มันใช้ปีกช้อนร่างทั้ง 2 กับสัตว์อีกหนึ่งตัวขึ้นมาบนร่างมัน
มันสยายปีกทั้งสองข้างออก ขนาดของปีกที่ใหญ่โตของมันกำลังทำให้เกิดกระแสลมขนาดย่อม เซรอธยังสงสัยไม่หายว่าทำไมถึงเรียกเขาว่าเด็กน้อยในเมื่อตะกี้เจ้ามังกรเองก็ยังเป็นร่างเบบี้กว่าเขาอีก
"จับไว้ให้แน่นๆล่ะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปเที่ยวบนท้องฟ้า"มันใช้เท้ามัน 2 พุ่งขึ้นหัวกระแทกถ้ำจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ พอออกจากถ้ำได้เล็กน้อยปีกทั้งสองก็กางออกสู่ทะเลสีครามที่มีก้อนเมฆลอยกระจัดกระจายอยู่ สายลมและอากาศที่สดชื่น ทำให้เซรอธลืมเรื่องราวต่างๆไปชั่วขณะ
สมองดูโล่งขึ้นมามากหลังจากได้พักผ่อนแค่ช่วงนิดเดียว ร่างกายเหมือนจะลอยไปกับสายลมที่พัดปะทะกับใบหน้า ความอิสระที่ได้อยู่บนท้องฟ้าราวกับเป็นนกทำให้เขาอยากอยู่บนนี้ไปนาน แต่แล้วเขาก็คิดขึ้นได้ว่ายังมีธุระต้องไปจัดการให้เสร็จ
"ดราก้อนไฟเยอร์ช่วยพาฉันลงไปข้างล่างหน่อยสิฉันมีเรื่องที่จะต้องชำระ"เซรอธกำดาบในมือไว้แน่น มังกรสีแดงส่งเสียงรับคำ ก่อนจะค่อยๆบินต่ำลงจนถึงเกือบจะพื้น
"แล้วฉันจะให้เจ้ากลับร่างเดิมยังไงละ"เขาถามพร้อมกระโดดลงจากหลังดราก้อนไฟเยอร์ ตามาด้วยผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
"ก็แค่พูดว่า ในนามของข้า ขอให้เจ้ากลับสู่ร่างเดิมแค่นี้เอง"มันขยับปีกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่เซรอธร่ายคาถาเสร็จ ร่างของมันก็ค่อยๆเล็กลงจนเหลือเท่าฝ่ามือ เขารีบวิ่งเข้าหมู่บ้านเฮมทันที
"ลืมแนะนำตัวเลย ข้าชื่อลิซ่า ฟีราล ส่วนเสือตัวนี้ชื่อบีท"ลิซ่าพูดเหมือนพึ่งคิดได้ เซรอธกำลังรีบจึงไม่ได้สนใจชื่อแซ่ของเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้ามาหมู่บ้า ซึ่งภายในหมู่บ้านเฮมถูกเผาจนวอดวายไม่มีชิ้นดี
พวกเขาเดินสำรวจทั่วหมู่บ้านเพื่อหาคนที่รอดชีวิต จนเดินมาถึงหลังหมู่บ้านก็ยังไม่เจอใครสักคนเดียว แต่กลับมีกลุ่มคนกว่า 20 คนกำลังเดินตรงเข้ามา เซรอธกำดาบในมือแน่นเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ที่จะมาถึง
"เซรอธ อ้าว ลิซ่า อยู่ที่นี่ได้ไงค่ะ"เสียงที่ฟังคุ้นหูตะโกนขึ้นมา พร้อมๆกับผู้หญิงผมยาวสีดำ เสื้อคอกลมกับกางเกงยีนสีขาว โดยมีเสื้อคลุมสีขาวสวมทับไว้อีกชั้น
"อีริน่า !!มาได้ไง"พอเธอเดินมาใกล้ๆจึงเห็นหน้าชัดๆ
"เอ๋ แล้วรู้จักกับลิซ่าได้ยังไง"เซรอธฉุดคิดขึ้นได้ ก็ในเมื่อเขาเองก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้อีริน่ารู้นี้น่า
"จะไม่ให้รู้จักได้ไงก็นี้น้องสาวของฉันเองนี้"อีริน่าเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ เซรอธทำหน้างงสุดๆ แล้วก็เริ่มนึกขึ้นได้ ถึงว่าตอนที่เจอครั้งแรกเขาว่าเมื่อเคยเห็นหน้าลิซ่าที่ไหน
พอมาสังเกตลิซ่าใกล้ๆ ถึงรู้ว่าถ้าปล่อยผมเปียสองข้างของเธอออกมาก็จะเหมือนอีริน่ายังกับฝาแฝด แต่ผมที่ถักเป็นเปียจึงทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ ส่วนอีริน่าที่ปล่อยผมยาวดูแล้วสวยงามและมีเสน่ สองพี่น้องที่สวยไปคนละแบบเล่นเอาเซรอธตะลึงในความงามของพวกเธอ
"คิก คิก คิก ตาเซ่อแค่นี้ก็ไม่รู้"เสียงเสียดสีของลิซ่าดังจากข้างหลังเซรอธ
"แย่ล่ะสิ พวกเรามาไม่ทันซะแล้ว พวกมันคงขึ้นเครื่องบินกลับไปแล้วมั้ง อ้าวนี้ลิซ่าลูกมาได้ไง"ผู้ชายอายุราว 40 ใบหน้ายังคงหนุ่มอยู่ มีดวงตาสีฟ้า ผมตั้งสีดำ ใส่ชุดแขนยาว กางเกงขาสั้นสีดำ
ใบหน้าของเขาดูตกใจที่เห็นลูกสาวสุดแสบมาอยู่ที่นี่ ในมือถือปืนพกสีน้ำเงินอยู่ สายตาเยือกเย็นจ้องมองที่ใบหน้าลูกสาว แล้วจึงละสายตามามองผู้ชายข้างๆลิซ่า
" ไว้กลับถึงฐานเมื่อไรค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เราได้เวลาต้องกลับแล้ว "เขาบอกก่อนจะเดินกลับไปพูดกับคนที่อยู่ในป่าซึ่งมีประมาณ 20 กว่าคนได้ แล้วพวกเขาก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เอ๋ ??
เหมือนมีสายตาเกลียดชังคู่หนึ่งส่งอาฆาตมาให้เซรอธ จนเจ้าตัวรู้สึกเสียวสันหลัง ขึ้นมาแวบหนึ่ง เซรอธ มองกลับไปก็ไม่เห็นใครแล้ว
"ไปเหอะเดี๋ยวไม่ทัน"เธอพูดเร่งเซรอธและลิซ่า ถึงเขาจะมึนๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็วิ่งตามอีริน่าไปโดยดี
เธอวิ่งนำมาตามแม่น้ำ จนมาถึงถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างจากหมู่บ้านเฮมมากนัก อีริน่าเดินนำเข้าไปจนถึงทางตัน
ครืน
มือยื่นไปกดลงบนลงก้อนหินที่อยู่ข้างๆจนมันยุบลงไป กำแพงที่เป็นทางตันข้างหน้าก็แยกออกเป็นสองส่วนจนเปิดให้เห็นห้องขนาดใหญ่ข้างในพื้นถูกปูด้วยเซรามิก ลิซ่าให้บีทรออยู่ข้างนอกซึ่งมันก็ดูจะไม่พอใจเท่าไร ก่อนจะหันหลังออกไป
ข้างใน มีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย จอพลาสม่าขนาด 100 นิ้วถูกตั้งอยู่ตรงกลางห้อง รอบๆห้องมีคอมเรียงรายนับ 10 เครื่อง มีคนในชุดคล้ายทหารเพียงแต่ตรงหน้าอกเป็นรูปกิ้งก่าสีทองเหยียบกะโหลกสีดำอยู่ กำลังเดินไปทั่วห้อง
สภาพข้างในดูวุ่นวายไปหมด อีริน่าเดินนำผ่านทหารพวกนี้จนมาถึงห้องที่หน้าห้องที่ติดป้ายว่า 'ห้องมาสเตอร์ซาล'เธอผลักประตูไปข้างหน้าเผยให้เห็นผู้ชายที่เจอในหมู่บ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมสีม่วงอย่างดี
โต๊ะทำงานที่มีแต่เอกสารกระจัดกระจายอยู่มากมาย ข้างหลังเป็นรูปแผนที่โลก ที่มีรูปหัวกะโหลกสีดำติดอยู่บนแผนที่มากมาย และก็มีรูปกิ้งก่าสีทองเหยียบหัวกะโหลกสีดำอยู่ประมาณ 10 ที่ได้ นอกนั้นก็เป็นรูปสัญลักษณ์ต่างๆนับสิบบนแผนที่ จากที่ดูแล้วตำแหน่งที่ติดรูปหัวกะโหลกคงเป็นพวกเดธสแลซยึดหรือปกครองอยู่ซึ่งมีมากกว่าเครื่องหมายอื่นๆรวมกันเสียอีก
"ลูกพาคนนอกเขาในนี้ได้ไง"เสียงคนที่นั่งเก้าอี้พูดอย่างไม่พอใจ พลางสายตาตำนิมาให้ลูกสาวทั้งสอง
"นี่คือเพื่อนของหนูนะ และเขาก็ช่วยชีวิตหนูจาก ธันเดอร์ไลออน" อีริน่าอธิบายเหตุผล พร้อมกับเดินเข้ามานั่งข้างๆพ่อของเธอ สีหน้าพ่อของอีริน่าจากหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที
"ใช่ ใช่"ลิซ่ากล่าวสนับสนุนพี่สาว
"เขาสู้ธันเดอร์ไลออนได้เหรอ "เขาหันมาถามลูกสาว แล้วจึงลุกจากเก้าอี้มาสำรวจเซรอธจนสายตามาหยุดที่จี้สร้อยคอของเซรอธ
"นี่มัน เซเว่นสวอร์ดนี้น่า มันเป็นของอาจารย์ข้านี้ ทำไมอยู่กับเจ้าได้ล่ะ"เสียงตกใจที่มาพร้อมกับคำถามมากมายจากชายตรงหน้าที่ดวงตาเบิดกว้าง พลางกำลังเอื้อมมือมาจับที่จี้สร้อยคออย่างทะนุถนอม
"จี้นี้เป็นของปู่ที่ให้มาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต"เซรอธมองชายที่ยืนลูบจี้สร้อยคอด้วยสายตามึนงง เขายังไม่เข้าใจกับเรื่องราวทั้งหมด เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าหมู่บ้านเขาถูกทำลายและตอนี้เขารู้สึกไร้ที่พึ่ง
"ปู่เจ้าชื่อว่าอะไร"เขาถามอย่างเร่งด่วน มือก็จับแขนเซรอธไว้แน่น ทำราวกับกลัวเขาจะหนีไปดื้อๆ
"ทอรอธครับ ทอรอธ แอนด์กรีซ ทำไมเหรอครับ"พอเซรอธพูดจนน้ำตาก็ไหลออกจากแก้มของชายตรงหน้า มือที่กำแขนเขาไว้แน่นถูกปล่อยออก เขาเดินกลับมาที่เก้าอี้เหมือนเดิมด้วยใบหน้าที่หมองลง
"ปู่เจ้าชื่อทอรอธ เหรอ ท่านเป็นอาจารย์ของข้าเอง พอพ่อเจ้ากับข้าตั้งสมาคมเสร็จ ปู่เจ้าก็เป็นคนสร้างเครื่องมือต่างๆให้กับสมาคมเรา จนพวกเดธสแลซจับพ่อเจ้าไป มันก็เลยบังคับให้อาจารย์ทำงานให้กับพวกมัน แล้วข้าก็ไม่ได้เจอกับท่านอีกเลย "ซาลพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเมื่อคิดถึงความหลัง
ตูบ
มือของเขาทุบลงบนโต๊ะจนเอกสารปลิวว่อนตกกระจายบนพื้นเซรามิกสีเทา
"แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าได้เจอหลานของอาจารย์แล้วข้าจะช่วยดูแลเจ้าแทนท่านเอง"เขาพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆสายตาก็จับจ้องมาที่เด็กผู้ชายข้างหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน
"ข้าชื่อซาล ฟีราล แล้วหลานละ"สายตายังจับจ้องที่เซรอธไม่กระพริบ โดยมีสายตามึนงงของสองสาวจับจ้องมาที่เขาด้วย
ชายหนุ่มผมสีดำเองก็มึนกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะปู่ของเขาไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้กับตัวเองฟังเลย รู้เพียงว่าพ่อของเขาตายในอุบัติเหตุตั้งแต่เขายังเด็ก
"ผมชื่อเซรอธ แอนด์กรีซ"ชายหนุ่มแนะนำตัวพอป็นพิธีก่อนจะถาม "เอ่อ แล้วที่ว่าตั้งสมาคมมันคือสมาคมอะไรกันครับ"
"มันคือสมาคมซาลามานเดอร์มาสเตอร์เป็นสมาคมอิสระเพื่อต่อต้านกับองค์กรเดธสแลซโดยเฉพาะพวกเราจะรวบรวมคนที่มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลกมาเข้าสมาคมโดยมีองค์กรเมลร์ฟรอสให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หลานอยากจะเข้าไหมล่ะ"เขาถามเด็กหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้กำลังฉายแววตาตามุ่งมั่นอีกครั้ง
ซาลเองก็รู้คำตอบของมันอยู่ก่อนหน้าแล้ว ยิ่งได้เห็นดวงตาคู่นั้นก็ทำให้มั่นใจได้เลยว่าคำตอบจะลงเอยเช่นไร
"ครับ ผมจะเก่งกว่านี้และจะช่วยปกป้องคนที่ผมรักครับ"แววตามุ่งมั่นเป็นคำยืนยันคำตอบ เสียงหัวเราะจากซาลก็ดังอย่างชอบใจกับหลานชายคนนี้เป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น