ตอนที่ 9 : [Memory 10 Caught She!!]
[Memory 10 Caught She!!]
หลังจากที่ฝ่าวงล้อมของศัตรูมาได้แล้วหนีเข้าป่าไป นานาโฮะก็จำต้องตามหาไซโต้และคนอื่นๆ ทว่าไม่ง่ายเลยกับจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้
แต่ยังไงโชคก็ไม่เข้าข้างเสียทีเดียวเมื่อมีคนบอกว่าเห็นพวกเขามุ่งหน้าไปยังอีกทาง และทางนั้นเป็นทางไปเอโดะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้...ผู้ใดต้องการหนี ก็ตามสบาย ผู้ใดต้องการร่วมรบต่อ ให้ตามข้ามา เราจะเดินทางไปยังเอโดะกัน”
นานาโฮะเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะเดินไปตามทางของนาง เหล่าทหารมองหน้ากันสักครู่ก่อนจะค่อยๆทยอยเดินตามนานาโฮะไป โดยมีบางส่วนที่คาดว่าไม่ไหวก็ขอจากไป ซึ่งนางก็ไม่ได้ว่าอะไร
...........................................................................................................................................
ตอนนี้นานาโฮะกำลังพักอยู่ข้างทางระหว่างทางไปเอโดะ อันที่จริงเธอสามารถหายตัวไปได้เลย เพียงแต่ว่าจะทิ้งพวกเขาไปก็ไม่ได้ และก็โชคดีอีกหน่อยที่ระหว่างทางเธอก็พบกับฮิจิคาตะและจิซึรุที่กำลังเดินทางไปเอโดะเช่นเดียวกัน
“ถ้าย่างนั้น ฮิจิคาตะ เจ้าช่วยนำทัพนี้หน่อยเถิด ข้าจำเป็นต้องล่วงหน้าไปก่อน ท่านคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
นานาโฮะเอ่ยขอ ซึ่งฮิจิคาตะก็ยินดีจะช่วยอยู่แล้ว
“แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
ฮิจิคาตะถามเมื่อไม่เห็นใครนอกจากนานาโฮะ เธอถอนใจเฮือกใหญ่
“พอดีแยกกันน่ะ ตอนนี้พวกเขาคงมุ่งหน้าไปยังเอโดะ ถ้าอย่างไรก็ฝากด้วยก็แล้วกัน”
นานาโฮะเอ่ยขอ ฮิจิคาตะพยักหน้าเข้าใจแล้วมองนานาโฮะที่เดินหายไปในป่า
“นาง...เป็นผู้รองรับเรื่องราวทั้งหมดไว้...ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องของนางอย่างนั้นหรือ?”
...........................................................................................................................................
นานาโฮะเดินเข้าไปในป่า นางเดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องนางอยู่
และทันใดนั้น ร่างของใครสักคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า คาซามะในชุดแบบตะวันตกเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับเหลือเชื่อที่เจอนางอีกครา
“มินาโมโต้นี่...ที่มาหาข้าเพราะต้อการข้าแล้วใช่ไหม?”
เสียงทุ้มนุ่มทว่าหลงตัวเองทำให้นานาโฮะต้องถอนใจ
“นี่มันบังเอิญต่างหาก เจ้านี่ช่างไม่มีสมองคิดเลยนะ”
แรง...
คาซามะคิดเมื่อรู้สึกว่าเส้นเลือดบนขมับของตนกำลังเต้นตุ้บๆเพราะโกรธใครบางคน
แต่นางก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่นา...
“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่...”
นานาโฮะเอ่ยถาม คาซามะกระตุกยิ้ม
“กำลังรอให้ถามอยู่เลย...ที่รักของข้า...”
สิ้นเสียง ยักษ์ลูกน้องของคาซามะก็ขยับตัวออกจากพุ่มไม้แล้วใช้ผ้าชุบยาสลบโปะเข้าที่จมูกของสาวน้อยแบบไม่ได้ตั้งตัว ทำให้เธอเผลอสูดไอของยาเข้าไปเสียเต็มปอด
และไม่นานนัก...นางก็ล้มลงในอ้อมกอดของคาซามะ
“หลับให้สบายล่ะ...”
...........................................................................................................................................
นานาโฮะตื่นขึ้นมาบนฟูกในสถานที่แห่งหนึ่ง ความรู้สึกมึนหัวแล่นเข้ามาทำให้ต้องเผลอหลับตาปี๋เพื่อไล่ความรู้สึกนั้นออกไป ก่อนจะมองทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นตาเท่าไรนัก
“ที่นี่...”
นางพึมพำเบาๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าชุดที่นางใส่อยู่ไม่ใช่ชุดที่นางใส่ประจำแน่ๆ ทว่าเป็นชุดของชาวตะวันตกสีดำสนิท และที่มากกว่านั้นคือกระโปรงที่ยาวแค่เข่า ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้ แถมด้วยตรวนข้อเท้าอีก ทำให้นางรู้ตัวทันทีว่าโดนจับมาเสียแล้ว
“ตื่นแล้วอย่างนั้นหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง ชุดใหม่ที่ข้าออกแบบให้”
“ห่วยแตก”
นานาโฮะสวนกลับทันทีหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายพาตัวเธอมา
“แล้วนี่ข้าอยู่ที่ไหน?”
นานาโฮะเอ่ยถามขณะที่พยายามอยู่ห่างๆคาซามะ
“เอ่ยเป็นคนไกลไปได้นะ ที่นี่เป็นปราสาทของข้าเอง เจ้าน่าจะดีใจที่อีกไม่นานจะจัดงานแต่งงานของเรานะ”
มัดมือชกนี่หว่า...
นานาโฮะคิดในใจ ก่อนจะมองโซ่ตรวนที่ล่ามข้อเท้าไว้
“ข้าไม่แต่ง...”
นานาโฮะเอ่ยเรียบ เธอรู้ดีว่าถ้าแต่งงานกับคนๆนี้ล่ะก็ จะไม่ดีต่อตัวเธอแน่ๆ
“แต่เจ้าก็ไม่มีทางหนีออกจากที่นี่ โซ่นั่นยาวถึงประตูห้องนี้เท่านั้น เจ้าไม่มีวันได้ออกไปแน่ๆ คิดให้ดีๆเถอะ”
คาซามะกระแทกเสียงอย่างหัวเสีย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป นานาโฮะหันไปเห็นชายชุดยูคาตะของตนเองที่เหมือนจะถูกซ่อนไว้ในตู้ที่ถูกล็อกไว้ นางจึงเดินไปดูก็พบว่าเป็นชุดยูกาตะของตัวเองจริงๆ
“เจ้าหมอนั่น โง่รึไงนะ เอาเล็บมาไว้ใกล้มือเสืออย่างข้า”
นานาโฮะเอ่ยเปรย ก่อนที่นางจะพยายามดึงแขนเสื้อของนางออกมาจากช่องเล็กๆของตู้ โชคดีที่กุญแจไม่ได้ล็อกแน่นเท่าไหร่ อีกฝ่ายคงคิดว่านางไม่มีปัญญาเอาออกแน่ๆ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอคนนี้...
แกร๊ก...
จากความพยายามที่ดูจะสำเร็จ มีดสั้นที่นางเก็บไว้ร่วงลงมาจากแขนเสื้อ นางหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเก็บไว้ในเสื้อเมื่อพบว่ามีคนเดินผ่านมาและยัดแขนเสื้อของนางเข้าไปในตู้เหมือนเดิม พอดีกับที่ประตูเปิดพร้อมกับร่างของยักษ์หนุ่มตนหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารก่อนจะเดินจากไป นางจึงดึงมีดออกมาอีกครั้งแล้วพยายามทำลายแม่กุญแจ แต่ก็ต้องรีบถลากลับไปนั่งที่เบาะอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คล้ายๆว่าจะเป็นของคาซามะซึ่งเธอจำได้ดี และเมื่อประตูเปิดก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คาซามะ จิคาเงะเดินเข้ามาก่อนจะพบว่าอาหารของนางยังไม่พร่องลงแม้แต่น้อย
“ทำไมเจ้าไม่ทานอาหาร?”
คาซามะเอ่ยถามแล้วยกถาดอาหารให้เข้ามาใกล้ๆนาง นานาโฮะส่ายหน้ารัว เขานั่งลงแล้วจ้องเธออยู่อย่างนั้นราวกับจะบังคับให้ทานอาหาร
“ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องทานอาหารของเจ้า”
นานาโฮะเอ่ย เนื่องจากเธอไม่ไว้ใจอาหารจานนี้จริงๆ โดยที่เกรงว่าจะมียาแปลกๆอะไรใส่ลงไปหรือเปล่า
“แต่ถ้าหากเจ้าไม่ทาน บุตรที่จะเกิดจากเราก็จะไม่แข็งแรงเอาน่ะสิ”
คาซามะเอ่ยสบายๆ ทว่านานาโฮะกลับรู้สึกอยากกระทืบคนตรงหน้าเต็มที
“ข้าจะไม่ให้เจ้าทำอะไรข้าแน่นอน เพราะฉะนั้นฝันไปได้เลยเรื่องที่เจ้าต้องการมีบุตรกับข้า”
นานาโฮะเอ่ยเรียบ ทำให้คาซามะไม่พอใจเล็กน้อย
“แล้วเจ้าคิดว่า...ช่วงเวลาที่เจ้านอนหลับอยู่ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าเลยหรืออย่างไร?”
“ข้ารู้ตัวข้าดี เจ้ายังมิได้ทำอะไรข้าหรอก...”
นานาโฮะเอ่ยขัด ทำให้คาซามะต้องกัดฟันกรอดไม่สมกับเป็นเขา
“คุยกับเจ้าแล้วหงุดหงิดจริง...”
คาซามะพึมพำ ก่อนจะเดินจากไป แต่เขาก็ไม่ลืม
“ออ แล้วก็ตรวนนั่นน่ะ ร่ายอาคมไว้ เจ้าจะไม่สามารถใช้พลังของยักษ์ได้ เพราะฉะนั้นอย่าคิดหนีล่ะ”
...........................................................................................................................................
หลังจากที่นานาโฮะอยู่ที่นี่มาได้สามวัน เธอไม่ทานอะไรสักอย่างเดียวยกเว้นน้ำจนซูบลงเล็กน้อย ขอบตาก็ดำคล้ำเพราะไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน แถมข้อมือขวาของนางยังมีคราบเลือดติดเป็นทางอีก และข้อเท้าซ้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ก็เต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นกัน เนื่องจากการพยายามดึงออกหลายครั้ง
“คาซามะ นางจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”
ชิรานุอิ เคียวเอ่ยขึ้นลังจากเห็นสภาพของนานาโฮะที่แตกต่างจากตอนที่เคยพบตอนกวาดล้างราเซ็ทซึของโคโดอย่างมาก
“ข้าไม่รู้”
คาซามะส่ายหัวอย่างจนปัญญา เขาเองก็รู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดมาจากเขา แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเธอให้กลับไปได้
“ข้าว่าปล่อยนางไปเถอะ สภาพร่างกายนางจะย่ำแย่เอานะ...”
ชิรานุอิเอ่ยอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงนานาโฮะ เพราะเขาก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันที่ต้องเห็นดรุณีทรมานตนเองต่างๆนาๆเพื่อประชดเจ้านายของตน
“ข้าไม่รู้...แต่...ข้าปล่อยนางไปไม่ได้จริงๆ”
คาซามะเอ่ย ก่อนจะปิดประตูเลื่อนและเดินจากไปพร้อมกับชิรานุอิที่จำต้องเดินตาม
“หรือว่าเจ้า...รักนางเข้าจริงๆแล้ว?”
ชิรานุอิคาดการณ์ หัวหน้าตระกูลคาซามะสะดุ้งเฮือกทันที
ถูกด้วย...
เขาคิดในใจก่อนจะถอนใจเบาๆเมื่อเจ้านายของตนไม่พูดอะไรสักคำ
“ถ้าหากเจ้ารักนาง...เจ้าก็ควรปล่อยนางไป เจ้าไม่เห็นสภาพของนางอย่างนั้นหรือ? ถึงนางจะเป็นยักษ์ แต่ถ้าหากเจอแบบนั้นสักวันนางก็คงตายก่อนที่จะถึงอายุขัยของนางแน่ๆ...”
ชิรานุอิพยายามหว่านล้อม คาซามะหลุบตาลง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ
“ชิรานุอิ...เจ้าช่วยทำงานอย่างหนึ่งให้ข้าหน่อยสิ...”
...............................................................................................................................
ผ่านมาอีกสามวันแล้ว นานาโฮะก็ยังไม่แตะอาหารของตนแม้แต่น้อย คราบเลือดแห้งกรังติดข้อมือของนางเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางล้มเลิกความตั้งใจที่จะหนีไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้นางอยากตายมากที่สุดเท่าที่เคยจะมีชีวิตมา แต่ไม่ว่าทำอย่างไรนางก็ตายไม่ได้...เมื่อจู่ๆภาพของใครบางคนก็ปรากฏในหัวทำให้เธอกรีดข้อมือลึกๆไม่ลง
“...เฮ้! ได้ยินข้ามั้ย?”
เสียงเรียกเบาๆจากข้างหลังนานาโฮะดังขึ้น นางหันไปมองก่อนจะพบกับชิรานุอิที่ปีนหน้าต่างขึ้นมา ใบหน้าของเขาฉายแววเหนื่อยหอบมากเพราะอาจจะต้องปีนขึ้นมาสูงและต้องแอบยามอีก
“...ชิรานุอิ...สินะ”
นานาโฮะเอ่ยถาม ก่อนที่นางจะเดินไปเปิดหน้าต่างกระดาษออก เมื่อทวารแห่งเดียวถูกเปิด ชายหนุ่มก็ผุดเข้ามาทันที
“ข้ามาพาเจ้าหนี...”
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบขณะที่กระชากกุญแจของตู้และใช้ผ้าของตนหอบของทั้งหมดของนางไว้ นานาโฮะไม่มีทีท่าดีใจหรือตื่นเต้นเลยสักนิด
“เป็นอุบายพาข้าไปงานแต่งงานสินะ...”
นานาโฮะคาดการณ์ ชิรานุอิที่อุส่าห์มาช่วยถึงกับกุมขมับ
“เอาเป็นว่า เชื่อข้าสักครั้งเถอะ ข้ามาช่วยเจ้าจริงๆ เจ้าอยากกลับไปพบเจอพวกนั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
ชิรานุอิถามขณะที่ยกของทั้งหมดของนางพาดคอ และกระชากโซ่ตรวนที่ข้อเท้าของสาวน้อยจนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็ก
“ถ้าหากเจ้าต้องการ ก็ให้ข้าพาเจ้าหนีซะ เร็วๆเข้า เดี๋ยวมีคนมา”
ชิรานุอิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ นั่นทำให้ยักษ์สาวรู้ว่าเขาไม่มีทางโกหกแน่นอน แต่ก่อนจะได้ตอบอะไร ชิรานุอิก็ยกเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวก่อนจะรีบออกไปทางหน้าต่างเมื่อแน่ใจว่ามีคนมาแน่ๆ และเมื่อใบหน้าสัมผัสกับลมภายนอก นานาโฮะก็รู้สึกว่าที่ๆที่อยู่ตอนนี้ก็สูงพอควร
“ปิดตาซะ ข้าจะกระโดดลงไป”
ชิรานุอิเอ่ย ทำให้คนที่กำลังไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนานาโฮะต้องรีบปิดตาทันที ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงลมที่พัดจากด้านล่างขึ้นมาและความรู้สึกเบาโหวง ไม่นานนักก็กลายเป็นการกระแทกแรงๆบนพื้นดิน ชินรานุอิยังไม่ทันตั้งตัวได้เขาก็ต้องออกเท้าวิ่งหนีเข้าป่าไป
“ดีแล้วหรือขอรับ ที่ให้นางหนีไป”
เสียงของคนรับใช้เอ่ยถามเมื่อเห็นผู้นำตระกูลคาซามะนั่งมองสาวน้อยที่กะจะพาไปเป็นเจ้าสาวบนห้องของตนโดยไม่คิดจะตามไป
“ข้าตัดสินใจดีแล้ว...หากนางเป็นอะไรไป ข้าก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน”
คาซามะหลุบตาลง...เขาใจอ่อนให้ผู้หญิงคนนี้มากี่ครั้งแล้วนะ...ตั้งแต่พบกันครั้งแรก ที่เขาได้รับรอยยิ้มอันอบอุ่นนั่นจากนาง...
...........................................................................................................................................
“ชิรานุอิ...ปล่อยข้าลงเถอะ...”
นานาฮะเอ่ย เมื่อพบว่าตนเองห่างจากปราสาทของคาซามะมาไกลแล้ว
“ไม่...ข้าจะพาเจ้าไปส่งถึงฐานชินเซ็น ว่าแต่ตอนนี้เจ้าพวกนั้นอยู่ที่ไหนกัน?”
ชิรานุอิเอ่ยถาม อันที่จริงเขาก็รู้ดี ว่าตอนนี้พวกชินเซ็นกุมิอาจจะเดินทางไปที่อื่นแล้วก็เป็นได้ แต่เขาก็ต้องการที่อยู่สุดท้ายของพวกเขาเพื่อการตามหาอยู่ดี
“เอโดะ...พวกเขาน่าจะอยู่เอโดะ”
นานาโฮะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชิรานุอิสังเกตว่าดวงตานางในตอนนี้เริ่มกลับมาเหมือนเดิม เหมือนตอนที่นางเคยช่วยเหลือเขาตอนกวาดล้างราเซ็ทซึ
เมื่อออกมาได้ไกลแล้ว ชิรานุอิก็หยุดพักที่ลำธารแห่งหนึ่งเพื่อให้นานาโฮะล้างตัว เพราะว่าคราบเลือดและนางก็ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเวลานานกว่าอาทิตย์ ส่วนเขาก็ออกไปหาอาหารเพราะรู้ดีว่านางยังไม่ได้ทานอะไรมาแน่ๆ ทั้งๆที่เขาก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกันที่มีผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว แต่เขาก็ต้องออกไปหาเพราะถ้าไม่อย่างนั้นนางอาจหิวตายก็ได้
...............................................................................................................................
“มินาโมโต้ ข้ากลับมาแล้ว เจ้ามา...”
คำพูดของชิรานุอิหายไปชั่วขณะ เมื่อเขาลืมนึกไปว่าสาวน้อยคนนี้ยังอาบน้ำอยู่ ตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ข้างลำธาร แถมร่างของนางยังไร้อาภรณ์ใดๆติดตัวสักชิ้น แต่ก็โชคดีหน่อยที่เขาไม่ได้เห็นอะไรไปมากกว่าผิวขาวๆของนาง
“จะจ้องอีกนานไหม? ชิรานุอิ เคียว?”
ถึงจะไม่แสดงอารมณ์ แต่ตอนนี้นางคงรู้สึกโกรธเคืองเขาอยู่เป็นแน่ เห็นดังนั้น ชิรานุอิก็รีบหันหลังให้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ข...ขอโทษ...ข้าไม่นึกว่าเจ้ากำลัง...”
เขาเอ่ยขึ้นทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในป่าเพราะความอายแทนสาวน้อยที่ไม่คิดจะอายเลยแม้แต่น้อย
...........................................................................................................................................
ไอ้หมอนี่มันอายเป็นด้วย...
นานาโฮะคิดหลังจากที่นางอาบน้ำเสร็จและเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะของนางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ชิรานุอิก็กลับมาจากในป่า แต่เสียอย่างเดียวคือเขามองหน้านางไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
“คือ...เมื่อครู่ข้าต้องขอโทษด้วย...ข้าไม่ได้ตั้งใจ...”
ชิรานุอิเอ่ยขึ้นอีกครั้ง นานาโฮะที่กำลังเคี้ยวปลาย่างอยู่หันไปมองงงๆ
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาหาความหรอก...แล้วเจ้าเห็นอะไรไปบ้าง?”
นานาโฮะถามตามที่ตนคิด ชิรานุอิเริ่มคิดขึ้นมาว่าคนๆนี้สักวันคงจะต้องตั้งครรภ์ก่อนออกเรือนแน่นอนถ้าหากยังมีนิสัยการพูดแบบขวานผ่าซากแบบนี้
“ก...ก็...ไม่เห็น...”
“โกหก”
นานาโฮะเอ่ยขัด ทำให้ชิรานุอิใบหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าบอกว่าไม่เห็นก็ไม่เห็นสิ...เจ้าจะซักไซ้อะไรนักหนา”
ชิรานุอิค้านหัวชนฝา อันที่จริงเขาก็โกหกจริงๆนั่นแหละ...
แต่มันอายนี่หว่า...
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเดินทางไปเอโดะแล้วก็แล้วกัน”
นานาโฮะเอ่ยแล้วเก็บอาหารไว้ในห่อของที่ชิรานุอิทำให้
“เดี๋ยวสิ ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะพาไปเอง”
ชิรานุอิเอ่ยค้านอีกรอบก่อนจะยกสาวน้อยขึ้นอุ้มทันที
“เอ๊ะ ก็ข้าบอกจะไปเองไง...”
“เจ้ายังอ่อนแออยู่นะ ถ้าเกิดเป็นลมกลางทางแล้วคาซามะตามมาเจอจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
ชิรานุอิเอ่ยขณะที่เดินต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังเอโดะ นานาโฮะที่หมดหนทางจึงต้องจำใจให้ชิรานุอิไปส่ง
....................................................................................................................................................................
ตอนนี้นานาโฮะกับชิรานุอิก็เดินทางมาจนถึงเอโดะแล้ว เพียงแต่นางไม่รู้ว่าจะตามหาเหล่าชินเซ็นกุมิได้อย่างไร
“เจ้าจะกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวคาซามะรู้ว่าเจ้าแอบพาข้าออกมาแล้วมันจะแย่”
นานาโฮะเอ่ยเรียบ
“ไม่หรอก ข้าจะตามเจ้าไปส่งถึงมือเลย”
ชิรานุอิเอ่ยอย่างมั่นใจ และการเดินไปมาขอทั้งคู่ทำให้เป็นจุดสนใจจากชาวเมืองไม่น้อย
คนหนึ่งก็เป็นหญิงสาว อีกคนเป็นชายหนุ่มที่แลดูสนิทกัน แต่ทว่าก็ไม่เหมือนว่าจะเป็นสามีภรรยา
“ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าจะไปเอง”
นานาโฮะก็ยังยืนกรานคำเดิม แต่ไม่ว่ายังไงชิรานุอิก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป
“ข้าก็เป็นห่วงเจ้าเหมือนกันนะ มินาโมโต้ อุตส่าห์พาหนีมาได้แล้วแท้ๆ ถ้าหากถูกจับกลับไปอีกก็เสียแรงข้าเปล่าๆน่ะสิ”
ชิรานุอิให้เหตุผล ทำให้นานาโฮะยอมจนได้
ทั้งสองเที่ยวตามหาชินเซ็นกุมิทั้งวัน แต่ไม่ว่าใครต่างก็ให้ข้อมูลผิดๆมาทั้งนั้น ทำให้สาวน้อยเริ่มท้อ เพราะตามหาชินเซ็นกุมิไม่เจอนั่นเอง
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็หาเจอน่า...”
ชิรานุอิปลอบ ก่อนที่พวกเขาจะออกตามหาต่อ
“เอโดะไม่ใช่เล็กๆเลยแฮะ”
ชิรานุอิพึมพำ ในเมื่อตอนนี้พวกเขาตามหาชินเซ็นกุมิมาค่อนเมืองแต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่ร่องรอยของชินเซ็นกุมิเลย
“หรือว่าพวกเขายังมาไม่ถึง?”
ชิรานุอิคาดการณ์ แต่นานาโฮะคิดว่าพวกเขามาแล้วแน่ๆ
“ไม่หรอก พวกเขาต้องมาถึงแล้วสิ...อย่างน้อยก็...”
ไซโต้...
นานาโฮะเงียบไป ทำให้ชิรานุอิไม่กล้าพูดอะไรอีก
และในตอนนี้ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มเสียแล้ว
“จะมืดแล้วนะ มินาโมโต้...”
ชิรานุอิเอ่ยหลังจากที่มองท้องฟ้า ตอนนี้พวกเขาหยุดพักที่ข้างแม่น้ำสายหนึ่งหลังจากตามหามากันทั้งวัน
“หาที่พักก่อนมั้ย?”
เขาเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อนานาโฮะไม่ตอบอะไร ก่อนที่เธอจะส่ายหัวและดูเหมือนเธอได้ยินอะไรบางอย่างจึงหันไปมองด้านหลัง และเธอก็พบกับไซโต้ที่หอบหายใจหนักราวกับเพิ่งวิ่งอย่างหนักมาเป็นเวลานาน
“ไซ...โต้...”
นานาโฮะพึมพำ ชิรานุอิเห็นดังนั้นก็หันไปมองบ้าง
“ไปสิ...”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นานาโฮะเบ้ปากราวกับจะร้องไห้ ก่อนที่นางจะรีบโผเข้ากอดไซโต้ทันที
“ไซโต้! ไซโต้ ฮึก ฮึก...”
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบที่นางร้องไห้ด้วยความดีใจ ไซโต้ที่โดนกอดเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนที่เขาจะกอดเธอตอบทั้งน้ำตาเช่นกัน
ชิรานุอิมองภาพนั้นด้วยความพอใจ ถึงเขาจะรู้สึกเหมือนหัวใจของเขามันดำดิ่งสู้ท้องน้ำว่างเปล่า แต่เขากลับรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก
นานาโฮะกอดไซโต้แน่น ราวกับจะไม่อยากจากเขาไปไกลอีก น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะสู่ผืนผ้าที่รองรับน้ำตาของเธอจนชุ่ม
โดยที่ไม่รู้ตัว...ชิรานุอิหายไปเสียแล้ว...
เขาทิ้งห่อของส่วนตัวนางอย่างที่ควรทำ และจากไปด้วยหัวใจที่บอบช้ำ...
........................................................................................................................................................
ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของสเปเชียล แต่สเปเชี่ยลจะเอามาลงหลังจากจบแล้วนะคะ
\:)
Shalunla
Thank for Theme
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไซโต้แอบร้องไห้เหรอเนี่ย....
ส่วนคาซามะนี่...งานอดิเรกคือลักพาตัวสาวสินะ =w=