ตอนที่ 17 : [Memory Special Part 5 - Festival]
[Memory Special Part 5 - Festival]
“เบื่อจัง...”
นานาโฮะที่กำลังนั่งอยู่บนระเบียงเพื่อคลายความร้อนแบบฉบับของเธอเองบ่นขึ้นเบาๆ ทำให้ฮาราดะและโอคิตะที่มานั่งด้วยต้องหันไปสนใจ
“แล้วจะทำอะไรล่ะ นานาโฮะจัง? ฝึกดาบหรอ?”
โอคิตะเสนอขึ้นคนแรก นานาโฮะส่ายหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด
“มันร้อน...เดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่าๆน่ะสิ”
นานาโฮะให้เหตุผลเมื่อเห็นโอคิตะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ถ้าอย่างนั้น? จะเอายังไงล่ะ?”
ฮาราดะเอ่ยถาม พอดีกับที่ไซโต้และเฮย์สึเกะกลับมาจากกการเดินตรวจตราเมือง
“นี่ๆ ซาโนะซัง เมื่อครู่ข้าเห็นในเมืองกำลังเริ่มจัดงานเทศกาลอยู่ล่ะ”
เฮย์สึเกะที่เพิ่งกลับมาเอ่ยด้วยความตื่นเต้น โอคิตะและฮาราดะได้ยินดังนั้นก็หันไปมองนานาโฮะที่เอาน้ำแข็งโปะหัวอยู่เงียบๆ
“มองข้าทำไม?”
นางเอ่ยถามทันทีเมื่อจู่ๆทุกคนก็หันมามองเธอ
“จริงสิ มินาโมโต้มาอยู่ที่นี่ก็นาน แต่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเลยนี่นะ ลองออกไปเที่ยวงานเทศกาลครานี้ดูไหมล่ะ?”
ไซโต้เอ่ยปากชวน ซึ่งทุกๆคนก็เห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปขอฮิจิคาตะซัง...”
“ไม่ได้!!!”
ยังไม่ทันเดินไปขอเลย...
นานาโฮะคิดในใจหลังจากรู้ตัวว่าฮิจิคาตะปรากฏตัวข้างหลังเธอ ทุกๆคนหน้าซีดกันหมดยกเว้นก้อนน้ำแข็งสองก้อน
“ฮิจิคาตะซัง นะ ข้าขอล่ะ ให้นานาโฮะจังไปงานเทศกาลเท่านั้นเอง”
เฮย์สึเกะเอ่ยขอร้อง ทว่าฮิจิคาตะกลับไม่ยอม เอาแต่ส่ายหน้าท่าเดียว
“เอาน่า ฮิจิคาตะซัง นานๆครั้งเองไม่ใช่เหรอ?”
โอคิตะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ฮิจิคาตะที่ถูกขอร้องแทบเป็นแทบตายนั้น มีหรือจะไม่ใจอ่อน
“เฮ้อ...ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พาจิซึรุไปด้วยสิ แล้วก็พวกเจ้าน่ะ ไปกันสองคนก็พอแล้ว...”
“ข้าไปเองขอรับ ท่านรอง...”
ทุกๆคนหันไปมองต้นเสียงที่ขัดคอฮิจิคาตะ ซึ่งนั้นก็คือไซโต้นั่นเองที่เป็นฝ่ายขัดคอ ทำให้โอคิตะกับฮาราดะอึ้งเล็กน้อยที่ถูกชิงตัดหน้าไปเสียดื้อๆ
“นี่...ถ้าอย่างนั้นฮิจิคาตะซังก็ไปด้วยซะเลยสิ...ไหนๆก็อนุญาตแล้วนี่นา”
เฮย์สึเกะเอ่ยขึ้นอีก ทำให้ฮิจิคาตะถึงกับสะดุ้ง
“เจ้า...”
“เอาน่ะ ฮิจิคาตะ ยังไงๆ เจ้าก็ทำงานมาหนักพอแล้วนะ...พักผ่อนบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไรสักหน่อย...”
นานาโฮะเอ่ยขัด ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอที่เอาน้ำแข็งโปะหัวอีกครั้ง และแน่นอน พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอนั้น...
...........................................................................................................................................
ถ้าไม่อย่างนั้นก็ตายหยั่งเขียดล่ะก๊า...
...........................................................................................................................................
ตอนนี้ ชายหนุ่มทั้งสองกำลังรอสาวน้อยสองคนที่กำลังเตรียมตัวแต่งชุดยูกาตะอยู่ และตอนนี้เขาก็รอมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
“พวกผู้หญิงนี่...จะเตรียมตัวนานไปถึงไหนกันนะ?”
ฮิจิคาตะบ่นอุบอิบ เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ต้องไปเที่ยวงานเทศกาล เพราะเขาคิดว่ามันไร้สาระ
“เอาน่า ฮิจิคาตะซัง จิซึรุจังไม่ได้สวมชุดยูกาตะของผู้หญิงมานานแล้วนะ ให้โอกาสนางหน่อยสิ”
เฮย์สึเกะที่กำลังออกไปลาดตระเวนอีกรอบเพราะถูกทำโทษทางอ้อมข้อหาเอาข่าวเรื่องงานเทศกาลมาบอกทำให้รองหัวหน้าไม่มีเวลาทำงาน...
“เจ้าน่ะเงียบไปซะ เฮย์สึเกะ แล้วก็รีบๆไปลาดตระเวนได้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเวรลาดตระเวนช่วงเย็นของเจ้าจะเป็นทั้งสัปดาห์นี้...”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เฮย์สึเกะก็รีบกุลีกุจอออกไป ถ้าไม่อย่างนั้นสิ้นสัปดาห์นี้เขาอาจกลายเป็นข้าวต้มก็ได้
เละน่ะสินะ...
“นานาโฮะซัง ย...อย่าดันสิคะ...”
เสียงใสของจิซึรุดังขึ้นจากในห้อง เรียกให้ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมอง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นจิซึรุที่เหมือนถูกดันออกมาด้วยความเขินอาย...
แต่เรื่องนั้นไม่สน...ฮิจิคาตะนิ่งค้างเมื่อเห็นจิซึรุเต็มๆตา
นางสวมชุดยูกาตะสีสดใส คาดด้วยโอบิสีทอง และสุดท้าย นางคาดปิ่นได้สวยงามมาก...และในตอนนี้...รองหัวหน้าปีศาจ...กำลังตะลึงในความน่ารักของนางแน่ๆ...
แต่พอนานาโฮะโผล่ออกมาจากหลังจิซึรุเท่านั้นแหละ ไซโต้ก็ต้องตะลึงไปอีกคน
นางสวมชุดยูกาตะชุดเดิม แต่ดูเรียบร้อยกว่าที่นางเคยสวม และเขาแน่ใจ ว่าในแขนเสื้อของนางไม่ได้มีอาวุธใดๆซ่อนอยู่ แถมเธอยังคาดผมออกมาเรียบร้อยกว่าทุกๆครั้ง
“ขอโทษที่ให้รอ พอดีว่ายูคิมูระเอาแต่กังวลเรื่องตัวเองจะสวยไหมน่ะสิ ข้าเลยต้องปลอบ กว่าจะออกมาได้...”
“นานาโฮะซังล่ะก็...”
จิซึรุหันไปแว้ดใส่นานาโฮะที่ยังตีหน้านิ่งไม่รู้เรื่อง
แต่ชายหนุ่มทั้งสองกลับรู้สึกว่า คุ้มค่ากับการรอเสียจริง...
...................................................................................................................
ทั้งสี่เดินมาหยุดอยู่หน้างาน ก่อนจะตัดสินใจแยกออกเป็นสองกลุ่มเนื่องจากหากเดินเข้าไปพร้อมกันจะตกเป็นเป้าสายตาได้
“เอาน่า นี่เรามาเที่ยวกันนะ”
นานาโฮะเอ่ยเมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของฮิจิคาตะ เขาจึงจำใจต้องแยกออกเป็นสองกลุ่ม โดยเขาไปกับจิซึรุ และไซโต้ไปกับนานาโฮะ
“มินาโมโต้...หากอยากได้อะไรให้บอกนะ ข้าจะได้ซื้อให้”
ไซโต้เอ่ยบอก นานาโฮะไม่ว่าอะไร
ระหว่างทั้งสองเงียบมาก มีเพียงแต่เสียงของงานเทศกาลและผู้คนรอบๆเท่านั้น ทำให้ไซโต้เริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะปกติถ้ามากับจิซึรุหรือคนอื่น พวกเขาจะพูดเป็นต่อยหอย แต่นี่...
ไร้สัญญาณใดๆจากสาวน้อย จนคนเขียนชักสงสัยว่าเสารับสัญญาณของหล่อนมันพังรึเปล่า?
ไม่ทันไร ไซโต้ที่กำลังเดินนำนานาโฮะอยู่ก็หายไปจากสายตาเนื่องจากปริมาณคนที่แทรกเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้เธอเริ่มลนลานเพราะต้องการหาตัวไซโต้ในสถานการณ์แบบนี้ให้เจอ
แต่ยังไงล่ะ?
ทันใดนั้น มือของใครบางคนก็คว้าข้อมือของเธอไว้ได้ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยจนเกือบเผลอลากตัวเข้ามาชก แต่เมื่อเห็นชายเสื้อยูกาตะอันคุ้นเคย นางก็สงบลง
ไซโต้ที่เดินนำอยู่รู้สึกว่าคนที่เดินตามหลังอยู่ได้หายไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ดังนั้นเขาเลยเดินทวนคลื่นมนุษย์ที่เดินสวนมาตามหานานาโฮะนั่นเอง
“อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ ข้าเป็นห่วงรู้ไหม?”
ไซโต้เอ่ยขณะที่เขย่าไหล่สาวน้อยเบาๆ เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังหอบเนื่องจากอาจจะตกใจที่เธอหายไปและต้องใช้ความพยายามในการฝ่าคลื่นมนุษย์กลับมา
“ใครใช้ให้เจ้าเดินเร็วกันล่ะ?”
นานาโฮะเอ่ยเรียบ ทำให้คนตัวสูงที่อุตส่าห์เดินกลับมาอารมณ์เสียเล็กน้อย
“แล้วก็ ปล่อยมือข้าได้แล้ว...”
นานาโฮะเอ่ยเคืองเมื่อไซโต้เปลี่ยนจากจับข้อแขนมาเป็นจับมือแทน
“ไม่ล่ะ ข้าจะให้ยืมมือของข้า เจ้าจะได้ไม่หลงอีก”
ไซโต้เอ่ยเสียงเข้ม นานาโฮะมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ขัดขืน
“และข้าขอย้ำ ห้ามปล่อยมือจากข้าเด็ดขาด หากอยากได้อะไรให้บอก ถ้าเจ้าไม่พูดข้าก็มิอาจเข้าใจสิ่งที่เจ้าต้องการจะสื่อสารได้”
ไซโต้เอ่ยขณะที่จับมือนานาโฮะไว้แน่น นานาโฮะพยักหน้าเข้าใจด้วยใบหน้าที่มีสีแดงจางๆ เพราะใจความของคำพูดของเขากำกวมจนสามารถแปลออกได้อีกหลายความหมาย...
คุณรู้แล้วใช่ไหม? ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
...........................................................................................................................................
“มินาโมโต้ เป็นอะไรรึเปล่า?”
ไซโต้เอ่ยถามหลังจากเห็นนานาโฮะที่ดูจะง่วงนอนนิดหน่อย
“อือ...ข้าง่วงแล้วล่ะ กลับกันรึยัง?”
นานาโฮะเอ่ยขณะที่ขยี้ตาเพื่อไม่ให้เผลอหลับไปกลางทาง
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ เจ้ารอที่นี่นะ เดี๋ยวข้าจะไปตามหาท่านรอง”
ไซโต้เอ่ยก่อนจะปล่อยมือที่จับมือของนานาโฮะ เธอตกใจนิดหน่อยขณะที่พยายามคว้ามือของเขาไว้อีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ
ใครกันแน่...ที่เป็นฝ่ายปล่อยมือน่ะ...
ไซโต้ที่ออกตามหาฮิจิคาตะ ถอนหายใจเบาๆ พลางนึกว่าคนอย่างฮิจิคาตะ โทชิโซจะไปอยู่ที่ไหน เพราะงานเทศกาลก็กว้างขวางพอดู
“ท่านรองขอรับ...”
ไซโต้เอ่ยเรียกเมื่อเห็นฮิคาตะกำลังยืนเฝ้าจิซึรุที่นั่งพักอยู่
“หืม? มีอะไรอย่างนั้นหรือไซโต้?”
ฮิจิคาตะหันมาถามไซโต้ที่หอบน้อยๆ
“ข้ากับมินาโมโต้กะว่าจะกลับแล้วขอรับ...ไม่ทราบว่าท่านจะ...”
“ข้าจะอยู่ต่ออีกนิหน่อยน่ะ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
ฮิจิคาตะเอ่ยขัด ทำให้จิซึรุเผยยิ้มน้อยๆ เมื่อไซโต้ส่งข่าวเรียบร้อยก็ก้มหัวให้แล้วเดินกลับมาที่จุดนัดพบของเขากับนานาโฮะ
แต่เมื่อเขากลับมาถึง นางก็หายไป...
และไม่ว่าจะตามหาโดยรอบ ก็ไม่มีวี่แววของนางเลยแม้แต่น้อย
“มินาโมโต้!!”
ไซโต้โวยวายทันที เพราะคราวนี้เขาไม่รู้จริงๆวาจะไปตามหานานาโฮะในที่ๆมีคนพลุกพล่านได้ยังไง ครั้งที่แล้วเป็นเพราะนางยังอยู่ในเส้นทาง แต่ครานี้เขาไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหนจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงรีบออกวิ่งตามหานานาโฮะที่หายไป ก่อนจะพบว่าตอนนี้เขาจนปัญญาที่จะตามหาเธอแล้ว
“โธ่เอ๊ย ไม่น่าปล่อยมือเลย ให้ตายสิ...”
ไซโต้พึมพำหลังจากแทรกตัวผ่านในกลุ่มคลื่นมนุษย์ที่เดินไม่หยุด
“ทำไมถึงตามหายากเย็นแบบนี้นะ...”
เขาเอ่ยอีกครั้งหลังจากใช้เวลาพอตัวในการหา ตอนนี้เขาเริ่มลนลานเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ถามพ่อค้าแม่ค้า แต่ก็คงไม่ได้ความมากเพราะคงไม่ได้สังเกตมากนัก ทันใดนั้นเขาก็เห็นคนของตระกูลยักษ์ เท่าที่จำได้คนนี้น่าจะชื่อว่าชิรานุอิ เคียว เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็เข้าไปหาทันที
“ชิรานุอิ!!!”
ไซโต้ออกเสียงเรียก ฝ่ายชิรานุอันมามองอย่างสงสัย
“อ้าว...คนของชินเซ็นกุมินี่นา...มีอะไรงั้นรึ?”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อแกมเยาะเย้ย ไซโต้ที่ชักหงุดหงิดเข้าประเด็นทันที
“เจ้าเห็นมินาโมโต้ผ่านมาบ้างหรือไม่?”
ไซโต้เอ่ยถามทันที ชิรานุอิครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะทำหน้าเหมือนรู้แจ้งใจสัจธรรม
“ที่แท้ ที่นางร้องไห้เป็นเพราะเจ้านี่เอง”
คำพูดของชิรานุอิทำให้ไซโต้เบิกตากว้าง เขาทำให้นานาโฮะร้องไห้ แต่ทำไมล่ะ?
“แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
ไซโต้ถามอย่างร้อยรน เพราะเกรงว่าหากเจอชิรานุอิที่นี่และอาจจะต้องพ่วงคาซามะมาอีกคน และในตอนนี้นานาโฮะก็ไม่มีอาวุธเสียด้วย
“ข้าเห็นครั้งสุดท้ายก็ทางที่ข้าเพิ่งเดินผ่านมาน่ะ ลองเดินตามทางนี้เรื่อยๆเดี๋ยวก็เจอแล้ว”
ชิรานุอิชี้ไปทางที่ตนเองเคยเดินมา ไซโต้ก้มหัวให้ก่อนจะรีบวิ่งออกมาโดยไม่คิดจะทะเลาะด้วยสักนิดทำให้ชิรานุอิต้องเกาหัวแกรกๆ
“อ่า...คาซามะไม่ได้มาหรอกนะ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นี่”
ชิรานุอิที่พยายามตะโกนหลังจากนึกได้ ก่อนจะเกาหัวแกรกๆอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยิน
ไซโต้พยายามวิ่งสุดชีวิต ถึงยังไงก็ไม่เร็วพอเพราะชาวบ้านที่มาร่วมงานทำให้เขาต้องชะงักบ่อยๆ
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็หาไม่เจอ เขาเริ่มลนลานจนคนอื่นสังเกตได้ชัด ก่อนที่เขาจะเห็นสาวน้อยในชุดยูกาตะที่คุ้นตานั่งอยู่บนเก้าอี้สาธารณะที่จัดไว้ให้พัก เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“มินาโมโต้!”
ไซโต้เอ่ยเรียก ทำให้สาวน้อยรีบเงยหน้าขึ้นมา เขาสังเกตว่าที่หางตาของเธอมีหยาดน้ำตาใสๆคลออยู่ ก่อนที่เธอจะรีบปัดออกอย่างไม่ลังเล
“ท...ทำไม...”
นางเอ่ยงงๆ ไซโต้ที่เป็นห่วงแทบตายกัดฟันแน่นก่อนจะกระชากแขนเธอเพื่อทำให้เธอรู้ตัว
“ทำไมเจ้าไม่รอข้าที่เดิม!!!!”
ไซโต้คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ครานี้ สาวน้อยที่เขาจำต้องดูแลได้หายไปแถมยังต้องออกวิ่งหาโดยที่ไม่มีความหวังว่าจะเจอแม้สักนิด
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน ทำไมเจ้าถึงหัวทึบขนาดนี้นะ ไม่เข้าใจคำว่ารออยู่ที่เดิมรึอย่างไรกัน!!”
ไซโต้โยนระเบิดลูกที่สองลงทันที ทำให้สาวน้อยตรงหน้าสะดุ้งเนื่องจากไม่นึกว่าเขาจะตะคอกใส่
“อะไร...กันล่ะ...”
นานาโฮะพึมพำเบาๆ ไซโต้ชะงักกึก ก่อนที่คนตัวเล็กจะสะบัดแขนของเขาออกด้วยแรงของเธอ
“เจ้าก็ทำมาพูดดี เจ้าต่างหากที่ไม่ทำตามคำที่เอ่ย ก็เจ้าหายไปนานมาก ข้าเลยออกตามหาก่อนจะมานั่งพักที่นี่ แล้วพอเจอเจ้า เจ้าก็เอาแต่แว้ดใส่ข้าไม่หยุด เจ้าคิดว่าข้าไม่เป็นห่วงเจ้าเหมือนกันรึไง!!!!!!”
นานาโฮะเถียงกลับ ไซโต้ที่รู้ความจริงชะงักกึก เป็นเพราะเขาทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ
“คราวหน้า...ก็พาข้าไปด้วยสิ...สัญญาแล้วไม่ใช่หรอ ว่าจะไม่ปล่อยมือน่ะ...”
นานาโฮะเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ดูเหมือนคราวนี้ความเป็นห่วงของนางจะมีมากจนทำให้เผลอแสดงอารมณ์ออกมา
ไซโต้พูดอะไรไม่ออกเพราะเขาเข้าใจสาวน้อยผิด แถมยังใจร้อนวู่วามไม่ฟังคำอธิบายของเธออีก ทำให้เขาต้องถอนหายใจเบาๆ
“แต่ก็ดีแล้วที่พบ...กลับกันเถอะมินาโมโต้...”
ไซโต้เอ่ยก่อนจะยื่นมือให้ ใบหน้าของสาวน้อยยังฉายแววเคืองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะส่งมือให้เขาจับไว้เช่นกัน
“คราวนี้...อย่าปล่อยมืออีกนะ...”
ของเหลวสีแดงถูกฉีดขึ้นบนใบหน้าของสาวน้อย ถึงเธอจะตอบอ้อมแอ้มแต่ชายหนุ่มกลับได้ยินชัดเจน เขายิ้มบางๆก่อนจะจับมือของเธอไว้แน่น
“อืม...ไม่ปล่อยแน่ๆ จนกว่าจะกลับถึงฐาน...”
ไซโต้เอ่ย และจูงมือสาวน้อยไปด้วยกัน ค่ำคืนนี้...พวกเขาได้เรียนรู้อีกด้านของอีกฝ่ายอย่างดี...
รวมถึงอะไรบางอย่าง...ที่เริ่มงอกเงยในจิตใจ...
........................................................................................................................................................
วันต่อมา...
ไซโต้และนานาโฮะแทบมองหน้ากันไม่ติด เมื่อเดินสวนกันที่ทางเดิน แทนที่จะเดินผ่านไปธรรมดาหรือหาเรื่องคุยด้วย กลับกลายเป็นว่าทั้งสองหยุดจ้องหน้ากันโดยที่ฝ่ายหญิงทำหน้าอยากจะฆ่าคนโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนฝ่ายชายก็จะสะดุ้งเบาๆและมองไปทางอื่นก่อนจะเดินเลี่ยงไป สร้างความงุนงงให้ผู้อื่นเป็นอย่างมาก บางทีเดินสวนกันไซโต้ก็จะเกาหัวแกรกๆแถมพูดประโยคอมตะอย่าง ‘วันนี้อากาศดีจังนะ’ ออกมา ส่วนนานาโฮะก็จะทำหน้าขวางโลก...ถึงหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ แต่สายตาของเธอมันบอกเช่นนั้น ทำให้เหล่าผู้คนในชินเซ็นกุมิชักจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาอีกแล้ว...
ไม่ปกติจริงๆ...
เคร้ง!!!
เสียงดาบไม้ปะทะกันดังขึ้นจากโรงฝึก นานาโฮะที่ตอนนี้กำลังสอนนักรบแห่งชินเซ็นกุมิคนหนึ่งยังตีหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านกับแรงของอีกฝ่ายที่ดูจะมากเป็นพิเศษ
“ลงน้ำหนักที่เท้าน้อยไปนะ...มือก็จับดาบไม่แน่น เกิดข้าศึกใช้สันดาบฟาดไปที่ตัวดาบก็ร่วงแล้ว”
นานาโฮะสอน ก่อนที่เธอจะสอนผู้ใช้อาวุธรายนั้นต่อ โดยที่ตัวเองแทบไม่ขยับจากจุดเดิมเลยด้วยซ้ำ
“ขอขอบพระคุณมินาโมโต้ซังมากนะครับ ที่อุตส่าห์สละเวลามาฝึกสอนกระผม ขอบพระคุณมากขอรับ”
นายทหารเอ่ยก่อนจะก้มหัวให้ นานาโฮะโบกมือเชิงไม่เป็นไรก่อนจะหันไปมองไซโต้ที่เพิ่งเข้ามาในโรงฝึก และนั่นทำให้ใครก็ตามสังเกตเห็นเส้นเลือดเส้นเล็กๆที่ปูดอยู่บนขมับของเธอ
“เอ่อ...เมื่อวาน เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้หรอ?”
เฮย์สึเกะเอ่ยถามจิซึรุที่ยกชามาให้ นางเอียงคองงเล็กน้อย
“เอ๋? ก็ปกติดีนี่คะ...”
เมื่อนางเอ่ยจบ เฮย์สึเกะก็เบ้หน้าแถมเหงื่อตกแล้วชี้ให้จิซึรุมองไปทางที่ตนชี้ เมื่อนางมองไปตามนิ้วก็ต้องหน้าซีด
“คนหนึ่งมีรังสีอำมหิตลอยคลุ้ง อีกคนก็เอาแต่เหงื่อแตกพลั่ก มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ จิซึรุ?”
เฮย์สึเกะยิ้มแห้งๆ จิซึรุก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ไม่รู้สิคะ เมื่อวานตอนที่พบกันครั้งสุดท้ายก็ยังดีๆอยู่ แถมจับมือกันซะแน่นด้วยนะคะ”
จิซึรุเอ่ยเรียบๆ โทโด เฮย์สึเกะพยักหน้าเข้าใจแถมยังยิ้มแปลกๆอีกด้วย
“อืม...ข้าเข้าใจแล้วล่ะ...สองคนนั้นกำลังเหนียมเรื่องเมื่อวานอยู่ล่ะสิ...”
เฮย์สึเกะเอ่ยขณะที่ลูบคางเบาๆ ทำให้จิซึรุดูสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
(*ถูกครึ่งเดียว)
“ถ้าอย่างนั้น...”
จิซึรุพูดค้างไว้แล้วมองหน้าเฮย์สึเกะ เขากระตุกยิ้มก่อนจะลุกพรวดขึ้น
“นานาโฮะจัง ไซโต้ซัง ไม่ลองประดาบกันหน่อยหรอ?”
เฮย์สึเกะตะโกนถาม โดยที่จิซึรุได้ยิ้มแห้งๆ
ผู้ถูกเอ่ยถามชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะหันหน้าไปมองแบบหาเรื่อง
“หา!!?”
เอื๊อก...
เฮย์สึเกะเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมกับจิซึรุเนื่องจากตอนนี้นานาโฮะดูจะโหดยิ่งกว่ายักษ์เสียอีก...
โหดกว่าเผ่าพันธุ์ตัวเอง นี่หล่อนเป็นใครกันเนี้ย!!
เฮย์สึเกะโวยวายในใจขณะที่พยายามทำให้ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ
“น...ไหนๆก็พบกันแล้วไง ม...ไม่ลอง...สู้กันหน่อยหรอ?”
เฮย์สึเกะเอ่ยขณะที่เหงื่อตก ซึ่งจิซึรุก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เค้าว่าอย่างนั้นแน่ะ ไซโต้...”
ดูเหมือนชื่อของฝ่ายชายเธอจะเน้นเสียงโหดเป็นพิเศษทำให้เจ้าของชื่อถึงกับขนลุกซู่
“อ...เอาอย่างนั้นก็ได้...”
ไซโต้เอ่ยเมื่อจนปัญญา เขาเกาหัวแกรกๆก่อนจะต้องเสียงสันหลังวาบเมื่อนานาโฮะยกดาบจริงขึ้นมาจากแขนเสื้อ
“เดี๋ยวๆๆๆ นี่เจ้าจะบ้ารึอย่างไร ประดาบจริงมันถึงชีวิตได้นะ!!!”
ไซโต้ตำหนิเล็กน้อย นานาโฮะทำตาขวางก่อนจะส่งเสียงเหี้ยมเบาๆ
“หา? ว่าอะไรนะ? ปกติเจ้าก็ใช้ดาบจริงต่อสู้ไม่ใช่รึอย่างไร หากไม่ใช้ดาบจริงก็ไม่มีวันเก่งขึ้นหรอก...”
นานาโฮะเอ่ยเรียบ ทำให้ไซโต้ต้องปวดขมับเล็กน้อย
“แต่นี่มันเป็นการซ้อมนะ การซ้อมต้องใช้ดาบไม้สิ”
ไซโต้เถียง ทำให้นานาโฮะต้องถอนหายใจเฮือกก่อนจะเก็บดาบจริง
“ให้ตาย...กะว่าจะเอาให้เละซะหน่อย...”
นี่หล่อนคิดอะไรอยู่เนี้ย!!!
ทุกคนคิด แต่ไม่พูดออกมา
...........................................................................................................................................
ตอนนี้ไซโต้ผู้โชคร้ายและนานาโฮะผู้น่ากลัวกำลังประดาบกันอยู่ เสียงดาบไม้ปะทะกันทำให้คนฟังถึงกับขนลุก เพราะปณิธานของคนสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับก้นเหว
ไซโต้พยายามไม่ให้นานาโฮะทำดาบไม้ของตนหักเป็นเล่มที่สอง
ส่วนนานาโฮะก็พยายามแทบตายให้เลือดศีรษะของอีกฝ่ายออก
เรียกได้ว่า...ตอนนี้ฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือไซโต้จริงๆ เพราะเมื่อครู่นานาโฮะก็ใช้แรงของนางฟันดาบไม้ของไซโต้หักเป็นสองท่อนสวยงามลอยเคว้งในอากาศด้วยดาบไม้ของนางเอง โชคดีที่เฮย์สึเกะมือเร็วฉกดาบไม้ของตนให้เขาทันเวลาที่นางจะลงดาบใส่ศีรษะของเขาอีกครั้ง ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไปนอนเล่นในนรกก็เป็นได้
“ตายยาก...ตายเย็นจริงๆนะ...”
เสียงเย็นๆเอ่ยลอดไรฟันออกมาทำให้ไซโต้เหงื่อตก เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เขากลัวจนเหงื่อตกกับผู้หญิงคนนี้กี่รอบ
“น...น่ากลัวอ่ะ...ไซโต้ซัง...ทนรับแรงกดดันแบบนั้นได้อย่างไรน่ะ?”
เฮย์สึเกะกลืนน้ำลายลงคอ เพราะถ้าหากเขาเจอแบบนี้จริงๆคงไม่ต้องรอให้สาวน้อยคนนี้ลงดาบ เขาก็พร้อมที่จะวิ่งหนีหายไปด้วยความเร็วสูงแล้ว
“น...นานาโฮะซัง ไซโต้ซัง พอเถอะค่ะ เดี๋ยวก็แย่หรอกนะคะ!!!”
จิซึรุตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทว่าต้องเกือบแข็งเป็นหินเมื่อนานาโฮะตวัดสายตามามองแวบหนึ่ง
“เจ้าเอ่ยอะไรออกมา พวกเจ้าเป็นฝ่ายยุให้ข้าประดาบกับเจ้านี่เองไม่ใช่เรอะ?”
นานาโฮะตะโกนกลับ ทำให้เฮย์สึเกะสะดุ้งขณะที่เหงื่อแตกพลั่ก
“อ...เอ่อ...มันก็จริง...”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม พยายามไม่สบตาสาวน้อยที่กำลังกลายเป็นปีศาจคนละพันธุ์กับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง...
น่ากลัวอ่ะ...
ทุกๆคนคิด...
ไซโต้ไปทำอะไรมาวะเนี้ย?
และนี่คืออีกความคิด...
“ต...แต่ว่าพอเถอะนานาโฮะจัง เดี๋ยวไซโต้ก็แย่หรอก...”
เฮย์สึเกะให้เหตุผล ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเธอคนนั้นหันขวับมาที่เขาอย่างหาเรื่อง
“ถ้าวันนี้ข้าไม่เอาเลือดหัวของเจ้านี่ออก...อย่าหวังว่าจะได้เรียกข้าว่ามินาโมโต้ นานาโฮะอีกเลย...”
อ่ะจ๊ายยยย น่ากลัววุ้ย...
เฮย์สึเกะคิดขณะที่น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ ทันใดนั้น เหมือนฟ้าลิขิต นานาโฮะที่กลังก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดันให้ไซโต้หมดหนทาง เกิดสะดุดชายยูคาตะของตนจนเสียหลักล้มลงไปซะอย่างนั้น...
โครม!!!!!
สิ้นเสียง ทุกๆคนต่างคิดว่า รอดแล้ว... ก่อนที่จะต้องหน้าแดงแป๊ด เมื่อนานาโฮะล้มลงทับไซโต้เอาน่ะสิ
“มินาโมโต้...มันหนักนะ...”
ไซโต้เอ่ยเบาๆ ทำให้สาวน้อยที่หน้าแดงแล้วแดงเข้าไปอีก
ปึก!!!!
ไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น เธอก็ใช้ดาบไม้ฟาดศีรษะเขาอย่างไม่ลังเลพร้อมกับลุกขึ้นและกอดตัวเองไว้ทั้งหน้าแดง
“อ...ไอ้บ้า! ข้าไม่หนักขนาดนั้นเสียหน่อย รับน้ำหนักสตรีแค่นี้ทนไม่ได้หรืออย่างไร เจ้าบ้าเอ๊ย!!!!!”
นานาโฮะโวยวายก่อนจะกระทืบเขาอีกรอบแล้วเดินจากไปโดยที่ยังพ่นคำผรุสวาทไม่หยุด
เฮย์สึเกะที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองไซโต้ เพราะเขารู้ดี ไซโต้คงเกือบลงไปคลานเล่นในนรกแล้วแน่ๆหากไม่มีใครช่วย
“ม...ไม่เป็นอะไรนะ ไซโต้ซัง ข้าขอโทษที่เสนอความคิดแบบนั้น...”
เฮย์สึเกะพูดอะไรไม่ออก ไซโต้ที่ยังจุกอยู่ก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
“ล...แล้วไปทำยังไงให้นานาโฮะซังโกรธเอาล่ะคะ”
จิซึรุเอ่ยถามขณะที่เอาผ้าพันแผลวางทาบลงบนศีรษะของไซโต้ที่มีเลือดซึมเพราะแรงกระแทกของนานาโฮะ
“คงเป็นเพราะเมื่อวาน...เป็นเพราะเมื่อวานแน่ๆ...”
ไซโต้พึมพำ ทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ชักจะเริ่มแหม่งๆเพราะเขาเริ่มจิตหลุดไปเสียแล้ว
และทุกคงก็ยังงงกับเรื่องเมื่อวาน ว่าไซโต้ไปทำอะไรให้นานาโฮะเอารึเปล่าต่อไป...
........................................................................................................................................................
ก...กู่ไม่กลับซะแล้วอ่ะ...
........................................................................................................................................................
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

(ไซโต้มาโชดิส =w=)